คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : #ที่รักของราม:: 03[อัพครบ]
ผมปล่อยให้ที่รักบ่นพึมพำอยู่แบบนั้นแล้วไม่ได้ให้ความสนใจเธออีก แต่เสียงพูดและเสียงหัวเราะของเธอก็ยังคงดังขึ้นเป็นระยะๆ จนผมต้องก้มลงไปมองเธอที่นอนซบผมอยู่
เป็นเอามาก
ครั้งแรกที่เธอเมา...เธอรุกผมด้วยการจูบและเราสองคนก็จบลงที่เตียง
ครั้งที่สองที่เธอเมา...เธอบอกรักผมโดยที่ไม่มีความรู้สึกไหนแอบแฝง แต่ยังคงคอนเซ็ปคลอเคลียนัวเนียกันเอาไว้อยู่
พูดก็พูดเถอะว่าลึกๆ ตัวผมเองก็อยากรู้ว่าครั้งต่อไปที่เธอเมาเธอจะทำอะไรบ้าง มันเรียกความตื่นเต้นให้ชีวิตดี
แต่ก็นั่นแหละ...ที่รักไม่ควรเมา
เมาแล้วยั่ว เมาแล้วชอบมาคลอเคลีย
อันตรายนิดหน่อย แต่เป็นการกระทำที่ส่วนลึกของจิตใต้สำนึกมันแอบกระซิบว่าชอบ...
"รักกันน" แต่ไม่ชอบตรงที่เธอเมาแล้วพูดมากนี่แหละ
"จะโหยหาความรักความเมตตาไปอีกนานไหม?" ผมถามเธอพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเกี่ยวผมออกจากใบหน้าเนียนสวยเบาๆ แล้วหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดกล้องแล้วกดอัดวีดิโอ
"ไม่รู้ๆๆๆ ที่รักไม่รู้อะไรเลยอ่า" คนตัวเล็กว่าแล้วถูไถใบหน้าของเธอไปมากับลำตัวของผม
ตอนปกติเหมือนหมา ตอนเมาเหมือนแมว?
อืม...ดูไปดูมาก็คล้ายอยู่
ผมพยักหน้าอย่างพึงพอใจในความคิดของตัวเองก่อนจะกดบันทึกคลิปที่ถ่ายเอาไว้แล้วยกกระป๋องเบียร์ที่เหลือครึ่งกระป๋องขึ้นดื่มอีกรอบจนหมดในครั้งเดียวแล้ววางกระป๋องเปล่าเรียงไว้กับส่วนที่หมดไปแล้วของที่รัก
ตอนเธอดื่มหมดกระป๋องเธอเอามาเรียงแถวเป็นแนวยาวแหละ ไม่รู้ว่าทำไมต้องเรียงแบบนี้ แต่เห็นว่ามันดูตลกดีเลยวางตาม จนตอนนี้มีทั้งหมดเจ็ดกระป๋องที่วางเรียงกันอยู่แล้ว
เหลืออีกหนึ่งกระป๋องที่ยังไม่เปิด...ผมค่อนข้างลังเลใจอยู่ว่าจะดื่มให้หมดเลยดีไหม แต่ในใจก็อยากพอแล้วเพราะกลัวว่าจะมีสภาพเหมือนที่รักทั้งๆ ที่ตัวเองก็คอแข็งในระดับนึงอยู่ แต่เห็นเธอเมามาสองวันแล้วก็เริ่มไม่กล้าดื่มเยอะซะงั้น
แบบนี้เขาเรียกว่าอุปทานหมู่ป่ะวะ?
ช่างแม่ง
"ไม่เมาหรอก" ผมสลัดความคิดตื้นๆ ของตัวเองออกไปก่อนจะหยิบเอาเครื่องดื่มกระป๋องสุดท้ายมาเปิดแล้วยกดื่ม มือข้างที่กอดที่รักเอาไว้ก็เปลี่ยนมาถือโทรศัพท์เพื่อเล่นแทน เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมนั่งนิ่งให้ที่รักทั้งนอนทับทั้งกอดอยู่เฉยๆ
ก็ไม่ได้แย่
ตัวเธอนุ่มนิ่มดี
และเมื่อเวลาผ่านไปความสนใจที่มีให้โทรศัพท์ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกันกับความสนใจที่มีให้โทรทัศน์ที่ถูกปิดไปเมื่อตอนช่วงเย็น แต่ตอนนี้ผมเปิดมันขึ้นอีกครั้งเพราะได้รับไลน์จากเพื่อนว่าวันนี้ทีมฟุตบอลที่ชอบมีแข่ง ผมเลยเอาความสนใจในทุกๆ อย่างมาให้กับหน้าจอที่ฉายภาพกีฬามันๆ อยู่
เปิดมาดูช้าไปสิบนาที...โดนนำแล้วหนึ่งลูก
รีบหรอถามจริง?
ผมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มด้วยความรู้สึกเสียดาย นี่ถ้ารู้ก่อนว่ามีแข่งบอลคงจะซื้อเป็นขวดมาเผื่อนั่งดื่มคนเดียวระหว่างดูบอลด้วย นี่ซื้อมาแค่แปดกระป๋องแล้วยังต้องมาแบ่งที่รักอีก เสียดายชิบหาย
'ครืดๆ'
แต่ความเสียดายของผมก็เลือนหายไปเมื่อโทรศัพท์สั่นแจ้งเตือนข้อความจากไลน์เข้ามา
Sing:: ไอ้รามมาคอลด้วยดิ
Sing:: เพื่อนรอมุงอยู่
เรย์:: นั่งหงุดหงิดโดนบอลนำอยู่ม้างงง
Sing:: เชียร์ทีมกากเองอ่ะ
Sing:: บู้วววว
Sing:: โบ้ววววว
Tawaan:: มึงอย่าไปล้อมัน
ผมมองข้อความจากกลุ่มเพื่อนสนิทแล้วได้แต่มองสัญลักษณ์รูปโทรศัพท์ที่ขึ้นเป็นสีแดงกะพริบๆ อยู่
นี่ขนาดพวกมันโทรคุยกันยังอยากมให้ผมรับรู้ว่ากำลังโดนเยาะเย้ยอีก...
อืมๆ ได้เลยเพื่อน
ผมคิดในใจก่อนจะเมินสัญลักษณ์รูปโทรศัพท์ที่ว่าก่อนจะกดอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วคว่ำโทรศัพท์ลงก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นรัวตามหลังมาเนื่องจากการกระทำของผมเมื่อครู่
แม่ง กวนตีน
คนกวนตีนไม่สมควรอยู่ต่อ
บายนะเพื่อนรัก...
ผมเบ้ปากเล็กน้อยแล้วหันมาสนใจการแข่งขันฟุตบอลต่อ แต่ก็ได้ไม่นานเพราะว่าครั้งนี้ไอ้คนที่เพิ่งโดนผมเตะออกจากกลุ่มมันกดโทรเข้ามาเลย
ผมก้มมอง ตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับดีเพราะที่รักกำลังหลับอยู่ ครั้งนี้ผมใช้คำว่าหลับเพราะเธอไม่ได้ดิ้นหรืออะไรเพ้ออะไรอีกแล้ว ทำแค่นอนหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอที่หน้าท้องของผมเท่านั้นเอง แต่ก็มีความนิดหนึ่งผุดเข้ามาว่าถ้าผมไม่รับสาย ไอ้เพื่อนตัวดีต้องโทรมาไม่เลิกแน่นอน
สุดท้ายผมก็กดรับอย่างห้ามไม่ได้...
[ไอ้เวร! ไอ้คนไม่ดี! มึงเตะกูออกจากกลุ่มทำไม!? กูพูดเรื่องจริงแค่นี้รับไม่ได้หรอ โด้วววว]
ผมคิ้วกระตุกเล็กน้อย ปรับตัวไม่ทันเพราะไอ้เพื่อนเวรของผมมันพูดมารัวเกินไป แต่ก็พอจับใจความได้เบยถามกลับไปว่า "งั้นขอบล็อกเบอร์มึงด้วยได้ไหม?"
[ไม่ได้โว้ย!!] ไอ้ซิงเพื่อนของผมรีบตอบกลับมาเสียงดัง [กูเพื่อนมึงไหม!? หยอกไม่ได้เลยไง?]
"ไว้รอทีมกูชนะเดี๋ยวกูหยอกมึงคืนบ้าง" ว่าแล้วก็กดตัดสายพร้อมกับเชิญมันกลับเข้ากลุ่มไลน์เหมือนเดิมแล้วเข้ารับการสนทนาแบบกลุ่มเพราะรู้ว่าถ้ายังพูดคุยกันต่อแบบนั้นมันไม่จบคืนนี้แน่ สู้เข้ามาคุยกันเยอะๆ แล้วลืมผมไปเลยดีกว่า
คนจะดูบอล มาชวนคุยไม่รู้เวลา
[สุดท้ายก็มาเชิญกูเข้าเหมือนเดิม สนุกหรอมึงอ่ะ] ไอ้ซิงถาม
[กูบอกแล้วว่าอย่าไปแกล้งมัน] ไอ้ตะวันว่า
[บู่วๆๆๆๆๆ] แต่ไอ้ซิงไม่ยอมเลิก
"ไอ้สัส กูจะดูบอล" ผมรีบพูดขึ้นมาก่อนที่ไอ้ตะวันกับไอ้ซิงจะเปิดศึกกันผ่านทางโทรศัพท์ แน่นอนว่าผู้ร่วมชะตากรรมอีกคนที่นั่งเงียบอยู่ก็คงรู้สึกเหมือนกันนั่นแหละ หรือไม่มันก็หาจังหวะแทรกไม่ได้เท่านั้นเอง
[ไม่ต้องดูหรอก นำมาหนึ่งลูกตั้งแต่สิบนาทีแรกก็รู้แล้วป่ะว่าใครมาวินอ่ะ]
"เดี๋ยวรอให้ถึงตากูตีเสมอบ้างนะมึง" ทนไม่ไหวแล้ว แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้เพราะที่รักหลับอยู่
เซ็งเพื่อนไม่พอ ยังต้องมาเป็นเบาะให้ยัยตัวเล็กนี่นอนทับอีก
วันอะไรวะ?
