เตรียมตัวก่อนเอนทรานซ์อย่างคนไม่เครียดแต่พร้อมสู้

ลำดับตอนที่ #1 : เกริ่นนำ

พี่เองก็เป็นคนที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างหวุดหวิดมาก การเอนทรานซ์นี่เป็นการตัดสินอะไรในชีวิตเราหลายอย่างนะถึงแม้ว่าบางคนจะบอกว่า \"เอนทรานซ์ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต\" ก็ตาม แต่เราก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเอนท์เป็นสิ่งตัดสินอนาคตของเราได้อย่างดีเชียวล่ะ พี่จะไม่เขียนอะไรที่ไร้สาระมากนะเพราะเราจะต้องเอนท์ในอีกไม่กี่เดือนแล้ว เวลาช่วงนี้จึงสำคัญมากๆ น้องๆที่ได้อ่านแล้วให้ลองทำตามที่พี่แนะนำ ค่อยๆเริ่มไปตามเนื้อเรื่องที่พี่เขียน พี่จะเขียนไปจนกว่าจะถึงวันเอนท์เลยล่ะ เราจะได้มีเพื่อนไว้ปรึกษาได้ ส่วนน้องๆที่อยู่ม.4-5ก็อ่านได้แล้วฝากคำถามไว้ได้เช่นกันนะ





กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ก่อนที่เราจะลงมือทำอะไรก็ตามเราควรมีจุดมุ่งหมายก่อนเช่น เราอยากติดแพทย์ ใช้7วิชา หรือเราอยากติดนิติ การเสริมสร้างกำลังใจนั้นง่ายนิดเดียวให้น้องๆเดินเข้าไปพูดกับคนที่น้องๆรักเช่น แม่จ๊ะหนูตั้งใจแล้วนะว่าหนูจะเป็นนักบัญชีที่ดี เลี้ยงดูแม่ได้ หนูจะตั้งใจสอบให้ติดนะคะ แค่นี้เองเมื่อแม่ได้ยินท่านจะยิ้มและลูบหัวเราและพูดว่า ดีแล้วลูกแม่จะเอาใจช่วยนะ เพียงเท่านี้แหละกำลังใจที่ไหนก็ไม่เท่ากับคำพูดและการกระทำแค่นี้ หรือเราอาจจะหาแบบอย่างเช่น ไปเปิดเวปไซด์หาพี่ที่เอนท์ติดบัญชีแล้วคุยกับเขาเอาเขาเป็นแบบอย่างแค่นี้เราก็จะได้แบบอย่างมากขึ้น พอเรามีกำลังใจที่จะสู้แล้วเราก็เริ่มลงมือเลยจำไว้ว่า เวลาไม่เคยรอเรา

อีก4เดือนที่จะถึงจะมีบรรดาโควตาทั้งหลายเริ่มทยอยมาให้เราเลือกสอบถ้าปีนี้จะมีการเอนท์แค่ครั้งเดียวตอนมีนาคม การเตรียมตัวสำหรับโควต้าแน่นอนว่ายากแน่ๆเพราะว่าเราจะต้องไปสอบตรงที่สถานที่นั้นๆและมีคู่แข่งเป็นรุ่นพี่ที่ซิ่วอีกต่างหาก

