ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    best friend เพื่อนรักรักเพื่อน!! (สายฟ้า&เมษา)

    ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 1

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 66


    Best Friend เพื่อนรัก รักเพื่อน!!
    CHAPTER 1
    ************************

    ในตอนนี้หญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดนักศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นกำลังนั่งรอเพื่อนของเธอที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะมองดูเวลาว่าตอนนี้มันกี่โมงกันแล้วทำไมเพื่อนคนนั้นถึงไม่มารับเธอสักที

    “เห้อ”

    หญิงสาวนั้นได้แต่นั่งถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำยังไงเนื่องจากเธอนั้นขับรถยนต์ไม่เป็นเลยต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อนคนนี้และวันนี้ก็เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของมหาวิทยาลัย
    วันนี้เปิดเทอมวันแรกเพื่อนก็จะพาสร้างตำนานเลยหรอ เริ่มเลยกับการเป็นคอนเทนท์คอนใจ

    ลืมแนะนำตัวไปเลยฉันมีชื่อว่า เมษา เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งและมีเพื่อนสนิทอยู่สี่คนถึงอีกคนจะเหมือนหมามากก็เถอะ

    “เมื่อไหร่จะมาเนี่ย รอนานมาก”เธอได้แต่บ่นเพราะตอนนี้ทำอะไรไม่ได้จะโทรไปหามันก็อาจจะไม่รับสายเนื่องจากขับรถอยู่

    กริ่งงงง กริ่งงงงง

    แล้วดูนะพอมันมาถึงแล้วก็เล่นกดกริ่งไม่หยุดเลยคือมันกดเหมือนที่บ้านมันไม่มีให้กดอ่ะ คือเข้าใจไหมว่ากดแบบกวนน่ะกวนตีน

    “มาแล้วจ้าาาา”

    เปิดประตูห้องออกไปก็จะเจอผู้ชายคนหนึ่งที่รออยู่หน้าประตูนี่คือเพื่อนสนิทของเธอนั้นเอง ตอนนี้มันกำลังยืนกอดอกทำหน้าตายเรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดใดทั้งสิ้น

    “มาเปิดได้สักทีนะ”

    “กล้าที่จะพูดเนาะคนเรา ไปกันได้แล้วมันจะสายแล้วเนี่ยพ่อเอ่ยยย”

    “เออๆ”

    หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้องซึ่งมันไม่จำเป็นต้องขึ้นหมาที่ห้องของเธอก็ได้เพราะมันจะเป็นการเสียเวลาเปล่า

    แต่มันก็อุตส่าห์ขึ้นมาเรียกถึงที่ห้องมันเป็นคนที่ขยันอะไรขนาดนั้นน่ะ ถามว่าทุกคนในที่นี้งงไหมที่มันทำพฤติกรรมแบบนี้

    แต่ก็นั่นแหละถึงพูดอะไรไปมันก็ไม่ได้หยุดการกระทำนี้หรอกคือบ่นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนั่นแหละ
    เราใช้เวลาในการเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยประมาณ 20 นาทีซึ่งตอนนี้มันก็ยังเหลือเวลาอยู่ครึ่งชั่วโมง

    ถึงรถจะติดแต่ก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด ตอนแรกนึกว่าจะมาสายแล้วแต่รถก็ไม่ได้ติดมากมันเลยเร็วพอๆกับนั่งวินมาเลยแหละ แต่นั่งมอเตอร์ไซค์ก็เร็วกว่านะแฮะๆ

    ตอนนี้เราสองคนก็ได้เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยแล้วกำลังอยู่ที่ลาดจอดรถที่ต้องนั่งรถรางไปที่ตึกของตัวเอง

    “ไปหาอะไรกินก่อนเข้าห้องกันไหม”เพื่อนผู้ชายคนนั้นก็หันมาถามเธอเราสองคนในตอนนี้กำลังยืนรอรถรางอยู่
    แต่ถึงมันจะเป็นคนถามคำถามแต่มันก็เป็นคนที่ไม่ได้ต้องการคำตอบซักเท่าไหร่หรอก คือพูดจบมันก็เตรียมตัวที่จะลากฉันไปโรงอาหาร

