คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : #ที่รักของราม:: 04[อัพครบ]
ฉันกดเข้าไปดูโพสต์ที่เขาแท็กฉันมาก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปมเพราะสิ่วที่เขาแท็กมามันเป็นวีดิโอสั้นๆ ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ฉันเลยกดเปิดเสียงให้มันดังขึ้นเพราะจะดูว่ามันคือคลิปอะไร
แต่แล้วฉันก็ต้องลดเสียงลงเพราะว่าเสียงจากคลิปสั้นๆ นั้นเป็นเสียงของฉันเอง
เสียงที่ฉันพูดว่า [ไม่รู้ๆๆๆ ที่รักไม่รู้อะไรเลยอ่า] น่ะ...
ฉันก้มลงไปมองคลิปใกล้ๆ แล้วจ้องหน้าของตัวเองที่อยู่ในคลิปแล้วได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเห็นสภาพตัวเองตอนที่กำลังเมาได้ที่พูดเสียงออดอ้อนกับรามแถมยังถูไถใบหน้าของตัวเองลงบนหน้าอกเขาอีก
อย่างที่บอกว่ามันเป็นคลิปสั้นๆ เท่านั้นฉันเลยไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เราพูดถึงอะไรกัน หรือว่าหลังจากนี้เขาทำยังไงกับฉันต่อ ฉันไม่รู้เลย แต่ที่รู้และมั่นใจแน่ๆ คือเขาพาฉันเข้าไปนอนที่ห้องเขาแค่นั้น
แล้วนี่...คืออะไร?
เขาอัดคลิปไว้ทำไม?
ฉันกดสองครั้งที่คลิปเมื่อกี้ก่อนจะกดออกแล้วไปดูอีกโพสต์ที่เขาแท็กฉันมาก่อนจะอ้าปากค้างหนักกว่าเก่าเมื่อรูปที่เขาแท็กมาเป็นโน๊ตที่ฉันแปะไว้ตรงตู้เย็น...
แคปชั่นไม่ได้พูดถึงอะไรมากนอกจากอีโมจิหมาชิบะหนึ่งตัวกับแมวอีกหนึ่งตัวอยู่ข้างกันแค่นั้น
ฉันไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจว่าเขาโพสต์ทำไม แต่ไม่เล้าใจตัวเองมากกว่าที่ยังไปกดไลค์สองโพสต์ที่เขาแท็กมาอยู่ทั้งๆ ที่ตอนนี้ควรโทรไปหาเขาแล้วถามว่าเขาทำทำไม
อ่า ใช่ ฉันต้องโทรไปถามเขา
แต่ว่า...
@ramaram tagged you in post
เขายังไม่หยุดแท็กมาอีก!!
ฉันกดออกจากไอจีแล้วกดเข้าไปที่รายชื่อก่อนจะกดโทรออกไปหารามเพราะอยากรู้ว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร และรอไม่นานเขาก็กดรับสายฉันอย่างรวดเร็ว...
"อัพอะไรของนายอ่ะ!?" ฉันถามเสียงดังลั่น
[รูปหมาที่คณะ] เขาตอบเสียงเรียบเหมือนไม่ได้รับรู้ถึงอารมณ์ของฉันเลยตอนนี้
แล้วเมื่อกี้บอกว่า 'หมาที่คณะ' นี่คือ...?
อย่าบอกนะว่าโพสต์ล่าสุดที่เขาแท็กมาคือรูปหมาที่ว่าน่ะ!?
ไอ้นี่!
"เลิกว่าฉันเป็นหมาได้แล้ว!" ฉันว่าเขาแล้วนั่งทำหน้าไม่พอใจแม้ว่เขาจะไม่เห็นก็ตาม
[งั้นเดี๋ยวอัปรูปแมวก็ได้] เขาว่า
"ราม!" ฉันตะคอก
[ล้อเล่น] เขาพูดเสียงเรียบจนฉันอยากจะให้เขาสาบานจริงๆ ว่านั่นคือการล้อเล่นของเขาน่ะ
"แล้วนายเป็นอะไรถึงมาถ่ายคลิปฉันไว้เนี่ย!? แล้วอัปทำไมอ่ะ?" ฉันถามเขาออกไปหลังจากที่เราไม่มีอะไรต้องมาโต้เถียงกันแล้ว
รามเงียบไป ไม่ได้ตอบฉันกลับมาอย่างรวดเร็วเหมือนทุกที่เหมือนกำลังคิดหาคำตอบไม่ก็ทำอะไรสักอย่างอยู่ แต่ไม่นานเขาก็ตอบกลับมาว่า... [ครั้งที่เขาบอกว่าเธอขืนใจฉันแล้วเธอไม่เชื่อ]
"......"