[กูจะรอดู] คราวนี้มีเสียงไอ้เรย์ดังขึ้นมาด้วยพร้อมกับไอ้ซิงที่คอยอวดแต้มของมันที่นำไปแค่ลูกเดียว
"เงียบได้แล้วพวกมึงอ่ะ" ผมรีบว่าเพราะคนที่กำลังหลับสนิทเริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่าง
ผมว่าผมก็ไม่ได้พูดเสียงดังนะ...
เสียงเพื่อนผมก็ไม่ได้ดัง...
โทรทัศน์อาจจะระดับนึง แต่ก็ไม่คิดว่าทำให้เธอตื่นได้นะ...
"......" ที่รักที่กำลังกอดผมอยู่ปล่อยมือออกจากช่วงเอวแล้วดันขึ้นเพื่อจะลุกขึ้นนั่ง ผมเลยช่วยประคองหลังของเธอไว้เผื่อเธอหงายหลังล้มลงไป
คนตัวเล็กนั่งเงียบ
ผมนั่งนิ่งฟังเสียงเพื่อนทะเลาะกันผ่านโทรศัพท์
ที่รักเริ่มเงยหน้ามองผมเล็กน้อย
ผมจ้องเธอที่ไม่รู้ว่ากำลังจะทำอะไร
แต่ในระหว่างที่หน้าจอโทรทัศน์ตัดเข้าโฆษณา จังหวะที่เสียงเชียร์ของคนในสนามหายไป คนตัวเล็กที่คล้ายจะสร่างเมาแล้วกลับพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ออกมาว่า
"รามขา..."
ทำให้เสียงทะเลาะกันจากปลายสายเงียบลงไปเหมือนกับมีใครไปร่ายมนต์ใส่ให้พวกมันเป็นใบ้
รู้ว่าเพื่อนทั้งสามอึ้ง
แต่ไม่รู้ว่าอึ้งที่ได้ยินเสียงของที่รัก หรือเมื่อกี้ได้ยินเสียงตอบกลับของผมไปอัตโนมัติว่า "ครับ?" กันแน่
[ไอ้ราม!!!!!!]
พวกเวร...หูจะแตก
"เบาๆ หน่อย" ผมพูดออกไป ตั้งใจว่าจะบอกทั้งกลุ่มเพื่อนตัวเองแล้วก็ที่รักนั่นแหละ แต่เหมือนยิ่งบอกก็เหมือนยิ่งยุ...ทั้งสองฝั่งเลย
[เสียงใครวะ!?]
[อยู่กับใครวะ?!]
[อีร๊าม!!!! @$)#π\£%]
"ที่รักง่วงง่ารามม"
บอกให้เงียบกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งเพื่อนทั้งที่รักต่างก็แย่งกันพูดเหมือนไม่เคยได้พูดมาก่อน
ผมที่อารมณ์ไม่ค่อยจอยตั้งแต่เรื่องบอลแล้วเลยตัดสินใจปิดโทรทัศน์เป็นอย่างแรกแล้วกดตัดสายเพื่อนเสร็จแล้วก็โยนโทรศัพท์ไปที่อื่น ก่อนจะหันมาสนใจคนที่บ่นงึมงำๆ ว่า 'ง่วง' แต่ไม่ยอมนอน
"ง่วงก็ไปนอน" ผมบอกเธอด้วยเสียงที่ติดไม่พอใจหน่อยๆ
จะดูบอล...เข้าใจไหมว่าคนอยากดูบอลอ่ะ
"มันแขงง" เธอพูดพร้อมกับใช้มือทุบที่หน้าท้องของผมแรงๆ สองทีแล้วเลื่อนตัวลงไปใช้หน้าผากของตัวเองโขกลงกับหน้าท้องของผม
ยังดีที่เป็นหน้าท้อง ถึงตำแหน่งมันจะเยื้องๆ ลงไปด้านล่างเล็กน้อยก็เถอะ แต่ก็ถือว่าพระเจ้ายังใจดีช่วยผมอยู่
แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ใจดีถึงขนาดที่ส่งผู้หญิงว่าง่ายมาให้ผม...
"ต่ำไปที่รัก" ผมว่าก่อนจะดึงตัวเธอขึ้นเมื่อใบหน้าของเธอเริ่มไหลลงเรื่อยๆ แต่เพราะที่รักในเวอร์ชั่นเมาดูจะมีเรี่ยวแรงเพิ่มมากขึ้นความพยายามของผมเลยสูญเปล่า
"ไม่นิ่มๆๆ" เธอยังคงติเรือนร่างของผมไปเรื่อยๆ แม้ว่าดวงตาคู่สวยจะปิดไปแล้วก็ตาม
"ก็ไม่ใช่หมอน"
"หมอนไหน?" เชิดหน้าถามผม แต่หลับตาอยู่...
