คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สิ่งที่รับรู้ บันทึกเวลา และปฏิทิน 100%
สิ่งที่รับรู้ บันทึกเวลา และปฏิทิน
[365 วัน : 25 มีนาคม 25xx]
“อืม... น้ำ” ร่างบางบนเตียงส่งเสียงครางเบาๆออกมา พร้อมกับมือที่ไขว่คว้าหาแก้วน้ำ เปลือกตาของเธอขยับขึ้นทีละนิด ก่อนจะเปิดขึ้นมาในที่สุด
“น้ำ...” หญิงสาวเอ่ยออกมาอีกครั้ง คราวนี้แก้วน้ำใบหนึ่งถูกส่งให้เธออย่างรวดเร็ว มืออุ่นกุมมือขาวซีดของเธอไว้อย่างแน่นหนา
“ที่นี้มัน...?” สติสัมปชัญญะที่เริ่มกลับมาส่งผลให้ร่างบางมองไปรอบๆตัว ภาพของห้องสีขาวสะอาดตาปรากฏให้เห็นในสายตา กลิ่นฉุนของยายิ่งย้ำในความคิด
โรงพยาบาล?
“โรงพยาบาลไงเดียร์ น้องหลับไปตั้งอาทิตย์หนึ่งเชียวรู้ไหม...” เจ้าของมือที่ส่งน้ำให้เธอเอ่ย เขายังคงจับมือเธอแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป ใบหน้าหล่อเหลาดูอิดโรยเล็กน้อยจากความเหนื่อยและความกลัว
กลัวว่าจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของน้องสาวคนนี้อีกต่อไปแล้ว...
“เดียร์เป็นอะไรไปหรอคะพี่ซาน” เดียร์ หรือเรนเดียร์เอ่ยถามผู้เป็นพี่ชาย สมองเธอยังไม่ตื่นตัวพอจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“น้องถูกรถชนเรนเดียร์... ถูกรถชนหลังจากเดินออกมาจากสนามบินในวันนั้น...” คำพูดที่ทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือก... ใบหน้าที่ซีดขาวอยู่แล้วยิ่งซีดขึ้นไปอีก เมื่อความทรงจำไหลเวียนกลับคืนมา...
‘แล้วฉันจะกลับมาเดียร์ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันจะกลับมาอย่างแน่นอน...’
ใคร?
‘กลับมาเพื่อแก้แค้นพวกเธอ!!!’
ฉันทำอะไรผิด?
‘นายเข้าใจผิดนะ พฤษก!’
พฤษก!
‘เจ้าตายแล้ว แต่... อยากมีชีวิตใหม่ไหมล่ะ...’
ตาย...
‘ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งปี...’
หนึ่งปี?
‘จงใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด!’
ขอบคุณจริงๆ
ร่างบางยกมือขึ้นกุมขมับอย่างปวดหัว ท่าทางนั้นทำให้ผู้เป็นพี่ชายรีบกดกระดิ่งเรียกนางพยาบาลทันที
“เป็นอะไรมากไหมเดียร์ เดี๋ยวพยาบาลก็มาแล้ว น้องอย่าเป็นอะไรไปนะ!!” ซานหรือซานต้า เอ่ยออกมาเสียงดัง น้ำตาลูกผู้ชายคลอเบ้ายามเห็นท่าทางเจ็บปวดของน้องสาว...
“เดียร์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ปวดหัวนิดหน่อยเอง เดี๋ยวเดียร์นอนพักสักแปบก็หายแล้วละค่ะ” เรนเดียร์ว่า ร่างบางค่อยๆหลับตาลง หากเสียงของผู้เป็นพี่ชายก็รั้งเอาไว้ก่อน
“น้องจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งใช่ไหม?” เรนเดียร์เปิดตาขึ้นมามองอีกครั้ง เธอขยับปากเอ่ยคำสัญญากับพี่ชาย
“เดียร์สัญญาค่ะ เดียร์จะลืมตาขึ้นมา” เรนเดียร์ว่าแล้วยิ้มให้พี่ชายบางๆ ก่อนเปลือกตาจะถูกปิดลงอีกครั้ง สติสัมปชัญญะถูกด่ำดิ่งลงสู่ห้วงฝันโดยไม่รับรู้อะไรอีก...
