ตะกอนใจ - ตะกอนใจ นิยาย ตะกอนใจ : Dek-D.com - Writer

    ตะกอนใจ

    ชีวิตคนเราหากเปรียบดั่งสายน้ำ เมื่อแรกเกินคล้ายต้นน้ำใสบริสุทธิ์ หากนานวัน กลับพัดพาสะสมตะกอนยิ่งนานวันตะกอนยิ่งมาก ต่างกันเพียงแม่น้ำสะสมตะกอนที่ท้องน้ำแต่มนุษย์สะสมตะกอนที่ใจ

    ผู้เข้าชมรวม

    136

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    136

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ต.ค. 49 / 19:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      งานเลี้ยงการ่าดินเนอร์ที่แสนจะหรูหราในห้องแกรนด์บอลลูมของโรงแรมชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ คราคร่ำไปด้วยหนุ่มสาวไฮโซมากหน้าหลายตาอาจจะเป็นที่ถูกใจใครหลายคนแต่ต้องไม่ใช่ ชไลลา พิพัฒน์พงษ์   หญิงสาวออกจะเซ็งกับงานเลี้ยงจับคู่ของพวกไฮโซ ที่ต้องปั้นหน้าใส่กัน ที่สำคัญวันนี้หล่อนมีนัดกับเหล่าเพื่อสนิทในอีกหนี่งชั่วโมงข้างหน้า แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่าการก้าวตามบิดาไปทักทายคนโน้นคนนี้ ในขณะที่ต้องปั้นหน้าให้ยินดีกับคำชื่นชมที่ผ่านเข้าหู


                     
      ลูกสาวสวยนะคะ แหมทั้งสวยทั้งเก่งอย่างนี้คุณพ่อคงภูมิใจแย่


                       ชไลลาพอจะมองออกว่าคำชมนั้นไม่ค่อยจะจริงใจเท่าไหร่ หากแต่ในวงสังคมต่างคนต่างก็ต้องโปรยคำพูดหวานหูเอาไว้ก่อนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นหลักดังนั้นหล่อนไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่าการยิ้มรับคำชมนั้นๆแล้ววางหน้าเฉยในขณะที่สมองกำลังครุ่นคิดถึงวิธีการหายตัวไปจากงานเลี้ยงแสนน่าเบื่อนี้


                         หล่อนเห็นบิดากำลังพูดคุยกับนายธนา วิริยะภาคย์ หุ้นส่วนและเพื่อนสนิทที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนตายของบิดาหล่อน พลันสายตาก็เหลือบไปพบกับเจ้าของร่างสูง ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าขาวสะอาดราวหนุ่มเจ้าสำอางค์ กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ยิ้มสวยปราฎมุมปากเล็กน้อยก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อบิดาของเธอเรียกเธอให้เข้าทำความรู้จักกับใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ลุงธนา


                   
      ไลล่า นี่ธีรัช ลูกชายลุงธนาไงลูก จำพี่เขาได้ไหม


                             ไลล่าหรือชไลลา เงยหน้าขึ้นมองกับเจ้าของร่างสูงใหญ่เกินผู้ชายชาวเอเซียทั่วไป ใบหน้าคมเข้มจัดได้ว่าหล่อ หากแต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือนัยต์ตา สีนิลจ้าที่ทอดมองมาก่อน มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ และก่อนที่เธอจะเอ่ยอะไร เสียงห้าวๆของลุงธนาก็ดังขึ้นก่อน


                            
      ไลล่าคงจำไม่ได้หรอก เจ้าธีมันไปอยู่เมืองนอกตั้ง เกือบ ยี่สิบปี


                            
      เฮอะ
      ! ก็แน่ล่ะซิใครจะไปจำได้  ลุงธนามีลูกชายอีกคนด้วยหรือ ยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรไปอยู่เมืองนอกตั้งเกือยยี่สิบปีใครจะไปจำได้   หากแต่คำตอบที่ลอดออกมาจากริมฝีปากสวยกลับเป็น