อืม แปลกดี
"เฮ้อ" เมื่อความอดทนที่มีต่อคนเมาหมดลงผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วหิ้วปีกทั้งสองข้างของที่รักขึ้นก่อนจะจับเธอพาดบ่าแล้วพาเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
เธอบอกว่าง่วง บอกว่าตัวผมแข็งแล้วไม่นิ่ม ผมก็เลยจะพาเธอมานอนที่เตียงนิ่มๆ ในห้อง แต่ว่ากลับพามาห้องของตัวเองทั้งๆ ที่ห้องของเธอก็อยู่แค่นี้ แค่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง แต่ผมก็ยังเลือกจะเดินตรงไปที่เตียงต่อเหมือนเดิมทั้งที่รู้ว่าการที่ทำแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ควร แต่สุดท้ายก็วางเธอลงบนเตียงของตัวเองแล้ว
ให้เธอนอนห้องผมนี่แหละ
ไม่แน่...เตียงผมอาจจะนิ่มกว่าเตียงเธอก็ได้
แต่ถึงแม้เตียงผมจะไม่นิ่มมากพอให้ที่รักประทับใจ แต่ตอนนี้คนตัวเล็กก็นิ่งสงบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
ผมยืนมองเธอนิ่งๆ ดูว่าเธอจะตื่นขึ้นมาอีกไหม แต่เมื่อยืนไปได้ห้านาทีผมก็มั่นใจแล้วว่าเธอคงไม่ตื่นขึ้ยมาโวยวายอีก และหลังจากที่มั่นใจแล้วผมก็เดินออกมาเก็บเศษซากกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วไปทิ้งในถุงขยะดีๆ จัดการปิดแอร์ปิดไฟแล้วเดินเข้าห้องนอนเพื่อจัดการอาบน้ำให้ตัวเองเนื่องจากมาถึงผมทำแค่เปลี่ยนชุดแค่นั้น และพออาบเสร็จผมก็มานอนลงบนเตียงอย้างที่ทำทุกวัน
ถึงแม้วันนี้บนเตียงจะมีผู้หญิงร่างเล็กร่างน้อยนอนหันหลังให้ก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่เคยนอนบนนี้ด้วยกัน
ก็เคยนอน แต่ครั้งนี้มันไม่มีอะไรมากกว่านอนไง ไม่เหมือนครั้งนั้น...
ผมนอนเอียงข้างหันไปจ้องแผ่นหลังเธอท่ามกลางความมืดที่สายตาของตัวเองเริ่มปรับโฟกัสได้แล้ว
น้องสาวผมบอกว่าที่รักตัวคนเดียว ตอนนั้นผมไม่เข้าใจความหมายของคำว่า 'ตัวคนเดียว' ของน้องสาวตัวเองเลยตีความไปหลายอย่าง แต่พอได้มาอยู่ด้วยกัน ได้ลองสังเกตเธอ ผมถึงได้เข้าใจคำพูดของน้องสาวตัวเอง
เพราะแบบนี้ด้วยล่ะมั้งวันนั้นผมถึงตอบรับข้อตกลงของน้องสาวไป
ถึงแม้เมื่อก่อนจะเห็นเธอไปเล่นที่บ้านบ่อยครั้ง แต่เธอก็ไปเล่นแต่กับน้องสาวของผม ไม่ค่อยได้เจอผมมากนักเพราะพวกเธอไปนั่งเล่นในห้องนอนตามประสาเพื่อนหญิงมาเล่นด้วยกันที่บ้านนั่นแหละ
พอมาคิดๆ ดูแล้วเธอก็ไม่ได้สนใจตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนะ
เหมือนผมที่ไม่ได้สนใจเธอนั่นแหละ
แต่เพราะวันหนึ่งผมไปบังเอิญได้ยินพวกเธอพูดกันเรื่องของครอบครัวของที่รักเข้า
คำพูดที่ดูเหมือนไม่ได้สนใจใยดีผู้เป็นแม่ แต่แววตาคู่สวยกลับเต็มไปด้วยความเศร้าหมองของที่รักทำให้ผมมองเธอใหม่
อาจจะเรียกว่ามองใหม่ไม่เต็มปากเท่าไหร่เพราะเมื่อก่อนก็ไม่ได้มองอยู่แล้ว แต่สารภาพเลยว่าผมมองเธอเยอะขึ้นกว่าเดิม
ก็แค่มอง
มองทั้งที่โดนเมินนั่นแหละ
ดูเจ๋งดี
แต่เรื่องเมื่อก่อนก็ช่างเรื่องของเมื่อก่อนไปเถอะ ยังตอนนี้เธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว...
เธอมีน้องสาวของผมที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอและเป็นห่วงเธอมาก
เธอมีเพื่อนที่มหา'ลัยที่ผมไม่รู้ว่านิสัยใจคอเป็นยังไง
และวันนี้...เธอมีผมที่เป็นเพื่อนใหม่ในชีวิต แม้ความสัมพันธ์เราจะล่วงเกินกันไปแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังคงหยิบยื่นความสัมพันธ์แบบเพื่นอมาให้ผมอยู่
ก็รู้สึกประทับใจดี
เพราะประทับใจเลยอยากดูแลเธอให้ดี
เพราะที่รักตัวแค่นี้...จะให้เธอกลับไปอยู่ตัวคนเดียวอีกคงจะไม่ดีเท่าไหร่...
