คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER:: 01[อัปครบ]
บทบรรยาย:: พระพาย พัชรนันท์
ผมเดินออกจากห้องน้ำหลังจากที่ชำระร่างกายเสร็จ ในมือมีผ้าขนหนูผืนเล็กเอาไว้ใช้เช็ดผมที่ยังคงเปียกชื้นพร้อมกับมองไปที่แผ่นหลังบางของ 'ภรรยา' ที่กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าของเธอออกอยู่
ตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน ผู้หญิงคนนี้ก็เอาแต่บ่นไม่หยุด ปากก็บอกว่าเหนื่อยอย่างนั้นเหนื่อยอย่างนี้ แต่ไม่ยอมหยุดพูดเลยสักวินาทีเดียว...
เธอกำลังทำให้ผมนึกถึงแม่ของตัวเอง
แม่ทุกคนชอบบ่น
เธอชอบบ่น
ผ้หญิงที่บ่นได้ทุกเรื่องแบบเธอคนนี้ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับผมเลยจริงๆ ชีวิตนี้เกิดมาผมพยายามจะหลีกเลี่ยงที่ให้ความรู้สึกเหมือนแม่ตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะเป็นตัวผมเองที่เป็นฝ่ายต้องเข้าหาผู้หญิงแบบนี้เพื่อความจำเป็นน่ะ...
แต่ในเมื่อเราสองคนได้เกี่ยวพันกันแล้ว และความสัมพันธ์ของเราก็ดูจะยุ่งยากมากเลยด้วย
อืม ผมเป็นคนเลือกเองนี่เนอะ เลือกเองก็ต้องทนเอง
แต่ให้ทนเฉยๆ แล้วมองผ่านไปเลยก็ไม่ใช่ผมเท่าไหร่ เพราะผมน่ะไม่ยอมทนอยู่คนเดียวหรอกนะ
"บ่นเยอะเดี๋ยวหน้าก็แก่หรอก" ผมพูดเสียงดังก่อนจะเดินไปหยุดยืนที่ด้านหลังคนตัวเล็กแล้วใช้ผ้าขนหนูชื้นๆ ที่เพิ่งผ่านจากการเช็ดผมของตัวเองมาเมื่อกี้ตีลงบนไหล่เปลือยเปล่าของเธอเบาๆ
"แน่สิ ก็นายมันน่าบ่นให้นี่" เธอหันหน้ามาพูดใส่ผมก่อนจะดึงผ้าขนหนูผืนเล็กไปถือไว้แล้วโยนมาใส่หน้าของผมก่อนจะออกปากไล่ "นายน่ะรีบเช็ดผมแล้วรีบไปนอนได้แล้ว"
"ก็กำลังเช็ดอยู่นี่ไง มันไม่แห้งสักที" ผมตอบพลางสะบัดๆ ผมตัวเองใส่เธอหวังว่าจะได้ยินเสียงแว๊ดๆ ของอัยย์อีก แต่ว่าเสียงที่ผมได้ยินกลับเป็นเสียงถอนหายใจจากเธอแทน
"เฮ้ออ" และจากที่นั่งหลังตรงด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย ตอนนี้ก็นั่งหลังค่อมลงแล้วหยิยจับสำลีด้วยความเชื่องช้าแทน "วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้วฉันก็ปวดหัวสุดๆ เลยนะพระพาย"
ผมมองเธอผ่านกระจกที่สะท้อนใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางของอัยย์ มองความเหนื่อยล้าที่สะท้อนออกมาทางสายตาที่สบเข้ากับผมผ่านกระจกบานเดิมก่อนจะพยักหน้ารับ "อ่า"
"ไม่กวนกันสักวันได้มั๊ย?" เธอถามด้วยท่าทีที่เห็นแล้วอยากจับไปนอนบนเตียงแล้วห่มผ้าให้ดีๆ อาจตะเปิดเพลงสักเพลงกล่อมให้เธอหลับแล้วปิดไฟให้เธอนอนอย่างสุขสบายประหนึ่งลูกน้อยในการดูแลของคุณแม่ที่แสนดี
แต่ว่าผมน่ะ...