ร่างบางบนเตียงค่อยๆขยับเปลือกตาเพื่อลืมขึ้นอีกครั้ง แสงสีส้มอ่อนๆที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างเป็นตัวบอกเวลาให้เธอได้เป็นอย่างดี
‘เย็นแล้วหรอเนี้ย...’
เรนเดียร์คิด สายตาสอดส่องไปรอบห้อง ก่อนจะพบร่างของพี่ชายตนนอนหลับอยู่ตรงโซฟา หญิงสาวค่อยๆยกตัวขึ้นจากเตียง รู้สึกมึนหัวเล็กน้อยจากการที่นอนมานานเกินไป มือบางกำผ้าห่มไว้แน่น ก่อนก้าวลงมาจากเตียง...
“เดียร์ตื่นขึ้นมาแล้วนะคะ” เรนเดียร์ว่าแล้วยิ้มบางๆ เธอคลี่ผ้าห่มคลุมร่างของผู้เป็นพี่ชาย ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจเดินไปหาน้ำกินที่ตู้เย็น
หญิงสาวเลือกหยิบน้ำที่เย็นน้อยที่สุดมาหนึ่งขวด หากไม่ทันจะยกขึ้นดื่ม เสียงของคนทะเลาะกันที่ดังขึ้นมาหน้าห้องก็เรียกความสนใจของเธอเสียก่อน...
‘ใครนะ? ทำไมเสียงคุ้นอย่างนี้?’
เรนเดียร์สงสัย และเธอก็ไม่คิดจะปล่อยมันให้เป็นความสงสัยตลอดไปด้วย ร่างของคนไม่เจียมสังขาร ขยับไปที่ประตูอย่างรวดเร็วด้วยฝีเท้าแผ่วเบา หรือเอาความจริง คือเธอไม่มีแรงแล้วต่างหาก...
“ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ละ ใครทะเลาะกันอยู่นะ?” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย เธอค่อยๆแง้มประตูออกไปเล็กน้อยพอมีรู้ให้มองเห็น ก่อนจะเงียหูฟัง
“หมายความว่ายังไงกันครับ! วันที่ 30 เมษายนเองหรอ!!” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นมาให้เธอได้ยิน หญิงสาวพยายามขยับตัวมองให้เห็นหน้าชายคนนั้น ก่อนเธอจะเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ
‘คุณพ่อ!...’
เรนเดียร์อุทานกับตัวเองในใจ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย ก่อนเสียงของคู่สนทนาผู้เป็นพ่อเธอจะดังขึ้น เรียกให้เธอต้องตั้งใจฟังอีกครั้ง
“ถ้าคุณหูไม่หนวกนะ... ผมบอกแล้วไงว่าวันที่ 30 เมษายน หรือถ้าฟังไม่รู้เรื่องผมจะบอกอีกรอบก็ได้นะครับ เฮ้อ...” คู่สนทนาที่น่าจะเป็นชายแกล้งถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หากก็ไม่ได้ทำให้พ่อของเรนเดียร์โกรธแต่อย่างใด เขากลับใจเย็นขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเข้าใจดีแล้ว...” ท่าทางของคู่สนทนาดูจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับคำพูดดีๆ แทนที่จะเป็นคำโมโหโกรธาอย่างรายอื่นๆ ก่อนที่เขาจะขยับปากพูดอีกครั้ง
“ถ้าเข้าใจก็ดีแล้วครับ ผมขอตัวลาก่อนละกัน พบกันอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านะครับ” คู่สนทนาปริศนาว่าแล้วหมุนตัวเดินออกไป และถ้าเธอมองไม่ผิด เธอเห็นแววตาสีดำของคนนั้นๆจ้องมองมาที่เธอแวบหนึ่งด้วย!!