                      “
      ค่ะ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ พี่ธีรัชหญิงสาวจงใจย้ำคำว่าพี่ เสียเต็มที่เพื่อให้พึงพอใจกับชายสูงวัยทั้งสอง หากพอคล้อยหลังบุคคลทั้งสองสรรพนามกลับเปลี่ยนเป็น คุณ


                               สำหรับธีรัชแล้วแม้คำตอบจะเป็นเช่นนั้น แม้ความหมายเหมือนจะจำได้ หากแต่ความเฉยเมยบนสีหน้าและดวงตาที่ว่างเปล่าก็ตอบได้เป็นอย่างดี ว่าหล่อนจำเขาไม่ได้เลย สายตาที่มองตอบมาจึงเหมือนรู้ทันความคิดของเธอ

                     
                               
      ไลล่า โตขึ้นมากเลยนะ โตจนจำไม่ได้เลย


                              
      คุณธีก็เหมือนกันนะคะ ดูไม่เหมือนคนเอเซียเลย เหมือนฝรั่งมากกว่า ธีรัชหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


                     “
      เอนี่เป็นคำชมหรือเปล่า นะ..น้ำ


                            น้ำ น้ำ  อีตานี่บ้าหรือเปล่า ฉันชื่อชไลลานะ ไม่ใช่น้ำ ชไลลาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมธีรัชเรียกเธอว่าน้ำ และเธอก็คิดว่าจะถามเขาเหมือนกันหากแต่


                    “
      ไง ธีสวัสดีครับคุณชไลลา คุยอะไรกับเจ้าธีหรือครับ


                            หญิงสาวได้แต่ยิ้มให้


                   “
      คุณเอกรินทร์  พักนี้ไม่เจอเลยนะคะ


                  “
      นั่นสิครับ  เผอิญพรุ่งนี้ผมจะไปทำธุระที่บริษัทคุณ เราทานกลางวันด้วยกันซักมื้อเป็นไงครับ


                         ธีรัชหันไปมองเพื่อนที่เกี้ยวสาวเอาซึ่งๆหน้า หากแต่เสียงเย็นหวานที่ตอบกลับมามีแววรู้ทัน และก็ค่อนข้างได้ผลคนมาใหม่ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆเมื่อเจอประโยคเด็ด


                   “
      ดีซิคะ ชวนคุณปูเป้มาด้วยนะคะ ไม่เจอซะนานคิดถึงนะคะ    คุณธีมีเพื่อนแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ


                            ประโยคท้ายหันไปพูดกับธีรัชก่อนที่ร่างบางในชุดราตรีสีดำจะหมุนกายเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ธีรัชหันมาต่อว่าผู้มาใหม่


                    “
      แก ยังไม่น่าเข้าเลยนะ กำลังได้เรื่องเชียว ธีรัชทำหน้ายุ่ง ก่อนจะหันไปมองตามร่างบางที่เดินจากไป


                    “
      แกสนใจเจ้าหญิงน้ำแข็งหรือไง ธี เสียงกวนๆแบบรู้ทันของเพื่อนดังขึ้น คำว่าเจ้าหญิงน้ำแข็งทำธีรัช ต้องหันกลับไปมองคนข้างราวกับจะถามว่า หมายความว่าไง คนข้างตัวถอนใจก่อนจะอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ


                   “
      ชไลลา พิพัฒน์พงษ์ สวย  เก่ง ฉลาด เย่อหยิ่งและเหยียบเย็นราวก้อนน้ำแข็ง แต่ยังไม่มีใครละลายน้ำแข็งก้อนนี้ได้ธีรัชเลิกคิ้วกับคำจำกัดความของเพื่อน


                    “
      แล้วเจ้าหน้าอ่อนนั่นล่ะเอกรินทร์มองตามสายตาของเพื่อนไปและพบว่า เจ้าหญิงน้ำแข็งกำลังพูดคุยกับชายหนุ่มร่างสูง หน้าหวานราวผู้หญิง  อย่างสนิทสนม ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปคุยอะไรบางอย่างกับบิดาของหญิงสาว