    “ก็คือไม่ถามความสมัครใจเลย อยากจะพาไปก็ลากไปเลยว่างั้น”

    มันก็ไม่ได้ตอบอะไรตามสไตล์ผู้ชายพูดน้อย

    หลังจากนั้นเราสองคนก็นั่งรถรางมากินข้าวที่โรงอาหารกลางซึ่งเป็นโรงอาหารที่มีกับข้าวเยอะที่สุดในตอนนี้น่ะนะเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียวว่าจะกินอะไรดี

    “กินอะไรไหม?”เพื่อนผู้ชายคนนั้นหันมาถามเมษา

    “ไม่กินๆกูกินรองท้องมานิดนึงแล้ว”เธอก็ได้ตอบปฏิเสธไปแต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้ฟังอะไรนักหรอก

    “แต่กูจะให้มึงสั่งข้าว ฝากซื้อมาให้ด้วยนะ”ผมเชื่อว่าทุกคนในที่นี้กำลังงงว่ามันทำอะไรของมัน คืออยากกินหรอกูเนี่ย

    “ขอเป็นผัดกะเพรารวมไข่ดาวไม่สุกนะ”มีหน้าหันมาบอกอีกนะว่าจะกินอะไรอ่ะ เออเริ่ดเลย!

    “เออจ้า”

    “มึงก็ชอบกินแบบนี้ไม่ใช่รึไง”แล้วเราจะขัดใจอะไรผู้ชายคนนี้ได้เราก็ต้องไปสั่งอาหารตามสั่งสิครับ คือเป็นประเภทที่พูดไปเหอะมันก็ไม่ได้ฟังอะไรเรานักหรอก

    แล้วร้านอาหารเนี่ยในช่วงบ่าย อาหารจะไม่ได้เยอะมากแต่ทุกคนก็เลือกที่จะหันมาสั่งอาหารตามสั่งกันเยอะ
    ไม่ใช่ว่าจะรอคิวแล้วได้เลยนะพ่อคุณ

    “เอาผัดกะเพรารวมสองจานเผ็ดจานหนึ่งไม่เผ็ดจานหนึ่งค่ะ เพิ่มไข่ดาวด้วยนะคะ”

    “ได้เลยจ้ะหนู รอแป๊บหนึ่งนะลูก”

    “ได้ค่ะ”

    หลังจากที่รอคิวอยู่ประมาณสามถึงสี่คิวก็ถึงคิวของเธอแล้วก่อนที่จะเดินไปรับข้าวและจ่ายเงิน
    ซึ่งคนที่อยากกินข้าวเช้าเนี่ยมันก็ไม่ได้ฝากเงินมาให้ด้วยนะคือมันกะจะให้ซื้อให้อย่างเดียวเลยไงตอนเนี่ย

    “อ่ะ! เอาไปเลย”

    “วางแรงเชียว ประชดกันเหลือเกิน”

    “รอคิวตั้งนานนะ โอนค่าอาหารมาด้วย 50 บาท”

    “โอเคๆ ซื้อน้ำมาให้แล้วนะ”

    แล้วผู้ชายคนนั้นก็หยิบขวดน้ำมาเปิดแล้วยื่นให้เธอ ดูเป็นการง้อที่น่ารักดีใช่ไหมล่ะ

    “ขอบใจจ้า”

    หลังจากที่ฉันพูดจบมันก็นั่งยิ้มคนเดียวอะไรของมันก็ไม่รู้นั่นแหละแต่ตอนเนี่ยมันต้องเป็นช่วงที่เจ้าแม่โซเชี่ยวอย่างฉันน่ะ

    ถ่ายรูปลงสิ

    “ขอถ่ายรูปก่อนได้ไหม ก่อนกินนะพี่บ่าว”

    ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเริ่มใช้ช้อนในการตักอาหารเธอก็รีบเบรกทันที
    และเริ่มถ่ายรูปจนพอใจถึงบอกให้กินได้ร้านอาหารตามสั่งร้านนี้เป็นร้านประจำที่พวกเราชอบไปกิน แต่จริงๆมีร้านหนึ่งที่มันอร่อยกว่านี้แต่มันเป็นคนละประเภทกันไง 