‘น่ากลัว ไม่ใช่... เศร้าโศกต่างหาก’ เรนเดียร์คิดเมื่อมองดูดวงตาสีดำคู่นั้น... มันดูเศร้าโศกอย่างบอกไม่ถูก...
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจของผู้เป็นพ่อเรียกสติเรนเดียร์กลับมาอีกครั้ง เธอมองแผ่นหลังที่เป็นผู้นำของบ้านมาตลอดแล้วนิ่งอึ้งเมื่อเห็นว่ามันเหนื่อยล้าเพียงใด
“ผมควรจะทำยังไงดีนะ คริสมาสต์”
“แล้วคุณพ่อมีเรื่องอะไรล่ะคะ...” เรนเดียร์ตัดสินใจเปิดประตูออกไปในที่สุดเมื่อได้ยินผู้เป็นพ่อเอ่ยถึงแม่ของตน ชื่อที่พ่อของเธอจะไม่มีวันเอ่ยออกมาให้เจ็บปวด หากไม่เกิดเรื่องอะไรที่หนักหนาจริงๆ...
“เรนเดียร์! ลูกตื่นขึ้นมาตั้งตาเมื่อไหร่นะ แล้วลุกขึ้นมาเดินทำไมกันฮึ” พ่อไม่ได้เอ่ยตอบคำถามของผู้เป็นลูกสาว เขาเดินตรงเข้ามาสำรวจตรวจสอบร่างกายของหญิงสาวก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อไม่เห็นบาดแผลใดๆ
“ให้ตายเถอะ... ลูกพึ่งฟื้นแท้ๆ ลุกขึ้นมาเดินแบบนี้ได้ยังไงกัน ไป... ไปนอนบนเตียงไปลูก” พ่อของเธอกล่าวแล้วพาร่างบางไปตรงเตียง เรนเดียร์ขึ้นไปนอนอย่างไม่อิดออด ดวงตาสีดำจ้องมองผู้เป็นพ่ออย่างคาดคั้น...
“วันที่ 30 เมษายนมีอะไรหรอคะ?” คำถามที่ไม่มีการเกริ่นนำทำเอาผู้เป็นพ่อแทบตั้งรับไม่ทัน เขาหันไปมองใบหน้าของลูกสาวอย่างตกใจแล้วเอ่ยออกมา
“ละ... ลูกไปได้ยินมาจากไหน”
“ถ้าพ่อคิดว่าเสียงที่คุยกับคนๆนั้นเบาแล้วละก็ พ่อคิดใหม่เถอะค่ะ” หญิงสาวว่าประชด
“แต่ลูกก็ไม่ควรแอบฟังต่อ!”
“ก็พ่อบอกเองนี้... ถ้ามีเรื่องสงสัยไม่ควรเก็บไว้!!”
“ลูก!!” ก่อนที่การทะเลาะกันของสองพ่อลูกที่ไม่ได้เจียมสังขารกันเลยทั้งคู่จะเมามันส์ไปมากกว่า ร่างของคนที่ตื่นขึ้นมานานแล้วก็เอ่ยขึ้นมาในที่สุด
“เลิกทะเลาะเป็นเด็กๆสักทีเถอะครับ เรนเดียร์น้องพึ่งฟื้นขึ้นมาเองนะ ถ้าเป็นอะไรไปอีกขึ้นมาจะทำไงกัน” คำพูดเศร้าๆของซานเตือนสติให้พ่อและเรนเดียร์คิดขึ้นมาได้ ทั้งสองจึงต่างพากันนิ่งเงียบ คนห้ามศึกจึงพูดขึ้นอีก
“แล้วอีกอย่าง เรื่องนี้ผมว่าสมควรบอกเรนเดียร์นะครับ น้องโตพอจะคิดเองได้แล้วว่าอะไรควรไม่ควร ที่สำคัญขืนไม่บอกยัยนี่ก็คงบุ่มบ่ามหาความจริงให้ได้อยู่ดีแหละ” คำพูดที่ทำเอาเรนเดียร์อดคิดไม่ได้ว่าตกลงพี่ชายเธอเห็นว่าเธอคิดเองได้หรือยังว่าอะไรควรไม่ควร - -
“มันก็ใช่ แต่ลูกจะมีหลักประกันอะไรว่าน้องจะไม่ทำอะไรให้ตัวเองเสี่ยงอันตรายกันล่ะ!!”
