ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marriage Life

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER:: 04[อัปครบ]

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 64


    ประกาศจ้าาาา
    ตอนนี้ไรท์มีเพจแล้ววว ไรท์จะแจ้งเกี่ยวกับการอัพนิยายที่เพจน้าา
    FB PAGE: BBeatrizXX
    จิ้มแล้วไปกดไลค์กดติดตามได้เลยยย ><
    ตอนนี้ก็ไปติดตามนิยายต่อเลยจ้าา


    เรานั่งรอไม่นานที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสิร์ฟในเวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งที่ฉันทำต่อมาคือการถ่ายรูป แต่เอาแค่ไม่กี่รูปเท่านั้นก่อนจะอัปลงในโซเชียลมีเดียตัวเองพร้อมกับแท็กพระพายไปด้วยโดยที่ไม่ลืมที่จะสลับแอคเคาท์ไปเป็นของพระพายแล้วอัปรูปในมุมที่คล้าย ๆ กันพร้อมกับแท็กตัวเองมา

    “ถ่ายเอง ลงเอง แท็กเอง” พระพายว่าพร้อมกับดันแก้วของตัวเองมาข้างหน้าฉัน

     ส่วนฉันนั้นหาได้สนใจไม่เพราะตั้งแต่แรกเขาก็อนุญาตฉันแล้ว เพราะงั้นจะพูดอะไรก็พูดไป

    ฉันยกแก้วของพระพายขึ้นมาดม ๆ ก่อนจะงับหลอดแล้วลองชิมดูว่าเครื่องดื่มที่พระพายสั่งเป็นยังไง เมื่อได้รับรู้รสชาติแล้วฉันก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างพึงพอใจกับความหอมที่ติดรสชาติหวานนิด ๆ ของวนิลาลาเต้ที่พระพายเป็นคนสั่ง

    “ชอบอ่ะ” ฉันว่าพลางวางแก้วลงแล้วดันไปหน้าพระพายเหมือนเดิม 

    พระพายยกแก้วของตัวเองไปดื่มบ้างก่อนจะทำตาโตแล้วพยักหน้า ปฏิกิริยาไม่ต่างกับฉันเท่าไหร่ ที่เขาแสดงออกแบบนี้เพราะว่าทุกครั้งที่พระพายมาที่นี่เขาไม่เคยสั่งเครื่องดื่มแบบเดิมเลยสักรอบด้วยเหตุผลที่ว่า ‘อยากลองสั่งทุกอย่างในร้านดู’ เป็นเรื่องที่เขาตั้งขึ้นมาเพราะว่าถ้าให้มานั่งปั้นหน้ายิ้มช่วยฉันกินของที่ฉันสั่งมามันคงจะน่าเบื่อเกินไปงี้ เพราะงั้นเวลาพระพายสั่งเครื่องของเขามาเราต่างคนก็ต่างไม่รู้ว่ารสชาติมันจะออกมาเป็นยังไง

    “เป็นไง?” ฉันถามเขาไปพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น พระพายเลยพยักหน้าให้ก่อนจะพูดออกมา

    “โอเค ชอบ ต้องจดลงในลิสต์แล้ว” พระพายว่าก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเองโดยมีการจัดแจงอะไรเล็กน้อย 

    ซึ่งฉันมีส่วนร่วมกับรูปนี้ด้วย 

    “ถือให้หน่อย” พระพายว่าพร้อมกับพยักพเยิดหน้าให้ฉันช่วยถือ

    ฉันเองก็ทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่ายพร้อมกับเอียงคอยิ้มให้กล้องตามอัตโนมัติ คล้ายกับกำลังถ่ายภาพโปรโมทให้ร้าน แต่ไม่ใช่ ซึ่งพระพายหลังจากที่ได้รูปแล้วก็หันไปสนใจฮันนี่โทสต์ต่อ 

    ฉันวางแก้วเขาลงก่อนจะเริ่มจัดการกับไอศกรีมสองลูกที่ตัวเองสั่งมา

    เริ่มจากการราดน้ำผึ้งที่ได้มาลงบนขนมปังที่ถูกอบมาให้กรอบนอกนุ่มในที่มีกลิ่นเนยหอมกรุ่น 