    “โอเคๆ กินได้แล้วจ้า”

    ในระหว่างที่เพื่อนของฉันกำลังกินอาหารอยู่นั้นฉันก็ได้อัปโหลดรูปภาพที่เพิ่งถ่ายไปลงในโซเชียลส่วนตัวของตัวเอง
    พร้อมกับตักอาหารเข้าไปในปากด้วยเพราะจะได้ไม่เสียเวลาเนื่องจากเราเหลือเวลาไม่มากแล้วก่อนที่จะเข้าเรียน

    เมษา สิรินภา

    (รูปผัดกะเพราสองจาน)

    หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา ไม่ใช่เซเว่นแต่เป็นโรงอาหารกลาง
    ถูกใจ แสดงความคิดเห็น แชร์

    “นี่ หยุดเล่นโทรศัพท์ได้แล้วจะดูอะไรนักหนา”เธอน่าจะเล่นนานเกินไปหน่อยทำให้กับข้าวตอนนี้ไม่ลดลงซะเท่าไหร่

    “รับทราบแล้วจ้ะพ่อ”

    ฉันพูดแบบนั้นก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหารอย่างจริงจังแต่กินไปได้ไม่กี่คำก็รู้สึกว่ารสชาติอาหารนั้นเผ็ดมาก
    คือเธอเป็นคนที่กินเผ็ดได้ไม่ค่อยเก่งซักเท่าไหร่เลยทำให้การที่มีพริกแค่ไม่กี่เม็ดก็ทำให้เธอเผ็ดได้แบบสุดๆ

    “มึง”

    ฉันพูดออกไปแค่คำเดียวก็ทำให้มันเงยหน้าขึ้นมาดูหน้าฉันได้ คือมันเผ็ดจริงๆนะไม่ได้ล้อเล่นเลย

    “ทำไม?”

    “โคตรเผ็ดเลย”

    ถึงจะสั่งคุณป้าร้านอาหารตามสั่งแล้วว่าเอาไม่เผ็ดหนึ่งจานแต่มันก็ยังเผ็ดมากอยู่ดีแหละอาจจะเป็นเพราะกินถูกพริกก็ได้มั้งแต่มันเผ็ดจริงๆนะ

    “กินน้ำเปล่าไปก่อน”

    แล้วฉันก็ยกขวดน้ำขึ้นมากินให้มันเพียงพอต่อร่างกายที่จะทำให้มันไม่เผ็ดอีก

    “ไปซื้อใหม่ไหม?”

    “ไม่เป็นไรอ่ะ มันเสียเวลาด้วยแหละ”

    “แน่ใจหรอ?”

    “อืม”

    แล้วจากนั้นเราสองคนก็นั่งกินข้าวด้วยกันต่อถึงแม้มันจะเผ็ดแต่ก็พยายามที่จะทนและหวังว่ามันจะไม่ปวดท้องในอนาคต ไม่งั้นแย่มากแน่ๆ

    และจากนั้นไม่นานพวกเราก็ได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะเดินไปที่ตึกเรียน
    ซึ่งห้องเรียนอยู่ชั้นสี่แถมไม่มีลิฟต์ด้วยเป็นอาคารเรียนเก่านั่นแหละมันเลยยังไม่มีไง

    การเข้าเรียนในวันแรกของมหาวิทยาลัยนั้นไม่ใช่ว่าจะเหมือนตอนอยู่มัธยมนะมันค่อนข้างที่จะเปิดมาแล้วเรียนเลยอีกสองอาทิตย์ก็มีสอบอะไรประมาณนั้นน่ะ

    ก็คิดดูแล้วกันว่าสไลด์วันแรกมีอยู่ประมาณ 70 หน้า

    “วันนี้เพื่อนมึงไม่มาหรอ”

    “เหมือนจะไม่มานะ”