                    “
      นั่นข้อยกเว้น


                   “
      หมายความว่าไง


                   “
      หมอนั่นเป็นชายหนุ่มคนเดียวที่เข้าถึงตัวหล่อน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ


                   “
      แฟนหรือไงนะ ไหนแกบอกว่ายังไม่มีใครละลายน้ำแข็งไงหากแต่เจ้าเพื่อนสนิทกับยักไหล่กับคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบไป

       

      สำหรับธีรัชแล้วสิ่งน่าสนใจเพียงหนึ่งเดียวของงานนี้คือ ชไลลา  เขาเองยอมมางานนี้เพียงเพื่อได้พบกับเธอ เขาคิดว่าเขาจะได้เจอหญิงสาวช่างพูด อารมณ์ดี ยิ้มเก่ง เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน หากแต่ยี่สิบปีมันคงนานเกินไป นานพอที่จะเปลี่ยนใครบางคน ชไลลาไม่ใช่น้องน้อยที่น่ารักอีกต่อไป หากเธอคือหญิงสาวมาดราวนางพญา ติดจะเย็นชาเสียด้วยซ้ำ เธอไม่ได้ให้ความสนใจเขาเลย ทั้งที่สาวๆทั้งงานแอบส่งสายตาให้เขากันทั้งนั้น แต่เธอกลับออกไปกับเจ้าหน้าอ่อนนั่น ที่สำคัญเธอจำเขาไม่ได้ ธีรัชอยากจะหัวเราะ มีเขาคนเดียวที่ยังละเมอเพ้อพกถึงคืนวันเก่าๆ  ยังจำมั่นในคำสัญญา! เพราะเจ้าความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในสมองทำให้เขาไม่ทันสังเกต หญิงสาวที่เลี้ยวออกมาจากทางเดินมุมตึก และชนกับเขาเข้าอย่างจัง ข้าวของในมือเธอล่วงลงพื้น เธอรีบก้มลงไปเก็บพร้อมกับเสียงบ่นพึมพัม


                   “
      โอ๊ย!บ้าจัง คนยิ่งรีบๆอยู่  ขอโทษค่ะ


         แม้แต่ขอโทษเธอยังไม่มองหน้าแสดงว่ารีบจริงๆ แล้วพอเก็บของเสร็จเธอก็ก้าวจากไปอย่างเร็วโดยไม่มองหน้าเขาเลย ธีรัชได้แต่ยืนอึ้ง ก็เสียงหวานๆเมื่อครู่รวมทั้งหน้าสวยๆเมื่อกี้ มันชไลลาชัดๆ หญิงสาวไม่ได้สวมชุดราตรีแสนสวยอีกแล้ว ใบหน้าก็ปราศจากคราบเครื่องสำอางค์  กว่ารู้ตัวเขาก็เห็นเพียงสาวน้อยหน้าใสในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์กำลังก้าวขึ้นรถยนต์คันหรูของเจ้าหน้าอ่อนเสียแล้ว นี่มันอะไรกัน เจ้าหญิงน้ำแข็งแปลงร่างหรือไง เขาต้องหาคำตอบให้ได้

      รถสปอร์ตคันหรูสีดำปลาบพุ่งออกจากที่จอดรถหลังจากหญิงสาวหน้าใสก้าวขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วหากคนขับหันไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงเกินคนเอเซียกำลังมองมาทางเพื่อนสาว


                “
      ไลล่า ใครนะ


               
      ใคร อะไรกันแทน งงแทนหรือแทนคุณถอนหายใจ ยายไลล่าใจลอยไปถึงไหน ต้องมีอะไรแน่ๆ


               
      ก็ ชายหนุ่มหน้าเข้มที่เดินตามแกมาไง ฉันเห็นนะ


               
      แต่ฉันไม่เห็นนี่ เลยตอบไม่ได้


               
      ก็คนที่แกยืนคุยกับเขาในงานไง


               
      อ๋อ ลูกชายลุงธนา เพิ่งกลับจากนอก ชื่อธีรัช แต่…”


