ตะกอนใจ
ชีวิตคนเราหากเปรียบดั่งสายน้ำ เมื่อแรกเกินคล้ายต้นน้ำใสบริสุทธิ์ หากนานวัน กลับพัดพาสะสมตะกอนยิ่งนานวันตะกอนยิ่งมาก ต่างกันเพียงแม่น้ำสะสมตะกอนที่ท้องน้ำแต่มนุษย์สะสมตะกอนที่ใจ
ผู้เข้าชมรวม
136
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
งานเลี้ยงการ่าดินเนอร์ที่แสนจะหรูหราในห้องแกรนด์บอลลูมของโรงแรมชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ คราคร่ำไปด้วยหนุ่มสาวไฮโซมากหน้าหลายตาอาจจะเป็นที่ถูกใจใครหลายคนแต่ต้องไม่ใช่ ชไลลา พิพัฒน์พงษ์ หญิงสาวออกจะเซ็งกับงานเลี้ยงจับคู่ของพวกไฮโซ ที่ต้องปั้นหน้าใส่กัน ที่สำคัญวันนี้หล่อนมีนัดกับเหล่าเพื่อสนิทในอีกหนี่งชั่วโมงข้างหน้า แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่าการก้าวตามบิดาไปทักทายคนโน้นคนนี้ ในขณะที่ต้องปั้นหน้าให้ยินดีกับคำชื่นชมที่ผ่านเข้าหู
“ลูกสาวสวยนะคะ แหมทั้งสวยทั้งเก่งอย่างนี้คุณพ่อคงภูมิใจแย่”
ชไลลาพอจะมองออกว่าคำชมนั้นไม่ค่อยจะจริงใจเท่าไหร่ หากแต่ในวงสังคมต่างคนต่างก็ต้องโปรยคำพูดหวานหูเอาไว้ก่อนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นหลักดังนั้นหล่อนไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่าการยิ้มรับคำชมนั้นๆแล้ววางหน้าเฉยในขณะที่สมองกำลังครุ่นคิดถึงวิธีการหายตัวไปจากงานเลี้ยงแสนน่าเบื่อนี้
หล่อนเห็นบิดากำลังพูดคุยกับนายธนา วิริยะภาคย์ หุ้นส่วนและเพื่อนสนิทที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนตายของบิดาหล่อน พลันสายตาก็เหลือบไปพบกับเจ้าของร่างสูง ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าขาวสะอาดราวหนุ่มเจ้าสำอางค์ กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ยิ้มสวยปราฎมุมปากเล็กน้อยก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อบิดาของเธอเรียกเธอให้เข้าทำความรู้จักกับใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ลุงธนา
“ไลล่า นี่ธีรัช ลูกชายลุงธนาไงลูก จำพี่เขาได้ไหม”
ไลล่าหรือชไลลา เงยหน้าขึ้นมองกับเจ้าของร่างสูงใหญ่เกินผู้ชายชาวเอเซียทั่วไป ใบหน้าคมเข้มจัดได้ว่าหล่อ หากแต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือนัยต์ตา สีนิลจ้าที่ทอดมองมาก่อน มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ และก่อนที่เธอจะเอ่ยอะไร เสียงห้าวๆของลุงธนาก็ดังขึ้นก่อน
“ไลล่าคงจำไม่ได้หรอก เจ้าธีมันไปอยู่เมืองนอกตั้ง เกือบ ยี่สิบปี ”
เฮอะ! ก็แน่ล่ะซิใครจะไปจำได้ ลุงธนามีลูกชายอีกคนด้วยหรือ ยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรไปอยู่เมืองนอกตั้งเกือยยี่สิบปีใครจะไปจำได้ หากแต่คำตอบที่ลอดออกมาจากริมฝีปากสวยกลับเป็น
