ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    OS : SF All OF JINYOUNG [GOT7]

    ลำดับตอนที่ #1 : OS : LET ME (BNYOUNG)

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 63



                            
        CR.SQW   
     
     OS : LET ME

     

    Pairing : JAEBUM x JINYOUNG

    Author : Bilgiz141243

     



      



    “Let me hold your hand 푸른 바다 안아줘

    “ให้ผมเป็นคนที่คอยกุมมือคุณเอาไว้นะ โอบกอดผมไว้เหมือนทะเลสีฟ้าครามนั้น”

     

            โคตรแย่!!! ผู้ชายคนนี้มันโคตรแย่ ในหัวของจินยองมีแต่คำนี้วนไปวนมา ในขณะที่นั่งจ้องบุคคลตรงหน้า บรรยากาศในคาเฟ่ช่วงบ่ายกำลังคึกคัก ต่างกับโต๊ะของเขาตอนนี้ จินยองกับแจ็คสัน ที่บรรยากาศดูตึงเครียดซะเหลือเกิน


    “จินยอง!....นี่ยูไม่เข้าใจเหรอ ว่าไอต้องทำโปรเจคต์ส่งน่ะ” แถ! ผู้ชายคนนี้กำลังแถ จินยองรู้


    “ยูใช้เหตุผลนี้มากี่ครั้งแล้ว...แจ็คสัน ไอไม่อยากฟัง”


    “ก็ยูไม่เข้าใจ ให้ไออธิบายกี่ครั้งยูก็ไม่เข้าใจหรอก ยูไม่ได้ตามไอไปทำงานด้วยนี่” เบื่อ! จินยองเบื่อกับการที่คนตรงหน้าเอาแต่กลอกตาไปมาไม่ยอมมองหน้าเขา เบื่อแฟนต่างชาติคนนี้ที่เป็นเสือไม่ทิ้งลาย


    “แล้วเวลาไอขอไปกับยูด้วย ยูปฏิเสธทำไม?”


    “ก็มันไม่ควร ที่ไอจะพาแฟนไปด้วย”


    “มันก็ไม่ควรเหมือนกันนั่นแหละ ที่ยูไปทำโปรเจคต์ทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมกลับห้อง ติดต่อก็ไม่ได้”


    “...” เงียบ ไร้คำถกเถียง นี่คนตรงหน้าเขาหมดคำพูดแล้วเหรอ


    “ที่ไอนัดยูมา มันก็เกี่ยวกับเรื่องนี้แหละ”


    “ยู...หมายความว่าไง?”


    “เมื่อคืนมีคนส่งรูปนี้มาให้ไอ” จินยองยื่นโทรศัพท์ที่ปรากฏภาพของชายหญิงคู่หนึ่งอยู่ในสภาพเปลือยนอนกอดกันอยู่ให้แจ็คสัน มันจะไม่น่าแปลกใจเลยถ้าหากผู้ชายในรูปไม่ใช่คนๆเดียวกับคนตรงหน้าเขา


    “นี่มัน...What?


    “ตกใจเหรอ ไม่แปลกหรอกนะ ขนาดไอเห็นไอยังตกใจเลย...ไม่ได้ตกใจเรื่องรูปนะ เพราะไอรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ตกใจที่รูปมันส่งมาจากเบอร์โทรศัพท์ยู” จินยองใช้สายตาหนักมองไปที่ตาของแจ็คสัน  ในเวลาแบบนี้แจ็คสันคงไม่มีอะไรที่จะแถให้เขาฟังแล้ว ในเมื่อมีหลักฐานวางอยู่ตรงหน้าขนาดนี้


    Bitchest” จินยองมองอีกคนที่สบถคำหยาบออกมา แจ็คสันคงจะเดาออกว่าใครที่เป็นคนส่งรูปภาพมา นี่เขาทนคบกับคนแบบนี้มาได้ยังไงกัน


    “ไอว่าเราเลิกกันเถอะ” จินยองพูดคำๆนั้นออกมา หลังจากที่ไตร่ตรองมานานแล้ว ว่าเมื่อไหร่จะได้พูดคำนี้ออกมาสักที


    What???...นี่ยูพูดอะไรออกมา  จินยองYou’re crazy!!!


    “ไอไม่ได้บ้านะ”


    “แล้วยูรู้ตัวไหม? ว่าพูดอะไรออกมา”


    “ไออยากจะพูดมันตั้งนานแล้ว ยูไม่รู้เหรอ?”


    นี่ยูกำลังทำให้ไอโมโหนะ!


    “เลิกก็คือเลิก ยูจะโมโหก็เรื่องของยู ไอไม่กลัวหรอก” ไม่กลัวบ้าไรล่ะ นี่จินยองสั่นจะตายอยู่แล้ว หวังว่าแจ็คสันคงจะไม่ลงไม้ลงมือกับเขานะ นี่มันกลางร้านคาเฟ่ลูกค้าในร้านก็เยอะแยะ


    “จินยอง...นี่จะไม่ถอนคำพูดใช่ไหม!!!


    “เรื่องอะไรจะถอนคำพูด ไม่มีทาง”


    จินยอง!!!

     

    ซ่า...

     

    “ไปตายซะ!!! ไอคนบ้า ยูมันโคตรแย่ You’re so badจินยองตั้งใจสาดน้ำใส่หน้าแจ็คสันเพราะความโมโห ทำให้คนในร้านเริ่มหันมามองพวกเขา จินยองแทบจะบ้า นี่แค่มาบอกเลิก แต่กลับกลายเป็นจุดสนใจเพราะฝีมือตัวเองซะงั้น


    What the fxxk!!!” แจ็คสันโมโหจนลุกขึ้นยืน นี่จินยองกล้าทำกับเขาถึงขนาดนี้เชียว  “ยูมันบ้า ทำเป็นใจกล้ามาบอกเลิกไอ น้ำหน้าอย่างยูขาดไอไม่ได้หรอก อยู่ด้วยตัวเองให้ได้เถอะปาร์คจินยอง!


    “ไปซะ!!! เลิกเข้าข้างตัวเองแล้วไปสะที ไอไม่อยากเห็นหน้ายูแล้ว”


    “ปากดี! อยากโดนดีรึไง”


    “เอ่อ...ขอโทษนะครับ”

    .

    .

    .

     

     

       ช่วงบ่ายแบบนี้เหนื่อยแทบบ้า  ลูกค้าเข้ามาตากแอร์ในคาเฟ่กันเป็นว่าเล่น เจ้าของร้านอย่างอิมแจบอมก็ไม่อยากให้ลูกน้องในร้านเหนื่อย เลยออกจากหลังร้านมาช่วยหน้าเคาเตอร์ แต่รู้สึกว่าลูกน้องของเขาจะอู้งานเสียแล้ว เพราะเขาที่พึ่งคิดเงินให้ลูกค้าเสร็จ เงยหน้ามาก็เห็นลูกน้องยืนมองอะไรกันก็ไม่รู้


    “มีอะไรกัน” เขาถามลูกน้องสักคนที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะอยู่แถวนั้น


    “รู้สึกว่า จะมีคนทะเลาะกันน่ะครับ”


    “ทะเลาะกันเหรอ ในร้านเราเนี่ยนะ?”


    “ครับ คุณแจบอมลองเดินไปดูสิครับ อยู่ที่โต๊ะทางด้านนู้น” ลูกน้องคนดังกล่าวชี้มือไปทางโต๊ะที่เหมือนว่าจะมีคนทะเลาะกัน


    “โอเค เดี๋ยวผมเดินไปดูเอง ฝากคุณดูแลเคาเตอร์ด้วยนะ”


    “ได้ครับ” หลังจากลูกน้องรับคำ แจบอมก็เดินออกมาจากโซนเคาเตอร์ เดินตรงไปยังโต๊ะที่พนักงานคนนั้นพูดถึง


    ปากดี! อยากโดนดีรึไง ดูท่าแล้วน่าจะทะเลาะกันรุนแรงอยู่นะ งานนี้อิมแจบอมได้เหนื่อยแน่ๆ


    “เอ่อ...ขอโทษนะครับ


    “มีอะไร!?” คนที่ยืนอยู่หันหน้ามาถามแจบอม ด้วยท่าทางเอาเรื่อง


    “คือ...มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ ดูท่าทางเสียงดังกัน”


    “ยูเป็นใคร?” บุคคลตรงหน้าแจบอม เลิกคิ้วขึ้นเหมือนแสดงออกถึงการไล่เขาไปกรายๆว่าอย่ามายุ่ง แต่เขาสนที่ไหน นี่มันร้านเขา เขามีสิทธิ์ที่จะยุ่ง


    “ผมเป็นเจ้าของคาเฟ่นี้ครับ และรู้สึกว่าลูกค้าและพนักงานในร้านจะให้ความสนใจโต๊ะนี้เป็นพิเศษ ตกลงว่ามีเรื่องอะไรกันครับ” เขาทำใบหน้ากวนๆตอบกลับอีกคน ท่าทางจะหัวร้อนหน้าดู จากสายตาที่เหวี่ยงใส่แจบอมอะนะ แล้วนี่อีกคนหนึ่งที่นั่งก้มหน้าอยู่ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามเขาเลยหรือไง ถ้าให้สันนิษฐานแล้วสองคนนี้หน้าจะเป็นแฟนกัน แต่ดูยังไงๆก็ไม่เห็นจะเข้ากันสักนิด


    “เจ้าของร้านแล้วไงวะ...ไม่เสือกดิ”


    “แจ็คสัน ยูอย่าไปพาลใส่คนอื่น เราสองคนมาเสียงดังในร้านเขานะ” คนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าอยู่ลุกขึ้นต่อว่าทันที หลังจากที่ได้ยินคำหยาบของแฟนหนุ่ม  แจบอมพึ่งจะได้เห็นใบหน้าของอีกคนชัดๆ หัวใจของอิมแจบอมก็แทบจะหยุดเต้น +น่ารัก+ น่ารักมากไม่รู้จะใช้คำไหนนอกจากคำนี้แล้ว


    “แล้วไง?  ก็มันเข้ามาเสือกเอง”


    “แจ็คสัน ยูหยุดได้แล้ว เรื่องของเรามันจบแล้ว ขอโทษคุณเจ้าของร้านเขาด้วย”


    “ทำไมวะ ทำไมไอต้องขอโทษมันด้วย แคร์อะไรมันห๊ะ?” แจบอมยืนมองสองคนนั้นที่ทะเลาะกันไปมา คำถามที่เขาถามไปทีแรกก็ยังไม่ได้คำตอบ แล้วนี่คนที่ชื่อแจ็คสันยังจะมาชวนคนตัวเล็กทะเลาะเรื่องเขาอีก


    “แจ็คสัน ไอบอกให้ขอโทษเขาไง”


    “ดูยูจะแคร์มันเหลือเกินนะ มันเป็นแฟนใหม่ยูหรือไง”


    “เออสิ เขาเป็นแฟนใหม่ไอ ยูขอโทษเขาเดี๋ยวนี้” อยู่ดีๆคนตัวเล็กก็พูดประโยคที่ทำให้เขาประหลาดใจออกมา นี่เขาไปเป็นแฟนใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


    “ปาร์คจินยอง...ยูว่าไงนะ” สายตาเย็นเฉียบถูกส่งผ่านจากแจ็คสันมาที่คนตัวเล็กและมาหยุดอยู่ที่แจบอม


    “เขาเป็นแฟนใหม่ของไอ He’s My boyfriend” สิ้นเสียงของจินยอง แจบอมก็ได้แต่ยืนเหวอทำตัวไม่ถูกเหมือนว่าไม่เข้าใจสิ่งที่จินยองพูด


    “นี่ยูคบซ้อนเหรอ?”