    “ไม่ราดหมดนะ” ฉันถาม ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพระพายตรง ๆ แต่ว่าหางตาก็เห็นอยู่ว่าเขาพยักหน้าให้ฉันน่ะ

    มือหนาพยายามใช้มีดแยกตรงกลางขนมปังออกเพื่อที่น้ำผึ้งจะได้ชโลมไปถึงข้างในด้วย

    เมื่อพอใจแล้วก็วางโถน้ำผึ้งลงแล้วเริ่มลงมือกิน ความเงียบปกคลุมบริเวณที่เราอยู่ มีแค่เสียงจากรอบกายเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่เพื่อเตือนว่าเราไม่ได้อยู่ตรงนี้แค่สองคนนั้น 

    พระพายคอยตัดแบ่งขนมปังออกเป็นทรงลูกเต๋าเล็ก ๆ ซึ่งก็ไม่ได้เท่ากันเท่าไหร่ แต่ก็พอดีปากที่ไม่ต้องพยายามอ้าปากให้กว้างก็สามารถยัดเข้าไปได้ ฉันก็คอยเทน้ำผึ้งราดให้พระพายด้วยตอนที่มือไม้เขาไม่สามารถจัดการอะไรได้พร้อมกันสองข้าง

    “นายลองเอาแบบนี้ดิ เอาขนมปัง กีวี่ กล้วย แล้วก็ขนมปังอีกรอบ แล้วก็เอาตักไอติมไว้ด้านบน เอาน้ำผึ้งราดในคำเดียว”

    “ได้หรอวะ?” พระพายถามพลางใช้สายตาลองประเมิณไปด้วยว่าได้มั๊ยขณะที่ฉันเริ่มจัดแจงโดยใช้ส้อมจิ้มเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันว่ามาให้พระพาย ปิดท้ายด้วยการราดน้ำผึ้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    ฉันยื่นส้อมให้พระพาย โดยลืมไปว่าส้อมที่ใช้เป็นของตัวเองน่ะ

    พระพายรับส้อมไป มองสายตาที่คาดหวังปนตื่นเต้นของฉันไปด้วย ก่อนจะยัดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในปาก ซึ่งฉันที่นั่งลุ้นตัวเกร็งก็เผลออ้าปากกว้างตามเหมือนกัน พอเห็นว่าพระพายสามารถกินได้ฉันก็เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับขยับตัวไปข้างหน้าเพื่อรอฟังความคิดเห็นว่ามันควรหรือไม่ควร ระหว่างนั้นฉันรีบลุกขึ้นไปกดน้ำเปล่ามาให้พระพายเพื่อล้างปากหน่อย

    พระพายยกนิ้วโป้งขึ้นมาเพียงชั่วครู่ก่อนจะเก็บนิ้วลงไป เขาใช้เวลาเคี้ยวเกือบสามสิบวินาทีก่อนจะกลืนมันลงคอ แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นไปดื่มแล้วค่อยตอบออกมา ฉันเอื้อมมือไปรับส้อมของตัวเองคืนแล้วลงมือกินต่อ

    “มันก็โอเคอ่ะ แต่ใหญ่ไปหน่อย” 

    “หรอ?” ฉันว่าพลางตักไอศกรีมเข้าปาก

    พระพายเลยพูดขึ้นมา “ลองดูมั๊ยล่ะ? เดี๋ยวทำให้” พร้อมกับทำให้ฉันบ้าง ถึงแม้ว่าฉันจะมีท่าทีต่อต้านเขาก็เถอะ 

    ขนาดของคำที่พระพายทำให้ฉันใหญ่กว่าที่ฉันทำให้เขาอีก ไหนจะหน้าตาที่ดูเหมือนกำลังกวนตีนกันอยู่เนี่ย ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

    “ไม่เอาพาย มันคำใหญ่” เพราะคิดว่ารู้ชะตากรรมของตัวเองฉันเลยรีบพูดออกไปพร้อมกับส่ายหน้าไปมา แต่พระพายกลับไม่ฟังฉันเลยแม้แต่น้อยเพราะว่าพระพายลุกขึ้นเดินอ้อมมาหาฉันแล้วใช้มือบีบแก้มให้ฉันอ้าปากแล้วยังพูดเสียงเข้มอีก