“หนูสาบานเลยก็ได้ค่ะ ว่าจะไม่ทำอะไรให้เป็นอันตราย (ต่อคนอื่น)” เรนเดียร์โพล่งออกมา ทำเอาผู้เป็นพ่อเห็นลางแพ้อยู่กลายๆ
“ฮึย... เข้าใจแล้ว พ่อบอกลูกก็ได้” เมื่อทนเห็นสายตาคาดคั้นไม่ไหว ชายวัยกลางคนก็ได้แต่จำยอมแล้วเริ่มต้นเล่าเรื่อง
“เรื่องระหว่างพ่อกับชายคนนั้น ถ้าจะเล่า...พ่อคงต้องย้อนไปตั้งแต่ครั้งแรกที่รับรู้ว่าลูกโดนรถชน...”
ภาพเมื่ออดีตยังคงแจ่มชัดในความคิดราวกับมันพึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อวาน เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขณะที่เขากำลังจะเดินออกมาจากบริษัททำให้ขาที่กำลังก้าวเดินต้องหยุดชะงัก มือเอื้อมลงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ก่อนเอ่ยรับอย่างสงสัย
‘สวัสดีครับ’
‘พ่อ! นั้นพ่อใช่ไหมครับ!!’
‘ใช่แล้ว มีอะไรหรอลูก’ ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามกลับไปอย่างงงๆ เมื่อได้ฟังน้ำเสียงร้อนรนของคนเป็นลูก
‘น้องโดนรถชนครับพ่อ!!ผมอยู่ที่โรงพยาบาลxxx! พ่อรีบมานะครับ!!!’ ซานตอบกลับไปทันที เขารีบพูดแบบที่ไม่คิดจะหยุดพักหายใจ
‘เข้าใจแล้ว! พ่อจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ!!!’ ชายวัยกลางคนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร้อนรนไม่แพ้กัน เขาไม่คิดจะถามอะไรต่อ นอกจากจะรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วออกวิ่งทันที!!
เมื่อวิ่งออกมาถึงถนน ผู้เป็นพ่อมองซ้าย-ขวาเพื่อหารถสักคันที่จะสามารถพาไปโรงพยาบาลดังกล่าวได้โดยเร็ว และไม่ต้องรอนาน รถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาใกล้ ชายวัยกลางคนกระโดดขึ้นรถในทันทีโดยไม่คิดจะรอให้รถจอดก่อน!!
‘ไปโรงพยาบาลxxx ด่วนเลยไอ้หนุ่ม!!’
‘ครับ!! OoO’ หนุ่มมอเตอร์ไซด์รีบขานรับแล้วบึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงน้ำตะโกนสั่งอย่างร้อนรนจากผู้โดยสาร
: โรงพยาบาลxxx :
‘ทางนี้ครับพ่อ!!’ เสียงของซานเอ่ยอย่างรีบเร่ง เมื่อเห็นพ่อของตนวิ่งเข้ามา ชายหนุ่มวิ่งไปกดลิฟต์ ก่อนเปลี่ยนเป็นหันไปถามคนเป็นพ่อแทน
‘พ่อพอจะวิ่งไหวอีกไหมครับ!!’