"ไม่อ่ะ จะกวน" ไม่ใช่คุณแม่ที่แสนดีของเธอ และนอกจากผมจะไม่ใช่คุณแม่ที่แสนดีแล้วผมยังเป็นสามีที่แสนเลวอีกต่างหาก "ฉันจะเอาคืนที่เธอทำให้ฉันพลาดของดี!"
อัยย์ที่ได้ยินแบบนั้นหน้าควับมาหาผมก่อนจะกระโจนเข้าใส่กันโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย "ไอ้พระพาย!"
ผมรีบรวบตัวของอัยย์เอาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองก่อนจะชี้ไปที่นาฬิกาที่กำลังบอกเวลาอยู่ให้เธอได้เห็นแล้วบอกเธอไป "จะเที่ยงคืนแล้วนะ ไม่ล้างหน้าหรอ?"
อัยย์ที่กำลังดีดดิ้นอยู่ในอ้อมแขนผมถึงกับหยุดดิ้นแล้วหันไปมองตามนิ้วมือของผม และเพราะผมเห็นว่าเธอสงบลงแล้ว ผมเลยกล้าปล่อยมห้เธอเป็นอิสระ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ถอยห่างออกจาอัยย์อยู่ดี
แมวบางตัวมันเลี้ยงไม่เชื่อง ผมต้องระวังตัวไว้ให้ดี
"หึ่ย! อาบน้ำเสร็จเมื่อไหร่นะ...!" อัยย์พูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำของตัวเองมาแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ
ผมที่เห็นว่าตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีในการเอาตัวรอดก็รีบเช็ดผมให้แห้งทันที
มีหลายครั้งที่ผมอยากแกล้งเธอนะ แต่ก็ทำได้แค่แกล้งสะกิดเท่านั้นแหละ เพราะแต่ละครั้งอัยย์โต้กลับได้สาหัสมาก ผมได้แต่หวังว่าการอาบน้ำและชำระร่างกายของอัยย์จะทำให้เธอเย็นลง...
ไม่ต้องถึงกับต้องเย็นยะเยือก แต่ทำให้หัวที่กำลังร้อนๆ ของเธอเย็นลงสักนิดก็ยังดี เพราะคืนนี้ผมยังไม่อยากอ่วมไปทั้งตัว!
จบบทบรรยาย:: พระพาย พัชรนันท์
บทบรรยาย:: อัยย์ ไอรดา
"หน้าฉันเริ่มเหี่ยวแล้วจริงๆ นั่นแหละ" ฉันพูดกับพระพายเสียงอู้อี้ขณะที่นิ้วมือเขี่ยโทรศัพท์มือถือของตัวเองเล่นอยู่
"ก็เพราะเธอบ่นแบบนี้นี่ไง" พระพายตอบด้วยน้ำเสียงอดกลั้นก่อนจะกดน้ำหนักฝ่ามือลงมา
หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ตอนแรก็ตั้งใจว่าจะรีบแต่งตัวรีบนอนเลย แต่ว่าด้วยความที่ไหนๆ มันก็ดึกขนาดนี้แล้วและพรุ่งนี้ไม่มีงานอะไรให้ทำตามข้อตกลงของฉันเองว่าเสาร์อาทิตย์คือวันหยุดพักผ่อน ห้ามนัดทำงานวันนี้เด็ดขาด ดังนั้นแทนที่จะรีบแต่งตัวแล้วไปนอนอย่างที่วางแผนไว้ในตอนแรก ตอนนี้ฉันก็ได้หาอดไรทำก่อนนอนแล้ว เช่นนอนเล่นโทรศัพท์และ...