    “อ้าปาก”

    “พาย! มันจะเลอะ!” ฉันรีบขัดขืนทันที แต่ว่ากีวี่ก็มาชนที่ริมฝีปากของฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งฉันก็ต้องจำใจยอมอ้าปากเพื่อกินเพราะกลัวว่าถ้ายังยื้อแย่งกันอยู่แบบนี้หน้าฉันจะเลอะเพราะเพราะมันเปื้อนหน้าของฉันมากกว่า

    พระพายหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นว่าสภาพของฉันตอนนี้ดูลำบากยากเย็นแค่ไหน แต่ว่าคนตัวสูงก็ไม่ได้ดูอย่างใจดำเพราะเขาก็ยังคอยเอาทิชชู่มาเช็ดที่ปลายคางให้ฉันอยู่เพราะมันเยอะจนล้นไง!

    ไอ้บ้านี่! 

    ก็บอกว่ามันคำใหญ่ ๆ ยังจะยัดเข้ามาอีก!

    ฉันถือทิชชู่มาซับตามมุมปากของตัวเองเอาไว้ มองพระพายแบบดุ ๆ ไปด้วย แต่ว่าเจ้าตัวหาได้สะมกสะท้านไม่เพราะนอกจากจะไม่รู้สึกรู้สากับสายตาของฉันแล้วยังมีการยกมือขึ้นมาลูบผมกันเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้ออีก

    “กินเยอะ ๆ แล้วโตไว ๆ น้าเมียจ๋า” 

    ดีนะตอนที่พระพายเริ่มเดินมาฉันรวบผมตัวเองไว้แล้วน่ะ ไม่งั้นต้องเปื้อนผมจนเหนียวด้วยแน่ ๆ เลย

    พูดแล้วปรี๊ด

    ไอ้พระพาย!

    ฉันกลืนทุกอย่างลงไป หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดูดเพื่อให้รู้สึกโล่งคอก่อนจะตวัดสายตาไปมองพระพายที่เดินกลับไปนั่งลงที่ตัวเองแล้วก่อนจะโวยวายออกไป

    “เอามาทำไมคำใหญ่ขนาดนั้นอ่ะ!” ฉันว่า มือก็ยังคงใช้ทิชชู่เช็ดรอบ ๆ ปากของตัวเองอยู่ ต่อให้ลิปสติกจะติดทนนานแค่ไหน แต่ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้รับรองว่าตอนี้มันคงจะหลุดแน่ ๆ ก่อนเดินออกจากร้านคงต้องเติมสีสันบนใบหน้าสักหน่อย

    “กลัวไม่รู้ไงว่าอร่อย เลยต้องจัดให้เต็มคำหน่อย” พระพายว่าพลางดูดลาเต้ของตัวเองจนเหลือครึ่งแก้ว

    ฉันกำหมัดแน่น มองพระพายตาเขียวปั๊ด แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่ไม่พอใจเฉย ๆ เท่านั้น รอให้กลับถึงบ้านก่อนนะไอ้แก่...

    “ไม่ต้องมากำหมัด รีบกินเลยไอศกรีมจะละลายหมดแล้ว” พระพายว่าทำให้ฉันต้องละความสนใจจากเขาไปเพื่อก้มหน้าก้มตากินของหวานที่อยู่ตรงหน้าต่อ

    เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่เราอยู่ตรงนี้ ของที่อยู่ตรงหน้าหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแค่จานเปล่าที่มีไอศกรีมละลายอยู่ในนั้น ส่วนขนมปังและผลไม้ต่าง ๆ หายเกลี้ยงไปหมด เครื่องดื่มทั้งของฉันและของพระพายเองก็หมดแก้วแล้วด้วย ตอนนี้มีแค่น้ำเปล่าที่ไปกดมาของใครของมันเท่านั้นเอง 

    อืม...กินหมดแล้วนั่งทำหน้าจ๋องกันหมดเลย

    มาหลายรอบ แต่เวลากินหมดแล้วก็ยังคงไปไม่ถูกกันสักรอบเหมือนเดิม

    “ครั้งต่อไปสั่งอย่างอื่นนะ” แล้วพระพายก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน

    “สั่งอะไรล่ะ?” ฉันถามออกไป

    พระพายเรียกพนักงานมาอีกรอบก่อนจะขอดูเมนูว่ามันมอะไรน่าสนใจบ้าง ฉันเลยลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เขาเพื่อดูด้วย ไล่สายตาดูไปสักพักหนึ่งก็เห็นว่ามีอันที่ฉันอยากลอง แต่ก็ไม่เคยลองสักทีเพราะว่าจุดประสงค์ส่วนใหญ่ที่มาก็เพราะอยากกินอะไรเย็น ๆ แต่อะไรเมนูที่อยากลองอ่ะมันเป็นพวกขนมปังกระทะร้อน ซึ่งฉันไม่รู้ว่าไอ้ของที่มาเสิร์ฟเนี่ยมันจะมาในรูปแบบไหน แบบร้อนจนควันขึ้นมาเลยรึเปล่า แต่ว่ามีโต๊ะนึงที่สั่งเป็นเมนูนี้ แต่เป็นชาไทยแล้วกลิ่นหอมมาก

    อะไรที่มันกลิ่นหอม ๆ น่ากิน ๆ เนี่ยชอบมากเลย

    “เลือกได้ยัง? ฉันอยากได้อันที่ตัวเองอยากกินแล้วนะ” พระพายหันมามองหน้าฉัน

    “เลือกได้แล้ว แล้วครั้งต่อไปนายก็ต้องช่วยฉันกินด้วยเหมือนเดิม” ฉันว่าพร้อมกับเลือกเมนูไว้ในใจแล้วหันไปถามพระพาย “นายเลือกอันไหนอ่ะ?” 

    “อันที่เป็นบราวนี่อ่ะ ได้ไอศกรีมสองลูกเหมือนที่เธอสั่งด้วย ไม่เยอะไปด้วย” เขาว่าพลางชี้ให้ฉันดูด้วยว่าหมายถึงอันไหน

    “โอเค งั้นรอบต่อไปเอาอันนั้นนะ” ฉันว่าพร้อมกับพยักหน้าเมื่อเห็นว่ามันเป็นอันไหนก่อนจะยื่นเมนูส่งคืนพนักงานไปแล้วลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าของตัวเองมาถือไว้ “ป่ะ จ่ายตังแล้วกลับ”

    “กลับบ้านเลยหรอ? ไม่กินข้าวก่อนอ่ะ?” พระพายถาม แต่ก็ลุกขึ้นมาเดินอยู่ข้าง ๆ ฉัน

    “ก่อนจะถาม อยากให้เห็นสภาพตัวเองเมื่อกี้มากเลยว่านายดูอืดแค่ไหนอ่ะ” ฉันว่าพร้อมกับควักกระเป๋าเงินออกมาจ่ายเอง

    “เธอก็เหมือนกันแหละ” พระพายพูดพร้อมกับดึงแก้มของฉัน “เมื่อกี้คำสุดท้ายฉันได้บิ้วท์เธอแค่ไหนอย่ามาทำเป็นลืม” 

    “จิ๊! ก็มันต้องยัดต่อกันนี่!” ฉันว่าแล้วคว้าข้อมือของพระพายเอาไว้เมื่อรับใบเสร็จมาเรียบร้อยก็เดินออกจากร้านทันที

    “แก้มเธอแบบเคี้ยวตุ่ย ๆ อ่ะอัยย์ โคตรหน้ามันเขี้ยวเลย" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูร่าเริงเหมือนได้เติมน้ำตาลให้ร่างกายจนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา

    ในขณะที่ฉันนั้น...“แล้วนี่ต้องไปออกกำลังกายอีกอ่ะ” ฉันว่าพลางมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย “อารมณ์ชั่ววูบมากอ่ะ”

    “เขาบอกว่ากินอะไรหวาน ๆ สมองจะแล่น” พระพายช่วยพูดเพื่อดึงสติฉันกลับมา

    ก็ขอบคุณแหละที่ช่วยพูดข้อดีของการเขมือบของหวานเข้าไปเยอะขนาดนี้ให้ฟัง แต่ว่านะพระพาย...

