ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Keeper Love บริการรักส่งถึงใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 54


                สายลมพัดผ่านใบหน้า ฉันหลับตาพริ้ม รับสายลมที่อ่อนโยน หากทว่ากับรู้สึกเย็นเฉียบในหัวใจ เมื่อมือข้างกายที่ฉันเคยสัมผัสนั้นว่างเปล่า ท่อนแขนแข็งแรงที่ฉันเคยพักพิง ดวงตา น้ำเสียง คำพูดที่อ่อนโยนมันหายไป...หายไปตั้งแต่วันที่เธอก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา ก้าวข้ามเส้นของคำว่าเพื่อนมาเป็นคนรักแทนที่ฉัน มันช่างเจ็บปวดทรมานจริงๆ

                “ คุณหนูครับ ขอความกรุณาเอากระจกขึ้นด้วยเถอะครับ T^T

                ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อเสียงลุงแดงเอ่ยขึ้น  มันบอกให้ฉันรู้ว่าตอนนี้คนที่คอยไปรับไปส่งฉันไม่ใช่เขาอีกแล้ว

                “ ขอโทษค่ะ เฟียสไม่ได้ตั้งใจ ” ฉันว่าแล้วกดปุ่มดึงกระจกสีมืดให้ปิดขึ้นอย่างช้าๆ ลุงแดงคงตกใจไม่น้อยที่ฉันพูดไพเราะเพราะพริ้งขนาดนี้ ก็เมื่อก่อนฉันเป็นแบบนี้ที่ไหนกันเล่า ตอนนี้ฉันเปรียบเสมือนแม่เหล็กกลับขั้ว มันเริ่มเป็นตั้งแต่ที่เขาบอกเลิกฉันเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดเรียน

                ถ้าเป็นตอนที่เขายังอยู่ เขาจะรีบกดปุ่มปิดกระจกที่มีอยู่ตรงฝั่งคนขับทันที โดยไม่พูดคำขอร้องจะเป็นจะตายเหมือนลุงแดงแบบนั้น

                ฉันลอบยิ้มกับการกระทำของเขา...แล้วก็ต้องใจหายอีกครั้ง เมื่อการกระทำแบบนั้นเป็นอดีตไปแล้ว ฉันปล่อยสายตาเลื่อนลอยไปตามท้องถนน มองผู้คนที่กำลังดี๋ด๋าดีใจที่โรงเรียนเปิด แต่สำหรับฉันนั้น ยิ่งใกล้โรงเรียนมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดก็ก่อเพิ่มขึ้นมามากเท่านั้น

                เมื่อฉันลงจากรถก้าวข้ามพ้นประตูมา ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ฉัน ทั้งสายตาสมน้ำหน้า และสงสาร ( อันหลังแทบไม่ค่อยจะมี ) ฉันเป็นคนดังของที่นี่ ไม่ใช่เพียงแค่หน้าตา หากแต่นิสัยที่ก่อวีรกกรมไว้เยอะแยะมากมาย จนผู้หญิงหลายๆคนคงไม่ชอบฉัน เพราะแต่ก่อนฉันเป็นยังไง ทุกคนในโรงเรียนนี้รู้ดี หากทว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปหมดทุกอย่าง ตั้งแต่เขาจากไป...

                “ แกฉันได้ข่าวว่าเขาเลิกกันแล้วล่ะ ”

                “ มันไม่ใช่แค่ข่าวหรอก มันคือเรื่องจริงต่างหาก  

                “ สมควรล่ะนะ นิสัยแรงๆแบบนั้น ผู้ชายที่ไหนเขาจะรับได้ ”

                “ ฉันล่ะสมน้ำหน้าจริงๆ ฮ่าๆๆ ”

                เสียงนินทาซุบซิบไปตลอดทาง ตามจริงมันไม่เชิงนินทานะ เหมือนพวกเขาจงใจให้ฉันได้ยินด้วยซ้ำ ฉันยังคงเดินไปเรื่อยๆไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่มันกำลังทำให้หัวใจฉันเจ็บปวด หากทว่ามันปวดแปลบขึ้นมาเมื่อมีใครคนหนึ่งพูดขึ้น