[ครั้งนี้เลยอัดคลิปด้วย แค่เมื่อคืนเธอแค่เมา ไม่ได้ขืนใบเหมือนวันนั้น] เขาตอบมาแบบนี้ก่อนจะเงียบไปเหมือนรอให้ฉันตอบอะไรกลับไป แต่ฉันเนี่ยสิ...นั่งนิ่งไปเลย
อย่าบอกนะว่าถ้าเมื่อคืนฉันเกิดเมาจนหน้ามืดตามัวไปขืนใจเขาขึ้นมา เขาก็จะอัดคลิปไว้อ่ะ!?
จริงจัง!?
"นาย..."
[แล้วที่บอกว่าจะขอโทษวันหลังน่ะ ทำไมต้องวันหลัง?] ฉันยังไม่ทันจะได้พูดอะไร รามก็ถามขึ้นมาเสียงเรียบซะก่อน
"ความจริงนายต้องขอโทษด้วยนะ" ฉันรีบพูดออกไปเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะรัวคำถามมาใส่ฉันอีก "นายน่ะ..." พูดหยุดไว้แค่นี้ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องเรียนเพื่อดูว่ามีใครอยู่แถวนี้ไหม พอไม่เห็นใครฉันก็พูดต่อ "นายว่าฉันปากเหม็นน่ะ"
[ก็จริง น้ำยังไม่อาบ ฟันยังไม่แปรง เบียร์ก็ดื่มอีก สภาพเมื่อวานเธอเละมาก] รามว่ามาแบบนี้
นี่ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าวันนี้เขาดูพูดมากผิดปกติอ่ะ?
ฉันอ้าปากค้างกับคำพูดที่ดูตรงไปตรงมาของเขา เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดทำร้ายจิตใจฉันซ้ำสองแบบนี้ แต่ยังไม่ได้จะได้ท้วงติงเพื่อรักษาภาพลักษณ์อะไร เขาก็พูดประโยคที่ค่อนข้างไม่เป็นตัวของเขาออกมาซะก่อน
[ถ้าไม่ติดว่าตัวเธอนุ่มนิ่มฉันไม่นอนกอดหรอก]
"ดะ...เดี๋ยวก่อน"
[เมื่อกี้ชมนะ เผื่อไม่รู้] พูดจบก็ตัดสายไปโดยที่ฉันทำได้แค่อ้าปากค้างอยู่แบบนัเน
เรื่องโพสต์รูปกับคลิปยังเคลียร์ไม่จบ อยู่ๆ ก็มาเปลี่ยนเรื่องกันง่ายๆ แบบนี้เลย...
อืม ดี
ดีมากราม...///
ฉันปล่อยให้เขาวางสายใส่ไปแบบนั้นไม่คิดจะโทรกลับอีกเพราะเชื่อว่ายังไงฉันก็ไม่ได้คำตอบของคำถามฉันอยู่ดี ก็เลย...ปล่อยไปแบบนั้น ยังไงไอจีที่ลงมันก็เป็นบัญชีของเขา ถึงแม้ว่าจะมีใบหน้าของฉันให้เห็นอยู่ในนั้นก็ตาม แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เอาไว้ฉันเดือดร้อนจากโพสต์พวกนั้นเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันค่อยจัดการเขาเอง
แต่ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเดือดร้อนเร็วขนาดนี้...
"แก! บอกมาเลยนะว่าแกกับพี่รามเป็นอะไรกันอ่ะ!?" เสียงเพื่อนรักของฉันที่ชื่อว่าขวัญตาภามกันอย่างตรงไปตรงมาเมื่อเลิกคลาสช่วงเช้าแล้ว
ฉันส่งสายตาให้เพื่อเบาเสียงลงเพราะตอนนี้ยังมีคนอีกหลายคนอยู่ในห้องอยู่ มันจะรบกวนคนอื่น แต่ยัยเพื่อนตัวดีกลับทำเมินสายตาที่ฉันส่งไปแล้วถามกันต่ออีกว่า "แล้วพี่แทนล่ะ? แกหาใหม่เร็วขนาดนั้นเลยหรอ!?"