“ค่ะ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ พี่ธีรัช” หญิงสาวจงใจย้ำคำว่าพี่ เสียเต็มที่เพื่อให้พึงพอใจกับชายสูงวัยทั้งสอง หากพอคล้อยหลังบุคคลทั้งสองสรรพนามกลับเปลี่ยนเป็น ‘คุณ’
สำหรับธีรัชแล้วแม้คำตอบจะเป็นเช่นนั้น แม้ความหมายเหมือนจะจำได้ หากแต่ความเฉยเมยบนสีหน้าและดวงตาที่ว่างเปล่าก็ตอบได้เป็นอย่างดี ว่าหล่อนจำเขาไม่ได้เลย สายตาที่มองตอบมาจึงเหมือนรู้ทันความคิดของเธอ
“ไลล่า โตขึ้นมากเลยนะ โตจนจำไม่ได้เลย”
“คุณธีก็เหมือนกันนะคะ ดูไม่เหมือนคนเอเซียเลย เหมือนฝรั่งมากกว่า” ธีรัชหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เอ
นี่เป็นคำชมหรือเปล่า นะ..น้ำ”
น้ำ น้ำ อีตานี่บ้าหรือเปล่า ฉันชื่อชไลลานะ ไม่ใช่น้ำ ชไลลาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมธีรัชเรียกเธอว่าน้ำ และเธอก็คิดว่าจะถามเขาเหมือนกันหากแต่
“ไง ธี
สวัสดีครับคุณชไลลา คุยอะไรกับเจ้าธีหรือครับ”
หญิงสาวได้แต่ยิ้มให้
“คุณเอกรินทร์ พักนี้ไม่เจอเลยนะคะ”
“นั่นสิครับ เผอิญพรุ่งนี้ผมจะไปทำธุระที่บริษัทคุณ เราทานกลางวันด้วยกันซักมื้อเป็นไงครับ”
ธีรัชหันไปมองเพื่อนที่เกี้ยวสาวเอาซึ่งๆหน้า หากแต่เสียงเย็นหวานที่ตอบกลับมามีแววรู้ทัน และก็ค่อนข้างได้ผลคนมาใหม่ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆเมื่อเจอประโยคเด็ด
“ดีซิคะ ชวนคุณปูเป้มาด้วยนะคะ ไม่เจอซะนานคิดถึงนะคะ คุณธีมีเพื่อนแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ประโยคท้ายหันไปพูดกับธีรัชก่อนที่ร่างบางในชุดราตรีสีดำจะหมุนกายเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ธีรัชหันมาต่อว่าผู้มาใหม่
“แก ยังไม่น่าเข้าเลยนะ กำลังได้เรื่องเชียว” ธีรัชทำหน้ายุ่ง ก่อนจะหันไปมองตามร่างบางที่เดินจากไป
“แกสนใจเจ้าหญิงน้ำแข็งหรือไง ธี ” เสียงกวนๆแบบรู้ทันของเพื่อนดังขึ้น คำว่าเจ้าหญิงน้ำแข็งทำธีรัช ต้องหันกลับไปมองคนข้างราวกับจะถามว่า หมายความว่าไง คนข้างตัวถอนใจก่อนจะอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ
“ชไลลา พิพัฒน์พงษ์ สวย เก่ง ฉลาด เย่อหยิ่งและเหยียบเย็นราวก้อนน้ำแข็ง แต่ยังไม่มีใครละลายน้ำแข็งก้อนนี้ได้” ธีรัชเลิกคิ้วกับคำจำกัดความของเพื่อน
“แล้วเจ้าหน้าอ่อนนั่นล่ะ” เอกรินทร์มองตามสายตาของเพื่อนไปและพบว่า เจ้าหญิงน้ำแข็งกำลังพูดคุยกับชายหนุ่มร่างสูง หน้าหวานราวผู้หญิง อย่างสนิทสนม ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปคุยอะไรบางอย่างกับบิดาของหญิงสาว
“นั่นข้อยกเว้น”
“หมายความว่าไง”
“หมอนั่นเป็นชายหนุ่มคนเดียวที่เข้าถึงตัวหล่อน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”
“แฟนหรือไงนะ ไหนแกบอกว่ายังไม่มีใครละลายน้ำแข็งไง” หากแต่เจ้าเพื่อนสนิทกับยักไหล่กับคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบไป
สำหรับธีรัชแล้วสิ่งน่าสนใจเพียงหนึ่งเดียวของงานนี้คือ ชไลลา เขาเองยอมมางานนี้เพียงเพื่อได้พบกับเธอ เขาคิดว่าเขาจะได้เจอหญิงสาวช่างพูด อารมณ์ดี ยิ้มเก่ง เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน หากแต่ยี่สิบปีมันคงนานเกินไป นานพอที่จะเปลี่ยนใครบางคน ชไลลาไม่ใช่น้องน้อยที่น่ารักอีกต่อไป หากเธอคือหญิงสาวมาดราวนางพญา ติดจะเย็นชาเสียด้วยซ้ำ เธอไม่ได้ให้ความสนใจเขาเลย ทั้งที่สาวๆทั้งงานแอบส่งสายตาให้เขากันทั้งนั้น แต่เธอกลับออกไปกับเจ้าหน้าอ่อนนั่น ที่สำคัญเธอจำเขาไม่ได้ ธีรัชอยากจะหัวเราะ มีเขาคนเดียวที่ยังละเมอเพ้อพกถึงคืนวันเก่าๆ ยังจำมั่นในคำสัญญา! เพราะเจ้าความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในสมองทำให้เขาไม่ทันสังเกต หญิงสาวที่เลี้ยวออกมาจากทางเดินมุมตึก และชนกับเขาเข้าอย่างจัง ข้าวของในมือเธอล่วงลงพื้น เธอรีบก้มลงไปเก็บพร้อมกับเสียงบ่นพึมพัม
“ โอ๊ย!บ้าจัง คนยิ่งรีบๆอยู่ ขอโทษค่ะ”
แม้แต่ขอโทษเธอยังไม่มองหน้าแสดงว่ารีบจริงๆ แล้วพอเก็บของเสร็จเธอก็ก้าวจากไปอย่างเร็วโดยไม่มอง
รถสปอร์ตคันหรูสีดำปลาบพุ่งออกจากที่จอดรถหลังจากหญิงสาวหน้าใสก้าวขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วหากคนขับหันไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงเกินคนเอเซียกำลังมองมาทางเพื่อนสาว
“ไลล่า ใครนะ”
“ใคร อะไรกันแทน งง” แทนหรือแทนคุณถอนหายใจ ยายไลล่าใจลอยไปถึงไหน ต้องมีอะไรแน่ๆ
“ก็ ชายหนุ่มหน้าเข้มที่เดินตามแกมาไง ฉันเห็นนะ”
“แต่ฉันไม่เห็นนี่ เลยตอบไม่ได้”
“ก็คนที่แกยืนคุยกับเขาในงานไง”
“อ๋อ ลูกชายลุงธนา เพิ่งกลับจากนอก ชื่อธีรัช แต่
”
“แต่ อะไร”
“ช่างเหอะ แล้วไว้จะเล่าให้ฟัง”
“ไลล่า” แทนคุณลากเสียงยาวราวกับคาดคั้น
“ก็บอกว่าจะเล่าให้ฟังไง แต่ไม่ใช่ตอนนี้” น้ำเสียงติดจะรำคาญนิดๆ
แทนคุณถอนหายใจอีกครา เลิกเซ้าซี้เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ชไลลาบอกว่าไม่คือไม่และถ้ารับปากว่าจะเล่าสักวันต้องเล่าแน่ เขาเและชไลลาคบกันมานานความผูกพันมันมากกว่าที่ใครๆคิดชไลลาเป็นทั้งเพื่อน ทั้งน้องสาว หญิงสาวไม่เคยมีความลับกับเขาเช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยมีความลับกับเธอ คนอื่นๆอาจจะคิดว่ามันแปลกๆ หลายคนคิดว่าเขาและชไลลาเป็นคู่รักกันซึ่งเขาก็ยินดีถ้าจะเป็นเช่นนั้น หากแต่ชไลลามักจะขีดความสัมพันธ์ไว้แค่เพื่อน ซึ่งตอนนี้เขาก็พอใจกับสิ่งที่เธอมอบให้
แทนคุณจอดรถเทียบกับริมถนน ก่อนที่จะปลดเนคไทและพับแขนเสื้อขึ้น ขณะที่ชไลลาเปิดประตูก้าวลงจากรถ และยืนรอจนกระทั่งแทนคุณล็อครถเรียบร้อยและก้าวมายืนข้างๆเธอ รถราบนถนนค่อนบางตาและเงียบหายเป็นระยะ ทำให้ได้ยินเสียงพูดคุยของผู้คนที่เดินผ่านไปมา โต๊ะพับราคาถูกหลายตัววางเรียงกันอยู่บนฟุตบาทหากแต่เต็มไปด้วยผู้คน ข้างๆเป็นร้านอาหารตามสั่งที่เจ้าของกำลังขะมักขเม้นกับอาหารตรงหน้า