เรามาพูดถึงน้องๆสายวิทย์ก่อนนะ เราต้องสอบเจ็ดวิชาและเก็บให้ได้ด้วย(ถ้าเหลือเอนท์รอบเดียวนะ)วิธีที่เราจะเริ่มได้อย่างรวดเร็วในตอนนี้คือ อ่านเนื้อหาทั้งหมดของเคมีและฟิสิกส์ โดยน้องอาจจะไปซื้อรวมเนื้อหา4-5-6มาอ่านหรือถ้าเรียนพิเศษเราก็นำเนื้อหาที่นั่นแหละมาทบทวน เหตุผลที่พี่แนะนำให้เราอ่าน2วิชานี้ก่อนเพราะว่า2วิชานี้เป็นวิชาที่คนส่วนใหญ่พลาดและข้อสอบเอนท์คาดเดายาก ซึ่งถ้าเราพร้อมเราก็จะเหนือกว่าคนส่วนใหญ่ ส่วนเลขและชีวะนั้นเป็นวิชาที่เราต้องจำเยอะทั้งสูตรทั้งโครงสร้าง เอาไว้อ่านใกล้ๆดีกว่าจะได้ตัดปัญหาเรื่องลืมไปได้ ไทย-สังคม-อังกฤษนั้นเป็นวิชาที่อ่านอย่างเดียวช่วยอะไรไม่ได้ วิชาเหล่านี้เราต้องอาศัยพื้นฐานที่เราสั่งสมมาด้วยจึงเอาไว้อ่านแทรกเสริมเอา เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่คนอื่นยังไม่คิดที่จะเริ่มอ่านวิชาที่ยากก่อนเราควรจะเตรียมตัวได้แล้ว ถ้าเรายังไม่เปิดเทอมให้เราจัดตารางเวลาที่เราจะอ่านเลยเช่น

เช้า 8.00 เริ่มอ่านเคมีบทที่1

     10.00 พักสายตา เราอาจจะดูทีวีหรือกินน้ำบ้างขนมบ้างได้

     10.30 เริ่มอ่านต่อ

     12.00 กินข้าวกลางวัน

     13.00 อ่านต่อ

     15.30 พักเคมีไว้ต่อพรุ่งนี้

     16.00 เริ่มอ่านฟิสิกส์

     18.30 พักดูละครเย็น

     21.30 อ่านต่อ

     24.00 นอน (สำหรับน้องๆที่นอนเร็วให้เริ่มปรับเวลานอนได้แล้ว อย่ามัวคิดว่าเดี๋ยวจะนอนไม่พอ อดนอนตอนนี้เอนท์ติดเมื่อไรนอนหลับแล้วยิ้มได้เลยนะ แล้วนอนกี่ชม.ก็ได้ด้วย)





การปรับเวลานอนสำคัญมากอย่าคิดว่าเหลือเวลาอีกตั้ง4เดือน สบาย ให้น้องคิดดูนะคะว่า4เดือนน้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน8ชม. เดินทาง2ชม.ไปกลับ นอน5-7ชม. เหลือเวลาอ่านหนังสือเท่าไรนี่ขนาดยังไม่รวมกิน ดูทีวี ไปเที่ยวและอีกมากมายนะ ใครที่ปิดเทอมนอนตี2ตื่นบ่าย เลิกซะเริ่มปรับเวลานอนเป็นเข้านอนเร็วขึ้นทีละนิด จากที่เรานอนวันละ10ชม.วันต่อไปเหลือ9 สัก2วันแล้ว8แล้วให้เหลือ7ให้ได้ เพราะ8-9-10ชม.นั้นเป็นเวลานอนของเด็กนะจ๊ะ เวลาที่เหมาะสมของเด็กเอนท์ควรอยู่ที่5-7ชม.นะ

ใครที่นอนเร็วตื่นเช้าเช่น นอน3ทุ่มตื่น6โมง ให้น้องเริ่มปรับเวลาเช่นกัน เช่นเรานอน3ทุ่มเปลี่ยนเป็นอ่านหนังสือต่ออีกสัก1ชม. ถ้าง่วง บอกได้คำเดียวว่า ทนซะ ปรับให้มันเหลือ7ชม.แล้วนอนดึกหน่อยให้ได้