นึกว่าจะมีแค่คนอื่นที่ให้ความสนใจกับเรื่องของฉัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเพื่อนฉันจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้ยิ่งกว่าคนอื่นเสียอีก
ขอบคุณจริงๆ ที่ใส่ใจกันขนาดนี้...
"ให้คนอื่นออกไปก่อน ถึงตอนนั้นค่อยถาม อันไหนตอบได้จะตอบ ตอบไม่ได้ก็จะไม่ตอบ โอเค๊?" ฉันบอกเพื่อนไปก่อนจะเก็บชีทเรียนที่เพิ่งได้รับมาลงในกระเป๋าแล้วนั่งนิ่งๆ รอให้คนออกไปจนหมด
แล้วก็อย่างที่ฉันบอกเพื่อนไปเลยว่าอะไรตอบได้ก็จะตอบ อะไรตอบไม่ได้ก็ไม่ตอบ
ฉันบอกขวัญตาไปว่าฉันกับรามเป็นรูมเมทกัน ความจริงข้อนี้เพื่อนฉันรู้ว่าฉันมีรูมเมท แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร พอมันรู้แบบนี้ก็โวยวายใหญ่ที่ฉันมาอยู่ห้องกับผู้ชายแบบนี้ แถมยังแสดงอาการเป็นห่วงกันมากมายทั้งๆ ที่ฉันกับรามอยู่ด้วยกันมาสองปีแล้ว...
เรื่องพี่แทนฉันตอบมันไปว่าคนเราต้องรู้จักมูฟออนแค่นั้น ซึ่งมันก็เข้าใจและไม่ได้ถามย้ำเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉันกับคนรักเก่ามากเท่าไหร่
ยัยเพื่อนตัวดีเหมือนจะสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับรูมเมทฉันมากกว่า
"แล้วในคลิปที่พี่รามอัปลงคืออะไร? ตอบมานะ ข้อนี้แกตอบได้เพราะนั่นคือแก!"
ฉันเงียบไปเพราะเดิมทีตัวเองก็ไม่ได้มีนิสัยเข้าหาคนง่ายอยู่แล้วมยิ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ชายด้วยยิ่งแล้วใหญ่ นอกจากว่าจะสนิทจรองๆ เท่านั้นอ่ะฉันถึงจะยอมให้อีกฝ่ายมาถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้ แล้วดูสภาพฉันในคลิปสิ...
มันเป็นเรื่องที่โอ้มายก็อดสำหรับเพื่อนฉันมากเลย
"ในคลิปแกเมาด้วยนะ!" ขวัญตาพูดทีละประเด็นที่เห็นจากในคลิป
"......" ฉันยังเงียบอยู่
"แล้วแกก็ซุกอกเขาด้วยนะ!" เธอยังคงพูดอยู่เหมือนเดิม
"......" โอเค ตอนนี้ฉันเข้าใจรามแล้วว่ารู้สึกยังไงตอนที่ฉันพูดมากใส่เขาน่ะ
"แก!"
"ก็ดื่มด้วยกันอ่ะ อยู่ๆ ก็อยากดื่มแล้วก็อย่างที่เห็นนั่นแหละว่าเมา หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว" ฉันบอกออกไปตามความจริงเพราะตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรหลังจากนั้นหรือเปล่า
"โหยย อิจฉาเว่อร์อ่ะ" ขวัญตาพูดออกมาเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกนั่งขาไขว้ห้างแล้วพูดต่ออีก "นี่ขนาดฉันมีแฟนแล้วนะแก พวกฉันยังไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย แต่แกอ่ะได้อยู่กับผู้ชายแล้ว! แถมหล่อด้วยนะประเด็น" ว่าไปก็ยื่นมือมาดันไหล่ฉันไปด้วย
ฉันได้แต่นั่งส่ายหน้าให้กับความคิดของมันที่อยากออกมาอยู่กับแฟนสองคน
ฉันไม่เข้าใจนะว่าทำเพื่อนฉันถึงอยากทำแบบนั้นเพราะตอนที่ฉันคบกับพี่แทน ฉันก็ไม่ได้อยากเก็บข้าวของย้ายไปอยู่กับเขาอ่ะ มันก็แค่...ฉันมีแฟน ฉันหวานกับแฟน แค่นี้ก็พอแล้ว
หรือว่าเราคบกันได้แค่แปปเดียวฉันเลยไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นนะ?