                “ พี่แซนด์เขาไปคบกับเพื่อนสนิทเขานี่ พี่แองจี้น่ะ “

                “ ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทนะ พี่แองจี้เขายังเป็นแม่สื่อ ให้ยัยเฟียสกับพี่แซนด์ด้วย สงสัยคงเกิดการหักหลังล่ะมั้ง เลยสลับคนกัน ฮิฮิ ”

                ฉันสูดลมหายใจลึกๆเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่เริ่มลุกลามขึ้นเรื่อยๆ ประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยิน มันเสียดแทงหัวใจฉัน ทั้งทิ่มแทงและบีบรัดจนเจ็บไปหมด

                “ อุ๊ย! ต๊ายตาย เชอรี่มาดูอะไรนี่สิ ” เสียงแหลมสูงปรี๊ดที่ดัดน้ำเสียงให้ตกใจสุดๆ

                “ อะไรเหรอส้ม ” อีกนางก็ดัดน้ำเสียงไม่แพ้กัน

                ศัตรูสำคัญของฉันมาแล้ว!! ให้ตายเหอะ ฉันไม่อยากให้ยัยสองคนนั่นมาเห็นฉันสภาพนี้เลย

                “ ก็นี่ไง ” ว่าแล้วก็ชี้นิ้วมาทางฉัน “ แม่เสือสาวที่กำลังจะเป็นแค่แมวบ้านธรรมดาๆน่ะ เอ...หรือแมวข้างถนนนะ ฮุฮุ ”

    “ ข้างถนนคงเหมาะกว่านะ  โอ๊ย! ไม่นึกเลยว่าจะดูย่ำแย่ขนาดนี้ อะไรนะ โดนคนไว้ใจหักหลัง มิหนำซ้ำยังถูกแย่งคนรักไปอีก มันดูน่า...สมเพชสิ้นดี ” ยัยเชอรี่เอื้อมมือมาบีบคางฉัน ดวงตาจ้องมองฉันอย่างสมเพช เหยียดยิ้มเย้ยฉัน

    ก่อนที่ฉันจะได้ปัดมือออก มือยัยนั่นก็โดนกระชากออกโดยใครบางคนซะก่อน

                “ ยัยเชอรี่ ก่อนที่เธอจะมากัดแขวะคนอื่น ไปดูแลแฟนเธอดีๆเถอะ ระวังจะไปขลุกกับผู้หญิงคนอื่นอีกแล้วกัน!

                โรสเพื่อนสนิทฉันตามหลังมาด้วยเพื่อนสาวแสนสวยอีกคน ซินดี้ โรสบีบมือของยัยเชอรี่แน่น จนยัยนั่นร้องโอดโอย ส่วนซินดี้กำลังทำสงครามสายตากับยัยส้มอย่างไม่มีใครยอมใคร โรสเหวี่ยงยัยเชอร์รี่ไปทางยัยส้มอย่างสุดแรงพร้อมกับพูดกล่าวเตือน

                “ ถ้าพวกเธอสองคนยังระรานเพื่อนฉันไม่เลิกล่ะก็ ฉันจะไม่ฝากรอยแดงไว้ที่ข้อมือเธอแน่! ” ยัยโรสขู่ง้างมือขึ้นมาสายตาเธอบ่งบอกว่าเอาจริง ส่วนยัยซินดี้ได้ส่งสายตาอาฆาต พร้อมกับก้าวเดินไปข้างหนึ่งก้าว

                ยัยสองคนนั่นถอยปรี่ สายตาเริ่มหวาดกลัว ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไป

                “ เฮอะ! ยัยพวกดีแต่ปากเอ๊ย “ โรสสบถ

                “ เฟียสเธอเป็นอะไรหรือเปล่า ” ซินดี้สาวหน้าสวยเดินเข้ามาประคองฉัน เมื่อเห็นว่าฉันทำท่าโซเซจะล้ม ยัยโรสทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะพูดลอดไรฟันอย่างโกรธแค้น

                “ ฉันอยากจะตบมันสักฉาก ปากสุนัขเลี้ยงแบบนั้น เฮอะ!!