กลิ่นอาหารลอยมาพร้อมๆกับควันจากกระทะเมื่อคนผัดเร่งไฟขึ้น ถัดไปเป็นร้านขนมอาทิน้ำแข็งใส บัวลอยไข่หวาน ทุกร้านจะติดไฟแสงจันทร์ทำให้ภาพตรงหน้าดูแปลกตาสมกับเป็นบรรยากาศกลางคืน ชไลลาชอบชีวิตแบบนี้ ไม่ต้องทำหน้าเคร่ง ไม่ต้องเก็บความรู้สึกอยากพูดอะไรก็พูด อยากตะโกนก็ยังได้ แทนคุณกับเธอเดินมาถึงร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำก็พอดีกับเสียงคุ้นๆที่แสนจะบาดหูดังมาจากโต๊ะตัวที่ยาวสุดและมีคนนั่งมากสุด
“ไล แทน ทางนี้ มาช้าจัง”
“เนี่ยกว่าจะออกมาได้แทบแย่เลย เนอะแทน” พูดจบหญิงสาวก็คว้าเก้าอี้มานั่งแหมะ แล้วกวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะ
“โห ไรเนี่ยไม่รอกันเลยนะ” ชไลลาทำหน้าบูด เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนว่าเธอเป็นพวกโมโหหิว
“ก็อยากช้าเอง นังแจนมันกินหมดแล้ว สั่งใหม่ดิ”
“แทนเอาอะไร” หากแทนคุณยังไม่ทันตอบเสียงใสๆก็ตะโกนสั่งอาหารเสียแล้ว
“เฮีย พล่าปลาสลิด ผัดผักบุ้งไฟแดง ข้าวต้ม 2” แทนคุณส่ายหัว
“นังไล ฉันนะสงสัยจริงๆ ไหนใครๆ เขาว่าแกนะฟอร์มดี เรียบร้อย แล้วอะไรนะจุ้น” ยัยแจนตัวแสบหัไปถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ
“เยือกเย็น สุขุม” เสียงเจ้าจุ้นก็พอกัน มันเป็นเสียงกลั้นหัวเราะชัดๆ
“พ่อมันจ้างเขียนข่าวมั้ง ยังแกนะฉันไม่เห็นมีมาดตรงไหน ซุ่มซ่ามก็เท่านั้น โวยวายก็เท่านี้”
“เกินไป แจน เกินไป ไอ้นั่นนะตัวจริงของฉัน แต่ตอนนี้นะฉันถูกพวกนังมารอย่างแกสาปเอา เนอะแทน”
แทนคุณหัวเราะ ชไลลาเป็นอย่างนี้เสมอเวลาอยู่กับเพื่อนฝูง ตัวจริงของเธอสดใสร่างเริง ไม่เคยเก็บอาการใดๆ ไม่ต้องวางมาด สีหน้าแปรเปลี่ยนตามอารมณ์และค่อนข้างซุ่มซ่ามอย่างที่แจนว่า
“พ่อมันไม่ได้จ้างหรอก แต่พวกนักข่าวนะถูกหลอก ตามยัยนี่ไม่ทัน”
ชไลลา หันไปมองตาขุ่น “ไม่เข้าข้างก็เงียบไป”
อาเฮียคนขายอาหารยกกับข้าวกับข้าวต้มมาวางตรงหน้าพอดี ทำให้ชไลลาหยุดการสนทนาลงและเริ่มตั้งต้นกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย หากแต่ตะเกียบที่กำลังจะคีบกับข้าวก็ต้องชะงักค้างเพราะเสียงเจ้าเกี้ยวเสียก่อน
“ไล พี่เอ้จะแต่งงานเดือนหน้าแล้วนะ” เสียงเกี้ยวดังขึ้นก่อนที่แจนจะทันปิดปากมันไว้ แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ชไลลา เงียบเสียงลง มือข้างกายที่วางอยู่บนตักกำเข้าหาตัวแน่ แทนคุณเลื่อนมือมากุมเมือหญิงสาวและบีบเบาๆ คล้ายจะบอกว่า ไม่เป็นไรนะ ไลล่า แกทำได้ มันเป็นเวลาเดียวกับที่แจนชัดเกี้ยวเข้าให้
“ฉันบอกแกแล้วว่าอย่าพูด พูดทำไม”
“บอกให้ไล มันทำใจไง ผู้ชายงี่เง่าพรรค์นั้นสนใจทำไม”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว พวกแกไม่ต้องห่วง คนดีๆมีอีกเยอะสนทำไม”
“แกคิดได้งั้นก็ดี ว่าแต่แกอยากได้ใครมารดามอกไหม” เจ้าจุ้นถามตาละห้อย
“ไม่ล่ะเดี๋ยวแกเอาไม้มาเสียบอกฉัน ตายพอดีพ่อยังไม่ยกมรดกให้เลย”