    “ทียูยังไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นได้ ไอก็มีได้ นี่ไม่ได้ประชด เพราะว่าไอ...เบื่อยูแล้ว แจ็คสัน”     แววตาของคนตัวเล็กที่พูดประโยคนั้นออกมามันแข็งกร้าวขัดกับใบหน้าหวานๆเสียเหลือเกิน ส่วนอิมแจบอมที่กลายเป็นแฟนใหม่ ได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าสลับกันไปมา


    “หึ...ในเมื่อยูพูดมาขนาดนี้แล้ว ไอก็ไม่อยู่ต่อหรอกนะ ไอไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ยูให้มันง่ายๆ แต่กับไอยูเล่นตัว เหอะ รู้ตัวไว้ด้วยนะ ถ้าไม่ได้หวังเรื่องอย่างว่าก็ไม่มีใครอยากเป็นแฟนกับยูหรอก อยู่กับยูหน้าเบื่อจะตายชัก” พูดจบ แจ็คสันก็เดินออกจากคาเฟ่ไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว จินยองไม่ได้มองตามออกไป ทำได้แต่ยืนก้มหน้าเงียบ


    “เอ่อ...คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เพราะคนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้า อิมแจบอมที่ยืนมองอยู่นานจึงเอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง


    “ฮึก...ค...คือ...ผมขอโทษนะครับ ที่บอกไปว่าคุณเป็นแฟนใหม่ผม แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้เขาก็ไม่หยุดสักที” คนตัวเล็กตอบกลับเขาด้วยน้ำเสียงสั่นๆเอามือขยี้ตา คงกำลังจะร้องไห้แต่ต้องฝืนกลั้นน้ำตาไว้


    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีที่เขาไม่ชกหน้าผมน่ะนะ ว่าแต่คุณเถอะ ไหวหรือเปล่า?” อิมแจบอมก้าวเดินไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่ดูท่าแล้วน่าจะไม่ไหว


    “ค...คือว่า น้ำตาผมจะไหลอะครับ คนในร้านมองอยู่เยอะ ผมกลัวจะกลั้นไว้ไม่อยู่” จินยองเอามือขยี้ตาตัวเองพยายามที่จะทำให้น้ำตาหยุดไหล แต่แจบอมว่าทำแบบนั้นตามันจะแดงสะมากกว่า


    “คุณนั่งลงก่อนนะ เดี๋ยวผมจัดการให้”


    “อ๊ะ...ครับ” จินยองสะดุ้งที่แจบอมกดไหล่ตัวเองให้นั่งลงกับเก้าอี้ ส่วนเจ้าตัวก็ไปนั่งเก้าอี้อีกฝั่งนึง


    “พนักงานคนนั้นน่ะ มานี่สิ ผมขอนมกล้วย1แก้ว มาเสิร์ฟให้คุณเขาที่โต๊ะนี้ที”


    “ได้ครับ คุณแจบอม” หลังจากที่พนักงานได้รับคำสั่งแล้วก็รีบไปที่เคาเตอร์ทันที อิมแจบอมมองว่าพนักงานไปถึงเคาเตอร์แล้ว ก็หันหน้ากลับมาหาจินยอง แต่ก็แทบหลุดขำเมื่อเห็นอีกคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้


    “คุณ... คือ... ” จินยองพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าอีกคน


    “นมกล้วยร้านผมอร่อยมากเลยนะ ถ้าคุณลองชิมแล้วจะติดใจ มื้อนี้ผมเลี้ยงนะครับ ถือว่าเป็นการปลอบใจร้านผมทำให้คุณร้องไห้”


    “ไม่ได้นะครับ ของซื้อของขาย แก้วละเท่าไหร่ครับเนี่ย” จินยองทำถ้าจะล้วงกระเป๋าตังค์ แต่ทว่าต้องชะงัก เมื่อเอื้อมแจบอมมาจับมือเขาไว้


    “ชั่งมันเถอะครับ ดื่มนมดีกว่า” แจบอมพูดหลังจากที่พนังงานเอานมมาเสิร์ฟ จินยองมองสิ่งที่เรียกว่านมกล้วยสลับกับหน้าแจบอม อยากรู้อีกฝ่ายเป็นคนประเภทไหนกันที่อยู่ดีๆก็เลี้ยงนมกล้วยให้กับคนแปลกหน้า แต่ตอนนี้สภาพจิตใจของจินยองกำลังย่ำแย่ ถ้าได้คนนั่งเป็นเพื่อนสักคนก็คงจะดี


    “งั้น...ในระหว่างที่ผมดื่มนม คุณช่วยนั่งเป็นเพื่อนผมได้หรือเปล่า


    “...”

     

    옆에 있어 줄래 by my side”

    “คุณจะคอยอยู่ข้างผมได้หรือเปล่า”

     


    “...”


    “ถ้าคุณสะดวกใจที่จะให้ผมนั่งด้วย เอางั้นก็ได้ครับ” แจบอมฉีกยิ้มแบบที่เป็นมิตรและหน้าไว้วางที่สุดให้จินยองที่เอาแต่ก้มหน้าและพยายามจะแอบมองหน้าเขา หลังจากที่จินยองได้ยินคำตอบของเขาก็ดื่มนมตามที่เขาบอก


    “...”


    “เป็นไงครับ? นมกล้วยร้านผมอร่อยไหม”


    “ก็...อร่อยดีครับ”


    “เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้ว...โหนี่คุณกินนมกล้วยร้านผมแล้วหยุดร้องไห้เลยเหรอเนี่ย?”


    “ไม่เกี่ยวกันสักหน่อยคุณ คนเต็มร้านใครจะกล้าร้องไห้กันล่ะ”


    “แต่เมื่อกี้ก็เห็นตาแดงๆนะ”


    “นี่คุณ! ผมให้มานั่งเป็นเพื่อนเพราะอยากให้คุณมาช่วยปลอบใจผมนะ กวนจังเลย” อิมแจบอมยิ้มขำกับอาการหงุดหงิดของจินยอง สงสัยว่าคงจะสบายใจขึ้นเยอะแล้ว


    “ที่ร้องไห้เนี่ย...เพราะเสียใจที่แฟนไปเหรอครับ”


    “ไม่ใช่นะครับ  ที่น้ำตามันไหลเพราะคำพูดก่อนที่เขาจะไปมากกว่า พอได้ยินแล้วใครไม่เจ็บใจบ้างล่ะครับ” ใช่ จินยองเจ็บใจกับคำพูดของแจ็คสัน เพราะมันทำให้รู้ว่า ตั้งแต่ที่คบกันมาแจ็คสันไม่เคยรักจินยองเลย


    “งั้น...ในฐานะที่คาเฟ่ผมมีส่วนทำให้คุณต้องร้องไห้ ผมให้คุณมาทานที่คาเฟ่ผมฟรีได้เลย” แจบอมเปล่าอวดว่าตัวเองป๋าหรือใจป้ำ แค่อยากให้คนตัวเล็กมาร้านเขาทุกวันเท่านั้นเอง


    “บ้าหรือเปล่าคุณ แค่นมกล้วยนี่ก็เกินพอแล้ว” จินยองรีบปฏิเสธทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่แจบอมพูดออกมา


    “เอาเป็นว่ารับนามบัตรผมไว้แล้วกันนะครับ อยากจะเข้ามาร้านเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกผมเลยนะครับ” แจบอมหยิบนามบัตรของตัวเองออกมาให้กับอีกคน นี่จินยองจะรู้หรือเปล่าว่าเขากำลังอ่อย แต่จินยองดูมีท่าทางอึกอักเล็กน้อย แจบอมก็ได้แต่ลอบมองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ดูท่าจะไม่รู้เลยว่าทุกอย่างที่แจบอมทำไปเป็นเพราะว่าสนใจตนเอง


    “เอ่อ...นี่คุณ” จินยองเหลือบมองชื่อในนามบัตร แจบอมอ่านปากอีกคนแล้วยิ้มขำ นี่เขาเผลอหลุดยิ้มให้กับคนๆนี้กี่ครั้งแล้ว ท่าทางซื่อๆนั่น ทำไมมัน...น่ารัก


    อิมแจบอมครับ...ผมชื่อ อิมแจบอม เป็นเจ้าของร้านคาเฟ่”


    “อ๋อ...ผม...ปาร์คจินยองครับ เป็นนักศึกษา ป.โท”

     

     

    //

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


        นี่ก็ผ่านมา 1 เดือนแล้วที่จินยองรู้จักกับคุณอิมคนใจดี ใช่ คุณอิมคนใจดี จินยองสั่งให้ตัวเองเรียกคนๆนั้นด้วยชื่อนี้เอง เขาเองก็เริ่มรู้สึกว่าคุณอิมเป็นคนเข้าถึงง่าย มันเลยทำให้จินยองไม่อึกอัดเวลาคุยด้วย 1 เดือนที่ผ่านมาจินยองเข้าคาเฟ่ของคุณอิมเป็นว่าเล่น ตอนนี้จำชื่อพนักงานในคาเฟ่ได้หมดทุกคนแล้ว แต่คุณอิมที่เป็นเจ้าของร้านแท้ๆกลับจำชื่อพนักงานในร้านไม่ได้สักคน วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาจะแวะเข้าคาเฟ่น่ะนะ


    “อ้าว คุณจินยอง วันนี้ก็แวะมาอีกแล้วนะครับ”


    “ต้องมาทุกวันอยู่แล้วครับ ก็คุณอิมน่ะ ให้ผมทานที่คาเฟ่เขาฟรี” จินยองตอบพนักงานที่ยืนอยู่หน้าร้านพร้อมกับส่งยิ้มให้ตามอัธยาศัย พนักงานร้านคุณอิมน่ะขยันทุกคน ไม่ว่าคุณจะใช้ให้ทำอะไร ทุกคนก็อาสาทำหมด อยากรู้จริงๆว่าคุณสอนพนักงานยังไง