    “พรุ่งนี้ฉันมีถ่ายงาน...”

    “มื้อเดียวไม่อ้วนหรอก เมื่อเช้าก็ของเบา ๆ ย่อยง่าย ตอนเย็นก็ค่อยกินแค่สลัดก็ได้”

    “เย็นนี้นายห้ามกินอะไรที่มันยั่วน้ำลายฉันนะ”

    “ฉันจะกินคอหมูย่าง สไลด์บาง ๆ แล้วมีน้ำจิ้มยั่ว ๆ ราด”

    “นิสัยไม่ดี” ฉันว่าพระพายไปด้วยมือก็แอบบิดสีข้างของเขาไปด้วย

    “ล้อเล่น”

    “ชิ!”

    “แล้วพรุ่งนี้ถ่ายงานอ่ะไรอ่ะ? ทำไมต้องเครียดขนาดนั้น?” เขาถาม เพราะว่าถ้าเป็นงานทั่วไปยังไงฉันก็ไม่ซีเรียสอยู่แล้วเรื่องร่างกายตัวเองเนื่องจากมีเสื้อผ้าคอยปกปิดหรืออำรางสายตาคนอื่นได้อยู่ แต่ว่างานพรุ่งนี้ของฉันอ่ะ...

    “ชุดกีฬา แล้วมันมีช็อตที่ต้องใส่สปอร์ตบราด้วยอ่ะพาย” พูดเสร็จก็เอนศีรษะของตัวเองไปซบกับไหล่ของพระพาย

    “อย่าเครียดดิวะ เดี๋ยวก็หิวอยากกินนู่นนี่อีก”

    “เออ โอเค ไม่เครียดละ” ฉันว่าพร้อมกับยืดตัวตรงอีกครั้ง ทั้งยังปล่อยข้อมือของพระพายให้เป็นอิสระ คนตัวสูงเลยยกมือข้างขวาของตัวเองขึ้นมาขยี้ผมของฉันเบา ๆ

    “ถ่ายแบบไหนก็ออกมาดีทั้งนั้นแหละ เชื่อมั่นในฝีมือตัวเองหน่อย หรือไม่ก็เชื่อในฝีมือช่างภาพดิ” พระพายเริ่มบิ้วท์อารมณ์ฉันอีกรอบ “กินนิดกินเยอะนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นอะไรไป สมัยนี้เขาฮิตมีพุงกัน”

    “ดูนุ่มนิ่มใช่ป่ะ?”

    “ใช่ มันดูน่าบีบดี” พระพายว่าพร้อมกับใช้มือข้างที่ขยี้ผมฉันพาดผ่านไหล่มาแล้วเอื้อมมาบีบแก้มของฉันเล่น “นุ่ม ๆ” แล้วก็พูดไม่หยุด

    “ชอบเล่นขนาดนี้ ไม่ตัดไปเล่นเลยอ่ะ?”

    “ทำไม ๆ ๆ เล่นแค่นี้ไม่ได้หรอ?” พระพายถามอย่างกวนอวัยวะเบื้องล่าง

    “เบื่อนายจังเลยอ่ะ” ทั้ง ๆ ที่ได้กินไอศกรีมเพื่อให้ตัวเองอารมณ์ดีแล้วนะ ยังต้องมาคิดมากอยู่อีก ไม่ชอบตัวเองก่อนเป็นประจำเดือนเลยอ่ะ

    เบื่อ

    เบื่อไปหมด

    “เฮ้ยเธอ!” แล้วระหว่างที่ฉันกำลังมีหลากหลายอารมณ์ทางความรู้สึกตีกันไปมาในหัวอยู่นั้น พระพายก็สะกิดกันอย่างแรงพร้อมกับชี้ไปที่ร้าน ๆ หนึ่งแล้วพูดขึ้นมา “นั่นเธอนี่อัยย์”