“เสียมู้ดหมด ไลเนี่ย”เจ้าจุ้นบ่นกระปอดกระแปด ตามด้วยเสียงหัวเราะในวงเพื่อนๆ
ชไลลามองเพื่อนๆอย่างมีความสุขหากแต่เพราะคำพูดของเกี้ยวเมื่อกี้ ทำให้ความสุขลดลงกว่าครึ่ง เธอต้องยอมรับว่ารักแรกนั้นยากจะลืมจริงๆ มันเจ็บแปลบ แค่ได้ยินว่าเขาจะแต่งงานน้ำตาก็พาลจะไหลเสียแล้ว
รถสปร์อตสีดำแล่นผ่านย่านชุมชนที่แสนจะจอแจออกสู่ชานเมืองที่ค่อนข้างสงบ ตลอดทางหญิงสาวที่นั่งข้างๆเขาไม่ปริปากพูดเลย ดูเหมือนเสียงเธอจะหายไปตั้งแต่ได้ยินว่า พี่เอ้จะแต่งงาน แล้วพอรถจอดสนิทหน้าประตูบ้าน เธอก็ยังคงนั่งเฉยไม่ไหวติง เหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“ไลล่า ถึงบ้านแล้วนะ” เสียงนุ่มทุ้มปลุกหญิงสาวตื่นจากภวังค์
“ขอบใจนะแทน” กล่าวได้เพียงเท่านั้นเจ้าของเสียงหวานก็ทำท่าจะเปิดประตูก้าวลงจากรถหากมือใหญ่ของคนข้างๆเอื้อมมาดึงไว้เสียก่อน
“อยากพูดอะไรไหม”
ชไลลามองมือใหญ่ที่วางอยู่บนท่อนแขนเล็กๆของตนก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองเจ้าของมือ เพียงสบตาน้ำอุ่นๆก็เริ่มไหลริน หญิงสาวผวาเข้ากอดคนตรงหน้าแน่นและเริ่มร้องไห้อย่างหมดอาย ฝ่ามืออบอุ่นลูบศรีษะอย่างปลอบโยน
“ไลล่า ร้องให้พอ ร้องวันนี้แล้วไม่ต้องร้องอีก เค้าคนนั้นไม่ดีพอสำหรับไลล่าหรอก เชื่อแทนนะ”
เพราะเสียงอบอุ่น เพราะฝ่ามืออ่อนโยนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้หญิงสาวยิ่งร้องไห้หนักขึ้น แทนคุณไม่พูดอะไรอีก เขาปล่อยให้คนในอ้อมแขนร้องไห้ จนเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นของน้ำตาที่อกเสื้อ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้หากแต่ชไลลาเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังผ่านการร้องไห้อย่างนัก น้ำตาเริ่มเหือดแห้ง หญิงสาวผละจากอ้อมแขนตรงหน้าและใช้หลังมือป้ายน้ำตาแบบเด็กๆ สุ้มเสียงยังเจือสะอื้นยามเอ่ยวาจา
“มะ..ไม่ร้อง..แล้ว ผะ..แผลตรงนี้อาจจะหายช้าชักหน่อย” หญิงสาวจิ้มที่อกด้านซ้ายของตัวเองขณะพยายามกลั้นก้อนสะอื้น “แต่มะ..มันต้องหายแน่นอน”
แทนคุณยิ้มก่อนจะลูบศรีษะหญิงสาวเบาๆ “เก่งมาก อย่างนี้สิถึงจะสมเป็น ชไลลา พิพัฒน์พงษ์ เข้าบ้านเถอะ ดึกแล้ว”
“ขอบคุณนะ.. พี่ชาย”หญิงสาวยิ้มให้อย่างขอบใจจริงๆ ก่อนที่จะก็เปิดประตูก้าวลงจากรถและหายเข้าไปหลังประตูบานใหญ่
ก็เท่านั้น พี่ชาย เป็นได้เพียงพี่ชาย เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมยังเฝ้ารักคนที่ไม่เคยมองเห็นค่าของเขา ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็เป็นได้แค่พี่ชาย แทนคุณเอนกายลงกับเบาะหลังพวงมาลัยหลับตานิ่งนาน ก็จะก่อนสตาร์ทรถและขับออกไปด้วยความเร็วสูงเหมือนอารมณ์ของเขาตอนนี้
ผลงานอื่นๆ ของ เพียงตะวัน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เพียงตะวัน
ความคิดเห็น