               
      แต่ อะไร


               
      ช่างเหอะ แล้วไว้จะเล่าให้ฟัง


                     
      ไลล่า แทนคุณลากเสียงยาวราวกับคาดคั้น


               
      ก็บอกว่าจะเล่าให้ฟังไง แต่ไม่ใช่ตอนนี้น้ำเสียงติดจะรำคาญนิดๆ


                      แทนคุณถอนหายใจอีกครา เลิกเซ้าซี้เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ชไลลาบอกว่าไม่คือไม่และถ้ารับปากว่าจะเล่าสักวันต้องเล่าแน่ เขาเและชไลลาคบกันมานานความผูกพันมันมากกว่าที่ใครๆคิดชไลลาเป็นทั้งเพื่อน ทั้งน้องสาว หญิงสาวไม่เคยมีความลับกับเขาเช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยมีความลับกับเธอ คนอื่นๆอาจจะคิดว่ามันแปลกๆ  หลายคนคิดว่าเขาและชไลลาเป็นคู่รักกันซึ่งเขาก็ยินดีถ้าจะเป็นเช่นนั้น หากแต่ชไลลามักจะขีดความสัมพันธ์ไว้แค่เพื่อน ซึ่งตอนนี้เขาก็พอใจกับสิ่งที่เธอมอบให้ 

       

      แทนคุณจอดรถเทียบกับริมถนน ก่อนที่จะปลดเนคไทและพับแขนเสื้อขึ้น ขณะที่ชไลลาเปิดประตูก้าวลงจากรถ และยืนรอจนกระทั่งแทนคุณล็อครถเรียบร้อยและก้าวมายืนข้างๆเธอ รถราบนถนนค่อนบางตาและเงียบหายเป็นระยะ ทำให้ได้ยินเสียงพูดคุยของผู้คนที่เดินผ่านไปมา  โต๊ะพับราคาถูกหลายตัววางเรียงกันอยู่บนฟุตบาทหากแต่เต็มไปด้วยผู้คน ข้างๆเป็นร้านอาหารตามสั่งที่เจ้าของกำลังขะมักขเม้นกับอาหารตรงหน้า กลิ่นอาหารลอยมาพร้อมๆกับควันจากกระทะเมื่อคนผัดเร่งไฟขึ้น ถัดไปเป็นร้านขนมอาทิน้ำแข็งใส บัวลอยไข่หวาน  ทุกร้านจะติดไฟแสงจันทร์ทำให้ภาพตรงหน้าดูแปลกตาสมกับเป็นบรรยากาศกลางคืน ชไลลาชอบชีวิตแบบนี้ ไม่ต้องทำหน้าเคร่ง ไม่ต้องเก็บความรู้สึกอยากพูดอะไรก็พูด อยากตะโกนก็ยังได้  แทนคุณกับเธอเดินมาถึงร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำก็พอดีกับเสียงคุ้นๆที่แสนจะบาดหูดังมาจากโต๊ะตัวที่ยาวสุดและมีคนนั่งมากสุด


               “
      ไล แทน ทางนี้ มาช้าจัง


               “
      เนี่ยกว่าจะออกมาได้แทบแย่เลย เนอะแทนพูดจบหญิงสาวก็คว้าเก้าอี้มานั่งแหมะ แล้วกวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะ


                “
      โห ไรเนี่ยไม่รอกันเลยนะชไลลาทำหน้าบูด เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนว่าเธอเป็นพวกโมโหหิว