    “คุณนักศึกษา วันนี้ไม่มีเรียนหรือไงครับ มาหาผมแต่หัววันเชียว” เจ้าของคาเฟ่หนุ่มชะโงกหน้าออกมาจากหลังเคาเตอร์หลังจากที่ได้ยินเสียงของผู้มาใหม่ จินยองหลุดขำให้กับท่าทางของอีกคน นี่คงจะเป็นเกรียนสไตล์ของคุณอิมที่นับวันๆมันเริ่มจะหลุดออกมาให้ขำกันเพราะมันดูจะขัดกับหน้าตาดุๆของคุณอิมจริงๆ


    “ไม่มีเรียนไงครับถึงมา แล้วก็ไม่ได้มาหาคุณอิมสักหน่อย ผมมาดื่นนมต่างหาก เอานมกล้วยเหมือนเดิมนะ” จินยองสั่งเมนูโปรดที่พึ่งเข้าไปอยู่ในลิสต์อาหารที่ชอบของจินยองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะเดินไปนั่งยังที่ประจำ ที่ๆมีประวัติศาสตร์ความทรงจำอันเลวร้ายและที่ๆทำให้เขาได้เจอกับคุณอิม


    “ว่างทั้งวันเลยเหรอวันนี้ มาช่วยงานร้านผมไหม?” แจบอมเดินถือนมกล้วยที่เป็นมาวางตรงหน้าจินยอง ก่อนที่จะนั่งลงฝั่งตรงข้าม


    “ทั้งวันที่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวช่วงเย็นต้องไปงานม.” จินยองตั้งใจพูดประโยคหลังเสียงดังฟังชัดเพราะเขาอยากให้คุณอิมได้ยิน เพราะอยากจะถือโอกาสพาคุณอิมเดินเที่ยวงานและเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนที่คุณอิมให้เขาทานฟรีที่คาเฟ่


    “มีงานมหาลัยเหรอคุณ แบบนี้ก็เหนื่อยแย่เลยสิ”


    “ไม่เหนื่อยอะไรหรอกครับ ป.โท ไม่ได้มีหน้าที่อะไร แค่ไปร่วมงานเฉย เห็นว่ามีร้านอาหารเยอะแยะเลยนะครับ” แจบอมลอบยิ้ม ดูก็รู้ว่าจินยองน่ะอยากจะชวนเขาไปงานมหาลัย แต่เจ้าตัวไม่ยอมเอ่ยปากชวนตรงๆ เอาแต่จะพูดอ้อมๆมากกว่า


    “เหรอ...ครับ” แจบอมแกล้งทำเป็นไม่สนใจงานมหาลัยที่จินยองพูดถึง ดูจากสายตาของจินยองแล้วคลาดว่าคงจะเดาทางเขาไม่ถูก


    “เอ่อ...ช่วงนี้พวกป.โท ปิดเทอมกันหมดแล้ว คงจะไม่มีใครมาเดินงานแบบผมหรอก” จินยองกำลังจะสื่อว่าเขาต้องไปเดินงานคนเดียว คงเหงาแย่อะไรแบบนี้ แต่ดูสีหน้าของแจบอมแล้ว จินยองคงแห้วแหละ เล่นไม่มีปฏิกิริยาร่วมอะไรเลย


    “แล้วทำไมไม่อยู่ช่วยร้านกับผมแทนที่จะไปเดินเหงาคนเดียวล่ะครับ” จินยองแพ้แล้ว แจบอมเล่นพูดเมินสิ่งที่เขาจะสื่อไปง่ายๆ นี่ไม่รู้จริงๆว่าเขาอยากให้ไปงานด้วยหรือจะแกล้งเขากันแน่


    “เรื่องอะไรล่ะครับคุณอิม ผมอยากไปงานนี้จะแย่ แล้วที่ชวนให้มาช่วยงานที่ร้านบ่อยๆนี่จะเอาคืนที่กินฟรีไปหรือครับ” จินยองเริ่มเดือดแล้วนะ นี่คนตรงหน้าเขาแกล้งทำเป็นโง่เนียนไปหรือเปล่า อยากจะตะโกนบอกมากเลยว่าจะชวนไปด้วยน่ะจะไปไหม


    “อะไรกันครับ ผมแค่กลัวคุณจะเหงา เลยชวนมาอยู่ที่ร้านด้วย ไม่คิดเลย ว่าคุณจะมองว่าผมเป็นคนแบบนั้นนะ น้อยใจจัง” แจบอมแกล้งตีหน้าเศร้า จินยองดูมีท่าทางตกใจบวกกับแปลกใจที่คุณอิมมีโมเม้นต์น้อยใจอะไรแบบนี้ด้วย มันดูไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกของอีกคนสักเท่าไหร่


    “ เห๊! คุณอิม นี่ผมไม่ได้มองคุณแบบนั้นสะหน่อย ก็เห็นคุณชอบชวนผมทำงานที่ร้านบ่อยๆนี่” จินยองรีบพูดปฏิเสธ แต่ทำท่าเหมือนจะเหวี่ยงใส่แจบอมเสียมากกว่า แจบอมที่เผลอหลุดยิ้มออกมาก็กลัวว่าจินยองจะเห็น จึงไม่ยอมหันหน้ากลับมามองจินยอง


    “ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้ผมน้อยใจคุณแล้ว” แจบอมแกล้งทำเป็นหน้านิ่งเสมองไปทางอื่น จินยองแทบวางตัวไม่ถูก ที่อยู่ดีๆแจบอมก็มาน้อยใจแบบจริงจังกับเรื่องแบบนี้ ทั้งๆที่คนแบบอิมแจบอมไม่น่าจะรู้สึกอะไร


    “คุณ! ก็ผมบอกว่าไม่ได้ว่าคุณไงล่ะ จะน้อยใจทำไมเนี่ย” จินยองเผลอทำหน้างอแงใส่อีกคน แจบอมที่แอบมองอยู่พอเห็นแบบนี้เลยยอมอ่อนให้


    “ง้อผมสิคุณ เฮ้อ...ช่วงนี้ก็อยู่แต่ที่คาเฟ่ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเพราะต้องรอใครบางคนมาที่ร้านทุกวัน” แจบอมพูดจาประชดประชันแถมทำเป็นเศร้าให้จินยองเห็น นี่จะโทษว่าเป็นความผิดของจินยองอีกน่ะสิ ใครใช้ให้มารอเข้าร้านกันล่ะ


    “งั้นเอางี้...เย็นนี้ไปเที่ยวงานม.กับผมไหม?” สุดท้ายจินยองก็ต้องเป็นคนชวนจนได้ จากที่ตอนแรกจะพูดอ้อมๆให้คุณอิมเป็นฝ่ายชวนไปเองเสียหน่อย


    “ที่ยอมชวนก็เพราะเห็นผมน้อยใจสินะ...กว่าจะพูดออกมาได้นะคุณ”


    “คุณอิม! นี่รู้อยู่แล้วว่าผมอยากชวน ยังจะแกล้งกันเหรอครับ คุณมันร้ายชะมัดเลย” จินยองหงุดหงิดคนตรงหน้ามากจนยกนมกล้วยดื่มรวดเดียวหมดแก้วแก้เก้อ


    “ดื่มช้าๆสิคุณ แหม ผมก็รู้อยู่แล้วว่าคุณอยากมาชวนแต่คุณแค่ไม่กล้าเท่านั้นแหละ”


    “แล้วตกลงว่าไง จะไปไหมครับ” จินยองถามเสียงดุ ถ้าคุณอิมยังเล่นตัวอีก เขาจะไม่ชวนแล้วนะ ยิ่งเห็นเขาหงุดหงิดคุณอิมก็ยิ่งแกล้ง เป็นโรคประสาทหรือไง


    “อืมมม...” แจบอมทำท่าครุ่นคิดเหมือนกับว่าการที่จินยองชวนเป็นการชวนที่ตัดสินใจยากมาก ยิ่งกระตุ้นต่อมอารมณ์หงุดหงิดของจินยองเข้าไปอีก


    “ตัดสินใจยากก็ไม่ต้องไ...ป”


    “ไปครับ ผมอยากไปกับคุณ”


    “...” จินยองใจเต้นแรงกับคำตอบและสายตาของคนตรงหน้า  ไม่ค่อยเข้าใจคุณอิมเลยทำไมเวลาตอบคำถามเขาหรือเวลาชวนเขาคุยจะต้องใช้สายตาแปลกๆที่มันดูจริงจังกับเขาตลอดเลย แล้วยิ่งไม่เข้าใจอีกว่าทำไมเขาต้องใจเต้นแรงกับสายตานั้น


    “อ่าว เงียบทำไมล่ะคุณ นี่ผมตกลงแล้วนะ”


    “อะ...อ๋อ...คือ งั้นไปตอนห้าโมงครึ่งดีไหมครับ รถไม่ติด”


    “เอาสิ แล้วแต่คุณเลย ไปเจอกันที่ไหนดีล่ะ


    “เดี๋ยวผมมาหาที่คาเฟ่เองก็ได้ครับ” จินยองเลือกสถานที่นัดที่สะดวกที่สุดทั้งเขาและคุณอิม จะให้ไปนัดที่อื่นได้ไงล่ะ ทุกครั้งที่เจอกับคุณอิมก็เจอเพราะเขามาคาเฟ่เท่านั้น ไม่เคยเจอคุณอิมที่อื่นอีกเลย


    “เอาที่คุณสบายใจเลย ผมยังไงก็ได้” แจบอมยักไหล่ ดูก็เชื่อแล้วว่าเป็นคนง่ายๆอะไรยังไงก็ได้ แต่จินยองก็อยากได้คนออกความคิดเห็นหน่อยอะนะ


    “อืม...ถ้ามาเจอกันที่นี่มันก็จะย้อนกับทางไปมหาลัย...ไปจากคอนโดเราก็...”


    “ไปสิครับ”


    “ห๊ะ ว่าไงนะครับ”


    “ไปเจอกันที่คอนโดคุณก็ได้ครับ ง่ายดี” ยิ้มแปลกๆอีกแล้ว คุณอิมยิ้มแปลกๆใส่จินยองอีกแล้ว แล้วไอท่านั่งของคุณอิมนี่มันคุ้นๆนะ นั่งไขว่ห้างหลังตรงพิงเก้าอี้เนี่ย นึกแล้วมันดูคุ้นๆกับท่านั่งของดาราชื่อไรซักอย่าง จงซอกหรือเปล่านะ


    “เอ่อ...แต่คุณอิมจะสะดวกเหรอครับ คุณอิมยังไม่รู้ทางไปคอนโดผมเลยนะ มาเจอกันที่คาเฟ่ไม่ดีกว่าเหรอครับ?”