    พูดน้อยเหลือเกินไม่อธิบายด้วยนะว่าทำไมเพื่อนของตัวเองถึงไม่เข้าเหรียญอยากโดดก็โดดอะไรประมาณนั้นน่ะ
    มหาลัยเนี่ยคุณสามารถที่จะโดดเรียนได้นะแต่ก็สอบให้ผ่านด้วยล่ะเพราะคะแนนเข้าห้องจำไม่ได้แล้วไง ถ้าไม่เข้าเกินโควตานะ

    “แหมๆ น้องเมษาคุยงุ้งงิ้งอะไรกับแฟนคะ”

    เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆเธอนั้นได้พูดแซวออกมา

    จุนคิดว่าทั้งๆที่เธอนั้นนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของเมษาแต่เธอกับคุยแต่กับผู้ชายคนนั้น ไม่หันมาสนใจเพื่อนเลยคนคนนี้

    “แฟนบ้าอะไรล่ะ กูกับมันเป็นเพื่อนกันโว้ย”

    ถึงแม้เราสองคนจะตัวติดกันมากแค่ไหนแต่เราสองคนก็ไม่ใช่แฟนกันเหมือนที่ทุกคนในกลุ่มเข้าใจหรอกนะ

    “อย่าพูดเสียงดังสิเดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดหรอก ใช่ไหมมึงตอบมันหน่อยดิ”

    เมษาหันไปบอกกับเพื่อนสาวของเธอว่าให้เบาเสียงหน่อยแค่นี้ก็มีคนพูดถึงเธอเยอะมากแล้วนะ ว่าเธอกับเพื่อนผู้ชายคนนี้นั้นเป็นแฟนกัน

    ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือแต่มันก็เหมือนจะไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่

    “งั้นมั้ง”

    เขาพูดเหมือนไม่ได้สนใจอะไรแถมมือเขาตอนนี้ก็จดเลคเชอร์ที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ อย่างตั้งอกตั้งใจแตกต่างกับเธอซะเหลือเกิน

    “นี่ๆเมษา ไอ้สายฟ้ามันงอนมึงป่าววะ”เพื่อนอีกคนหันมาสะกิดเธอเบาๆ พวกเธอนั้นพูดเบาๆเพื่อไม่ให้เพื่อนผู้ชายคนนั้นได้ยิน

    “ไม่หรอกมั้ง มันจะงอนกูเรื่องอะไรกูยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ?”

    เมษานั้นพูดจริงๆเธอนั้นไม่รู้เรื่องว่าถ้าเกิดเพื่อนผู้ชายคนนี้ของเธอจะงอนก็ไม่รู้ว่าเขางอนในเรื่องอะไร เราไม่ได้มีประเด็นที่ดุด่าหรือว่าว่าร้ายอะไรกันเลย

    “แต่กูว่ามันแปลกจริงๆนะเว้ย มึงไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ”

    “ไม่รู้สิ แต่จริงๆมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วป่ะ”

    เมษาหมายถึงตอนที่สายฟ้านั้นทำหน้านิ่งไร้อารมณ์ ปกติก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหรือว่าถ้าถามอะไรออกมามากมาย

    “ไม่มีอะไรหรอกพวกมึงอ่ะทำให้กูคิดมาก”

    หลังจากนั้นพวกเราทั้งหมดก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมายก่อนที่จะหันมาสนใจในสิ่งที่อาจารย์กำลังสอน เนื้อหาที่เราไม่สนใจเพียงชั่วครู่แต่มันกลับเปลี่ยนไปแล้ว 10 หน้าสไลด์

    อาจารย์ก็โหดเกิ๊นนนนน

    เรียนไปเรื่อยเรื่อยจนตอนนี้เป็นช่วงสุดท้ายแล้วก่อนที่อาจารย์จะปล่อยเขาก็ได้มีการแนะแนวเกี่ยวกับวิชานี้ว่าแต่ละอาทิตย์จะทำอะไรบ้าง

    ซึ่งมันควรจะเลิกตั้งแต่ 4 โมงครึ่งแต่ตอนนี้มันเลทมาจนเกือบจะ 5 โมงแล้วแหละ

    หลังจากที่อาจารย์พูดว่าให้นักศึกษาทุกคนกลับบ้านได้ตอนนี้ผู้คนที่อยู่ในห้องก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ

    “อาจารย์ขยันปล่อยเลทด้วยไง”เป็นเพื่อนสนิทคนที่สามของฉันที่เป็นคนพูดเรื่องนี้ออกมา

    “ไม่รู้ว่าอาทิตย์แรกอาจารย์จะสอนอะไรนักหนา แค่ได้ยินประโยคแรกหนูก็ง่วงแล้วค่ะ”เมษาบ่นออกมาเบาๆ

    “กูก็เห็นมึงง่วงตลอดนั่นแหละ”เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ใกล้กับเธอได้พูดออกมาเพราะเห็นเพื่อนชอบบ่นมาตั้งแต่ปี 1 แล้ว ใช่เมษาบ่นมานานขนาดนั้นเลยแหละ

    “มันก็จริง”

    เมษาเถียงอะไรเพื่อนสาวคนนี้ไม่ได้ด้วยสิเพราะตัวเธอเองน่ะรู้มาตลอดว่าตัวเองขี้เกียจขนาดไหน

    “แล้วนี่จะกลับห้องเลยไหม”

    วาดดาวหันมาถามเมษาที่ตอนนี้นอนเอาหน้าจุ่มลงบนโต๊ะเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “น่าจะกลับเลยมั้ง เอายังไง”

    เมษาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเพื่อนของเธอก่อนที่จะตอบออกไป แต่ก็ยังหันไปถามเพื่อนของเธออีกคนที่เป็นคนมารับเธอมาเรียน

    “กลับกันเลย”

    ระหว่างนั้นเมษาก็ได้เก็บอุปกรณ์ใส่ลงไปในกระเป๋าก่อนที่จะนำมาสะพายแล้วเตรียมตัวเดินออกจากห้อง

    “อิจฉาคนมีคนไปส่งจริงๆ”

    เพื่อนสาวของเธอนั้นเอ่ยขึ้น อิจฉาหรออิจฉาก็หาคนมาขับรถให้นะ

    “อิจฉาอะไรเอ่ย ไอ้ดาวก็ไปส่งมึงเนอะ”

    “อย่ามาๆ มันไม่เหมือนกัน”

    งงมาว่าเพื่อนสาวพูดมันหมายความว่ายังไงเพราะว่ามันก็แค่เพื่อนไปส่งที่ห้องมันไม่ได้แปลกอะไรเลย

    “ไม่เหมือนแล้วจะเขินทำไมเอ่ยเนอะคนเรา”

    “ไม่ได้เขินโว๊ย!”

    เถียงกันไปเถียงกันมาตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะแยกย้ายกันกลับแล้วเนื่องจากตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว

    แต่คือถ้าไม่กลับตอนนี้มันก็จะหิวไงมันก็จะหิวแบบมากๆอ่ะจนโมโหหิว

    แต่เรื่องที่เพื่อนๆนั้นแซวกันก็ไม่ได้คิดมากหรอกคือด้วยความที่เราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ก็ต้องยอมรับก็ตัวติดกันจริงๆคนก็เลยค่อนข้างที่จะคิดว่าเป็นแฟนกันเยอะแต่ก็มีคนที่ไม่เชื่อก็เข้ามาจีบบ้าง

    คือเรามันก็สวยด้วยไง ก็มีบ้างที่มีคนเข้ามาจีบทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย

    ตุ๊บ!

    ก็มัวแต่คิดไม่ได้ดูทางก็ชนคนอื่นเข้าตัวเองก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆโดนผู้ชายชนทีก็คือเกือบกระเด็นจริงๆแล้วเป็นผู้หญิงแกร่งมาก

    เจ็บนิดหน่อยแต่พอทนได้

    “ขอโทษนะครับเป็นอะไรมากไหม”คือถึงจะโดนชนแล้วไม่เป็นอะไรแต่ก็ขอดูหน้าคนที่มันชนหน่อยแล้วกัน

    “ไม่เป็นไรค่ะ”

    หน้าตาผู้ชายคนนี้ก็ดีใช้ได้ หน้าตาคุ้นมากเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนอาจจะหลายปีแล้วแต่ว่ามันคุ้มจริงๆไม่ได้เล่นมุกอะไรเลย

    “โอ๊ะ! น้องเมษาหรือเปล่าครับ?”