    “สวยม่ะ?” ฉันถามออกไปหลังจากที่มองไปตามนิ้วมือเรียวยาวของพระพายแล้วเห็นสแตนดี้ของตัวเองยืนอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง ไหนจะมีภาพเคลื่อนไหวจอ LED ขนาดใหญ่อีก ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวกันกับที่ต้องไปถ่ายในวันพรุ่งนี้ ตัวที่เขากำลังตั้งโชว์อยู่เนี่ยเป็นคอลเลคชั่นเก่า ซึ่งอันพรุ่งนี้จะเป็นตัวใหม่เป็นสีสันที่ไม่เคยออกมาก่อน

    ขอสปอยล์ไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นสีพาสเทลใส ๆ

    “แวะหน่อยป่ะ? ลองขายของหน่อย” พระพายว่าพร้อมกับเปลี่ยนทิศทางในการเดิน

    “ถ้าฉันขายแล้วจะซื้อป่ะล่ะ?” ฉันถาม แต่ก็พยายามเรียบเรียงคำพูดอยู่ในหัว

    คือ...ฉันเป็นนางแบบ เขาจ้างฉันไปถ่ายรูปคู่กับแบรนด์เท่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขายของเลยสักนิด แต่ว่าตอนที่บรีฟงานอ่ะเขาก็อธิบายอยู่นะว่าอยากให้ได้ฟีลลิ่งแบบไหนจากงาน ถ่ายมาต้องการฟีลไกน ซึ่งก็มีการป้อนข้อมูลมาด้วยอยู่บ้างส่วน

    ใช่...บางส่วนเท่านั้น

    “ซื้อดิ อุดหนุนผลงานขอเมียจ๋าถือเป็นหน้าที่สามีอย่างฉันป่ะวะ?”

    “งั้นนายเหมาเลยนะ เขาจะได้จ้างฉันต่อ” ฉันว่าพร้อมกับเดินไปที่เสื้อฮู้ดดี้สีเข้ม พนักงานเดินมาเตรียมพร้อมจะขายของให้พวกเรา แต่เมื่อเห็นว่าเป็นฉันที่กำลังส่ายหน้าให้เธอหน่อย ๆ เธอจึงถอยหลังออกไประยะหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลเท่าไหร่

    “จะขายของละนะ”

    “ผมขอถ่ายคลิปไว้ด้วยได้มั๊ยครับพี่สาว พอดีผมเป็นเอฟซีอ่ะครับ” พระพายยังคงกวนฉันไม่เลิก

    “ไม่ได้ ฉันอาย” ฉันว่าพร้อมกับผายมือไปที่ฮู้ดดี้สีเข้มแล้วเริ่มอธิบายถึงรายละเอียดของเสื้อผ้าโดยมีพระพายยืนกอดอกมองฉันด้วยความสนใจ “เสื้อตัวนี้ที่นายเห็นอยู่เป็นเสื้อแจ็คเก็ตฮู๊ดดี้ เหมาะกับใส่เป็นเสื้อคลุมหรือจะใส่แมทกับไอเท็มไหนกันได้ เพราะว่าถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับทุกลุคนั่นเอง”

    “......”

    ฉันเว้นวรรคไปเพื่อสัมผัสเนื้อผ้าอีกครั้งก่อนจะเริ่มอธิบายต่อ “ตัวเนื้อผ้านะ...นิ่ม ใส่สบายเพราะว่า ใช้ผ้า Interlock ซึ่งก็คือรูปแบบการทอที่ทำให้ผ้าที่ทอออกมามีลักษณะเป็นผิวเรียบเหมือนกันทั้งสองด้านเนื้อผ้าที่นิยมใช้ Cotton 40 ประเภทงานที่เหมาะสมคือ เสื้อผ้าเด็ก ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่านายใส่ได้สบายไม่ระคายเคืองผิวแน่นอน”

    “เออเก่ง”

    พระพายว่าพร้อมกับปรบมือเสียงเบาเพราะไม่อยากให้รบกวนลูกค้าท่านอื่น

    ฉันยักไหล่เหมือนกับว่าที่ทำไปไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเลยสักนิด เหมือนตื่นมาพร้อมกับข้อมูลพวกนี้อยู่ในหัวอยู่แล้ว 

    อันนี้ก็เก่งไป

    “ถ้าเก่งก็ซื้อสิ” ฉันว่าพร้อมกับหยิกเสื้อที่แขวนอยู่ออกมายื่นให้พระพาย ซึ่งเป็นฮู้ดสีดำ พระพายก็รับไปพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปที่โซนของผู้หญิงแล้วพูด

