คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เช้าวันใหม่หรือฉันกำลังอยู่ในความฝันกันแน่
เช้าวันนี้ฉันได้ตื่นขึ้นมาในขณะที่แขนและขารวมไปถึงศรีษะยังคงอยู่กับทีเหมือนเดิม (ซึ่งมันคงที่แบบไม่เป็นที่เอาเสียเลย)ฉันได้มองออกไปนอกหน้าต่างในเครื่องบิน แลเห็นหมู่เมฆสีขาวดั่งปุยฝ้ายที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ในความเงียบที่ฉันกำลังมองไปนอกหน้าต่างนั้น ก็เกิดเสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้น
“คุณค่ะ คุณค่ะ คุณค่ะ”เสียงใสๆของผู้หญิงคนหนึ่งพูด
“คุณค่ะ เออ.................................”เสียงนั้นพูดอีกครั้ง ทำให้ฉันลืมตาขึ้นมาและพบว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่ฉันฝันไป มารู้ตัวอีกทีก็เหมือนว่าฉันนี่บ้าไปแล้ว ตัวเองยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาสักหน่อย แต่กลับมองเห็นเมฆสีขาวเหมือนดั่งปุยฝ้ายที่ขาวบริสุทธิ๋
“เอ่อ คุณค่ะไม่ทราบว่า จะรับเครื่องดื่มอะไรดีค่ะ”เสียงของแอร์สาวที่ฉันได้ยินตอนที่เริ่มรู้สึกตัวว่า ..ตัวเองไม่ได้อยู่ในความจริง......
“เอ่อ ผมขอเป็นคาปูชิโน่หนึ่งแก้วครับ ขอบคุณครับ”ฉันตอบด้วยความสุภาพเรียบร้อย ก่อนที่แอร์สาวจะเดินไปในที่จัดเตรียมเครื่องดื่มในเครื่องบิน
...................................................15 นาที ต่อมา..................................................
“มาแล้วค่ะ คาปูชิโน่”เสียงของแอร์สาวพูดขึ้น จากนั้นฉันก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟคาปูชิโน่ ก่อนที่จะดื่นอย่างเอร็ดอร่อย ด้วยความหอมของกาแฟทำให้ฉันจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย จนเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ
“ขณะนี้ เครื่องกำลังจะลงจอดที่สถานนี AS ขอความกรุณาผู้โดยสารทุกท่านรัดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยของท่านด้วยค่ะ”เสียงสัญญาณเตือนขึ้น ทำให้ผู้โดยสารที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้รีบรัดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาและฉันเอง
ในเวลาต่อมาเครื่องบินก็ได้ลงจอดที่สนามบิน AS ผู้โดยสารทุกคนปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนที่จะเดินไปตามเส้นทางที่จะลงไปที่สถานี ในขณะนั้นฉันก็เดินตามผู้โดยสารไปด้วย สายตาก็เหลือบมองไปเห็นแอร์สาวคนที่พยายามมาปลุกฉันอยู่ตั้งนาน บอกตรงๆผู้ชายอย่างฉันก็อายเหมือนกันดิ เห็นสง่างามอย่างนี้ก็อายเป็นเหมือนกัน(หลงตัวเองจริงๆ)
ณ สถานีในสนามบิน AS
“ท่านผู้โดยสารทุกท่านที่ได้ลงจากเครื่องบินแล้วขอความกรุณารับกระเป๋าสัมภาระของท่านที่จุกรับสัมภาระด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”เสียงเตือนผู้โดยสารทุกท่านให้ไปรับกระเป๋าสัมภาระดังขึ้น
“แห่ก แห่ก แห่ก แห่ก แห่ก”เสียงหอบของชายที่วิ่งไปเพื่อที่จะไปเอากระเป๋าเดินทางของเขา
“โครม”เสียงชนกันของคนสองคนดังขึ้น
“ขอโทษครับ ขอโทษนะครับ”ฉันพูดด้วยความรีบร้อนก่อนที่จะหยิบกระเป๋าและเอกสารสารของคนๆหนึ่งโดยไม่เงยไปดูหน้าของคนๆนั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันผิดเองค่ะที่มาเดินชน”เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิงแต่ใครกันนะที่มาเดินชน ด้วยความกล้าที่ฉันมีอยู่จึงเหลือบไปมองและก็พบว่า................
เฮ้ย! นี่มันยัยเดซี่ที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับเราที่เป็นรุ่นน้อง
นี่หว่า แล้วมาได้ไงหล่ะเนี่ย เหอๆไม่น่ามาเล้ย ก็ยัยคนเนี่ยแหล่ะที่เป็นหัวโจกแก๊งวัยรุ่นวุ่นรักเธอ ที่คอยสั่งให้บรรดาสาวๆมาจีบเรารวมทั้งตัวเองด้วย
โอ้ว!อยากจะบ้าตาย
“อ้าว รุ่นพี่คริฟ จำเดซี่ได้ไหมค่ะ”ยัยเดซี่พูดเหมือนตัวร้ายในละครน้ำเน่าที่เพิ่งพบพระเอกผู้สง่างาม
“เอ่อ จำได้ครับ แล้วน้องเดซี่มาทำอะไรที่นี่หล่ะครับ”ฉันถามด้วยคำพูดที่ไม่ยาวเหยียดนัก
“เอ่อ คือเดซี่มาตามหาหัวใจอ่ะค่ะ เผอิญว่าคุณพ่อของเดซี่อ่ะค่ะให้เดซี่มาเรียนต่อที่อลาสเตอร์ดัม ค่ะ”ยัยเดซี่ตอบ ก็ซวยหล่ะสิเราดันมาเรียนโรงเรียนเดียวกับเรา เฮ้ย................................
“โอ้ว!รุ่นพี่คริฟนี่ช่างอบอุ่นเหลือเกินนะคะ”ยัยเดซี่พูดในขณะที่เธอเอามือทั้งสองข้างที่เล็บทาสีชมพูและยาวยังกับปีศาจมาโผกอดฉัน
“เอ่อ คือน้องเดซี่ครับพี่ว่าอย่าดีกว่านะครับ อายเค้าหมดนะครับ”ฉันพูดด้วยความรำคาญกับยัยเดซี่ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องวางมาดซะด้วย
“ผู้โดยสารทุกท่านที่จะไปขึ้นรถยังสถานีวีนัสกรุณาขึ้นรถได้แล้วค่ะ”เสียงเตือนให้ฉันที่จะไปขึ้นรถที่สถานนีวีนัส
“เอ่อ คือเดซี่ครับพี่ขอตัวก่อนนะครับพี่ต้องรีบไปขึ้นรถแล้วนะครับ หวัดดีครับ”ฉันพูดก่อนที่จะรีบวิ่งไปเอากระเป๋าและไปขึ้นรถ สายตาก็หันมองไปข้างหลังก้ยังเห็นยัยเดซี่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ โอ้ย!อยากจะบ้าก็เกิดมาหล่ออย่างนี้ก็ต้องลำบากอย่างนี้หน่ะสิ(หลงตัวเองอีกแล้วนะคริฟ)
ความคิดเห็น