    เห็นไหมบอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้รู้จักเธอ แต่เธอจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร

    “คะ?” คือช่วยเฉลยมาเลยได้ไหมว่าตัวเองเป็นใครคือมันจำได้ถ้ารู้จักชื่ออะไรอย่างเนี่ย

    “พี่มาร์ตินไงครับ จำพี่ไม่ได้หรอครับ”

    พี่มาร์ตินหรอคือมันก็ดูคุ้นมาก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนอาจจะนานแล้วจริงๆนั่นแหละแต่มันคุ้นมาก

    ผู้ชายที่ชื่อว่ามาร์ตินแถมหน้าตาดีระดับนี้แล้วอ่ะ

    “มาร์ตินหรอคะ? ขอนึกแป๊บนึงนะคะพอดีว่าอาจจะจำไม่ได้ต้องขอโทษจริงๆ”

    มาร์ตินเหรอวะรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าป่ะน่าจะเป็นคนนั้นแหละจำได้อยู่คนเดียวไง แต่คนนั้นน่ะจะเป็นคนที่แบบผู้หญิงกรี๊ดทั้งโรงเรียนเพราะว่าหล่อมาก

    แต่สายฟ้าหล่อกว่าไม่ได้อวยเพื่อนนะแต่จริงๆ

    แต่ก็ไม่ได้เจอหน้านานแล้วนะหล่อขึ้นเยอะกว่าตอนนั้นอีก มีความเป็นอะไรวะเขาเรียกว่าอะไรนะ?

    ช่างมันแล้วกัน

    ว่าแต่พี่เขาเรียนที่นี่หรอ? คือไม่ใช่อะไรนะไม่เคยเห็นหน้าเลยไงหล่อระดับนี้เลยนะ

    “พี่ไม่ได้เรียนที่นี่ครับ แค่มาหาเพื่อนเฉยๆ”

    “!!”

    เขารู้ได้ยังไงว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าเรามันแบบว่าดูออกขนาดนั้นเลยเหรอวางกำลังงงว่าพี่เขามาทำอะไรที่นี่

    “ฮ่าๆๆ ยังแสดงทุกอย่างออกทางสีหน้าเหมือนเดิมเลยนะครับ”

    “แฮะๆนิดหน่อยค่ะ แต่พี่ก็ยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะคะ”

    หลังจากที่เธอพูดออกไปแบบนั้นไม่นานเพื่อนผู้ชายคนนั้นของเธอก็เดินกลับมา เธอจึงหันหน้าไปหาพี่คนนั้นซึ่งเหมือนเขามีเรื่องอยากจะพูดต่ออีก

    แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

    “เมษา”

    เสียงของสายฟ้าที่ตอนนี้เดินมาหยุดอยู่ข้างเธอก่อนจะเรียกเพื่อเตือนสติเธอที่กำลังจ้องหน้าพี่ผู้ชายคนนั้นอยู่

    “อ่า ไปไหนมาเนี่ยนานชะมัดเลย”

    เมษาหันไปแซวสายฟ้าที่หลังเรียนเสร็จก็เดินหายออกไปไหนก็ไม่รู้ก่อนที่จะเดินมาหาเธอตรงนี้

    แวะไปหาสาวที่คณะข้างๆมาป่ะเนี่ย ก็สวยซะด้วยสิ

    “ฟ้า นี่พี่มาร์ตินพี่ที่โรงเรียนเก่าเราอ่ะมึงจำได้ป่ะ?”