อีกเรื่องคือถ้าน้องติดละคร (เหมือนพี่ในอดีต) ให้ลดละเลิกเท่าที่จะทำได้แต่ไม่ใช่ว่าเราต้องตัดนะเพียงแต่ว่าช่วงเนี้ยขอเถอะอ่านหนังสือไป แล้วไว้เอนท์เสร็จเมื่อไรมันจะมีเวลาว่าง2เดือนเราค่อยไปซื้อหนังที่เค้าทำออกมาเป็นซีดีมาดูก็ได้เดี๋ยวนี้มีตั้งเยอะแถมไม่มีโฆษณาอีกต่างหาก ราคาก็ไม่แพงเก็บเงินที่เราไม่ไปเที่ยวแต่มาอ่านหนังสือแทนอ่ะ เอาไว้เลยไว้ใช้ตอนเอนท์เสร็จนั่นล่ะมีความสุข เอนท์ก็ติดแถมยังได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้เมื่อก่อนได้อีกต่างหาก พ่อแม่ก็จะเอาใจขออะไรก็ให้ เชื่อดิ ไม่ลองไม่รู้นะ





น้องสายศิลป์ ที่สอบ4วิชาหรือ5ก็ตาม เราควรเริ่มอ่านเลขค่ะเพราะเลขเป็นจุดอ่อนของสายศิลป์นะ ให้เราจัดตารางอ่านเหมือนสายวิทย์แหละดีกว่าด้วยตรงที่เรามีสอบน้อยวิชากว่าตั้งเยอะ ปรับเวลานอนซะแล้วเริ่มเลยเราอาจจะไปลงเรียนติวหรืออ่านเองก็ได้ได้หมดเลยแต่ขอให้เริ่ม

การผลัดวันประกันพรุ่งนี่สำคัญนะ สมัยที่พี่เอนท์ก็มักจะคิดว่าโอ๊ยหยุดวันเดียวไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้จะตั้งใจแล้ว พอวันรุ่งขึ้นเกิดท้องเสีย หมดไปอีวันแล้ว อีกวันที่โรงเรียนมีงานกลุ่มต้องเอากลับมาทำที่บ้าน สรุปคือ3วันยังไม่ได้ทำไรเลย เคยมีสถาบันกวดวิชาที่หนึ่งเขียนไว้ว่า \"เมื่อเราหลับ คนอื่นกำลังตื่น เมื่อเราตื่น คนอื่นกำลังอ่าน เมื่อเราอ่านคนอื่นกำลังอ่านมากกว่า\" เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องต่อสู้ด้วยนั้นคือตัวเรานั่นเอง อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นว่า เค้าเรียนพิเศษมาทุกที่เลยเค้าเรียนในห้องก็เก่งอย่างนี้ติดแพทย์แน่ๆ คนที่เรียนพิเศษเยอะไม่ใช่ว่าจะได้ความรู้เยอะนะคะ มันขึ้นกับความสม่ำเสมอในการทบทวน เรียนได้ก็ลืมได้เช่นกัน ส่วนเรื่องความเก่งบอกได้อย่างเดียวว่าเราจะเอาความเก่งมาใช้กับเอนท์ไม่ได้เพราะคนที่เอนท์ติดคือคนที่พร้อมที่จะทำข้อสอบต่างหาก คิดดูนะถ้าเกิดว่าพี่เองเก่งมากเรียนมาทุกที่เลย ในห้องก็ยังได้ที่1เกรด4.00 แต่วันสอบเกิดท้องเสียผลที่ออกมาก็ไม่ดีอยู่ดี เพราะฉะนั้นความพร้อมก็เป็นเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญด้วย





น้องๆที่ได้อ่านมาคงจะมีกำลังใจบ้างไม่มากก็น้อย ให้น้องๆที่กำลังจะเอนท์ทำตารางเลยเพราะใกล้เปิดเทอมทุกทีๆแล้ว ส่วนตอนหน้าพี่ก็จะเข้ามาเขียนต่อเกียวกับการเตรียมตัวเองให้พร้อมและการอ่านที่ถูกต้องในเร็วๆนี้ เจอกันตอนหน้านะคะ