‘ตอนนี้ให้พ่อทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ!!’ คนเป็นพ่อตอบกลับแม้จะมีเหงื่อเต็มหน้า
‘ถ้าอย่างนั้นตามผมมาเลยครับ’ ซานว่าแล้วพาพ่อตนวิ่งขึ้นบันได! เหงื่อของชายวัยกลางคนไหลโชกเสื้อผ้าหากก็ยังสามารถวิ่งขึ้นมายังห้องไอซียูที่ชั้น 3 ไหว
‘หมอครับ! น้องสาวผมเป็นยังไงบ้างครับ!!’ ซานที่ยังมีแรงเหลือรีบเข้าประชิดตัวหมอชราที่เดินออกมาจากห้องพอดีโดยมีผู้เป็นพ่อนั่งฟังอยู่ตรงเก้าอี้หน้าห้องอย่างหมดแรง
‘อาการภายนอกไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ เพียงแต่...’ คนเป็นหมอหยุดไป สีหน้าลำบากใจที่จะพูดต่อ
‘แต่ว่าอะไรครับหมอ!!’ พ่อที่เริ่มหายเหนื่อยแล้วลุกมาตะคอกถาม แววตาเป็นกังวล
‘แต่ว่าคนไข้มีโอกาสที่จะหลับไปตลอดหรือที่เราเรียกกันว่าเจ้าหญิงนิทรานะครับ...’ ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจของคนเป็นพ่อ ร่างที่เริ่มชราแทบทรุดลงไปกับพื้น หากผู้เป็นลูกชายรับไว้ได้เสียก่อน
‘พ่อครับ!!’
‘หมอคงต้องขอให้ทุกๆคนทำใจเอาไว้ด้วยนะครับ หากภายในอาทิตย์นี้คนไข้ไม่ฟื้น ลูกสาวคุณก็คง...’ เสียงของหมอหยุดไปอีกครั้ง แล้วจึงเอ่ยต่อ
‘ไม่ฟื้นอีกเลย...’ น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาจากดวงตาของคนเป็นพ่อและพี่ชายทันที ที่รับรู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ด้านในห้องนั้นมีสิทธิ์ที่จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว...
‘ไม่มีหนทางไหนเลยหรอครับหมอ...’ พ่อเอ่ยถามเสียงเหนื่อย ในขณะที่คนเป็นหมอมีสีหน้าลำบากใจอีกครั้ง
‘จะว่ามี... มันก็มีแหละครับ’ คำพูดที่ราวกับเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจ ดวงตาของคนเป็นพ่อ เริ่มเห็นประกายความหวัง
‘ทางไหนหรอครับหมอ!!’ หมอชรามีอึดอัดใจที่จะเอ่ยบอก หากสุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาในที่สุด
‘คือ... เนื่องจากร่างกายของลูกสาวคุณมีบางอย่างผิดปกติไม่เหมือนกับแคสอื่นๆ... หรือก็คือคนไข้รายนี้มีโรคประจำตัวที่แปลกอยู่โรคหนึ่ง... จริงไหมครับ’ ดวงตาของพ่อสบกันกับดวงตาของคนเป็นลูกชาย แล้วพยักหน้า
‘จริงครับ... ลูกสาวผมมีโรคประจำตัวที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นโรคอะไร... ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรด้วยหรอครับหมอ?’ หมอชราจึงเอ่ยต่อเมื่อได้รับคำถามและคำยืนยัน