    เมษาหันไปมองหน้าสายฟ้าก่อนที่จะถามคำถามออกไป จริงๆแล้วเธอก็แค่ไม่อยากจำไม่ได้คนเดียวนั่นแหละ

    “มาร์ตินหรอ”

    เหมือนสายฟ้ามันจะพูดกับตัวเองเพราะว่าพูดเบามากไม่ค่อยได้ยินเลยว่าพูดอะไร

    “ลืมแนะนำตัวไปพี่มาร์ตินคะ คนนี้เป็นเพื่อนของเมเองชื่อว่าสายฟ้าพี่พอจะจำได้ไหมคะ”

    เมษานั้นได้พูดแนะนำตัวเพื่อนชายคนสนิทของเธอให้กับพี่ชายที่เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าได้รู้จัก แต่จริงๆแล้วเขาน่าจะรู้จักนะเพราะว่าเราสองคนเรียนด้วยกันมาก่อนไม่ได้เพิ่งมาเจอกันที่นี่

    และเหมือนสายฟ้าจะหันไปสบตาพี่มาร์ตินบรรยากาศมันดูแปลกนิดหน่อยแฮะ

    “จำได้สิครับ จำได้ดีเลยแหละ”

    มาร์ตินหันไปจ้องที่หน้าของสายฟ้าอย่างโกรธแค้นก่อนที่จะหันไปพูดกับเมษาว่า

    “พี่นึกว่าน้องเมกับน้องฟ้าจะเป็นแฟนกันแล้วซะอีกนะครับ”

    “ผมไม่มีพี่น้องอย่างคุณและเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นอย่าเรียกผมว่าฟ้า”

    แล้วเสียงจะเข้มอะไรขนาดนั้นน่ะ แล้วจ้องกันเหมือนแบบโกรธแค้นกันมาประมาณ 10 ชาติ

    “ใจเย็นๆ เราสองคนเป็นเพื่อนกันค่ะและพวกเรายังไม่มีใครมีแฟนด้วย”

    “เป็นแค่เพื่อนกันสินะ”

    สายฟ้าได้แต่พูดพึมพำกับตัวเอง มันก็ดูน่าสงสารดีเหมือนกันนะ

    “บ่นอะไรเนี่ย ไปได้แล้วง่วงนอนแล้ว”

    “งั้นก็ไปนอนกันเถอะ”

    คำพูดของมาร์ตินนั้นดูแปลกๆนะแต่ก็ไม่มีอะไรหรอกมั้งก็คงพูดให้มันสั้นลงนั่นแหละ

    “งั้นเราสองคนขอตัวก่อนนะคะ”

    หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินมาที่ลาดจอดรถเพื่อที่จะขับกลับไปที่คอนโด แต่บรรยากาศภายในรถนั้นก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ปกติแล้วจะมีเสียงพูดคุยของเราสองคนตลอด

    แต่บรรยากาศภายในรถนั้นก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ปกติแล้วจะมีเสียงพูดคุยของเราสองคนตลอด

    เอาจริงๆถึงส่วนมากจะเป็นเมษาที่สวนคุยซะส่วนใหญ่ก็เถอะแต่บรรยากาศตอนนี้มันดูน่าอึดอัดจริงๆนะ

    ขนาดอยากจะเปิดเพลงยังไม่กล้าขอให้เปิดเลยอ่ะมันเป็นถึงขนาดนั้นเลยนะ

    “ฟ้าๆ”

    เนื่องจากบรรยากาศในรถตอนนี้ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่เลยต้องสร้างมันยากาศให้มันดีขึ้น แต่ต้องรู้ก่อนว่าคนขับรถของเธอคนนี้เป็นอะไร

    เรียกขนาดนี้แล้วยังไม่สนใจกันอีก

    “สายฟ้าาาา”

    นิ่งเลย ไม่มีการขยับเขยื้อนเลยสักนิดหนึ่ง พ่อคนเย็นชาทำไมจะต้องทำให้ชลลี่ง้อกันแบบนี้ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิดไป ฮึกฮือ

    “มีอะไรจะพูดก็พูด”

    แล้วทำไมพี่บ่าวจะต้องพูดเสียงดุกับหนูขนาดนั้นด้วยล่ะ ชลลี่ทำอะไรผิด!


    **********************
    โปรดติดตามตอนต่อไป
    สวัสดีค่ะทุกคนเรามาแก้ไขเนื้อเรื่องแล้วก็เพิ่มเนื้อหา
    คือทุกคนสามารถอ่านใหม่ได้เลยเพราะว่าเราเพิ่มเยอะมาก
    ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการอ่านนะคะ
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×