    “ไปที่คอนโดคุณนั่นแหละ คุณจะได้ไม่ต้องย้อนไปมา ถูกไหม?”


    “เอ่อ...มันก็ถูกแหละครับ  แต่คุณอิมจะรู้ทางไปคอนโดผมเหรอครับ”


    “แล้วคุณจะกลับยังครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่คอนโดเอง จะได้รู้ทางไปด้วยเลย”


    “เอ่อ...งั้นกลับเลยก็ได้ครับ นมหมดแล้ว แหะๆ...” จินยองขำแก้เก้อที่ตัวเองไม่น่ารีบดื่มนมกล้วยหมดจนได้กลับคอนโดเร็วเลย แต่ยังดีที่คุณอิมอาสาจะไปส่ง แจบอมรู้ทันที่จินยองไม่อยากกลับคอนโดดูจากอาการขำแก้เก้อนั้นแล้ว


    “ไปครับ เดี๋ยวผมขับมอไซค์ไปส่ง”

    .

    .

    .

     

     

      ถึงคอนโดของจินยองแล้ว แจบอมจอดรถรอส่งจินยองขึ้นลิฟท์ไปก่อนตัวเขาจึงขับรถไปจอดในลานจอดรถและเดินมารอลิฟท์ ใครว่าเขาตามขึ้นไปหาจินยอง นี่มันก็คอนโดเขาเหมือนกัน แค่อยู่คนละชั้นกับจินยองและเวลาเข้าออกคอนโดของจินยองกับเขามันตรงกันเสียที่ไหน ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเขาสองคนไม่เคยเจอกัน ที่แจบอมไม่เดินขึ้นคอนโดพร้อมกับจินยองก็เพราะเขาอยากจะแกล้งอีกคนมากกว่า อยากให้อีกคนรู้ตอนถึงเวลานัดดูสิว่าจะตกใจแค่ไหน นี่เขาก็พึ่งจะรู้เรื่องนี้เหมือนกัน ทั้งๆที่เขาอาศัยอยู่ที่คอนโดนี้มาตั้งแต่เริ่มเข้ามหาลัย อาจจะเป็นจินยองที่เข้ามาอยู่ที่นี่ทีหลังเขาก็ได้ เขายิ้มพลางเดินเข้าในลิฟท์เมื่อลิฟท์มาถึง

    .

    .

    .

     

     

      ถึงเวลาที่นัดคุณอิมเอาไว้แล้ว จินยองรีบปิดเครื่องปรับอากาศภายในห้องนอน เขาสำรวจเสื้อผ้าตัวเองในกระจกก่อนจากนั้นจึงปิดไฟในห้องแล้วรีบจ้ำอ้าวออกมาใส่รองเท้าหน้าประตู ที่เขาต้องรีบก็เพราะว่าคุณส่งไลน์มาบอกว่าถึงแล้ว ซึ่งคุณอิมน่าจะเป็นคนที่ตรงเวลามากๆ เพราะเมื่อเข็มยาวที่นาฬิกาของจินยองชี้ไปที่เลขหก ไลน์ที่ส่งมากจากคุณอิมก็เด้งขึ้นมาทันที

     

    /คุณจินยองครับ ผมจอดรถรอไว้หน้าคอนโดนะครับ เสร็จแล้วลงมาได้เลย/

     

        แหม เล่นมาจอดรถอยู่หน้าคอนโดขนาดนี้แล้วเขาก็ต้องรีบลงไปแล้วแหละ นิ้วเรียวยาวของจินยองกดปุ่มหน้าลิฟท์แล้วรอเวลาเมื่อลิฟท์มาถึง เมื่อก้าวเข้าลิฟท์ได้จินยองมองหาชั้นที่ต้องการก่อนจะกดปุ่มโดยใช้นิ้วเรียวนั้นอีกครั้ง เขายืนรอในลิฟท์นานไม่ถึงห้านาที เมื่อประตูลิฟท์เปิดเขาก็เจอกับ...


    “อุ้ย คุณอิม!” จินยองตกใจที่เมื่อประตูลิฟท์เลื่อนออกจากกันแล้ว ใบหน้าของคนที่นัดไว้ก็โผล่มาให้เห็น “นี่มารอหน้าลิฟท์ได้ยังไงครับ ถ้าจะเข้ามาภายในคอนโดมันต้องใช้คีย์การ์...ด เห๊!” จินยองตกใจที่เจ้าของคาเฟ่หนุ่มยื่นอะไรบางอย่างมาตรงหน้าเขา นั่นคือคีย์การ์ดนั่นเอง


    “ผมก็มีครับ...คีย์การ์ดน่ะ”


    “เอ๋...หมายความว่าไงครับ คุณอิมมีคีย์การ์ดได้ยังไง?” จินยองทำหน้าสงสัยใส่คนตรงหน้าที่มัวแต่ทำหน้าทะเล้น นี่คนตรงหน้าไม่ได้ใส่ใจคำถามที่เขาถามเลย


    “คุณลองคิดดูสิ ว่าทำไมผมถึงมีคีย์การ์ด” เมื่อทิ้งคำถามให้อีกคนเสร็จ แจบอมก็เดินนำคนตัวเล็กที่เอาแต่ทำหน้าสงสัยอยู่ออกมาจากคอนโด จินยองที่รู้ตัวเองอีกทีก็เห็นแจบอมเดินไปหน้าประตูแล้วเขารีบวิ่งตามอีกคนไปทันที


    “นี่อย่าบอกนะว่า...คุณอิมอยู่คอนโดนี้น่ะ ทำไมผมไม่เห็นจะเคยเจอคุณอิมเลยล่ะครับ”


    “ผมก็เหมือนกันครับ ผมไม่เคยเจอคนน่ารักๆแบบคุณ...ทั้งๆที่ผมอยู่ที่นี่มาตั้งหกปี” ใจสั่น จินยองกำลังใจสั่น ทั้งๆ จินยองไม่ใช่สาวน้อยที่จะเขินกับคำพูดทำนองนี้ แต่คุณอิมก็พูดทำเอาจินยองใจสั่นไปเลยทีเดียว


    “เอ่อ...งั้นคงไม่แปลกหรอกครับ ผมพึ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี่ตอนเข้าเรียนป.โท แต่คุณอิมครับ นี่คุณรู้ตั้งแต่ตอนมาส่งผมแล้วทำไมไม่บอกล่ะครับ นี่แกล้งกันเหรอครับ”


    “ก็คุณไม่ได้ถามนี่นา ขึ้นรถเถอะคุณ” แจบอมกดรีโมทปลดล็อคประตูรถ ก่อนจะก้าวเดินไปยังรถที่จอดอยู่ตรงหน้า


    “รถ?...ไหนล่ะครับ ไหนบอกว่าจอดรถไว้หน้าคอนโด”


    “นั่นไงคุณ นู่นน่ะ” แจบอมชี้นิ้วไปยังรถยนต์หน้าคอนโดที่เจ้าตัวเป็นคนนำไปจอดไว้เอง หลังจากที่เห็นจำหน้าสงสัยเหมือนจะมองหารถ


    “เห๊? รถเก๋งคันนั้นเหรอครับ ไม่ใช่มอไซค์ที่ขับมาส่งผมเหรอ”


    “ใครจะขับมอไซค์ไปกันล่ะครับ นี่คุณต้องดีใจนะ ได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถผมน่ะ ขึ้นรถเถอะครับ” จินยองพยักหน้าก่อนที่ทั้งสองจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง


    รถเคลื่อนที่ออกจากจุดที่จอดเอาไว้หน้าคอนโด ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรออกมา เนื่องจากบรรยากาศบวกกับการที่ทั้งสองคนไม่ใช่คนที่ชวนคุยใครเก่งเสียเท่าไหร่ รถจึงเคลื่อนตัวไปเงียบเรื่อยๆ จนถึงที่หมาย

    .

    .

    .

     

     

         เมื่อเดินทางมาถึงมหาลัย จินยองก็ทำหน้าที่เป็นไกด์พาอีกคนเดินชม แจบอมดูให้ความสนใจกับสิ่งที่จินยองแนะนำมาก ช่วงแรกๆที่มาถึงคนยังบางตาอยู่มากแต่เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดินคนก็เริ่มอัดแน่นขึ้น ทำให้พวกเขาสองคนที่เดินไม่ไหวแล้วอยากที่จะหยุดพักสักที่ เหงื่อไหลผุดไปตามแก้มของจินยอง เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อทันที


    คุณอิมหิวหรือยังครับ อยากจะกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ?” จินยองถามขึ้นนหลังจากที่เดินภายในงานเป็นเวลาสักพักแล้ว


    “เริ่มจะหิวนิดๆแล้ว คุณล่ะ หิวหรือยัง”


    “ผมก็หิวแล้วเหมือนกัน งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะครับ เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเองตอบแทนที่คุณอิมให้ผมทานที่คาเฟ่คุณฟรี”


    “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคุณ ผมไม่คิดอะไรมากอยู่แล้วเรื่องนั้นน่ะ” แจบอมหรี่ตามองคนตัวเล็กที่พยายามเสนอความคิดเห็น เขานึกไม่ถึงเลยว่าที่จินยองชวนเขามาเพราะจะตอบแทนเขาเรื่องนั้น


    “ไม่ได้นะครับ! เวลาไปทานร้านคุณฟรีๆผมก็กลัวคุณอิมจะขาดทุนเหมือนกันนะครับ เพราะฉะนั้นให้ผมเลี้ยงเถอะนะครับ ทานข้าวเสร็จแล้วคุณอิมอยากได้อะไรก็บอกผมนะครับ เดี๋ยวผมจ่ายให้เอง”


    “โถ่ คุณ ถ้าเอาแบบนั้นก็ตามใจคุณเถอะ พูดมาสะขนาดนี้แล้ว” แจบอมส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย นี่ถ้าไม่ตามใจก็คงจะงอแงอยู่อีกนาน


    “งั้นคุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษครับ ว่ามาเลย” จินยองยิ้มตาหยีทำสีหน้าดีใจที่อีกคนยอมตามใจให้เขาเลี้ยงตอบแทน


    “มีอะไรแพงบ้าง คุณเลี้ยงผมทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม”


    “เห๊! คุณอิมนี่ผมเป็นนักศึกษานะ ไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอก...กินกุ้งถังไหมครับ ร้านนั้นไง! ผมอยากกินจังเลยคุณ” จินยองเจอร้านอาหารที่อยากกินทันทีเมื่อแจบอมตั้งใจจะสั่งอาหารแพงๆ แจบอมรู้ทันอีกคนแต่ก็เออออไปกับคนตัวเล็ก


    “แต่ว่าคุณ ร้านอยู่ตั้งนู่นแหนะ คนเบียดมากๆเลยนะคุณ แล้วจะเดินไหวเหรอ” แจบอมแกล้งหาอุปสรรคมาขัดขวางคนตัวเล็ก แต่ดูจากสายตาที่มุ่งมั่นของอีกคนแล้ว ดูท่าว่าจินยองจะอยากกินกุ้งถังร้านนั้นจริงๆ


    “ทำยังไงดีครับ ผมกลัวว่าถ้าเผลอเดินๆไปแล้วจะหลงกันขึ้นมาน่ะ”


    “เอาอย่างงี้ไหม คุณจับมือผมไว้ จะได้ไม่คลาดจากกัน”

     

    손을 잡아도 Don’t be shy”

    “ให้ผมจับมือคุณได้ไหม ไม่ต้องเขินหรอกนะ

     

    “เอ่อ...ถ้าคุณอิมคิดว่าดี จับมือกันก็ได้ครับ

    .