อืม น่าจะใช่มั้ง
"เลิกผลักได้แล้วแม่คุณ" ฉันบอกเพื่อไปหลังจสกที่ปล่อยให้ยัยนั่นรังแกกันอยู่นานสองนานก่อนจะถือกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนแล้วชวนนางไปกินข้าวเที่ยง เพราะตอนบ่ายมีเรียนต่ออีกจนภึงเย็น
วันนี้ทั้งวันฉันนึกว่าจะมีแค่ยัยขวัญตาคนเดียวที่ถามฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนกระทั่งตอนเย็นหลังเลิกเรียนฉันถึงได้รู้ว่ายังมีอีกคนที่ใา่ใจกับเรื่องของฉันด้วย...
คนที่ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับฉัน
คนที่เป็นฝ่ายบอกเลิกฉันไปและตอนนี้มีตำแหน่งเป็นแฟนเก่าของฉัน
เขาคนนั้นชื่อว่าแทน...
"เธอคบกับมันอยู่หรอ!?" เขาถามฉันเสียงดังพร้อมกับกระชากข้อมือฉันแรงมากระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่รถของตัวเอง ที่ซึ่งจอดอยู่ตรงลานจอดรถของคณะ
ฉันไม่ตอบเขา พยายามดึงข้อมือของตัวเองออกสุดแรง แต่กฌปล่าประโยชน์เมื่อพี่แทนยังคงออกแรงบีบข้อมือฉันอยู่อย่างนั้น
"ตอบสิที่รัก!" และเพราะว่าเขาเสียงดังขึ้นกว่าเดิม ฉันเลยต้องหันไปมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วถามกลับไปเสียงดังแบบที่ไม่เคยทำกับเขามาก่อน
"แล้วพี่จะอยากรู้ไปทำไมคะ!?"
"ที่รัก!" เขาเริ่มเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเมื่อเจอฉันถามเขากลับไปแบบนั้นก่อนจะลดน้ำเสียงลงเพื่อพูดประโยคต่อมา "ฉันไม่ให้เธอคบกับมัน"
ฉันแค่นหัวเราะออกมาอย่างนึกสมเพชที่เขามาทำตัวหวงก้างแบบนี้ทั้งที่ตัวเขาเองไม่มีสิทธิ์นี้ตั้งแต่ขอเลิกฉันแล้ว "ทำไมคะ? ทำไมที่รับถึงคบกับคนอื่นไม่ได้ในเมื่อตอนนี้ที่รักไม่มีแฟน!?"
เชื่อเขาเลย...
"แต่เธอไม่มีสิทธิ์!"
"พี่ต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งที่รักแบบนี้!"
เราเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเสียงดังยิ่งเป็นที่น่าสนใจของนักศึกษาที่เดินไปมาอยู่แถวนี้
พี่แทนดูโกรธมากที่ฉันพูดแบบนั้นใส่เขาไป แต่เขาจะโกรธอะไรในเมื่อที่ฉันพูดมันคือเรื่องจริง และเขาเองก็รู้ดีอยู่แล้ว...
เลิกกันไปแล้ว สิทธิ์ของความเป็นแฟนก็ไม่มี สิทธิ์ของแฟนเก่าเขาก็ดูจะไม่อยากได้ ทั้งที่ตอนเลิกกันยังบอกลาฉันอย่างไม่มีเยื่อใย ทำไมวันนี้ถึงมาใส่ใจกันนักล่ะ?
"ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรอคะ? พี่เป็นคนขอเลิกที่รักเองนะ จำไม่ได้หรอ?"
"เลิกกันไปไม่กี่วันเธอก็มีใหม่เลยหรอ? เก่งเกินไปรึเปล่า?" เขาถามฉันมาด้วยคำถามที่ได้ยินแล้วอยากกจะหัวเราะออกมามากๆ
ช่างกล้าถามนะ
"แต่ที่รักคงไม่เก่งเท่าพี่หรอกค่ะที่มีคนใหม่ตั้งแต่ยังไม่เลิกกับที่รักน่ะ!" ฉันพูดเสียงดัง
คนแถมนั้นเริ่มซุบซิบกัน
"เลิกกันแล้วจะมาทำตัวหวงก้างเพื่อ?!"
