คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
'ดีแต่ทำตัวไร้ประโยชน์! จะไปไหนก็ไปเลยนะ!'
'ถ้าวันนี้แกหาเงินไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบบ้านอีก!'
'ฉันส่งแกเรียนขนาดนี้ก็รู้จักตอบแทนกันบ้างสิ!'
'หึ่ย! น่ารำคาญ! แกน่ะเป็นภาระจริงๆ!'
คำพูดที่คอยบั่นทอนจิตใจมาตั้งแต่จำความได้ไหลย้อนเข้ามาในหัวแม้ว่าฉันจะพยายามนึกถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับแม่ แต่พอนึกได้แค่เพียงไม่กี่วินาที คำด่าทอที่ทำร้ายจิตใจฉันก็วิ่งเข้าใส่ในหัวไม่หยุด
ไม่น่าเกิดมา...คือประโยคที่ฉันคิดมาตลอดเวลาที่ผู้เป็นแม่เริ่มด่าฉัน
ตายๆ ไปได้ก็ดี...คืออีกประโยคที่คอยหลอกหลอนกันอยู่ตลอดเวลา
แล้ววันนี้...วันที่ฉันมีความกล้า วันที่ฉันรู้สึกเหนื่อยล้ากับชีวิตตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้ลองทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเลยแม้แต่อย่างเดียวจนน่าเสียดาย แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นฉันก็ได้ปีนขึ้นราวสะพานแล้วลุกขึ้นยืนอยู่บนราวสะพานก่อนจะหลับตาลง
"ฮึก!" เสียงสะอื้นเริ่มเล็ดลอดออกมาจากปากของฉันอีกหลังตากที่พยายามอดกลั้นมานาน
มือสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนคิดว่าถ้าเล็บฉันยาวกว่านี้มันคงทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อหนังจนเลือดไหลซิบออกมาแน่นอน แต่โชคยังดีที่มันไม่เป็นแบบนั้น
อืม... เพราะฉันไม่ชอบเจ็บตัว แน่สิ ใครๆ ก็คงไม่ชอบกันเพราะแบบนั้นเวลาแม่บอกหรือสั่งอะไรฉันก็ต้องทำตามตลอด เพราะถ้าไม่ทำแม่จะตีฉัน... แม่ตีฉันเจ็บมากจนฉันอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ต่อหน้าแม่ แต่ฉันก็ทำไม่ได้เพราะแม่ฉันไม่ชอบ...
เพิ่งมานึกสงสัยตอนนี้ว่าแม่ไม่ชอบทุกอย่างที่ฉันทำหรือเปล่า แต่คิดไปก็บั่นทอนจิตใจตัวเองอยู่ดี สุดท้ายฉันตัดสินใจก็สลัดความคิดทั้งหมดทิ้ง
ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลังแล้วเตรียมตัวเตรียมใจที่จะทิ้งตัวเองให้ดิ่งลงแม่น้ำที่อยู่ใต้สะพาน
ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าตอนกลางคืนที่มืดมิด มองกลุ่มดาวหลายล้านดวงแล้วยิ้มออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วหลับตาลงพร้อมที่จะกระโดด
ริมปากที่สั่นระริกพึมพำประโยคที่คอยพูดทุกครั้งที่มีโอกาสได้พูด "ฮึก หนูรักแม่นะ" สิ้นเสียงอันสั่นครือวินาทีที่ขาข้างซ้ายก้าวออกไปอยู่เหนืออากาศ ร่างกายเตรียมพร้อมที่จะปะทะกับน้ำเย็นเฉียบข้างล่างเต็มทน แต่ทว่า...
"ถ้าจะสั่นกลัวขนาดนั้นก็ไม่ต้องทำ" เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังขึ้นจากด้านล่าง ไม่สิ หมายถึงจากบนฟุตบาททำให้ฉันสะดุ้งอย่างตกใจจนชักเท้ากลับมายืนด้วยขาทั้งสองข้างเหมือนเดิมก่อนจะก้มลงมองเจ้าของเสียง
เจ้าของเสียงที่ว่าเป็นผู้ชายตัวสูง ปากเขาคาบบุหรี่เอาไว้ มือพยายามจะหาอะไรบางอย่างในกางเกงของตัวเอง แต่พอหาไม่เจอก็เลือกที่จะเงยหน้าขึ้นมามองฉัน
นั่น...เป็นครั้งแรกที่เราสองตาสบตากัน
"ไม่อยากลงมาคุยกันดีๆ?" เขาถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง แม้ว่าสถานที่ตรงนี้จะมีผู้คนใช้ถนนสัญจรผ่านไปมาไม่มากเท่าไหร่ แต่บริเวณนี้ก็มีแสงไฟคอยส่องมาอยู่เสมอและนั่นทำให้ฉันมองหน้าเขาได้ชัดเจนขึ้น...