    .

    .

     

     

        หลังจากที่ทานกุ้งถังเสร็จ พวกเขาสองคนก็พากันกลับคอนโด ระหว่างทางที่นั่งรถกลับ ทั้งรถไม่มีเสียงใครพูดอะไรออกมาสักคำ มีแต่ความเงียบภายในรถ บรรยากาศแปลกๆที่สร้างขึ้นจากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมคุยกัน เมื่อรถแล่นมาถึงลานจอดรถภายในคอนโดแล้ว เมื่อลงจากรถพวกเขาทั้งคู่เดินมารอลิฟท์กันที่หน้าลิฟท์ บรรยากาศแปล่งๆนี่ก็ยังไม่หายเป็นเพราะอาการเขิน  จนเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นของจินยอง...


    “ขอบคุณมากนะคุณ สำหรับวันนี้ที่เลี้ยงข้าวผมน่ะ” แจบอมพูดประโยคแรกออกมาหลังจากที่เงียบมานาน


    “เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง งั้นผมไปก่อนนะ”


    “เดี๋ยว...จินยอง”


    “ห๊ะ...ครับ” คนตัวเล็กชะงักหันขวับทันทีที่อีกคนเรียกเขาด้วยชื่อจริง


    “เอ่อ...คือวันนี้ผมขอโทษนะ ที่จับมือคุณน่ะ” แจบอมพูดออกไปด้วยอาการสั่นๆเสหน้ามองไปทางอื่น ไม่กล้ามองหน้าอีกคน


    “อ่อ เรื่องนั้น ชั่งมันเถอะครับ ผมไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อยคุณ” จินยองตอบแจบอมโดยที่สายตาก็มองการกระทำแปลกๆของอีกคน


    “งั้นก็โล่งอกที่คุณไม่โกรธอะไร”


    “ลิฟท์จะปิดแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมไปก่อนนะครับ” จินยองก้าวเดินออกจากลิฟท์ทันทีที่พูดจบ


    “ฝันดีนะ...จินยอง” แจบอมพูดประโยคนั้นออกไปทันที่ประตูลิฟท์กำลังจะปิดสนิท เขาหวังว่าจินยองจะได้ยินสรรพนามนั้นที่เขาใช้เรียกจินยอง


    “ฝันดีครับ...พี่แจบอม”


    จินยองได้ยินมันแล้วล่ะ

     

     

    //

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     นี่ก็เข้าสู่เดือนเมษายนแล้ว เป็นเดือนที่อากาศร้อนที่สุดสำหรับจินยอง  การที่ต้องปิดเทอมในเดือนเมษาเป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุด ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าหากเจอเขาที่คาเฟ่ของคุณอิมนะ เพราะเขาได้ไปช่วยงานร้านนั้นจนจะกลายเป็นพนักงานไปเสียแล้ว ปิดเทอมแบบนี้ ถ้าจะอยู่แต่ในห้องแล้วนอนอุดอู้ก็กลัวจะเปลืองค่าไฟเนื่องจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดดับความร้อนตลอดวัน สู้มาอาศัยแอร์ในร้านของคุณอิม ยังไงก็ดีกว่าเยอะ ตอนแรกก็แค่มาขออาศัยแอร์เฉยๆ แต่ไม่คิดว่าอยู่ดีๆจะได้กลายไปเป็นพนักงาน จินยองก็แค่ใจดีอยากช่วยคุณอิม แต่ดูท่าแล้วคุณอิมคงจะใช้งานเขาหนักไปหน่อยแล้ว  ก็ลูกค้าเล่นเข้าออกร้านไม่หยุดแบบนี้น่ะนะ


    “คุณ ช่วยเอานี่ไปเสริฟให้โต๊ะตรงนั้นทีนะ”


    “ได้ครับคุณอิม” จินยองก้มหัวรับเมนูอาหารจากคนตัวสูง แจบอมยิ้มขำก็ท่าทางเงอะๆงะๆของอีกคน จินยองทำงานที่แจบอมสั่งโดยไม่บ่นสักคำ หลังจากที่นำอาหารไปเสริฟให้โต๊ะที่แจบอมบอกแล้วเขาเองก็มานั่งพักที่หน้าเคาเตอร์ทันที


    “เหนื่อยหน่อยนะครับคุณ มาช่วยงานร้านผมน่ะ” แจบอมแกล้งแซวคนตัวเล็กทั้งๆที่ความจริงก็เป็นห่วงที่ตัวเองหางานให้ปาร์คจินยองลำบาก


    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็ผมอาสามาช่วยเองนี่”


    “เกรงใจนะเนี่ยคุณ”


    “ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ ดีสะอีกได้ออกมาหาอะไรทำ ปกติปิดเทอมผมก็นอนอุดอู้อยู่แต่ในห้อง มันน่าเบื่อมากเลยนะครับ”


    “เพื่อนผมที่นัดประชุมไว้กำลังจะมานะครับ เป็นไปได้ไหมถ้าคุณจะช่วยงานร้านผมจนถึงตอนนั้นน่ะ”


    “สบายมากครับคุณอิม” จินยองฉีกยิ้มให้อีกคน การได้ช่วยเหลือคุณอิมทำงานไม่ได้ลำบากอะไรถึงขนาดจะให้จินยองปฏิเสธได้


    “อ๊ะ นั่นไงเพื่อนผมมากันแล้ว”


    “ไอพี่บีเหี้ย!” ชายร่างสูงสวมใส่สกินนี่ยีนส์ขาดเข่าตะโกนขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในร้าน สายตามองจดจ่อมาที่เจ้าของคาเฟ่ ทางด้านหลังก็ตามมาด้วยผู้ชายอีกสองคน


    “เบาๆหน่อยสิวะ ไอยูค ด่ากูลูกค้ากูแตกตื่นกันหมด” อิมแจบอมเคลื่อนตัวออกจากด้านในของเคาเตอร์แล้วเดินไปยังกลุ่มเพื่อน ถ้าจินยองได้ยินไม่ผิดเขาได้ยินว่าเพื่อนตัวสูงของคุณอิมคนนั้นเรียกคุณอิมว่า ไอบี


    “โห่ยพี่ นานๆทีผมจะมาหามาถึงก็ด่าผมเลยนะ” ผู้ชายคนที่สวมสกินนี่ยีนส์พูดแย้งคุณอิม ดูจากท่าทางและการพูดจาน่าจะเป็นคนที่ดูกวนเอามากๆเลย


    “แล้วใครใช้ให้มึงแหกปากในร้านกูล่ะ ไปๆ ไปหาที่นั่ง” แจบอมจัดการหาที่นั่งให้กลุ่มเพื่อน จินยองมองตามได้แต่เหนื่อยใจแทน กลุ่มเพื่อนของคุณอิมนี่คงเสียงดังกันน่าดูเลย


    “ร้านพี่มีไรกินบ้างวะ ผมหิวมากเลยเนี่ย ป่านนี้ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย”  ผู้ชายหนึ่งคนในกลุ่มเพื่อนของคุณอิมพูดขึ้นเลื่อนสายตามายังเคาเตอร์ “นั่นใครวะ พนักงานใหม่เหรอ น้องๆ ขอเม...โอ๊ย! พี่บี ตบผมทำไมเนี่ย?!


    จินยองที่กำลังเดินเอาเมนูมาให้ที่โต๊ะของคุณอิมถึงกับตกใจ ที่เพื่อนของคุณอิมโดนคุณอิมตบหัวด้วยความแรงที่ทำเอาจินยองมั่นใจว่ามันต้องเจ็บมากแน่ๆ


    “เขาไม่ใช่พนักงานเว้ย แบมมึงอย่าใช้มั่วซั่วดิ อีกอย่างร้านกูเขาให้สั่งที่เคาเตอร์”


    “อ้าว ไม่ใช่พนักงานแล้วหยิบเมนูมาให้ทำไมล่ะนั่น คนหล่อโดนตบหัวฟรีเลย” คนเจ็บจากการที่โดนเจ้าของร้านตบหัว ลูบหัวไปมา


    “เขาแค่มาช่วยงานคาเฟ่เฉยๆ พวกมึงก็เรียกพนักงานคนอื่นดิวะ” แจบอมดูมีท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย จินยองที่เห็นท่าไม่ดีเช่นนั้นจึงรีบเดินไปที่โต๊ะทันที


    “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณอิม นี่ครับเมนู” จินยองยื่นสมุดเมนูให้เพื่อนของคุณอิมคนที่ปากบ่นว่าหิว


    “ขอบคุณนะครับ น่ารักแถมยังใจดีอีก ไม่ใช่พนักงานแต่มาช่วยงานคาเฟ่ให้ไอพี่บีแบบนี้มันแปลกๆนะว่าไหม ไอยูค” คนที่พูดอยู่ส่งสายตาไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ


    “แปลกยังไงของมึงวะ ก็แค่มาช่วยงานไอพี่บีเฉยๆเอง” เพื่อนอีกคนที่ถูกส่งสายตามาให้ตอบกลับไป


    “ไอเหี้ยเพื่อนยูค ทำไมมึงโง่ มึงดูเขาสิโคตรน่ารักแล้วมึงดูหน้าพี่เราสิ โคตรโหด อยู่ดีๆคนน่ารักๆจะมาช่วยงานคาเฟ่ไอพี่หน้าโหดแบบนี้ๆได้ยังไง มึงว่าแปลกยัง?”