                 “
      ก็อยากช้าเอง นังแจนมันกินหมดแล้ว สั่งใหม่ดิ


                “
      แทนเอาอะไรหากแทนคุณยังไม่ทันตอบเสียงใสๆก็ตะโกนสั่งอาหารเสียแล้ว


               “
      เฮีย พล่าปลาสลิด ผัดผักบุ้งไฟแดง ข้าวต้ม 2” แทนคุณส่ายหัว


                 “
      นังไล ฉันนะสงสัยจริงๆ ไหนใครๆ เขาว่าแกนะฟอร์มดี เรียบร้อย แล้วอะไรนะจุ้นยัยแจนตัวแสบหัไปถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ


                 “
      เยือกเย็น สุขุมเสียงเจ้าจุ้นก็พอกัน มันเป็นเสียงกลั้นหัวเราะชัดๆ


                 “
      พ่อมันจ้างเขียนข่าวมั้ง ยังแกนะฉันไม่เห็นมีมาดตรงไหน ซุ่มซ่ามก็เท่านั้น โวยวายก็เท่านี้


                 “
      เกินไป แจน  เกินไป ไอ้นั่นนะตัวจริงของฉัน แต่ตอนนี้นะฉันถูกพวกนังมารอย่างแกสาปเอา เนอะแทน


                         แทนคุณหัวเราะ ชไลลาเป็นอย่างนี้เสมอเวลาอยู่กับเพื่อนฝูง ตัวจริงของเธอสดใสร่างเริง ไม่เคยเก็บอาการใดๆ ไม่ต้องวางมาด สีหน้าแปรเปลี่ยนตามอารมณ์และค่อนข้างซุ่มซ่ามอย่างที่แจนว่า
       
       
                  “
      พ่อมันไม่ได้จ้างหรอก แต่พวกนักข่าวนะถูกหลอก ตามยัยนี่ไม่ทัน


                           ชไลลา หันไปมองตาขุ่น
      ไม่เข้าข้างก็เงียบไป


                          อาเฮียคนขายอาหารยกกับข้าวกับข้าวต้มมาวางตรงหน้าพอดี ทำให้ชไลลาหยุดการสนทนาลงและเริ่มตั้งต้นกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย หากแต่ตะเกียบที่กำลังจะคีบกับข้าวก็ต้องชะงักค้างเพราะเสียงเจ้าเกี้ยวเสียก่อน


                  “
      ไล พี่เอ้จะแต่งงานเดือนหน้าแล้วนะเสียงเกี้ยวดังขึ้นก่อนที่แจนจะทันปิดปากมันไว้ แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ชไลลา เงียบเสียงลง มือข้างกายที่วางอยู่บนตักกำเข้าหาตัวแน่ แทนคุณเลื่อนมือมากุมเมือหญิงสาวและบีบเบาๆ คล้ายจะบอกว่า ไม่เป็นไรนะ ไลล่า แกทำได้  มันเป็นเวลาเดียวกับที่แจนชัดเกี้ยวเข้าให้
                  “ฉันบอกแกแล้วว่าอย่าพูด พูดทำไม


                 “
      บอกให้ไล มันทำใจไง ผู้ชายงี่เง่าพรรค์นั้นสนใจทำไม


                 “
      ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว พวกแกไม่ต้องห่วง คนดีๆมีอีกเยอะสนทำไม


                 “
      แกคิดได้งั้นก็ดี ว่าแต่แกอยากได้ใครมารดามอกไหมเจ้าจุ้นถามตาละห้อย


                  “
      ไม่ล่ะเดี๋ยวแกเอาไม้มาเสียบอกฉัน ตายพอดีพ่อยังไม่ยกมรดกให้เลย


                 “
      เสียมู้ดหมด ไลเนี่ยเจ้าจุ้นบ่นกระปอดกระแปด ตามด้วยเสียงหัวเราะในวงเพื่อนๆ 
       
                         ชไลลามองเพื่อนๆอย่างมีความสุขหากแต่เพราะคำพูดของเกี้ยวเมื่อกี้ ทำให้ความสุขลดลงกว่าครึ่ง เธอต้องยอมรับว่ารักแรกนั้นยากจะลืมจริงๆ มันเจ็บแปลบ แค่ได้ยินว่าเขาจะแต่งงานน้ำตาก็พาลจะไหลเสียแล้ว