"ฉันไม่ได้หวงก้าง!" เขาว่า แต่การกระทำนี่ตรงกันข้ามมาก
"งั้นอย่าทำแบบนี้ค่ะ แล้วก็รบกวนปล่อยด้วย" ฉันกดเสียงต่ำ พยายามทำใจให้นิ่งมากที่สุดเพราะรู้ว่าฉันอารมณ์ฉันขึ้นอีกครั้งหนึ่งมันจะไม่มีอะไรมาฉุดอีกแล้ว
"ฉันไม่ปล่อย" เขาว่าก่อนจะลากฉันไปในที่ลับตาคน ฉันที่แรงน้อยกว่าเขาถูกลากไปอย่างง่ายดายแม้จะขืนตัวเองแค่ไหนก็ตาม
แต่ตอนที่กำลังโดนกระชากลากถูอยู่นั้น
'ครืดๆ'
โทรศัพท์ที่ตั้งเป็นโหมดสั่นก็ดังขึ้นในกระเป๋าที่ใช้เก็บเอกสาร แรงสั่นของมันค่อนข้างแรง ดังนั้นฉันเลยได้ยินมัน และแน่นอนว่าคนที่ลากถูฉันอยู่ตอนนี้ก็น่าจะได้ยินมันเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้หันมามอง...
แน่นอนว่าฉันรีบใช้มือข้างที่ว่างหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นพลางกดรับสายทันทีโดยที่ไม่ได้มองว่าใครโทรมา
แต่พอรับสาย เมื่อหูได้ยินเสียงนิ่งๆ จากอีกฝั่ง ฉันก็ไม่สนแล้วว่าเขาจะโทรมาเพราะเรื่องอะไร และเขาอยู่ไหน แต่ตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเขา
"ระ...ราม!" เพราะทั้งถูกลาก ทั้งหอบเหนื่อย ความคิดที่จะพูดออกไปทันทีเลยหายไป อีกทั้งคำขอร้องของฉันก็ยังหายไปอีกด้วยเมื่อโทรศัพท์เครื่องบางถูกคนที่ใช้กำลังกับฉันอยู่ตอนนี้กระชากมันไปถือไว้
พี่แทนมองชื่อที่อยู่หน้าจอก่อนจะเอาโทรศัพท์แนบหูแล้วกรอกเสียงที่ต่ำจนน่ากลัวลงไป "กูไม่ได้ มึงก็ต้องไม่ได้"
ฉันนิ่งชะงักไปกับคำพูดนั้นของเขา ทั้งเพราะคำพูดและเพราะสายตาที่เขามองมานั่นแหละ...
พูดตรงๆ ตอนนี้พี่แทนน่ากลัวมาก ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะได้เห็นอีกด้านของเขาไปแล้ว แต่ภาพตรงหน้านี้ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกเกลียวขึ้นตามลำตัวพร้อมกับกับสั่นเนื่องจากกลัวไปด้วย
ไม่นะ...
"จำใส่หัวมึงไว้ด้วยว่ากูมาก่อน กูต้องได้ก่อน" เขายังคงพูดต่อโดยที่ฉันไม่รู้ว่ารามได้พูดอะไรกลับมาไหม แต่ตอนนี้ฉันจะมัวแต่กลัวไม่ได้ ทั้งๆ ที่ปากก็ไม่ได้โดนปิดไว้แท้ๆ แต่ทำไมฉันไม่พูดออกไปล่ะ
พูดออกไปสิ
ให้เขามาช่วยสิ
"ลานจอดรถ! ฮึก ฉันอยู่ตรงลานจอดรถ! ฮือ" รู้ว่ามันไม่ใช่คำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกอยากช่วยเท่าไหร่ แต่ฉันเชื่อว่าเขาต้องได้ยิน
เขาได้ยินแน่
เขาต้องมาช่วยฉันแน่ๆ
ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน แต่เขาต้องมา
"กูไม่อยู่รอให้มึงหาเจอหรอก ไอ้ควาย" พี่แทนประกาศออกไปแบบนั้นก่อนจะกดตัดสายทิ้งไปแล้วโยนโทรศัพท์ฉันลงพื้นก่อนจะพาเดินไปต่อ
และจุดหมายของเขาเป็นลานจอดรถแน่นอน ดังนั้นฉันเลยเลือกที่จะบอกรามไปแบบนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าคนที่โทรมาเมื่อกี้จะอยู่ที่ลานจอดรถแล้วเรียบร้อยและยืนอยู่ตรงรถของฉันด้วยเพราะ
เขาเดินตรงเข้ามาหาเราสองคน เดินมาแล้วจับแขนอีกข้างของฉันเอาไว้แล้วทำท่าจะลากให้ไปอยู่กับเขา แต่เพราะอีกข้างฉันโดนจับเอาไว้อยู่เขาเลยไม่ดึงฉันฉันต้องเจ็บ
เขามองหน้าฉัน
เราสบตากัน
เขาละสายตาไปมองพี่แทน
เขาเริ่มขยับปากพูด
"เมื่อกี้มึงพูดเหี้ยไร?" ประโยคแรกเป็นคำถามที่ดุดันพอสมควร แต่ความดุดันของเขาในตอนนี้ไม่ได้ทำให้ฉันกลัวเลย เหมือนความน่ากลัวเหล่านั้นถูกส่งไปที่อีกคนมากกว่า
"หมายถึงประโยคไหน?" พี่แทนถามพร้อมกับบีบข้อมือของฉันแรงขึ้น
ฉันเบ้หน้าเพราะเริ่มทนความเจ็บไม่ได้แล้ว และเหมือนรามจะสังเกตเห็นสีหน้าของฉันเขาเลยก้มลงมือที่ข้อมือข้างที่ถูกพี่แทนจับเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าแล้วตอบคำถามของอีกฝ่ายไป
"ทุกประโยค"
พี่แทนแสยะยิ้มมุมปาก แต่ไม่ทันได้ตอบก็โดยรามถามเพิ่มมาอีก
"มึงไม่ได้อะไร แล้วกูไม่ได้อะไร?"