ดวงตาคมกริบที่ฉายแววเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกจ้องมองฉันท่ามกลางความมืด แต่ไม่นานดวงตาคมกริบคู่นั้นก็ถูกผมที่ไม่ได้เซ็ทเป็นทรงที่กำลังถูกลมพัดปลิวไปมาปรกหน้าเขา แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็ถูกฝ่ามือหนาจับผมทั้งหมดขึ้นรวบขึ้นไปแล้วพยายามจัดทรง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะลมยังคงพัดไปมาอยู่
"แถวนี้มีร้านขายของไหม?" เขาถามขึ้นมาอีก ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทำให้ครั้งนี้ฉันตอบคำถามของเขาออกไป
"มีค่ะ"
อาจเป็นเพราะมันเป็นคำถามที่สามารถตอบได้โดยที่ไม่ต้องคิดหรือไม่ก็เพราะดวงตาที่มองมาคู่นั้นฉันก็ไม่อาจให้คำตอบที่แน่ชัดออกไปได้...
หลังจากได้ยินคำตอบของฉันแล้วมือหนาข้างขวายื่นขึ้นมาหาฉันที่ยังยืนอยู่บนราวสะพาน แม้ตอนแรกฉันทำท่าจะถอยหนี แต่พอตัวเองเริ่มเซและมีทีท่าว่าจะตกลงไปข้างล่างอยู่ๆ ใจมันก็วูบโหวงไปจนฉันนึกว่าหัวใจตัวเองจะหยุดเต้นไปซะแล้ว แต่ก็รู้สึกแบบนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่เพราะเพียงเสี้ยววินาทีต่อมาหัวใจดวงน้อยของฉันก็เต้นกระหน่ำอย่างแรงเมื่อข้อมือของฉันถูกฝ่ามือหนาของบุคคลแปลกหน้าเอื้อมมาคว้าเอาไว้พร้อมกับกระชากให้ลงมาจากราวสะพาน
มันเต้นแรงเพราะฉันกลัวว่าตัวเองจะตกลงไปโดนพื้น แต่ว่าไม่ใช่เพราะร่างแกร่งที่มีกลิ่นน้ำหอมจางๆ กำลังโอบกอดฉันเอาไว้อยู่ เนิ่นนานจนเขาคิดว่าฉันเริ่มคุมสติที่หลุดลอยของตัวเองได้แล้วเสียงทุ้มต่ำเลยพูดขึ้นมาอีกรอบ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ต่อจากที่เราค้างไว้เมื่อกี้
"งั้นพาไปหน่อย"
วันนั้นฉันส่ายหน้าให้เขาอย่างรุนแรง ทั้งส่ายหน้าทั้งร้องไห้ต่อหน้าบุคคลแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกัน มีเขาคอยยืนฟังฉันอยู่เงียบๆ ฟังฉันตัดพ้อถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตแล้วจบลงตรงที่เขายื่นข้อเสนอบางอย่างให้ฉันมา...
แน่นอนว่าฉันตอบตกลงโดยที่แทบจะไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน
วันนั้น...เขาจัดการเรื่องทุกอย่างภายในคืนเดียวทั้งเรื่องแม่และเรื่องของฉัน
จัดการมอบเงินจำนวนหนึ่งให้แม่แลกกับเอกสารสำคัญต่างๆ ของฉันที่เขาคิดว่ามันจำเป็นต้องใช้ในอนาคต
ส่วนคำพูดที่แม่ฉันได้พูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ฉันจะเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น...
"แกอย่าลืมส่งเงินเดือนแกมาให้ฉันทุกเดือนนะ!"
ทำให้ฉันได้แต่เดินก้มหน้าแล้วหันหลังให้ท่านพร้อมกับกลั้นเสียงสะอื้นอย่างสุดความสามารถ
ท่านไม่ถาม ไม่ห้ามและไม่คัดค้านที่ฉันจะไปไหนก็ไม่รู้กับคนแปลกหน้าเลยสักนิด มีเพียงน้ำเสียงที่แข็งกร้าวที่ฉันได้ยินทุกวันเท่านั้น...
และก่อนที่ฉันจะปล่อยให้ความคิดด้านลบมันครอบงำไปมากกว่านี้ คนที่ยื่นข้อเสนอมาว่าจะให้ชีวิตใหม่ให้แก่ฉันก็พูดขึ้นมา
"หลังจากนี้ก็ทำงานให้มันเต็มที่กับค่าจ้างที่แม่เธอเรียกด้วยแล้วกัน"
นั่น...เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเราสองคน
ความคิดเห็น