"ตรงไหล่อ่ะพาย" ฉันบอกตำแหน่งบนร่างกายให้คุณสามีของตัวเองรู้ก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อมีแรงกดลงบนจุดนั้นของตัวเอง
พระพาย พัชรนันท์ โชติวรนันท์ ลูกชายของคุณอภัสสรผู้ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและยังมีหลายสาขาย่อยในต่างประเทศอีกไม่รู้กี่สาขาและลูกชายของคุณปวรรัชดลประธานบริษัทนำเข้าและส่งออกอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
ผู้ชายคนนี้เป็นที่น่าจับตามองของสื่อทุกแขนง ไม่ว่าจะสายบันเทิงหรือสายธุรกิจ สาเหตุที่เขาได้รับความสนใจจากสายบันเทิงเป็นลูกชายของเจ้าของแบรนด์เสื้อและมีบางคอลเล็คชั่นที่เขามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นด้วยเลยถูกพูดถึงบ่อยๆ และอีกสาเหตุก็เพราะเขาเป็นสามีของฉันนั่นแหละ
ฉันไม่ได้อยากจะอวยตัวเองว่าสวยเลยนะ แต่แบบความจริงก็คือความจริง หน้าตาฉันก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี ความสามารถด้านการออกแบบฉันก็มี ถึงจะไม่ได้เป็นนางแบบที่เป็นแถวหน้าของประเทศที่ตั้งราคาค่าตัวเจ็ดหลักได้ แต่มันก็ต้องมีถูกพูดถึงบ้างเป็นธรรมดา ดังนั้นการที่พระพายจะได้รับพื้นที่จากสื่อบันเทิงก็ไม่แปลกเพราะคุณนางแบบมากความสามารถอย่างฉันได้แต่งงานอย่างถูกต้องตามกฏหมายกับคุณพัชรนันท์แล้วเรียบร้อย
ส่วนพื้นที่สื่อเกี่ยวกับธุรกิจ...ต้องยอมรับว่าพระพายเป็นคนที่นักธุรกิจหลายคนจับตามองเยอะเลยทีเดียวเพราะจนถึงตอนนี้พ่อของเขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะให้เขาเป็นประธานบริษัทคนต่อไปเลย...
ก็นั่นแหละที่สาเหตุที่เขาได้รับความสนใจในด้านนี่น่ะ
คือฉันก็ไม่รู้นะว่าตอนที่พระพายทำงาน เขามีความจริงจังขึ้นบ้างมั๊ย แต่เวลาเขาอยู่กับฉันเนี่ย...อย่าได้ถามหาความจริงจังอะไรใดๆ จากเขาเลย
ในมุมมองของฉันเขาเป็นคนที่ไม่ยอมคน เวลาฉันทำให้เขาพลาดอะไรบางอย่างไปเขาก็จะหาทางเอาคืนฉันตลอด เขาเป็นคนที่ต่อให้คุณคิดว่าวันนี้คุณเจอเรื่องเครียดมาทั้งวันแล้ว แต่พอคิดได้ว่าต้องมารับมือกับคนแบบพระพายอีก สิ่งที่เจอมาทั้งวันจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย ยกตัวอย่างเช่นวันนี้เป็นต้น
แต่เรื่องดีๆ เขาก็มีนะ
...มั๊ย?
มีสิ! นี่ไง ที่เขากำลังตอนนี้น่ะเรียกว่าเป็นเรื่องดีๆ เรื่องหนึ่งที่ฉันยอมรับเลยแหละว่ามันดีจริง
เขานวดเก่ง เวลาฉันรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวฉันก็ให้พระพายมานวดให้ ซึ่งมันก็ดี แต่ฉันไม่เคยเข้าพวกร้านนวดอะไรพวกนี้นะเลยไม่รู้ว่าแบบนี้มันเรียกว่าดีมั๊ย แต่สำหรับฉันแค่นี้มันก็ดีแล้วอ่ะ
เข้าใจมั๊ย?
เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องดีฉันเลยกดเปิดกล้องขึ้นมาแล้วถ่ายรูปเซลฟี่ของเราเอาไว้โดยที่ไม่ให้พระพายรู้ตัวก่อนจะกดส่งไปให้แม่ของเขาดู
เวลานี้ท่านน่าจะเข้านอนแล้ว แต่ฉันน่ะพยายามจะรักษาภาพลักษณ์ของคู่สามีภรรยาที่น่ารักน่าหยิกเอาไว้ ต่อให้วันนี้สามีฉันจะน่าฟาดมากแค่ไหน แต่ฉันก็ต้องหาเรื่องดีๆ เกี่ยวกับเขามาพูดให้แม่เขาเห็นว่าเรารักกันดี
เห็นมั๊ยว่าฉันน่ะเป็นเมียที่ดีขนาดไหน
หลังจากส่งรูปไปให้แม่ของเขาเสร็จแล้วฉันก็วางโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียงแล้วนอนแนบใบหน้าลงกับหมอนใบโตของตัวเองแล้วหลับตาลง
"กลางหลังด้วยพาย"
"จิ๊! ก็จะเลื่อนลงไปอยู่เนี่ย! มันข้ามไปตรงนั้นเลยไม่ได้!" พระพายว่าเสียงดังอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังคงความหนักของมือเอาไว้ในระดับที่ฉันพึงพอใจ
"คิก" ฉันหัวเราะออกมาเพราะท่าทีแบบนั้นของเขาแล้วเงียบไป จำไม่ได้ว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ว่าช่วงที่หลับนั้นฉันรู้สึกตัวอยู่บ่อยครั้งเลย ทั้งตอนที่พระพายจับฉันพลิกตัวเพื่อนอนหงาย ทั้งตอนที่เขาบ่นเรื่องฉันชอบใส่ชุดนอนสั้นๆ แล้วก็ตอนที่เขาห่มผ้าให้
เพราะงั้นตอนตื่นนอนขึ้นมาจากที่เมื่อคืนประกาศกร้าวไปแล้วว่าจะจัดการเขาที่แอบไปเที่ยวเมื่อคืน ฉันเลยทำเป็นลืมๆ เรื่องนั้นไปแล้วไปอาบน้ำให้ตัวเองสดชื่นกับเช้าวันใหม่น่ะ
เห็นว่าเมื่อคืนทำดีหรอกนะฉันถึงยอมลืมให้น่ะ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินลงมาข้างล่างและผ่านห้องนั่งเล่นไปเจอกับป้าหมอน
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณอัยย์" คุณป้าแม่บ้านที่แม่ของพระพายจ้างให้มาดูแลความสะอาดและความเรียบร้อยภายในบ้านกล่าวทักทายฉันเหมือนทุกเช้าก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยนปนเอ็นดูกันแม้ว่าฉันจะอายุยี่สิบกลางๆ แล้วก็ตาม
"อรุณสวัสดิ์ค่ะป้าหมอน วันนี้ก็มาทำงานแต่เช้าเหมือนเดิมเลยนะคะ" ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา นอกจากจะเจอพระพายที่นอนอยู่ข้างๆ กันบนเตียงก็เจอป้าแม่บ้านนี่แหละที่คอยทักทายกันทุกเช้าด้วยรอยยิ้มที่เติมพลังบวกให้แก่ชีวิตน่ะ
คนที่ต้องแต่งงาน ต้องย้ายมาอยู่ในบ้านที่ไม่ใช่บ้านของตัวเองอย่างฉัน พอได้เจอผู้ใหญ่สักคนเอ็นดูแบบนี้มันรู้สึกดีจริงๆ นะ
"คุณอัยย์ก็ตื่นเช้าเหมือนทุกวันเลยนะคะ" ป้าหมอนว่าจบก็เดินหมุนตัวไปที่ห้องครัว
ฉันที่เห็นแบบนั้นก็เกินตามไปด้วยพลางตอบป้าหมอนไป "อัยย์อยากนอนต่อมากเลยค่ะ แต่ว่าพอได้ตื่นแล้วก็นอนต่อไม่ได้เลย ต้องรีบลุกขึ้นอาบน้ำตลอด"
"ป้าก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ"