น้ำตาฉันเริ่มคลออีกครั้งเพราะลึกๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่แทนหมายถึงอะไร
และคงเป็นเพราะรู้อยู่แล้วเมื่อกี้ฉันเลยสั่นกลัวขึ้นมาเพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้าๆ กับฉัน...
"แล้วอะไรคือมาก่อนต้องได้ก่อน?" รามยังถามไม่หยุด ใบหน้านิ่งเรียบของเขาทำให้ฉันรู้สึกว่ามันนิ่งกว่าทุกครั้ง...
"ถามโง่ๆ กูคบยัยนี่มาสองปี อย่างน้อยกูก็ต้องได้ซิงป่ะวะ?!" คำตอบที่ดังชัดเจนของพี่แทนทำให้น้ำตาที่คลอไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้
เลิกกันไปก็ควรจะอยู่ใครอยู่มัน
ที่ได้คบจนเลิกกันเพราะเรื่องพนันของเขาฉันยังไม่โกรธอะไรเขาเลย
แต่ว่าครั้งนี้มันไม่ได้จริงๆ ครั้งนี้เขาทำตัวไม่ให้เกียรติฉันมากเกินไปแล้วจริงๆ
"ฮึก!"
"ไว้กูพอใจตอนไหนมึงค่อย..."
'ผลั้วะ!'
ยังไม่ทันที่พี่แทนจะได้พูดจบประโยค อยู่ๆ หมัดหนักๆ ของรามก็พุ่งผ่านหน้าฉันแล้วตรงไปที่ปลายคางของคนที่เพิ่งพูดจาไม่เกียรติฉันไปอย่างรวดเร็วโดยไม่บอกกล่างกันเลยสักนิด
การกระทำนั้นส่งผลให้พี่แทนปล่อยมือออกจากข้อมือของฉันเพื่อไปจับคางของตัวเองไว้แล้วมองมาด้วยแววตาโกรธจัดเมื่อเห็นว่าตอนนี้ร่างกายอันสั่นเทิ่มของฉันพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของรามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉันซุกหน้าเข้ากับแผงอกของรามแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายเขา
เจ้าของอกแกร่งและลำแขนที่พาดโอบรอบตัวฉันอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้รังเกียจด้วย แม้ว่าเสื้อเขาจะเริ่มเปียกไปแล้วก็ตาม
เหมือนตอนนี้เขาจะสนใจแต่กับพี่แทน
เพราะเขาถามพี่แทนฉันเลยรู้ว่าตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่พี่แทนเท่านั้น
"สันดานแบบมึงสิทธิ์อะไรมาทำเมียกูร้องไห้?"