‘โรคนี้มันเกี่ยวตรงที่ว่า...’ หมอชรานิ่งไปชั่วครู่ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ‘เอาเป็นว่า... เนื่องจากอาการของโรคนี้คือจะมีไอเย็นแผ่ออกมา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันแผ่ออกมาจากไหน แต่รู้อยู่อย่างคือ อาการนี้ช่วยรักษาสภาพของคนไข้เอาไว้ได้ หรือจะให้พูดก็คือ โรคนี้จะช่วยให้คนไข้ไม่ตาย แต่ก็ไม่ฟื้น...’ คนเป็นหมอหยุดพูดไปอีกครั้ง คราวนี้เขาหันมามองหน้าของพ่อคนไข้แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง
‘ยังไงก็ตาม ด้วยอาการของโรคทำให้เราคิดการรักษาวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ แต่การรักษานี้นั้น เป็นการรักษาที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ความผิดพลาดมีอยู่เกือบ 99% มิหนำซ้ำยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงประมาณ 5 ล้านบาท และยังรับประกันไม่ได้ด้วยว่าคนไข้จะหายหรือทรมานมากขึ้นกว่าเดิม... พวกคุณจะยอมไหมครับ’ คนเป็นพ่อนิ่งอึ้ง รู้สึกสับสนเหลือเกิน หากเพียงครู่เดียวดวงตาก็เป็นประกายอย่างคนตัดสินใจได้
‘ผมยอมครับ ถึงยังไงเปอร์เซ็นความสำเร็จก็ยังมีสูงถึง 1%’ หมอชราคลี่ยิ้มบางๆให้กับชายวัยกลางคนตรงหน้า แล้วเอ่ย
‘ถ้าอย่างนั้นตามผมมาเซ็นใบยินยอมด้วยครับ’ ขาของผู้เป็นพ่อก้าวตามไปทันที ทั้งที่ใจยังสับสนกับสิ่งที่ตนพึ่งตัดสินใจไป
หวังว่าการตัดสินใจของพ่อคงจะ... ไม่ทำให้ลูกทรมานขึ้นหรอกนะ ลูกรัก
“หลังจากนั้นในขณะที่ลูกอยู่ในห้องไอซียูพ่อกับพี่ชายลูกก็มาครุ่นคิดกันถึงเรื่องค่ารักษาที่อาจจะทำให้ลูกหายหรือทรมานกว่าเดิมกัน เราปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด แต่อยู่ๆชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพ่อ...”
‘สวัสดีครับ ^ ^’
“ชายคนนั้นทักทายพ่อพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยข้อเสนอบางอย่างที่ทำให้พ่อแปลกใจมากๆ”
‘ต้องขออภัยด้วยที่แอบฟังเพียงแต่... ผมมีข้อเสนอดีๆมาให้คุณ ลำบากเรื่องเงินกันอยู่ใช่มั๊ยล่ะครับ...?’
“เขายื่นข้อเสนอให้พ่อกู้เงิน 5 ล้านบาท โดยไม่มีดอกเบี้ยใดๆทั้งนั้น เพียงแต่...”
‘ผมจะให้คุณ 5 ล้านบาท ไม่มีดอกเบี้ย หากต้องจ่ายคืนตรงเวลาไม่มีเลื่อน ได้มั๊ยครับ?’
“พ่อตอบตกลงไปเพราะไม่เห็นว่ามีทางไหนที่ดีกว่านี้แล้ว”
‘ถ้าอย่างนั้น หลังจากนี้วันไหนที่ลูกสาวคุณฟื้นขึ้นมา ผมจะมาบอกวันจ่ายนะครับ... ยินดีที่ได้ทำธุรกิจด้วยครับ ^ ^’
“หลังจากนั้นเขาก็เดินจากไป พร้อมๆกับที่คุณหมอที่รับหน้าที่รักษาเดินออกมา บอกข่าวดีว่าลูกจะไม่กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้ว... หลังจากนั้นวันนี้ลูกก็ฟื้นขึ้นมา กับการมาของชายคนนั้น อีกครั้ง...”