และเพราะผมคิดแบบนั้น จากที่เราสองคนนอนคนละฝั่งของเตียงในตอนแรก ผมกลับเป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้แล้วใช้แขนดึงร่างของเธอเข้ามาแนบแผ่นหลังเล็กๆ น่าทะนุถนอมของเธอเข้าชิดกับแผงอกของผมแล้วหลับตาลดเพื่อซึมซับความอุ่นจะร่างกายของเธอเอาไว้ แม้ว่ากลิ่นเบียร์จะฟุ้งไปทั่วตัวของเธอก็ตาม
เกือบจะดี
แต่กลิ่นที่เกือบจะมอมเมากันแบบนี้...เหมือนกำลังยั่วพี่เลยนะที่รัก...
จบบทบรรยาย:: ราม
ตอนนี้เวลาเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่แน่ใจ แต่สิ่งเดียวที่ฉันรับรู้ได้คือกำลังโดนแขนแกร่งของรามรัดตัวเอาไว้อยู่...
เวร อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนเรา...อีกแล้วน่ะ?
ฉันหลับตาลงอีกครั้งหลังจากที่ตื่นขึ้นมาด้วยความมึนหัวก่อนจะถอนหายใจในความประมาทของตัวเองแรงๆ หนึ่งที
ครั้งแรกระหว่างเราฉันขอเรียกมันว่าความผิดพลาด... แต่ครั้งที่สองฉันเรียกว่าความประมาทในการใช้ชีวิต
เอาจริงๆ มันก็ประมาททั้งสองครั้งนั่นแหละ...
ใช้ไม่ได้ที่สุดเลยฉันเนี่ย
ฉันด่าตัวเองในใจก่อนจะดึงมือที่พาดอยู่ตรงช่วงเอวสอบของรามมาวางบนอกแกร่งแล้วออกแรงผลักตัวเขาให้ออกห่าง
แต่ความพยายามของฉันมันไม่เป็นผลเมื่อผลักยังไงรามก็ไม่ยอมออกห่างจากฉันอยู่ดี
ฉันลดมือตัวเองไปที่เอวของเขาอีกครั้งก่อนจะออกแรงทุบตรงส่วนนั้นเริ่มจากเบาๆ ก่อนแล้วค่อยแรงขึ้นอีกเมื่อเขาไม่ยอมขยับ
"ตื่นสิ" ฉันพูดขึ้นมา สายตาจดจ้องที่ปลายคางของเขาแล้วลากสายตาขึ้นไปอีกหน่อยตรงเปลือกตาที่กำลังปิดสนิทอยู่ "รามตื่น"
"......" นิ่งเงียบ
"ราม..." ฉันเรียกเขาเสียงเรียบ
"......" เปลือกตาของเขายังคงปิดสนิทอยู่ แม้ท่อนแขนแกร่งและขายาวๆ ของเขาที่อยู่ใต้ผ้าห่มจะเริ่มขยับแล้วเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานจากที่เขานอนนิ่งอยู่เฉยๆ ก็เริ่มดิ้นเมื่อฉันพยายามจะมุดออกจากอ้อมแขนของเขา
เขา...เขาขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นทั้งที่ช่องว่างระหว่างเรานั้นแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว
"รามม" ฉันเรียกเขาเสียงเอื่อย
เริ่มขี้เกียจเรียกแล้วนะ...
"นี่ ตื่นแง้วก็ลืมตาขึ้นมาสิราม" ฉันพูดมั่ว เพียงเพราะเขาเริ่มขยับแล้วเท่านั้นเลยคิดไปว่าเขาตื่นแล้ว
แต่ก็อย่างที่เห็น...เขายังไม่ลืมตาขึ้นมาเลย
ฉันขมวดคิ้วนอนนิ่งๆ สักพัก เริ่มคิดหาทางว่าควรทำยังไงเขาถึงจะยอมคลายอ้อมกอดออกไป แต่ก็คิดไม่ออก ที่คิดออกก็ทำไปแล้ว แต่ก็ทำไม่สุดแรงเพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ...
งั้นลองทำให้แรงกว่าเดิมดีกว่า
'ปั้กๆๆๆ'
'ตุบๆๆๆ'
"ตื่นสิราม! ไฟไหม้ห้องนายแล้วนะ!" ทั้งดิ้นแรงขึ้นและพูดเสียงดังขึ้นอีก จากที่ปวดหัวอยู่ก็หายไปเลยเพราะคงไม่มีเวลามาให้ปวดหัวแล้วแหละ ยิ่งตอนนี้ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้วด้วย ยิ่งไม่มีเวลาไปกันใหญ่!
ฉันต้องไปเรียนนะ!
"อือ อย่าดิ้น" ครั้งนี้รามส่งเสียงออกมาด้วย เขาว่าก่อนจะเริ่มคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อย แต่กลับใช้ขามาพาดทับกับขาของฉันไว้
......
"รามมันหนัก!!" ฉันว่าก่อนจะอาศัยจังหวะที่คนตัวสูงเริ่มดิ้นอีกครั้งพลักเขาออกแรงๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง แต่ก็นั่งได้ไม่นานเพราะท่อนขายาวๆ ของเขาถูกใช้ดันให้ฉันนอนลงเหมือนเดิมแล้วพาดมันลงที่ลำตัวของฉัน...