น้ำเสียงที่ดูโกรธเกรี้ยวของรามทำให้ตอนนี้ฉันร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม
และครั้งนี้เขาก็เหมือนจะรู้ถึงความรู้สึกของฉัน เขาเลยใช้มือข้างหนึ่งลูบผมฉันเบาๆ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเดิม
"อย่ามายุ่งกับที่รักอีก" เขาพูดแค่นั้นก่อนจะผละฉันออก แต่ยังคงโอบเอวของฉันไว้ด้วยมือหนึ่งข้าง
ฉันจับเสื้อนักศึกษาของเขาแล้วซุกหน้าเอาไว้อย่างเดิมไม่คิดจะมองหน้าใครทั้งนั้นนั้น
ไม่มองใครและไม่ให้ใครมองด้วย
"มึง...!" เสียงพี่แทนดังขึ้นหลังจากเงัยบไปนานแล้วส่งผลให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย แต่รามก็ลื่นมือขึ้นมาลูบที่กลางหลังของฉันเบาๆ แล้วพูดออกไปก่อนที่พี่รามจะพูดออกมา
"กูมีสิทธิ์กว่าที่มึงคิด" ความเรียบนิ่งของประโยคและน้ำเสียงของเขา...ฉันเชื่อว่ามันส่งถึงอีกฝ่ายให้รับรู้ได้แน่นอนว่าที่เขาพูดมันคือ 'เรื่องจริง'
ถึงแม้ 'สิทธิ์' ที่เขาว่ามาฉันจะไม่ได้หยิบยื่นมันให้เขาเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราเกินเลยกันไปแล้ว...
พี่แทนเงียบไปหลังจากได้ยินที่รามพูดแบบนั้น
ตอนแรกฉันนึกว่าเขาจะหยุดบ้าแล้วจากกันไปดีๆ ได้แล้ว แต่ไม่...ครั้งนี้เขาหันมาสนใจฉันแทน "มันหมายความว่ายังไงวะที่รัก!!?"
"เฮือก!" คราวนี้ฉันปล่อยมือที่จับเสื้อรามออกแล้วเปลี่ยนเป็นกอดที่ช่วงเอวของเขาแทนด้วยความกลัวก่อนจะเรียกชื่อเขาออกไปเสียงเบา "ราม..."
ทั้งสั่นกลัวและเบาหวิว...
"ขยับเข้ามาอีกก้าวเดียวเดี๋ยวมึงได้รู้เลยว่าพ่อกูทำอะไรกับพวกเยี่ยวม่วงได้บ้าง" รามไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่ดูข่มขู่ ทั้งที่ประโยคของเขามันเหมือนกับขู่กันมาก
แต่เพราะมันไม่เหมือนกับการข่มขู่นั่นแหละ ฉันเลยได้ยินเสียงฟึดฟัดของพี่แทนก็จะเป็นเสียงเดินกระแทกเท้าจากไปจากบริเวณนี้
เนิ่นนานกว่าความสนใจของรามจะกลับมาที่ฉัน
เนิ่นนานกว่าเขาจะจัดการความรู้สึกของตัวเองได้แล้วใช้น้ำเสียงอ่อนโยนพูดกับฉัน
"ไม่เป็นไรแล้ว..."
แค่ไม่กี่คำ แต่ก็ทำให้ฉันที่กำลังอยู่ในช่วงอารมณ์อ่อนไหวอยู่ปล่อยโอออกมาทันที
"ฮึก ฉันกลัวมากเลยอ่ะ ฮืออ"
"ไม่เป็นไรแล้ว"
"ฮึกฮืออ"
ฉันนั่งร้องไห้ตลอดทางจากมหา'ลัยจนถึงคอนโด เรามาโดยรถของฉันและมีรามเป็นคาขับรถ ตลอดการเดินทางระยะสั้นมือของฉันถูกรามจับไว้ตลอด แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะฉันไม่ยอมปล่อยมือของเขาตั้งแต่แรกด้วยนั่นแหละ แล้วพอเรามาถึงคอนโดรามก็พาฉันเข้าไปในห้องของเขา
เราทั้งคู่เงียบ...
จริงๆ ไม่ถึงกับเงียบหรอกเพราะเสียงฉันสะอื้นยังคงดังเป็นระยะๆ อยู่
แต่ก็นั่นแหละ...มีแค่เสียงสะอื้นเท่านั้น ไม่มีการพูดคุยกัน ไม่มีการถามถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ว่าเป็นมายังไง ไม่ได้ถามไปด้วยว่าทำไมเขาถึงไปอยู่ที่รถของฉันได้ เหมือนกับว่าทุกคำถามของเราตอนนี้ถูกเหยียบไว้จนจมพื้นดินเพียงเพราะอารมณ์ที่อ่อนไหวของฉันเท่านั้น
จนกระทั่ง...