    “ไปหยิบของเธอมาด้วย เอาแบบเดียวกัน”

    “จ่ายให้ใช่ป่ะ?” ฉันถาม

    “อือ ของขวัญคนเก่ง” พระพายว่าพร้อมกับยิ้มมุมปากให้ฉัน ซึ่งพอเห็นแทั้งแววตาที่เหมือนกำลังชื่นชมหรือภูมิใจกันอยู่กับรอยยิ้มตามฉบับของพระพาย ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้ยิ้มออกมาตอบเขาเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ไม่มีคำพูดไหนออกมาจากปากของเราสองคนอีก

    พระพายจ่ายเงินค่าเสื้อให้ฉันถึงแม้ว่าตัวนี้คอลเลคชั่นนี่ฉันจะมีอยู่แบ้วเนื่องจากทางแบรนด์ส่งให้เป็นของขวัญหลังถ่ายงานจบ แต่ในเมื่อพระพายจะซื้อให้ ฉันก็จะรับไว้เอง

    ถึงเมื่อกี้ตอนที่อยู่ร้านไอศกรีมฉันจะเป็นคนจ่ายก็เถอะ แต่ว่าถ้ายึดตามหลักความเป็นจริงแล้วฉันเป็นคนอยากกิน งอแงจะมาร้านนี้ให้ได้แล้วพระพายก็ลำบากพามา เขายังต้องมาจ่ายเงินค่าไอศกรีมให้ฉันอีกหรอ? ฉันว่าแบบนี้อ่ะไม่โอเค เพราะงั้นอะไรที่ฉันมองว่าเราสามารถหารกันได้อย่างของกินเงี้ยะ ถ้าเราตกลงร่วมกันว่าจะไปร้านไหนก็จ่ายกันคนละครึ่ง ไม่ก็สาเหตุที่ได้กินสิ่งนี้สิ่งนั้นเพราะฉัน ฉันก็จะจ่ายเองแบบวันนี้ 

    แต่ถ้าเป็นสิ่งของอย่างเสื้อที่พระพายซื้อให้ ในอนาคตฉันก็อาจจะซื้อให้เขาบ้าง สลับกันไปมาแบบนี้

    ตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับพระพายอ่ะ เราทำแบบนี้ตลอด เพราะว่าฉันได้รับเงินที่ได้จากการตกลงแต่งงานกันตั้งแต่ต้นแล้วไง บางทีมันก็ไม่มีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินเขาเพิ่มอ่ะเก็ทมั๊ย?

    ฉันแต่งงานกับเขาเพราะตาลุกวาวกับก้อนเงินก็จริง แต่ก็ไม่ได้หวังจะมาขูดเลือดขูดเนื้อเขาหรอกนะ ไม่งั้นฉันไม่ทำงานเยอะขนาดนี้หรอก

    “นายไม่กินข้าวก่อนอ่ะ?” ฉันถาม “ฉันรอได้ อย่างที่บอกไปว่าวันนี้ฉันว่าง”

    “ไม่เป็นไร ค่อยไปหาอะไรกินที่บ้านก็ได้” 

    “กินให้เสร็จจากที่นี่เลยก็ได้นี่” 

    “เธอจะไม่อยากกินด้วยหรอ?”

    “ฉันมันคนแข็งแกร่งพระพาย ไม่เป็นไรหรอก” ฉันว่าพร้อมกับตบไหล่เขาไปด้วย “ไปเหอะ จะเอาร้านไหนเดินนำไปเลย”

    “อยากกินข้าวราดแกงอยู่ฟู้ดคอร์ด” พระพายว่าขึ้นมา

    กินง่าย 

    อยู่ง่าย

    ข้าวราดแกงก็จบ 

    นี่แหละพระพาย

    “ทำร้ายกันมากเลยอ่ะ...” ฉันว่าพร้อมกับอ้าปากค้างใส่พระพายไป

    คนตัวสูงหัวเราะออกมาก่อนะดึงฮู้ดจากด้านหลังมาบังหน้าฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก “แม่นางแบบชื่อดังกรุณารักษาภาพลักษณ์หน่อย”