ทำแบบนี้ด่าได้ไหม?
ด่าเขาว่าออกไปว่า 'ไอ้เวร' ดังๆ ได้ไหม?
ถ้าด่าออกไปเขาจะว่าอะไรฉันกลับคืนมาไหม?
ได้แต่ตั้งคำถามในใจ แต่ถามไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี ดังนั้นฉันเลย...
"ไอ้เวร!!"
ตะโกนออกไปสุดดเสียง แล้วใช้มือของตัวเองบีบจมูกเขาเอาไว้โวยวายเสียงดัง
"นายใช้กำลังกับฉันหรอ?! นี่เมื่อกี้นายยกขาขึ้นมาใช้กับฉันที่เป็นผู้หญิงหรอ?!" ถามเสร็ตก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างทุบขาของเขาไปสามทีแล้วพูดต่อ "ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะราม! มันเช้าแล้ว ฉันต้องไปเรียน!"
"อืมๆๆๆ" ครั้งนี้เหมือนการกระทำของฉะนจะได้ผลเมื่อรามลืมตาขึ้นมาเห็นฉันปั้นหน้ายักษ์ใส่เขาอยู่
คนตัวสูงปัดมือที่บีบจมูกของฉันออกแล้วผละตัวออกจากฉันไปด้วย
ผละไปทั้งตัว รวมทั้งขาที่เมื่อกี้พาดอยู่บนลำตัวของฉันน่ะ
"เสียงดัง" เขาพูดมาสองคำพร้อมกับยกมือขึ้นขยี้ผมที่ไม่ได้ทรงของตัวเองแล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตาหงุดหงิด
"ไม่ต้องมองฉันด้วยสายตาหงุดหงิดเลยนะ ฉันต่างหากที่ต้องรู้สึกแบบนั้นน่ะ" ฉันว่าพร้อมกับดึงเสื้อของตัวเองให้เข้าที่แล้วยกมือขึ้นกอดอก "นายนอนกอดฉันแน่นมาก ฉันหายใจไม่ออก แล้วนายก็เอาขามาก่ายฉันด้วย มันหนัก ส่วนตอนนี้ฉันก็มีเรียน ปลุกนายตั้งนานไม่ยอมตื่นสักที ฉันจะไปเรียนสาย ต้องหงุดหงิดไหม?" ฉันร่ายยาวใส่เขา แต่สิ่งที่คนตัวสูงตอบกลับมามีแค่คำถามที่ฉันฉันกลับเท่านั้น
"ยังเมาอยู่หรอ?"
"ไม่เมาแล้ว!" ฉันตอบเขากลับ
"ไม่เมาก็น่าจะรู้ป่ะว่ามันยังมืดอยู่?" เขาว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ว่าก่อนที่เขาจะดึงผ้าห่มไปห่ม เขาได้เอื้อมมือไปหยิบเอาบางอย่างที่หัวเตียงมาโยนใส่ฉันแล้วนอนต่อโดยครั้งนี้เขานอนหันหลังให้ฉันด้วย
ฉันหยิบโทรศัพท์เครื่องบางของเขาขึ้นมามองไม่เข้าใจว่าทำไม แต่นิ้วฉันไปถูกอะไรสักอย่างของโทรศัพท์เขาเข้าหน้าจอของมันก็สว่างวาบขึ้นทันที
ตอนแรกก็กะจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วจะทำเนียนวางทิ้งไว้แล้วรีบวิ่งกลับห้องตัวเอง แต่บางอย่างที่แสดงอยู่บนหน้าจอทำให้ฉันนิ่งไปทันที
'01:09 น.'
อ่า...เพิ่งตีหนึ่ง
ยังไม่เช้าเหมือนที่รามบอกจริงๆ ด้วย
แต่เมื่อกี้โวยวายใส่เขาไปเยอะเลย... แถมยังกล่าวหาเขาด้วยว่าทำให้ฉันไปเรียนช้าน่ะ...
แล้วเมื่อกี้ฉันไปเอาความมั่นใจจากไหนไปว่าเขามำฉันสายกันนะทั้งๆ ที่ในห้องก็ยังมืดอยู่ ถึงจะมีแสงสว่างเล็กน้อยจากอะไรบางอย่างบนโต๊ะที่อยู่ข้างเตียงฝั่งของเขา แต่มันก็มืดอ่ะ
ฉันผิดสินะ...
ไม่รอบคอบเอง แถมยังเล่นใหญ่ด้วย
"ราม เมื่อกี้ขอโทษนะ" ฉันพูดเสียงเบาก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วใช้มือสะกิดบนแผ่นหลังที่เขาหันมาหาฉัน
รามนอนนิ่งไม่ยอมตอบอะไร ฉันเลยเข้าใจว่าเขาหลับไปแล้วอีกครั้ง เลยตัดสินใจลงจากเตียงของเขาไปแล้วกลับไปที่ห้องลองตัวเอง
ไม่กวนแล้วก็ได้
ไว้รอขอโทษอีกครั้งตอนเขาตื่นแล้วก็ได้
ไว้ค่อยมำมื้อเช้าไว้ให้เขาแทนคำขอโทษก็ได้...