“ถ้าอย่างนั้น... วันที่ 30 ก็...” เรนเดียร์เอ่ยเสียงแผ่ว เธอเริ่มปะติปะต่อเรื่องได้แล้ว
“ใช่แล้วลูก วันที่ 30 เมษายน คือวันจ่ายคืน” ผู้เป็นพ่อยิ้มให้ลูกสาวแล้วจับลูบหัวเบาๆ
“พ่อไม่เครียดหรอกนะที่ต้องหาทางมาจ่ายคืนนะ ตอนนี้พ่อขอแค่ลูกยังคงยิ้มให้พ่อจนกว่าพ่อจะหมดลงหายใจไปก็พอแล้ว” เรนเดียร์น้ำตาคลอเบ้ากับคำพูดของพ่อตน เธอลุกขึ้นจากเตียงแล้วโผกอดพ่อแน่น
“หนูรักพ่อที่สุดเลย!!”
“พ่อก็รักลูกเหมือนกัน... ไหน... ยิ้มให้พ่อดูสิ” หญิงสาวยิ้มกว้างให้คนเป็นพ่อทันที นั้นทำให้ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาน้อยๆอย่างสุขใจ โดยไม่รู้เลยว่าลูกสาวตนที่ยิ้มอยู่นั้นกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่...
‘คอยดูนะ... ฉันจะต้องหาทางช่วยพ่อให้ได้เลย!!...’
....................
[363 วัน : 27 มีนาคม 25xx]
หญิงสาวร่างบางนั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอนสีฟ้าอ่อน วันนี้เธอได้กลับมานอนที่บ้านแล้วหลังจากผ่านมาเพียงแค่ 2 วัน ท่ามกลางความประหลาดใจของบรรดาหมอที่เห็นร่างกายเธอฟื้นฟูเร็วกว่ารายอื่นๆ
‘คงจะเป็นเพราะโรคของเธอล่ะมั้ง’ นี้เป็นบทสรุปของหมอเจ้าของเธอแก่ตัวเอง และเป็นคำอธิบายแก่พ่อและพี่ชายเธอ แต่หญิงสาวรู้ดีว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น...
‘เพียงหนึ่งปี...’ เสียงของบาทหลวงปริศนาแล่นเข้ามาในหัวเธอ ร่างบางกระโดดลงมาจากเตียงเมื่อคิดอะไร บางอย่างออก...
เรนเดียร์เดินตรงไปยังที่โต๊ะของเธอ หญิงสาวเปิดลิ้นชักค้นหาอะไรบางอย่างอยู่สักพัก ก่อนเธอจะยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อพบในสิ่งที่ต้องการ...
สมุดบันทึกขนาดกลางถูกหยิบติดมือเธอออกมา หน้าปกมีสีฟ้าและตรงกลางมีภาพนาฬิกาทรายที่ภายในมีก้อนน้ำแข็งที่กำลังละลายหลายสิบก้อนวางอยู่ในนั้นแทนเม็ดทรายสีทอง...
เรนเดียร์นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ เธอกางสมุดออกเผยให้เห็นหน้ากระดาษที่ยังคงขาวสะอาดไร้ร่องลอยการขีดเขียนหญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบปากกาในกล่องออกมาแล้วลงมือเขียน...
...บันทึกเวลา 365 วัน
หญิงสาวเขียนเป็นตัวอาลักษณ์อย่างสวยงามในกระดาษขาวหน้าแรก ก่อนเธอจะเปลี่ยนไปหน้าถัดไปอีก
คราวนี้กระดาษมีลวดลายหยดน้ำสีฟ้าตรงกลางพื้นสีขาว พร้อมกับเส้นบรรทัดสีน้ำเงิน บนหัวมีช่องเขียนวันที่และชื่อเรื่อง เรนเดียร์นิ่งไปสักพัก ก่อนตัวอักษรหัวกลมธรรมดาแต่สวยงามจะถูกเขียนลงไป
วัน: จันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2550 เรื่อง: กลับมาอีกครั้ง
มือบางหยุดขยับลง เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาตวัดมองไปรอบห้อง อดคิดไม่ได้ว่าที่เธอมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อีกครั้ง มันช่างน่าประหลาดเหลือเกิน...