"คุก...คุกเข่าทำไม?" ฉันถามคนตัวสูงที่ตอนนี้นั่งคุกเข่าอยู่หน้าฉันที่นั่งอยู่ปลายเตียง
รามไม่ได้เงยหน้ามองฉัน เขาจับจ้องมาที่ข้อมือของฉันข้างที่ถูกพี่แทนจับ ซึ่งตอนนี้มันแดงเถือกเลยทีเดียว...
เจ็บ...
กลัวด้วย...
ภายในหนึ่งวันพี่แทนทำให้ฉันทั้งเจ็บและกลัวเขาได้ขนาดนี้ สิ่งที่ฉันเจอในวันนี้อาจจะมีส่วนดีตรงที่มันจะทำให้ฉันลืมเรื่องราวดีๆ ระหว่างเราได้เร็วขึ้น แต่เหตุการณ์แย่ๆ มันจะฝังลึกอยู่ในความทรงจำของฉันแทน...
ขอโทษกี่ครั้งมันก็คงไม่ทำให้ฉันลืมได้หรอก
"ขอโทษ" แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น อยู่ๆ คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฉันก็พูดขอโทษขึ้นมาทั้งที่เขาไม่ได้มีความผิดอะไรเลย...
"ฮึก!"
"ขอโทษ"
"ขอโทษทำไม ฮึก นายไม่ได้ผิดสักหน่อย" ฉันพูดแบบนั้นก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเขาอีกครั้งแล้วร้องไห้ออกมา
ถ้าวันนี้ฉันไม่มีราม...ฉันคงอยู่ในสภาพที่แย่กว่านี้
ถ้าวันนี้เขาไม่อยู่ตรงนี้...ฉันคงคิดเรื่องบ้าๆ ไปแล้ว
รามกอดฉันตอบ ยกมือขึ้นลูบผมฉันลงไปที่หลังแล้วหยุดไว้แค่นั้น
ฉันปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ต่อจนรามผละฉันออก ฉันถึงได้หยุดร้องแล้วมองหน้าเขาตรงๆ ถึงจะสะอื้นอยู่บ้าง แต่ก็นิ่งขึ้นมากว่าเดิมแล้ว
คนตัวสูงจับมือข้างที่มีรอยแดงเถือกขึ้นมาดูแล้วก้มลงไปมองมันก่อนจะจรดริมฝีปากเย็นชืดของเขาลงไปบนข้อมือของฉันเบาๆ
เขาบรรจงพรมจูบที่ข้อมือและท่อนแขนของฉันอย่างแผ่วเบาเหมือนจะทำให้ฉันลืมความเจ็บปวดที่เกิดจากพี่แทน
รามลุกขึ้นจากพื้นเมื่อริมฝีปากของเขาเลื่อนสูงขึ้น แต่ร่างกายฉันกลับถูกดันให้ต่ำลง...
ต่ำจนแผ่นหลังราบไปกับเตียงนิ่มๆ ของราม
ฉันมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
มองรามที่รุกล้ำเข้ามาภายใต้เสื้อนักศึกษาของฉันก่อนจะถามออกไป "ทะ...ทำอะไร?"
คนตัวสูงไม่ตอบแต่เลื่อนใบหน้ามาในระดับเดียวกันก่อนจะปิดปากของฉันด้วยริมฝีปากของเขาแล้วขบเม้มกันเบาๆ เหมือนกำลังหยอกเย้ากันก่อนจะผละออกไปแล้วตอบคำถามของฉันว่า "กำลังปลอบ"
เขาบอกฉันว่าสิ่งที่เขาคำคือการ 'ปลอบฉัน'
บอกว่าการจูบอย่างดูดดื่มของเขาคือการ 'ปลอบกัน'
บอกว่าฝ่ามือหนาที่เคล้นคลึงตามลำตัวฉันคือการ 'ปลอบโยน'
และเพราะอะไรก็ไม่รู้จากตัวเขาหรือสายตาคมเข้มที่ต้องมา...ฉันไม่สามารถขัดขืนได้ แม้ว่าเพิ่งจะแสดงท่าทีไม่ชอบใจที่พี่แทนจะทำแบบนี้กับฉันก็ตาม
"ไม่เป็นไร" ประโยคนี้จากคนตัวสูงดังขึ้นมาอีกหลังจากที่ตอนนี้ร่างกายของฉันปราศจากเสื้อผ้าอาภรทุกชิ้นแล้ว และตัวตนของเขาจดจ่ออยู่ที่กลางกายสาวของฉัน...
ความคิดเห็น