คิดแบบนั้น แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามเพราะเมื่อเข้ามาในห้องตัวเองเรียบร้อย ปิดปนะตูเสร็จสรรพฉันก็ตะโกนเสียงดังว่า
"ฉันขอโทษ!!"
ออกไปอยู่ดี ด้วยความหวังว่าเขาจะได้ยินแล้วให้อภัยกันง่ายๆ แต่ว่า...
'แกร็ก'
เสียงเปิดประตูห้องของเขาดังขึ้น ฉันที่ได้ยินเสียงเลยเปิดประตูของตัวเองออกพร้อมกับเอียงหน้าไปดูด้วยความตื่นเต้น
แต่ความตื่นเต้นของฉันก็ดับหายวูบลงในพริบตาเมื่อได้ยินเสียงเรียบเนือยของรามดังออกมาว่า
"เหม็นปากโว้ย"
ไอ้เวร เอาคำขอโทษฉันคืนมาเลย
แต่ยังไม่เอาตอนนี้หรอก เขาพูดมาขนาดนี้ฉันก็ต้องไปอาบน้ำแปรงฟันสิ!
หึ่ย!
"ไอ้บ้าๆๆๆๆ" ปิดประตูลง เดินไปถอดเสื้อเตรียมอาบน้ำก็ด่าเขาไปด้วย
อะไรอ่ะ!? ฉันก็แค่ยังไม่อาบน้ำ ฟันยังไม่แปรงแค่นี้เอง ทำไมต้องมาว่าแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้! คนเขาอุตส่าห์ขอโทษดีๆ แล้วแท้ๆ แต่มาเจอคำพูดแบบนี้บอกเลย...ฉันไม่พอใจ!
ฉันใช้เวลาอาบน้ำเกือบยี่สิบนาที แปรงฟันอีกสามรอบเพื่อความมั่นใจแล้วเดินออกมาใส่ชุดนอนข้างนอกแล้วนั่งลงบนเตียงแรงๆ ถึงแม้จะอาบน้ำขจัดความสกปรกและกลิ่นต่างๆ ออกจากตัวๆปแล้ว แต่ความกรุ่นโกรธยังคงสถิตอยู่ในใจฉันอยู่ดี
ดังนั้นฉันคนนี้ที่นอนเต็มอิ่มแล้วและรู้สึกสดชื่นมากๆ ได้ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกห้องนอนของตัวเองก่อนจะเดินไปห้องฝั่งตรงข้ามแล้วเปิดประตูห้องเขาเข้าไป
ตอนแรกคิดว่าเขาจะล็อกห้องนะ แต่ไม่ค่ะ...เขาไม่ได้ล็อค เพราะงั้นตอนนี้ฉันเลยยืนจ้องหน้าเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หน้าของรามตอนนี้ดูต่างจากเมื่อกี้เล็กน้อยตรงที่เมื่อกี้เขาหลับด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้ว เหมือนกำลังฝันร้าย แต่คงไม่ใช่ฝันร้ายหรอก คงเป็นฉันนี่แหละที่กวนเขาจนเขานอนหลับไม่สนิทจนแสดงใบหน้าแบบนั้นออกมา ส่วนตอนนี้...นายรามคนนิ่งกำลังนอนหลับด้วยใบหน้าที่ดูไม่มีพิษภัย ดูไร้การป้องกันมากจนฉันนึกอยากจะแกล้งเขาให้สมกับที่เขาว่าฉันเมื่อกี้ แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ดลใจให้ฉันนั่งย่อลงไปข้างๆ เตียงแล้วมองเสี้ยวหน้าของเขาแบบนั้นด้วยความตื่นเต้น
ถึงฉันจะไม่ได้รู้สึกวี้ดว้ายราม แต่ยอมรับว่ารามเป็นคนหล่อระดับนึงเลย องค์ประกอบทุกอย่างบนหน้าของเขามันดูดีมาก แม้จะอยู่ภายใต้ความมืดที่มองไม่ค่อยเห็นก็ตาม
แต่ว่าขนาดตอนมืดเขายังดูหล่อขนาดนี้ แล้วถ้าสว่างจะหล่อขนาดไหนก็คิดเอานะคะ
แต่ก็นั่นแหละ...เขาตอนหลับดูดีกว่าตอนตื่นเยอะเลย
ฉันมองหน้าของรามต่ออีกไม่กี่นาทีก่อนจะตัดสินใจเอานิ้วชี้ของตัวเองไปจิ้มแก้มข้างขวาของเขาเบาๆ แล้วพึมพำขึ้นมาคนเดียว
"เห็นว่าหลับสบายหรอกนะเลยไม่แกล้งน่ะ" จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินกลับห้องของตัวเองมาข่มตานอน เพราะอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่ต้องตื่นจริงๆ
ไว้พรุ่งนี้ค่อยจัดการเขาก็ได้
ชิ!
เช้าวันต่อมา
เป็นเช้าที่ปกติเหมือนทุกวันนั่นแหละ อาการเจ็บปงดของฉันเริ่มทุเลาลงแล้ว ส่วนอาการเวียนหัวหรือมึนหัวอะไรนั่นก็ไม่มีแล้วหลังจากพักผ่อนเต็มที่ ดังนั้นวันนี้คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าไหร่
มั้ง...