ฉันกับป้าหมอนคุยกันที่ห้องครัวเรื่องกิจวัตรประจำวันของเราสองคนอยู่นานพอสมควร นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้บอกกิจวัตรประจำวันของตัวเองให้ป้าหมอนรู้แบบจริงๆ จังๆ ตอนแรกที่ย้ายเข้ามาฉันไม่ได้บอกอะไรออกไปเพราะตัวเองเป็นคนง่ายๆ ไม่ได้อะไรมากอยู่แล้ว เลยเป็นฝ่ายปรับตัวเข้ากับทุกอย่างในบ้านหลังนี้เอง ซึ่งฉันปรับเข้าได้กับทุกอย่างนะ ยกเว้นแค่กับพระพายคนเดียวเลย
เราสองคนมีหลายอย่างที่ต้องปรับเข้ากัน
แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่นอน
"อัยย์ขอตัวไปเดินเล่นนอกบ้านก่อนนะคะ ไม่กวนป้าหมอนแล้ว" ว่าจบก็ก้มหัวหนึ่งครั้งก่อนเดินออกมาบริเวณหน้าบ้าน
สำหรับฉันอากาศตอนเช้าช่วงเจ็ดโมงกำลังดีเลย มาเดินเล่นผ่อนคลายในวันหยุดแบบนี้ได้ ยิ่งมาเดินใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำของบ้านแล้วด้วย ฉันยิ่งรู้สึกได้ถึงความเย็นจากบริเวณนี้
หรือวันนี้ฉันจะมานั่งจิบนม จิบขนม จิบชาอยู่ขอบสระดีนะ? อืม เป็นความคิดที่ดี ตอนบ่ายแดดส่องมาไม่ถึงตรงนี้ด้วย
แต่ว่าตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ฉันยังไม่ได้ลองเล่นน้ำในสระเลยอ่า...
เล่นได้มั๊ยนะ?
ต้องได้แหละ
ถ้าไม่ได้คงไม่มีไว้หรอก
ดังนั้น...
"เมียจ๋าที่ยืนอยู่ตรงนั้น!" อยู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากระเบียงห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน ฉันรีบหีนไปมองทางต้นเสียงด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เพราะเช้าที่สงบของฉันได้พังลงแล้ว!
ตรงชั้นสองที่เป็นที่มาของเสียงมีพระพายยืนเท้าแขนกับราวระเบียงอยู่ ดูจากสภาพผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงอยู่นั้น มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาเพิ่งตื่นและเพิ่งลุกจากที่นอนเลย
เหอะ ตื่นมาก็ทำลายบรรยากาศรอบข้างฉันได้เลยนะ ไอ้บ้านี่!
"เมียจ๋าอย่าเพิ่งคิดสั้นนะ!"
"ฉันไม่ได้คิดสั้น!" ฉันรีบตะโกนกลับออกไปพร้อมกับยืนเท้าใส่เอวประจันหน้ากับพระพายในความสูงที่ต่างกันมาก
"อ้าวหรอ นึกว่าเมียจ๋าเสียใจที่เมื่อคืนผัวไปเที่ยวเลยคิดสั้น" พระพายว่าก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้ฉัน
ไอ้นี่...
"ฉันอุตส่าห์ทำเป็นลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วนะพาย!"
"อ้าวหรอ? งั้นก็ทำเป็นลืมๆ ไปอีกรอบเถอะ"
"จิ๊! ไปอาบน้ำเลยไป! รีบอาบแล้วรีบลงมากินข้าว" ฉันว่าเสียงดังก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน เห็นที่ว่าวันนี้ของฉันจะพังเหมือนทุกสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความสัมพันธ์ของฉันกับพระพายถึงแม้ภายนอกเราจะเป็นสามีภรรยากันก็จริง แต่เอาดีๆ พอตอนนี้ฉันมองเป็นเป็นความสัมพันธ์เชิงแม่ลูกมากกว่า...