       

      รถสปร์อตสีดำแล่นผ่านย่านชุมชนที่แสนจะจอแจออกสู่ชานเมืองที่ค่อนข้างสงบ  ตลอดทางหญิงสาวที่นั่งข้างๆเขาไม่ปริปากพูดเลย ดูเหมือนเสียงเธอจะหายไปตั้งแต่ได้ยินว่า พี่เอ้จะแต่งงาน  แล้วพอรถจอดสนิทหน้าประตูบ้าน เธอก็ยังคงนั่งเฉยไม่ไหวติง เหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง


                         
      ไลล่า ถึงบ้านแล้วนะเสียงนุ่มทุ้มปลุกหญิงสาวตื่นจากภวังค์


                  “
      ขอบใจนะแทนกล่าวได้เพียงเท่านั้นเจ้าของเสียงหวานก็ทำท่าจะเปิดประตูก้าวลงจากรถหากมือใหญ่ของคนข้างๆเอื้อมมาดึงไว้เสียก่อน


                  “
      อยากพูดอะไรไหม


                         ชไลลามองมือใหญ่ที่วางอยู่บนท่อนแขนเล็กๆของตนก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองเจ้าของมือ  เพียงสบตาน้ำอุ่นๆก็เริ่มไหลริน  หญิงสาวผวาเข้ากอดคนตรงหน้าแน่นและเริ่มร้องไห้อย่างหมดอาย ฝ่ามืออบอุ่นลูบศรีษะอย่างปลอบโยน


                   “
      ไลล่า ร้องให้พอ ร้องวันนี้แล้วไม่ต้องร้องอีก เค้าคนนั้นไม่ดีพอสำหรับไลล่าหรอก เชื่อแทนนะ


                            เพราะเสียงอบอุ่น เพราะฝ่ามืออ่อนโยนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้หญิงสาวยิ่งร้องไห้หนักขึ้น แทนคุณไม่พูดอะไรอีก เขาปล่อยให้คนในอ้อมแขนร้องไห้ จนเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นของน้ำตาที่อกเสื้อ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้หากแต่ชไลลาเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังผ่านการร้องไห้อย่างนัก น้ำตาเริ่มเหือดแห้ง หญิงสาวผละจากอ้อมแขนตรงหน้าและใช้หลังมือป้ายน้ำตาแบบเด็กๆ สุ้มเสียงยังเจือสะอื้นยามเอ่ยวาจา


                   “
      มะ..ไม่ร้อง..แล้ว ผะ..แผลตรงนี้อาจจะหายช้าชักหน่อย หญิงสาวจิ้มที่อกด้านซ้ายของตัวเองขณะพยายามกลั้นก้อนสะอื้นแต่มะ..มันต้องหายแน่นอน


                           แทนคุณยิ้มก่อนจะลูบศรีษะหญิงสาวเบาๆ
      เก่งมาก อย่างนี้สิถึงจะสมเป็น ชไลลา พิพัฒน์พงษ์ เข้าบ้านเถอะ ดึกแล้ว


                    “
      ขอบคุณนะ.. พี่ชายหญิงสาวยิ้มให้อย่างขอบใจจริงๆ ก่อนที่จะก็เปิดประตูก้าวลงจากรถและหายเข้าไปหลังประตูบานใหญ่


                           ก็เท่านั้น พี่ชาย เป็นได้เพียงพี่ชาย เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมยังเฝ้ารักคนที่ไม่เคยมองเห็นค่าของเขา ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็เป็นได้แค่พี่ชาย  แทนคุณเอนกายลงกับเบาะหลังพวงมาลัยหลับตานิ่งนาน ก็จะก่อนสตาร์ทรถและขับออกไปด้วยความเร็วสูงเหมือนอารมณ์ของเขาตอนนี้

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×