"เมื่อวานจอดรถทิ้งไว้ที่มออ่ะเลยต้องรีบไปแต่เช้าเนี่ย"
[อ่าๆ งั้นก็จองโต๊ะไว้ให้ด้วย] เสียงปลายสายดังขึ้นอย่างงัวเงียก่อนจะตัดสายทิ้งไป
ฉันเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากระโปรงนักศึกษาของตัวเองก่อนจะเปิดเตาไฟฟ้าขึ้นเพื่อจะทำมื้อเช้าจากของที่มีในตู้เย็น
มีแค่ไข่...กับไข่...แล้วก็ไข่ เป็นไข่ที่ไม่รู้ว่าใครซื้อมาไว้ด้วย แต่ถ้าถามออกไปก็จะดูโง่ไปหน่อยเพราะห้องก็มีอยู่แค่สองคน คงไม่มีใครนอกจากเขาซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้หรอก
ดังนั้นเมื่อภายในห้องครัวของฉันมีแค่ไข่ ฉันเลยได้ตัดสินใจว่างั้นค่อยทำมื้อเช้าขอโทษรามวันที่ซื้ออาหารสดเข้าห้องดีกว่า เพราะถ้าจะทำแค่ไข่ดาวให้เขาเฉยๆ มันคงไม่น่ารักเท่าไหร่
พอคิดแบบนั้นฉันเลยปิดเคาไฟฟ้าไว้เหมือนเดิมก่อนจะแปะโน๊ตไว้ที่ตู้เย็นแล้วเข้าไปเตรียมอุปกรณ์การเรียนจากนั้นก็ออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าคอนโดเพื่อไปมหา'ลัย
'จะขอโทษวันหลังนะ - ที่รัก'
ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นที่แปะไว้ไหม แต่เห็นไม่เห็นก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของฉันล้มลงอยู่ดี
แม่จะโชว์ฝีมือให้ดู!
ฉันนั่งรถมาที่มหา'ลัยพลางนึกเมนูไปด้วยว่าตัวเองถนัดอะไร ควรทำอะไรให้เขาทาน แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาแพ้อะไรรึเปล่า แต่อีกใจก็อยากจะขอโทษแบบเซอร์ไพรส์ สุดท้ายก็ไม่ได้ตัดสินใจอะไรอยู่ดี และเมื่อมาถึงตึกคณะของฉัน เหล่านักษาที่มารอเรียนกันตั้งแต่เช้าก็หันมาให้ความสนใจฉันกันหมด
ฉันได้แต่ยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเพิ่งมีซีนดราม่าและโรแมนติกเกิดขึ้นกับฉันไป...
เนี่ย อีกละ ก็แค่ล้มแล้วมีคยมาช่วยแค่นี้ต้องให้ความสนใจกันด้วยหรอ?
ก็แค่แฟนเก่านั่งหัวโด่อยู่เฉยๆ มองฉันที่มีสภาพแย่ๆ โดยที่ไม่ช่วยอะไรเลยแค่นี้คนต้องสนใจกันด้วยหรือไง?
มันน่าตื่นเต้นตรงไหนอ่ะ?
ได้แค่คิดแต่ไม่ได้ถามคนแถวนั้นออกไป ทำได้แค่เดินเข้าไปที่ตึกด้วยใบหน้านิ่งเรียบของฉันแล้วไปนั่งรอที่ห้องเรียนแค่นั้น
เรื่องเล็กน้อยแบบนี้เดี๋ยวคนก็ลืม ฉันแค่ต้องทนกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนพวกนี้ไปสักระยะเท่านั้นเอง
ฉันปล่อยให้ตัวเองจัดการกับความรู้สึกที่น่าอึดอัดพวกนี้เพียงชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาเล่นรอเวลา แต่จังหวะเดียวกันนั้นเอง แจ้งเตือนจากแอพอินสตาแกรมก็เด้งขึ้นมา
มันเป็นคำขอติดตาม
ปกติฉันไม่ได้สนอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ฉันกดเข้าไปดูแอคเค้าท์นั้นก่อนจะกดอนุญาติให้เขาฟอลแล้วกดฟอลไอจีเขากลับ
@ramaram started following you
ฉันนั่งยิ้มอยู่คนเดียวระหว่างส่องแอคเค้าท์ที่ดูเหมือนจะเป็นรวมภาพถ่ายที่นึกอยากถ่ายก็ถ่าย สวยก็ถ่าย เบลอก็ถ่ายของเจ้าของบัญชีแล้วก็ได้แต่ยอมรับว่านี่มันค่อนข้างแสดงถึงตัวตนของเขาอยู่เล็กน้อย ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าตัวตนของเขาเป็นยังไงก็ตาม ดูเป็นบัญชีที่ใช้เก็บพวกภาพถ่ายของเขามากกว่าเพราะมันไม่มีรูปหน้าคนเลย
แต่ว่า...
@ramaram tagged you in a post
@ramaram tagged you in a post
นายราม...เขาแท็กอะไรฉันมา....
ความคิดเห็น