                “ ฉันไม่เป็นไรซินดี้ ขอบใจนะ” ฉันบอกซินดี้แล้วพยายามพยุงตัวเองให้ทรงตัวได้อีกครั้ง ฉันหันไปหาโรสที่กำลังกำมือแน่นบอกให้ใจเย็นลง “ โรส อย่าสนเลย ฉันมันน่าสมเพชจริงๆแหละ ”

                จบประโยคนั้นโรสหันมาทางฉันด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อในคำพูด ซินดี้ดูจะตกใจไม่ต่างจากโรสเหมือนกัน

                “ เฟียส พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างมั้ย จะยอมแพ้ยัยสุนัขสองตัวนั่นง่ายๆเหรอ!  ” โรสตะคอกใส่หน้าฉัน ฉันเบนหน้าไปทางอื่น ไม่อยากเห็นสีหน้าของเพื่อนสองคนที่มองฉันอย่างไม่พอใจ เพียงเพราะฉันไม่ยอมสู้คนเหมือนแต่ก่อน แย่ยิ่งไปกว่านั้น ยังไปยอมรับคำที่ยัยสองคนนั่นดูถูกอีก

                โดนหักหลัง คนรักถูกแย่งไป ไม่สิ ไม่ได้ถูกแย่ง เพียงแค่เขารักคนนั้นมากกว่าฉันเท่านั้น และสุดท้าย มันน่าสมเพชจริงๆ สำหรับผู้หญิงอย่างฉัน...เหมือนกับหงส์ที่สูงสง่า โดนหักปีก ทำให้ไม่สามารถบินขึ้นสู่ฟ้าได้อย่างเก่าอีกแล้ว

                “ มองหน้าฉัน เฟียส!!! ” โรสยังคงส่งเสียงดัง พูดด้วยน้ำเสียงโมโห

                “ ใจเย็นๆนะโรส เฟียสยังเสียสติอยู่น่ะ ” ซินดี้ห้ามปลาม แต่เรียกสายตาค้อนฉันได้อย่างเต็มเปี่ยม

                “ ฉันไม่ได้บ้านะ!!

                “ ฮ่าๆๆ ” ซินดี้หัวเราะออกมา โรสอาการสงบลงแล้ว คงเพราะเห็นฉันแหวเมื่อกี้ล่ะมั้ง

                เราสามคนเดินผ่านนักเรียนสายตาที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ที่มองผ่านกลุ่มเรามา โรสอยู่ซ้าย ซินดี้อยู่ขวา ฉันอยู่ตรงกลาง ฉันพยายามไม่หันซ้ายแลขวา ไม่สนเสียงนินทา อันที่จริงไม่ค่อยมีใครกล้าพูดหรอก เพราะยัยโรสกับซินดี้ส่งสายตาเฉือดเฉือนตลอดเวลา มันดีมากสำหรับฉันเลยล่ะ ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดแปลบขึ้นมาอีก เรามุ่งตรงไปข้างหน้า ก่อนจะขึ้นตึกเรียน

                “ นี่ๆๆ ได้ข่าวที่ยัยเฟียส เลิกกับพี่แซนด์ยั้ง ”

                “ โอ๊ย! ทำไมจะไม่รู้ เขาลือกันทั่วโรงเรียน ”

                “ ใช่! เขาว่ากันว่า ยัยนั่นหมดฤทธิ์เลยล่ะ และสภาพก็ดูไม่ได้ ฉันล่ะสะใจจริงๆ ”

                “ ก็แน่ล่ะ ไม่มีใครสงสารยัยนั่นหรอก ทำกับคนอื่นเขาไว้เยอะ สมควรจริงๆ โดนหักหลังด้วยนี่ คงจะเจ็บช้ำปางตายไปแล้วล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ ”

                คำพูดเสียดแทงดังออกมานอกห้อง ฉันหยุดเดินความเจ็บปวดก่อตัวขึ้นอีกแล้ว ภาพวันวานหวนคืนมา ถ้ายังเป็นตอนนั้น ตอนที่ฉันคบกับเขา ตอนที่เราคบกันใหม่ๆ ฉันโดนว่าสาหัสแค่ไหน พวกเขาบอกว่าฉันสวยก็จริงแต่นิสัยไม่คู่ควรกับคนแสนดีอย่างพี่แซนด์เลย ถ้าเป็นเขา...เขาจะกุมมือฉัน บีบเบาๆ เพื่อให้ฉันคลายความกังวล พร้อมกับคำพูดปลอบประโลม ที่ทำให้ฉันรู้สึกดีทุกครั้ง...ทุกอย่างยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ภาพวันวาน และภาพของเราสองคน

                ปัง!!!