พระพายเป็นคนที่บางเริ่องเขาควรจะทำเองได้โดยที่ไม่ต้องมีคนบอก แต่ฉันกลับต้องได้บอกเขาทุกครั้ง ไม่งั้นเขาจะไม่ทำหรือไม่ก็ทำอยู่ แต่ว่าชักช้าลีลางี้ อย่างเมื่อกี้ก็แทนที่ตื่นขึ้นมาแล้วจะไปอาบน้ำเลย แต่กลับต้องรอให้บอกก่อนตลอดเกือบทุกอาทิตย์ ดีนะที่วันทำงานเขายังมีความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิตอยู่น่ะ
แล้วเนี่ย...พอฉันเข้ามาในบ้านก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากรอกินข้าวเช้าพร้อมพระพายที่ไม่รู้จะอาบน้ำเสร็จตอนไหน
"อัยย์!" แล้วคนที่ฉันคิดว่าน่าจะอาบน้ำอยู่ก็เรียกชื่อฉันเสียงดังจนฉันที่ยืนอยู่กลางบ้านต้องเงยหน้าขึ้นไปตรงชั้นสองของบ้านอีกรอบ
ทุกอย่างเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ต่างกันตรงที่เมื่อกี้ฉันอยู่นอกบ้านและพระพายยังสวมเสื้อผ้าอยู่ แต่ครั้งนี้ฉันอยู่ในบ้าน ส่วนพระพายนั้น...
"กรี้ด!!! ไอ้พระพาย! ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนค่อยออกมา!" ฉันร้องเสียงหลงพร้อมกับรีบบอกเขาด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังให้กับภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยครั้ง ไม่สิ แบบนี้เรียกว่าไม่เคยเห็นน่าจะถูกกว่า
ในสายงานที่ฉันทำเนี่ย นอกจากนางแบบที่ต้องพบปะก็มีพวกนายแบบหุ่นดีๆ ให้ได้มองบ้างเป็นบางครั้งตามโอกาสและคอนเซ็ปของงานง่าจะเป็นแนวเสื้อผ้าทั่วไปหรือชุดว่ายน้ำที่ให้โชว์หุ่นล่ำๆ แน่นอนว่าฉันก็ไม่ใช่คนที่อินโนเซ้นส์ขนาดที่ว่าเห็นซิกแพคแล้วต้องกรี้ดออกมา แต่สาเหตุที่เมื่อกี้ฉันถึงขั้นร้องเสียงหลงนั้นเป็นเพราะพระพายมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเอาไว้เท่านั้น...
เขายืนอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน ฉันที่ยืนอยู่ชั้นล่างอยู่ในจุดที่เยื้องๆ เขาเล็กน้อย เวลามองขึ้นไปแน่นอนว่าสายตาฉันมันดันเหลือบไปมองอะไรๆ ที่ฉันไม่ควรจะมองเข้า
ไม่ได้จะมองจริงๆ นะ! ก็เงยหน้าขึ้นไปแล้วมันเห็นพอดีอ่ะ! ถ้าเขาไปยืนอยู่อีกฝั่งฉันก็จะมองไม่เห็นเลยสักนิดเลยนะ!
แต่นี่...!
ไม่สิ แต่ว่าเมื่อกี้ฉันก็ไม่ได้เห็นชัดขนาดนั้นนะ! มันอยู่ไกลอ่ะ สายตาฉันก็ไม่ค่อยจะดีด้วย ดังนั้นฉันอาจจะมองผิดก็ได้ มันอาจจะเป็นแค่ผ้าเช็ดตัวของเขาก็ได้
"ไม่เป็นไรหรอก" เสียงของพระพายดังจากข้างหลังฉันพร้อมกับแรงจากแขนแกร่งที่เอื้อมมารัดรอบคอฉันเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า "ไปเล่นน้ำกัน!"