    “เออว่ะ พอมึงพูดมันก็แปลกๆ ว่าแต่คนน่ารักคนนี้มีแฟนยังครับ”


    “เอ่อ...” จินยองได้แต่ยืนนิ่ง ทำตัวไม่ถูกกลับคำถามของคนที่นั่งอยู่ นี่ไม่เข้าใจเลยว่าเพื่อนสองคนนี้ของคุณอิมถึงเจาะจงที่จะคุยกับเขา แตกต่างจากอีกคนนึงที่นั่งนิ่งกอดอกไขว่ห้าง


    “ไอยูค มึงอยากโดนตบอีกคนหรือไง? เงียบปากไปเลย” คุณอิมหันไปดุเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “คุณน่ะ ไปพักที่เคาเตอร์เถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง” แจบอมรีบหันมาสั่งจินยองให้ไปพักทันที เพราะดูท่าแล้วเพื่อนเขาคงไม่หยุดแซวง่ายๆแน่


    “เอ่อ...ครับ” จินยองหมุนตัวออกจากโต๊ะนั้นทันทีที่แจบอมสั่ง ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากอยู่ตรงนั้นสักเท่าไหร่ มันดูอึดอัดยังไงก็ไม่รู้


    “ไอพี่บี จะรีบไล่เขาไปทำไมวะ ผมยังชวนคุยไม่เสร็จเลย ว่าแต่เขาชื่อไรอะ?”


    “เขาชื่อจินยอง มึงก็เงียบปากไปได้ละไอยูค จะกินอะไรก็สั่ง เดี๋ยวกูเดินไปบอกเคาเตอร์เอง” แจบอมแทบจะบ้าตาย ที่เพื่อนเขาไม่หยุดสนใจจินยองสักที จะสงสัยอะไรนักหนา


    “พี่มาร์ค พี่อยากกินไร สั่งเลยๆ ไอพี่บีมันเลี้ยง”


    “จะเลี้ยงกูเหรอเจบี งั้นกูสั่งแล้วนะ”


    “เลี้ยงห่าไร จ่ายกันเองเว้ย รีบๆกิน จะได้ประชุมสักที”

    .

    .

    .

     

     

     

        เวลาล่วงเลยผ่านไป คุณอิมและเพื่อนๆก็ยังประชุมกันไม่เสร็จ จินยองที่นั่งพักมาเป็นเวลานานแล้วจึงมาช่วยทำงานในร้านต่อ เขารู้สึกมีสายตาที่มองเขาเป็นระยะๆ พอมองกลับไปทางสายตานั้นก็จะเห็นคุณอิมมองมาอยู่เรื่อย จินยองก็ทำตัวไม่ถูกจนกลัวว่าจะทำภาชนะในคาเฟ่เสียหายซะแล้ว เล่นจ้องเขาสะขนาดนี้ ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น ภายนอกร้านเริ่มมีแสงแดดอ่อนๆกระทบกับต้นไม้และถนนหน้าคาเฟ่ จินยองมองเห็นป้ายหน้าร้านหันหน้าเบี้ยวไปผิดทาง อาจเป็นเพราะลูกค้าที่เดินเข้าออกจนชนมัน เขาอาสาเดินออกไปหมุนวางให้มันหันไปในทางที่ถูกต้องทันที


    “โอ๊ย!” จินยองส่งเสียงร้องออกมาเมื่อโดนใครสักคนชนจนไปกระแทกกับกระจกร้านคาเฟ่


    “หึ โทดทีนะ”


    “อ๊ะ ยู!” จินยองตกใจทีนทีที่เห็นหน้าเจ้าของแรงที่ชนเขา คนๆนั้นคือแจ็คสันแฟนเก่าเขานั้นเอง แถมอีกคนก็กระชากแขนเขาไว้ก่อนที่เขาจะล้มลงไปอีกต่างหาก


    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไอเจ้าของร้านไปไหนซะล่ะ ทำไมปล่อยให้แฟนมายืนร้อนอยู่หน้าร้าน”


    “ปล่อยไอนะ” จินยองสะบัดแขนออกจากมือแจ็คสันทันทีที่รู้ตัวว่าอีกคนบีบแขนเขาแรงเอามากๆ


    หึ ลืมไปสิ ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว จะแตะนิดหน่อยก็คงไม่ได้หรอก...ใช่มั้ย?” แจ็คสันก้มหน้าแสยะยิ้มใส่เขาทันทีที่พูดจบ


    “ยูมาที่นี่ทำไม?” จินยองตรงเข้าประเด็นทันทีไม่อ้อมค้อม เพราะเขารู้ว่าแจ็คสันไม่มาดีแน่ แฟนเก่าเขาต้องมีอะไรบางอย่าง


    “นี่ร้านคาเฟ่นะ ไอจะมาหาอะไรกินผิดตรงไหน อีกอย่างเพื่อนก็นัดไอไว้ที่นี่”


    “ที่นี่...เนี่ยนะ?” จินยองขมวดคิ้วทันทีกับคำตอบของคนตรงหน้า คนอย่างแจ็คสันน่ะเหรอ จะนัดเพื่อนมาหาอะไรทานที่ร้านแบบนี้ เขาไม่ได้ดูถูกนะ ว่าร้านของคุณอิมไม่ดี แต่ร้านแบบนี้ไม่เข้ากับสไตล์ของแจ็คสันเด็ดขาด


    “นั่นไงล่ะ เพื่อนไอนั่งอยู่ตรงนั้น” แจ็คสันชี้นิ้วไปยังโต๊ะ ที่มีกลุ่มเพื่อนชายหญิงหลายคนนั่งรวมกันอยู่ จินยองหันไปมองตามปลายนิ้วของแจ็คสัน เขาเห็นผู้หญิงในกลุ่มโบกมือให้อีกคน


    “เพื่อนติดหรูของยู นั่งเป็นแต่ร้านในห้างไม่ใช่หรือไง” จินยองพูดหลังจากที่พอจำหน้ากลุ่มเพื่อนของแจ็คสันได้บางคน


    “ร้านนี้ไม่ดีตรงไหนล่ะ มันร้านแฟนใหม่ยูไม่ใช่หรือไง” นิ่ง แจ็คสันมาคราวนี้นิ่งมาก ทำเอาจินยองไปไม่ถูก นี่แจ็คสันจะเล่นสงครามประสาทกับเขาเหรอ


    “เอาหน้ายูออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” จินยองตวาดทันทีที่แจ็คสันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ คนอย่างแจ็คสันวันเวลาจะผ่านไปแค่ไหนก็ยังกะล่อนอยู่วันยังค่ำ


    “หึ” แจ็คสันส่งเสียงในลำคอก่อนจะหลีกเขาแล้วเดินเข้าร้านไป จินยองมองตามอีกคนที่เดินไปจนถึงโต๊ะของกลุ่มเพื่อนแล้วจึงเดินตามเข้า แจ็คสันมองเห็นว่าจินยองเดินเข้ามาคาเฟ่แล้ว จึงกวักมือเรียกทำท่าเหมือนต้องการเมนู


    “ขอโทษด้วยนะครับ ช่วยไปสั่งที่หน้าเคาเตอร์ด้วย” จินยองพูดประโยคดังกล่าวออกไปในทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะของแจ็คสัน


    “โถ่ยู เป็นแฟนเจ้าของร้านทั้งที บริการให้ถึงโต๊ะแฟนเก่าไม่ได้หรือไง” แจ็คสันทำสายยียวนใส่จินยอง มือที่ว่างอยู่ก็กระชากเอวเข้ามากอดทันที


    “อ๊ะ ยู เป็นบ้าไปแล้วเหรอ! ปล่อยไอเดี๋ยวนี้นะ” จินยองดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของคนที่นั่งอยู่แล้วเอาแขนล็อกเขาเอาไว้


    “แจ็คสัน เมื่อตะกี้ยูพูดว่าอะไรนะ คนนี้เหรอ แฟนเก่าที่กล้าสาดน้ำใส่หน้ายูน่ะ” เพื่อนในกลุ่มของแจ็คสันพูดขึ้นทันทีที่ได้ยินคำว่าแฟนเก่าจากปากของแจ็คสัน


    “อืม คนนี้แหละ ดูหน้าติ๋มๆแบบนี้ไม่คิดว่าจะแสบใช่ไหมล่ะ มีที่แสบกว่านี้อีกนะ ตอนที่คบกับไอ นายนี่คบซ้อนอยู่กับเจ้าของร้านที่เรานั่งอยู่ล่ะ”


    “แจ็คสัน!” จินยองเรียกชื่อแจ็คสันเสียงดังทันทีที่อีกคนเล่าเรื่องในอดีตอันไม่น่าจดจำ


    “แจ็คสัน แฟนเก่ายูนี่มันแย่จริงๆ กล้าทำขนาดนี้กับยูได้ยังไง” ผู้หญิงคนนึงในกลุ่มเพื่อนของแจ็คสันพูดขึ้นโดยใช้สายเหยียดหยามมองจินยองตั้งแต่หัวจรดเท้า


    “ฮ่ะฮะฮ่าๆ แต่ไอว่าน่ารักดีนะ แสบๆแบบนี้น่าจะตีสะให้เข็ด แจ็คสัน ทำไมยูบอกไม่บอกไอบ้าง ว่ามีแฟนน่ารักๆแบบนี้ ยูเบื่อเมื่อไหร่ไอจะได้ยืมต่อ ไม่น่าปล่อยให้เขาไปคบซ้อนกับคนอื่น” ผู้ชายคนนึงในกลุ่มเพื่อนของแจ็คสันพูดขึ้นมาโดยไร้ยางอาย แถมยังใช้สายตาโลมเลียจินยองอีกต่างหาก


    “ซอรี่แล้วกัน ไอไม่ทันให้ยูยืม เพราะนายนี่แอบไปเล่นชู้ซะก่อน นายนี่น่ะ คงจะเจ็บใจที่ไอแอบไปมีคนอื่นละมั้ง” แจ็คสันพูดพรางมองหน้าของจินยองไปด้วย จินยองเกลียดสายตาแบบนี้ สายตาของแจ็คสันและเพื่อนของแจ็คสันทั้งหมดเลย


    “ทุเรศ! กล้าพูดว่าไอคบซ้อน ตัวเองก็ไม่ต่างกันนั้นแหละ ทั้งยูและเพื่อนยู โคตรน่ารังเกียจเลย ปล่อยไอเดี๋ยวนี้นะ!” จินยองดิ้นขลุกขลักอยู่อ้อมแขนของแจ็คสัน ด้วยความที่จินยองเป็นคนตัวเล็กมาก ดิ้นให้ตายยังไงก็ไม่หลุด


    “นี่! แกกล้าว่าชั้นน่ารังเกียจเหรอ แจ็คสัน อบรมแฟนเก่ายูบ้างสิ มารยาทต่ำสิ้นดี” ผู้หญิงคนที่เคยพูดว่าจินยองเมื่อสักครู่นี้ เหมือนจะเริ่มโมโหที่จินยองโวยวาย แต่ต้องเป็นเขามากกว่าไหม ที่ต้องโมโหสายตาเหยียดหยามนั่นน่ะ


    “ซอรี่ๆ นายนี่พึ่งจะมีมารยาทต่ำๆก็ตั้งแต่คบซ้อนกับเจ้าของร้านน่ะ”


    ซ่า!!!