‘ยินดีต้อนรับ ผู้หมดแล้วซึ่งเวลา’ เสียงของบาทหลวงหนุ่มดังเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง เสียงที่มักจะตามหลอกหลอนเธอทุกครั้ง ทุกเวลา ยามเธอกำลังปล่อยจิตใจ แม้ในความฝันราวกับเป็นเครื่องย้ำเตือน... เวลาของเธอได้หมดลงแล้ว...
‘เจ้าตายแล้ว... แต่...อยากมีชีวิตใหม่ไหมล่ะ...?’
‘ข้อตกลงของเรา เจ้าห้ามลืม...’
ตุ้บ!
เสียงของหล่นดึงโสตประสาทของเธอให้กลับมาพบความเป็นจริง หญิงสาวผินหน้าไปมองทิศที่มาของเสียง ก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
ปฏิทิน?
เรนเดียร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เธอเดินไปหยิบปฏิทินที่พริบคว่ำอยู่ขึ้นมาดู มันเป็นปฏิทินตั้งโต๊ะ มีสีของเดือนแรกถึงเดือนที่เจ็ดเรียงกันเป็นสีของสายรุ้ง มีภาพเป็นรูปของหญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตามักจะหายไปกลับวันที่ของปฏิทินซึ่งจะมีสีเข้มกว่าฉากหลังเสมอ และหลังจากนั้นอีก 5 เดือนหลังเป็นสีขาวว่างเปล่าไร้รูป...
หญิงสาวพลิกหน้าหลังสำรวจปฏิทินอย่างคร่าวๆ ถ้าเธอจำไม่ผิดเธอไม่เคยซื้อหรือได้รับปฏิทินแบบนี้มาก่อน แต่เพียงไม่นานความสงสัยนั้นก็หายไป เมื่อได้เห็นกากบาทสีแดงเด่นชัดบนวันที่ 25-27 ของเดือนมีนาคมที่เป็นหน้าแรกของปฏิทินแทนเดือนมกราคม!!
เรนเดียร์เหม่อมองปฏิทินในมืออย่างครุ่นคิดจนในที่สุดก็ได้บทสรุปแก่ตนเอง...
‘อย่างนั้นหรอ ปฏิทินอันนี้ถูกส่งมาจากเขาสินะ... แล้วเวลาก็คงจะเริ่มตั้งแต่วันนั้นเหมือนกันสินะ...’ เธอคิดขณะใช้นิ้วลูบกากบาทสีแดงที่ดูเหมือนจะกลืนไปกับเนื้อเดียวกับกระดาษราวกับมันถูกพิมพ์ออกมาพร้อมกัน!
เรนเดียร์ถือปฏิทินในมือไปตั้งไว้ที่โต๊ะ เธอเอื้อมมือไปหยิบลิบควิทมาลบวันที่ในบันทึกที่ยังคงเปิดค้างอยู่
วันที่: มีนาคม พ.ศ.25xx เรื่อง:
หญิงสาวลบวันที่กับชื่อเรื่องไป ก่อนจะหยิบปากกาแท่งเดิมขึ้นมาเขียนใหม่
วันที่: เสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ.25xx เรื่อง: ลืมตาจากห้วงฝัน...
เรนเดียร์จ้องมองตัวอักษรที่ตนเองพึ่งจะเขียนไปแล้วลอบปฎิธานในใจ...
‘บันทึกเล่มนี้จะเป็นชีวิตของเธอ!’
เวลา... เริ่มเดินแล้ว...
..........☼..........
-COMMENT ,PLEASE-
03/04/51 [ลงครั้งแรก]
01/05/51 [แก้ไขคำผิด]
ขอบคุณ คุณ Acely ★~* มากค่ะ ><
A drowning man will clutch at a straw.
"คนกำลังจมน้ำจะคว้าแม้เส้นฟาง"
ความคิดเห็น