ฉัน...เหนื่อยใจกับเขาจริงๆ
"ฉันไม่เล่น! แล้วก็ปล่อยเลยนะพาย!" พูดไปก็ยกมือตีแขนเขาไปด้วย จมูกก็ฟุดฟิด ๆ ดมกลิ่นจากตัวเขาไปด้วยเพื่อเช็คดูว่าเขาอาบน้ำรึยัง แต่แค่ดูผิวเผินก็รู้อยู่แล้วแหละว่าพระพายยังอาบน้ำ เพราะฉะนั้นฉันเลยรีบยั้งตัวเองเอาไว้แล้วบอกออกไป "พระพายไปอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วลงมากินข้าวเลยนะ"
"ไม่เอาา อยากเล่นน้ำา"
"แต่ฉันไม่ได้อยากเล่น!" ฉันโกหกพระพายคำโต
ไอ้อยากเล่นมันก็อยากเล่นนั่นแหละ แต่ขอไม่เล่นกับพระพายได้มั้ย? ไอ้บ้านี่วางแผนจะกดฉันจมน้ำรึเปล่าก็ไม่รู้ ฉันยังตายไม่ได้นะ! เงินที่ได้มาจากการทำสัญญาแต่ละอย่างกับเขาฉันยังไม่ได้ใช้เลยสักบาท ดังนั้นฉันห้ามตายเด็ดขาด!
"อยากเล่น เมื่อกี้เห็นยืนมองอยู่"
"นายทำบรรยากาศเสียไปหมดแล้ว ไม่อยากเล่นแล้ว!"
"โหย ไม่สนุกเลยอ่ะ ฉันอุตส่าห์อยากเล่นน้ำด้วย" พระพายว่าพร้อมกับดันฉันออกห่าง
ฉันหันไปขมวดคิ้วมองคนตัวสูงแล้วส่ายหน้าไปมาให้เขาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ สายตาจดจ้องอาหารที่อยู่ตรงหน้า ริมฝีปากก็เริ่มขยับขึ้นแทรกเสียงบ่นงึมงำของคนตัวสูงขึ้นมา "นี่ ถ้านายไม่อาบน้ำก็ไปหาเสื้อคลุมมาใส่ดี ๆ แล้วมานั่งกินข้าว"
"กินไปก่อนสิ ฉันยังไม่หิวอ่ะ" พระพายพูดพร้อมกับเดินมายืนซ้อนด้านหลังฉัน มือข้างหนึ่งของเขาวางที่พนักพิงของเก้าอี้ ส่วนมืออีกข้างใช้ค้ำกับโต๊ะทานอาหาร "กินก่อนเลย" พูดจบคนตัวสูงก็ผละตัวออกไปแล้วเดินเงียบหายขึ้นไปข้างบนของตัวบ้าน
"......" ฉันนั่งเงียบ
มือทั้งสองข้างวางอยู่บนโต๊ะนิ่งไม่มีการไหวติงสักนิด สายตามองไปที่ความว่างเปล่าบริเวณหัวโต๊ะ มองพื้นที่วางของที่นั่งตรงกันข้ามกับตัวเองก่อนจะลากสายตามายังเก้าอี้ที่ไม่มีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ กาย
ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะเริ่มลงมือทานมื้อเช้าของตัวเองเงียบ ๆ คนเดียว แต่ทานไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ปล่อยช้อนลงจนมีเสียงกระทบกับถ้วยข้าวต้มหมูสับที่ยังคงอุ่น ๆ อยู่
เมื่อไม่มีความอยากในมื้อเช้าแล้ว ฉันก็ลุกเอาถ้วยข้าวต้มไปวางไว้ในห้องครัวก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนบ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงาน ถึงวันนี้จะบอกไปว่าว่างเพราะไม่มีคิวถ่ายแบบหรือเดินแบบอะไรที่มันสำคัญ ๆ แต่ฉันก็ต้องเข้าไปตรวจสอบชิ้นงานที่ผ่านไปแล้วที่เตรียมจะปล่อยในอนาคต แล้วก็อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อีก ฉันต้องสร้างความกระตือรือร้นให้ตัวเองอยู่เสมอเพื่อที่งานที่ทำจะได้ออกมาดี ถ้าเกิดวันไหนฉันแสดงออกมาว่าไม่อยากทำ ไม่อยากขยับร่างกาย วันนั้นงานทุกอย่างจะรวนหมด
ไม่ได้พูดโอเว่อร์นะ แต่มันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้วและมันเป็นบทเรียนที่ฉันจะไม่มีวันลืมเลยแหละว่าต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์มากแค่ไหน ฉันต้องคอยท่องเอาไว้ว่าต่อให้วันนี้ฉันจะรู้สึกแย่จนอยากร้องไห้ฉันก็ต้องปั้นหน้ายิ้มขึ้นให้ได้
จำเอาไว้!