    นี่!!! แกบ้าไปแล้วเหรอ สาดน้ำใส่หน้าแจ็คสันทำไมฮะ?!” เพื่อนของแจ็คสันรวมถึงแจ็คสันลุกขึ้นยืนทันทีที่จินยองสาดน้ำใส่หน้าเป็นครั้งที่สองในรอบปี จินยองที่หลุดออกจากอ้อมแขนนั้นแล้ว ถอยหลังหนีจากแจ็คสันทันที


    “คนที่ต่ำน่ะ นั่นมันยูต่างหากแจ็คสัน! ทั้งยูแล้วก็เพื่อนของยู คนที่คอยเอาแต่เหยียบย่ำและดูถูกคนอื่น สมควรแล้วที่โดนไอสาดน้ำใส่หน้า พวกยูมันน่าสมเพชที่สุด” จินยองพูดพรางน้ำตาไหล เจ็บใจที่ตัวเองโดนคนของแจ็คสันดูถูกเหยียดหยาม


    “พวกคุณทั้งหมดน่ะ ออกจากร้านผมไปเดี๋ยวนี้!

    .

    .

    .

     

     

         แจบอมทนมองอยู่นานแล้ว มองการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนเก่าของจินยอง การกระทำที่ไร้มารายาทนี้ส่งผลให้แจบอมที่ทนอยู่ไม่ไหว ทั้งคำพูดและสายตาของคนที่นั่งอยู่ทางโต๊ะนั้น มันส่อถึงการเลี้ยงดูที่ผิดๆมาก แจบอมลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะที่มีคนตัวเล็กโดนล็อกอยู่ในอ้อมแขนของแฟนเก่าทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดของจินยอง


    “เดี๋ยวกูมานะ” แจบอมพูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากโต๊ะ


    “อ้าว จะไปไหนวะม..ง” มาร์คยังถามคำถามไม่ทันจบ แจบอมก็เดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะนั้นเสียแล้ว


    “พวกคุณทั้งหมดน่ะ ออกจากร้านผมไปเดี๋ยวนี้!” แจบอมตะโกนออกมาทันทีด้วยความโมโห เนื่องจากคนพวกแสดงความไม่มีมารยาทในร้านของเขา


    “คุณ...อิม” จินยองตกใจสะดุ้งกับเสียงตวาดของแจบอมที่มาอยู่ตรงหน้าตนเองเมื่อไหร่ก็ไม่รู้


    “อะ...ไรกัน ยู...ปะ...เป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกเราน่ะ” ผู้หญิงที่ยืนในกลุ่มนั้นพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ ดูท่าก็รู้ว่าหวาดกลัวเสียงที่ตวาดบวกกับสีหน้าของอิมแจบอม


    ผมเป็นเจ้าของร้าน และก็เป็นคนที่จินยองคบซ้อนด้วยน่ะนะ จะออกจากร้านผมไปได้หรือยัง” แจบอมกดเสียงต่ำและพูดชัดทุกคำเพื่อให้ทุกคนที่ยืนอยู่ในกลุ่มนี้ได้ยินทั้งหมด


    “จร...จริงเหรอ แจ็คสัน คนๆนี้คือคนที่นายนั่นคบซ้อนด้วยเหรอ” ผู้หญิงคนนั้นคนที่พูดเสียงสั่นๆหันไปถามบุคคลที่เป็นแฟนเก่าของจินยองก่อนจะได้รับการยืนยันจากการพยักหน้าของคนๆนั้น


    “มีไรกันวะ ไอพี่บี ผมมองดูอยู่นานละ” กลุ่มเพื่อนของแจบอมเดินตามมาทันทีที่ได้ยินเสียงตวาด


    “หึ โจทย์เก่าของจินยองน่ะ”


    “โจทย์เก่าอย่างงี้แสดงว่าโดนมาเทล่ะสิ มีอะไรหรือเปล่าครับ เพื่อนผมไล่ออกจากร้านแล้วก็รีบๆไปกันสิครับ” ยูคยอมหรี่ตามองกลุ่มคนที่ชื่อว่าเป็นโจทย์เก่าของจินยองทีละคน


    “แจ็คสัน ไอไม่อยู่แล้วนะ ร้านอาหารแย่ เจ้าของร้านก็แย่ แย่มันหมดทั้งร้าน” ผู้หญิงคนที่เคยปากดีหยิบกระเป๋าและเดินออกจากร้านทันทีด้วยท่าทางสั่นๆ


    “เอ่อ...ไอก็ไม่อยู่ด้วยเหมือนกัน ไปก่อนนะแจ็คสัน” เพื่อนในกลุ่มแต่ละคนก็เริ่มเดินออกจากร้านตามผู้หญิงคนนั้นไป


    “แล้วมึงยังไงคุณโจทย์เก่า จะยืนอยู่ทำไม ไม่เดินออกไปกับเขาล่ะ” แบมแบมพูดหลังจากที่เห็นว่าแจ็คสันยังยืนอยู่


    “ฝากไว้ก่อนเถอะ” พูดจบแจ็คสันก็เดินออกจากร้านไปไม่หันกลับมามองคนด้านหลัง


    “เป็นยังไงบ้าง จินยอง” หลังจากเหตุการณ์เงียบสงบ แจบอมก็พุ่งเข้าจินยองในทันที พร้อมทั้งสำรวจร่างกายของอีกคน


    “ฮรึก คุณ...อิม ฮรือ” จินยองร้องไห้ออกมาหลังจากที่อั้นไว้นาน นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาร้องในคาเฟ่แห่งนี้


    “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว” แจบอมดึงจินยองมากอดทันทีที่อีกคนร้องไห้ออกมา เขาเอามือลูบผมอีกคนอย่างอ่อนโยน


    “นี่มันอะไรกันวะ อยู่ดีๆไอพี่บีมันก็มีแฟนเป็นคุณจินยองเฉยเลย ไอพี่มาร์ค มึงอธิบายดิ” ยูคยอมพูดแทรกขึ้นมาทันทีที่เห็นแจบอมกอดปลอบจินยอง


    “แล้วกูจะรู้ไหม กูก็เห็นเหตุการณ์พร้อมๆมึงเนี่ย ไอยูค” มาร์คตอบกลับแล้วทำหน้าโหดใสรุ่นน้อง ก่อนจะไล่ให้ทุกคนกลับไปนั่งที่เดิม


    “คุณ...อิม” จินยองผละออกจากอ้อมแขนของอีกคนทันทีที่หยุดร้อง


    “ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม กลับคอนโดเลยดีกว่าเดี๋ยวพี่ไปส่ง พวกมึงกูฝากดูร้านด้วยนะ” แจบอมลากจินยองขึ้นมอไซค์ทันทีที่ฝากร้านไว้กับกลุ่มเพื่อนแล้ว ก่อนจะออกรถไปยังคอนโดของคนทั้งคู่

    .

    .

    .

     

     


    “อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม พี่ต้องกลับไปดูร้านน่ะ” แจบอมพูดออกมาเมื่อมาส่งอีกคนถึงหน้าคอนโดแล้ว


    “ได้ครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” จินยองตอบพลางพยักหน้าหงึกหงัก


    “รู้ไหม ว่าพี่ตกใจแค่ไหนที่เห็นไอแจ็คสันนั่นลากจินยองไปกอดน่ะ”


    “คือ...คุณอิม”


    “พี่โกรธมากที่มันทำแบบนั้นน่ะ บอกตรงๆนะ พี่หวงจินยอง

     

    너를 아껴줄게 baby”

    “ผมน่ะ หวงคุณสุดๆเลยนะ ที่รัก

     


    “คือ...คุณอิม ใจเย็นๆก่อนครับ เมื่อตะกี้พูดว่ายังไงนะครับ”


    “เห๊! นี่ไม่ได้ฟังที่พูดเลยเหรอ?”


    “ก็มัวแต่ตกใจสรรพนามแปลกๆที่คุณอิมพูดมา ก็เลยไม่ได้ฟังน่ะครับ”


    “ไม่ล่ะ พี่ไม่พูดแล้ว ตอนนี้เราก็รู้จักกันมานานแล้วนะ เลิกเรียกคุณกับผมแบบนั้นสักทีเถอะ ฟังแล้วดูห่างเหินยังไงไม่รู้” แจบอมพูดพลางเสหน้ามองไปทางอื่นแบบที่ทำประจำเมื่ออยู่ต่อหน้าจินยอง


    “เอ่อ...ผมว่ามันก็...”


    “ไหนลองเรียกแทนตัวเองว่าจินยองสิ” แจบอมพูดประโยคนี้ออกมาพร้อมกับจับไหล่อีกคนแล้วมองตา


    “ห๊ะ...ครับ”


    “จินยองน่ะ จินยอง”


    “อ๋อ ครับ จินยอง”


    “ก็พูดได้นี่ น่ารักดีนะ ต่อไปนี้ก็พูดแทนตัวเองแบบนี้ล่ะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนล่ะ พี่ไปก่อนนะ” แจบอมขึ้นค่อมมอเตอร์ไซค์คันโปรดก่อนจะเร่งเครื่องออกไปในทันทีก่อนที่จะได้ยินคำพูดของอีกคน


    “บ๊ายบายครับ พี่แจบอม”

     

    //

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

          หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนั้นมาได้ แจบอมก็สั่งห้ามไม่ให้จินยองมาช่วยงานที่ร้านอีกเลย กลับกลายเป็นว่าจินยองว่างจนต้องหางานมาทำ นั่นคืองานสอนพิเศษหรือเป็นติวเตอร์ให้กับเด็กที่เตรียมสอบเข้ามหาลัยนั่นเอง สถานที่ที่จินยองนัดน้องๆมาติวก็ไม่พ้นที่ร้านคาเฟ่ของแจบอม เพราะนอกจากจะใกล้คอนโดสะดวกต่อการเดินทางแล้วยังใกล้หูใกล้ตาของแจบอมด้วย ถ้าหากแจ็คสันบุคมาระรานอีกคน แจบอมจะได้ช่วยทัน จินยองพยายามคัดค้านเพราะแจ็คสันคงไม่มายุ่งกับเขาแล้ว แต่คุณอิมฟังเขาที่ไหนล่ะ เอาแต่จะบอกว่าเป็นห่วงอยู่นั่นแหละ เด็กที่จะมาติวเลยต้องเดินทางมาเรียนถึงที่นี่ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขานัดติวเด็กนักเรียนเอาไว้


    “เข้าใจที่พี่สอนใช่ไหม”


    “เข้าใจค่ะ พี่จินยองสอนเข้าใจง่ายมากเลย ข้อยากๆหนูเข้าใจหมดเลย”