    “ขอโทษแล้วกันที่ฉันมันกินเก่งอ่ะ” ฉันว่าพร้อมกับปัดฮู้ดลงเหมือนเดิม

    “สัญญาว่าจะไม่สั่งอะไรที่มันน่ากินมา” พระพายว่า แขนแกร่งกอดคอฉันเอาไว้จนตัวฉันเข้าไปชิดเขาขนาดที่ว่าเราเดินซ้อนกันและฉันต้องใช้แขนซ้ายของตัวเองโอบรอบตัวของพระพายเอาไว้เพื่อที่จะประคองและยึดไม่ให้ตัวเองเซไปมากกว่านี้

    เคยบอกไปว่าอยากได้ภาพลักษณ์ของคู่สามีภรรยาที่รักกันปานจะกลืนกิน แต่หลายครั้งที่มีคนถ่ายรูปเราออกไป...ต้องยอมรับเลยว่ามันออกมาเหมือนเพื่อนซี้กันมากกว่า

    เดินกอดคอบ้างล่ะ

    แกล้งกันบ้างล่ะ

    ไม่เคยมีรูปไหนที่มันดูหวานกันเลยสักครั้งจริง ๆ

    บางครั้งฉันก็สงสัยนะว่าเราสองคนกัดกันได้ตลอดเวลาขนาดนี้เลยหรอ?

    แต่สงสัยไปก็เท่านั้นแหละเพราะว่าทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้วอ่ะนะ...

    พระพายชอบหาเรื่องฉัน

    “เดินดี ๆ หน่อยพระพาย” ฉันว่าแล้วทุบไปหนึ่งรอบ แต่พระพายก็ไม่ยอมหยุดทั้งยังหัวเราะชอบใจอีกต่างหาก

    นี่เขาเป็นพวกชอบความเจ็บปวดหรอ? 

    หรืออะไร?

    “เราต้องรีบเดิน ถ้าเที่ยงแล้วคนจะเยอะ”

    “นายก็เดินไปก่อนสิพาย เดี๋ยวฉันไปหาโต๊ะรอ แยกกันไป” ฉันเสนอไป แรงที่มีน้อยนิดก็พยายามผลักพระพายออก

    ครั้งนี้พระพายยอมปล่อยฉันให้เป็นอิสระ “เออเนอะ ทำไมคิดไม่ได้วะ?” 

    “คิดได้แล้วก็รีบไปสิพาย” แล้วเดินมาทางด้านหลังพร้อมกับยกมือขึ้นมาใช้แรงดันแผ่นหลังกว้างกำยำให้เดินไปข้างหน้าด้วย

    “เออ ๆ ไปแล้ว ผาที่นั่งไว้ด้วย” พระพายว่าพร้อมกับหันกลับมาใช้นิ้วชี้ลูบคางฉันก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

    “จิ๊!” ฉันใช้หลังมือของตัวเองที่อยู่ข้างในแขนเสื้อมาเช็ดที่ปลายคางของตัวองไปมา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ปากก็พึมพำบ่นให้คนตัวสูงไปด้วยไม่หยุด แต่ก็ไม่วายผลิรอยยิ้มออกมาบาง ๆ จนฉันต้องส่ายหน้าไปมาให้กับตัวเองที่มองว่าการกระทำเหล่านี้กลายเป็นเรื่องปกติระหว่างเราไปแล้ว

    เป็นเรื่องปกติที่ฉันเริ่มกลัวว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่เหมือนเดิมมันจะเป็นยังไง...





    Hashtag On Twitter
    #คุณสาขาเมียจ๋า
    #อัยย์พระพาย

    Talk
    เขาก็แกล้งกันไปแกล้งกันมาอ่ะเนอะ 
    รีดลองแกล้ง ๆ เม้นให้ไรท์หน่อยน้าา

    Talk3
    มาแน้วว
    อ่านเสร็จเม้นหน่อยน้าา

    Talk4
    มาล้าววว
    เดี๋ยวค่ำ ๆ มาเปิดเจิมตอนต่อไปน้าา




    1 เม้น = 1 กำลังใจน้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×