ไอรดา!
จังหวะที่ฉันกำลังจะเปิดประตูห้องนอนของตัวเองเข้าไป แต่มือบางกลับคว้าไปเพียงแค่อากาศอย่างเดียวเท่านั้น ปิดตูบานใหญ่ถูกดึงเข้าไปด้านในพร้อมกับร่างสูงที่เดินก้มหน้าออกมาจากห้อง ผมที่ยังไม่แห้งดีกำลังส่งผลให้พื้นตรงบริเวณที่เรายืนอยู่เปียกไปหมด
ฉันได้แต่กำหมัดเอาไว้แน่น ๆ
"อ้าว นี่ฉันอาบน้ำช้าเกินไปหรือเธอกินเร็วไปวะ?" พระพายถามพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยความตกใจก่อนจะดันประตูออกกว้างและหลบทางให้ฉันเดินเข้าไปในห้องนอน
"ฉันกินเร็วไป ต้องรีบไปทำงาน" ฉันตอบก่อนจะเงยหน้ามองคนที่สูงกว่าไป เห็นว่ามีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่ตรงบ่าของเขาอยู่ก็ยิ่งกำหมัดแน่นไปอีก
"กินเร็วขนาดนี้อย่าเรียกว่ากินเถอะ เธอสูบข้าวต้มเข้าไปใช่... เห้ย อะไรอ่ะ!" พระพายพูดยังไม่ทันจบก็ต้องร้องออกมาเสียงหลงหลังจากเห็นว่าฉันเปลี่ยนทิศทางการเดินจากเดินเข้าห้องเป็นหันมาสนใจเขาแทน
เป็นการสนใจที่ดูจะพุ่งเข้าใส่เขามาก
มือบางกระชากผ้าขนหนูผืนเล็กมาถือไว้พร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อที่จะเช็ดผมที่ยังเปียกของพระพายอยู่ คนตัวสูงถอยหลังไปชิดกำแพง ในขณะที่ฉันขยับเข้าไปชิดตัวเขามากขึ้น
ถึงแม้ฉันจะตัวสูงกว่ามาตรฐานหญิงไทย แต่ก็ไม่ได้สูงมากพอจะมายืนเช็ดผมคนที่สูง 180 กว่า ๆ แบบเขาโดยที่ไม่รู้สึกทุลักทุเลนะ
"ไหนเมื่อวานเธอบอกว่าไม่มีงานวะ?" พระพายถามพลางยกมือหนาทั้งสองข้างขึ้นมาจับที่เอวของฉันเบา ๆ ไม่มีการรั้งเข้าไปใกล้หรือผลักออกแต่อย่างใด
"มีแล้ว แล้วนี่ทำไมนายไม่เช็ดผมให้ดี ๆ ก่อนเนี่ย พื้นเปียกหมดแล้ว!" แล้วก็ต้องมาบ่นอีกตามเคย แต่ถึงจะบ่นยังไง มือก็ยังไม่หยุดเช็ดผมให้เขา
"ก็รีบไปกินข้าวไง กลัวเธอไม่มีเพื่อนกินข้าว"
"......" ประโยคของพระพายทำให้มือฉันชะงักไปหนึ่งจังหวะก่อนจะกลับมาเป็นปกติในวินาทีต่อมา แต่คนตัวสูงก็เหมือนจะยังพูดไม่จบเพราะเขาได้ถามต่อมาอีกว่า
"ไม่ดีหรอ?"
ความคิดเห็น