    “โอเคดีแล้ว อย่าลืมทำการบ้านที่ให้ล่ะ”


    “ไม่ลืมค่ะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวหนูทักไลน์ไปถามนะคะ สวัสดีค่ะ”


    “อืม หวัดดีจ้ะ” จินยองโบกมือลาเด็กนักเรียนที่เดินออกจากคาเฟ่คุณอิมไป หลังจากที่ติวให้เด็กนักเรียนตั้งแต่สี่โมงเย็นจนผ่านไปสามชั่วโมง จินยองยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ตอนนี้ก็เริ่มหิวแล้วด้วย


    “ติวเสร็จแล้วเหรอ” แจบอมเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเด็กนักเรียนเดินออกจากคาเฟ่ไปแล้ว


    “ครับ โห นี่มันทุ่มนึงแล้ว ได้เวลาปิดร้านแล้วนี่นา ผมขอโทษนะครับ ติวน้องเขานานไปหน่อย”


    “ไม่เป็นไรหรอก แล้วนี่บอกว่าไง ให้เรียกแทนตัวเองว่าอะไร” แจบอมทำหน้าดุทันทีที่ได้เย็นสรรพนามแทนตัวของจินยอง


    “เอ่อ...จินยองครับ”


    “หึ แล้วนี่หิวหรือยัง ให้พี่ทำอะไรให้กินไหม”


    “ไม่เป็นไรครับ คุณอิมปิดร้านเถอะ เดี๋ยวออกไปหาอะไรทานที่มินิมาร์ทก็ได้”


    “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่ทำให้ทาน ตอนนี้ไปปิดร้านกันก่อนเถอะ”


    “เอางั้นเหรอครับ”


    “อื้อ เอางั้นสิ มาเร็ว มาช่วยพี่ปิดร้าน” แจบอมกวักมือเรียกอีกคนให้มาช่วยเก็บเก้าอี้ ปิดผ้าม่านในร้าน ก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปทำอาหารค่ำในครัว ให้อีกคนนั่งรออยู่ที่เคาเตอร์

    .

    .

    .

     

     


    “เสร็จแล้ว” แจบอมยกจานอาหารออกวางที่หน้าเคาเตอร์ทันที จินยองที่เห็นว่าอาหารได้แล้วจึงไปเตรียมน้ำมาวางไว้สองแก้ว


    “พาสต้าเหรอครับ”


    “อื้อ พาสต้าครีมเห็ด จินยองทานได้ไหม”


    “ทานได้ครับ คุณอิมทำอะไรจินยองก็ทานได้หมดแหละครับ” จินยองฉีกยิ้มใส่อีกคนหลังจากที่รู้ว่าอาหารในมื้อค่ำนี้เป็นอะไร


    “แล้วเป็นไงมั่ง วันนี้ ติวเด็กนักเรียนเป็นยังไง”


    “น้องเขาก็ฉลาดดีครับ สอนนิดหน่อยก็เข้าใจแล้ว” จินยองตอบกลับอีกคนในขณะที่ยังเคี้ยวเส้นพาสต้าอยู่


    “นี่ อย่าพูดไปเคี้ยวไปสิ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” แจบอมดุอีกคนทันทีที่เห็นการกระทำดังกล่าว


    “ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้อ...แค่ก!


    “นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ” แจบอมรีบเอามือไปลูบหลังอีกคนทันทีที่เส้นพาสต้าติดคอ พร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้อีกคน


    “เพราะคุณอิมนั่นแหละครับ ถ้าไม่พูดผมก็ไม่เป็นอะไรหรอก” จินยองหันมาว่าอีกคนทันทีที่หายติดคอแล้ว


    “อะไรกัน ทำไมพี่เป็นคนผิดล่ะ”


    “ไม่รู้ล่ะ เพราะคุณอิมนั่นแหละ” คนตัวเล็กทำปากยู่ทันทีที่ถูกมองด้วยสายยียวนของแจบอม


    “เอ้า สะงั้นเถอะ หึ” แจบอมหลุดขำทันทีที่เห็นปากยู่ที่อีกคนเผลอทำออกมาโดยไม่รู้ตัวนั้นมันน่ารัก


    “คุณอิม! ขำอะไรน่ะ” จินยองยิ่งเผลอทำปากยู่มากกว่าเดิมหลังจากที่เห็นอีกคนหลุดขำออกมา


    “ฮ่ะฮะฮ่าๆๆ โอเคๆ ไม่ขำแล้วก็ได้”  แจบอมหลุดหัวเราะออกมาจนต้องทุบอกตัวเองหลาย จินยองที่มองอยู่ก็ทำสีหน้าไม่พอใจทันทีที่อีกคนหัวเราะใส่


    “คุณอิมคนนิสัยไม่ดี!


    “โอเคๆ พี่ขอโทษ จินยอง...พี่มีอะไรจำถามเราหน่อยน่ะ”


    “ครับ?” จินยองแปลกใจที่อยู่ดีๆแจบอมก็เข้าสู่โหมดจริงจัง“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราทั้งสองคน มันทำให้จินยองเชื่อใจพี่บ้างหรือยัง?”

     

    이젠 나를 믿어볼래

     “เพราะฉะนั้น ตอนนี้เชื่อใจผมได้หรือยัง?

     

    “เอ่อ...คือ คุณอิม”


    “พี่ว่านี่มันก็นานมากแล้วที่เราได้รู้จักกัน แต่แค่เรารู้จักกันแค่นี้มันไม่พอหรอกนะ พี่น่ะ อยากจะมีความทรงจำร่วมกันจินยองไปทุกๆวัน...”

     

    하루하루 추억들을 만들게

    “ในทุกๆวัน ผมอยากทำทุกอย่างไปพร้อมๆกับคุณ

     

    “...”


    “จะเป็นไปได้ไหม ที่จินยองจะเข้ามาอยู่ในความทรงจำเดียวกันกับพี่ ทุกๆวันที่พี่ได้พูด ได้คุยกับจินยอง ถึงพี่ไม่ได้กำหนดสถานะเอาไว้ แต่พี่เชื่อว่าจินยองรู้ ว่าที่พี่กำลังทำอยู่มันเรียกว่าจีบ...”


    “...พี่แจบอม”


    “จากวันแรกที่พี่ได้เห็นหน้าจินยอง พี่คิดว่าใบหน้านั้นมัน...โคตรจะน่ารักเลย ถ้าได้เจอใบหน้านั้นในทุกๆวันมันคงจะดีไม่น้อย ตั้งแต่วันนั้นมา พี่ก็ตั้งหน้าตั้งตาจีบจินยองมาตลอด พี่รู้ว่าจินยองฝังใจกับรักครั้งที่แล้ว แต่พี่มั่นใจว่าพี่ จะไม่มีทางทำให้จินยองเจ็บเหมือนรักครั้งเก่าของจินยองแน่ ถ้าเป็นไปได้...ขอให้พี่ได้ดูแลจินยองและหัวใจของจินยองจะได้ไหมครับ?”

     

    오늘은 너와 둘이서 함께해

    “วันนี้เราลองมาเป็นแฟนกันดีไหม?

     

    “เอ่อ...ถ้าพี่แจบอมคิดว่าผม เหมาะสมที่จะเข้าไปใช้ความทรงจำร่วมกันกับพี่ งั้นเรา...ก็มาสร้างความทรงจำเดี๋ยวนี้เลยไหม?” ทันทีที่จินยองพูดจบ เขาก็ดึงคนตรงหน้าเข้ามาจูบทันที แจบอมตกใจอึ้งเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากหนาจะจูบตอบอีกคนโดยที่เขาสอดลิ้นเข้าไปอย่างชำนาญ เรียวลิ้นของคนทั้งสองนั้นเกี่ยวพันกันอย่างกับว่าไม่เคยลิ้มรสอะไรหวานขนาดนี้ แจบอมหลงรักจินยองขึ้นมาเสียแล้ว หลงรักริมฝีปาก เรียวลิ้น และใบหน้าอันน่ารักของอีกคน

     

    너의 맘을 따라가

    “ผมเองก็จะทำตามหัวใจเหมือนกัน”

     

    .

    .

    .

     

     

    ความรักของเขาทั้งสองคนนั้นอาจไม่เริ่มต้นจากความสวยงาม มันอาจจะเริ่มจากการที่แจบอมเห็นใบหน้าของจินยองครั้งแรก แต่การที่เขาได้เห็นใบหน้าของอีกคนยิ้ม มากกว่าที่จะเห็นใบหน้าของอีกคนเศร้านั้น...มันทำให้แจบอมตกหลุมรักจินยองมากกว่าเดิมแบบเท่าตัว การได้รักใครสักคนมันเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่การได้รักจินยองนั้น มันสวยงามกว่าความรักเสียอีก แจบอมได้แต่สัญญากับตัวเองว่าต่อจากนี้ เขาจะสร้างความทรงจำร่วมกับอีกคน และสัญญาว่าจะรักจินยองตลอดไป.

    .

    .

    .

     

    --------------------------------------------------------------

     

     

     

     

    สวัสดีรีดเดอร์ทุกคนนะคะ เราคือไรท์เตอร์ฝึกหัด ซีซั่น2 ที่เป็นซีซั่น2 ก็เพราะว่า เราเคยแต่งนิยายลงเด็กดีมาแล้วรอบนึงค่ะ แต่งไม่จบลบออกสะก่อน ใครที่เคยอ่านก็ลืมๆมันไปนะคะ เรามาพูดถึง OS เรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ ฟิคที่เราแต่ง เราจะเอาแรงบันดาลใจมาจากเพลงค่ะ เรื่องนี้มีชื่อว่า LET ME เพราะเอาแรงบรรดาลใจมาจากเพลงนี้อีกค่ะ เป็นในอัลบั้มของ GOT7 เราว่ามันเป็นโจทย์ที่ยากมากเลย ที่จะคิดพล็อตให้ตรงกับเนื้อหาของเพลง ถือว่าเป็นการท้าทายอย่างนึงเลยค่ะ การที่แจบอมตกหลุมรักจินยองตั้งแต่ครั้งแรก เราทำให้มันดูขัดแย้งกับความรักของจินยองกับแจ็คสัน เพราะเราคิดว่าถ้ารักตั้งแต่แรกเจอยังไงก็จะรักตลอดไปค่ะ

    เรื่องแรกภาษาอาจจะแปลกๆหน่อยนะคะ เดี๋ยวเราจะปรับให้ดียิ่งขึ้นแน่นอนค่ะ หากผิดพลาดตรงไหนคอมเม้นท์ติเตือนเราได้เลยนะคะ เราพร้อมรับฟังคำแนะนำ

    พูดคุยและทวงฟิคได้ที่ @bingiz_14







         สกรีมฟิค #ออออฟจินยอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×