                เสียงคนทุบโต๊ะทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ ฉันเดินเข้าไปในห้องที่เป็นต้นตอของเสียงนั่น เพื่อจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาทุกคู่หันมามองฉัน เบื้องหน้านั้น เป็นยัยโรสที่วางกำปั้นอยู่เหนือโต๊ะ ซินดี้กอดอก และส่งสายตาจิกทุกคนที่หันมามองฉัน พวกนั้นรีบหลบสายตากันพันละวัน

                “ ถ้าฉันยังอยู่ที่นี่ พวกเธอ!! ไม่มีสิทธิพูด เข้าใจมั้ย! ” โรสเอามือเท้าโต๊ะ จ้องหน้าทุกคน เล็งตรงที่มีผู้หญิงจับกลุ่มเป็นมากพิเศษ กลุ่มยัยนั่นต้องเป็นกลุ่มเดียนกันที่ฉันได้ยินเมื่อกี้แน่ๆ ฉันมองพวกเธอด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่อยากให้พวกนั้นเห็นสายตาที่กำลังจะสั่นระริกอยู่ข้างใน

                “ ตอบสิ เข้าใจหรือเปล่า ฮะ!!! ” คราวนี้ซินดี้พูดขึ้นบ้าง ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ ซินดี้กับโรส หันหน้ากลับมามองฉัน ฉันพยักหน้าขอบคุณก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวประจำของฉัน และเหมือนเคย สองคนนี้นั่งขนาบคู่ฉันเสมอ

                ตอนนี้ในห้องเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรมาสักแอะ แน่แหละ ทุกคนรู้ฤทธิ์ของกลุ่มฉันดี

     โรสผู้หญิงสวยเด่น ร่างสูงเพียวระหง เด่นสง่างามเสมอ อารมณ์ร้อนนี่เป็นที่หนึ่งเลย ส่วนซินดี้นั้น สวยไม่แพ้กัน รอยยิ้มหวานบาดใจ สายตาของเธอสามารถทำให้คนรอบข้างหลอมละลายและสามารถเฉือดเฉือนได้ในเวลาเดียวกัน

    ส่วนตัวฉัน ฉันไม่รู้สารรูปตัวเองหรอกนะ ถ้าเป็นแต่ก่อน ฉันคงจะบอกว่า ฉันมีดวงตาที่สยบสายตาทุกคู่ จมูกเชิดอย่างดื้อรั้น ริมฝีปากบางเฉียบ หากกระตุกมันคือมาเมื่อไหร่ ทุกคนแทบจะเดินออกห่างจากฉันทันที โอเค...ถ้าเป็นฉันในตอนนั้นฉันคงพูดแบบนี้ ทว่าตอนนี้ฉันคงไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ฉันกลายเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ไม่สนใจเรื่องความสวยความงาม อะไรอีกต่อไปแล้ว...

    กึก...กึก...กึก

    เสียงรองเท้าเดินผ่านเก้าอี้ฉันไปด้านหลังสุด เสียงนั่นทำให้ห้องเงียบลงไปกว่าเดิมอีก แทบจะไม่ได้ยินเสียงคนหายใจด้วยซ้ำ ฉันกระพริบตา ไล่อาการเหม่อลอยออกไปจากตัว หันเหลียวมองบุคคลที่เพิ่งมาสักครู่

    ชายร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดตัดกับผมสีดำขลับ ดวงตาเรียวยาว จมูกโด่ง รับกับริมฝีปากได้อย่างดี ทรงผมซอยระต้นคอ ท่าทางการเดินเหมือนนายแบบ สง่ามาก เทียบกับพวกฉันได้เลย หมอนี่ดูดีมากๆเลยล่ะ แต่ดูท่าแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรนัก พวกผู้หญิงถึงไม่กล้ากรี๊ดออกมาดังๆ ถัดจากนายนั่นก็ผู้ชายผมทอง หน้าตาดีใช่ย่อย แต่ก็นะ...เงียบๆเหมือนนายหัวดำคนนั้น พวกเขานั่งอยู่หลังสุดสองคน  แถวพวกเขานั้นเหลือโต๊ะอีกสามสี่ตัว ไม่มีกระเป๋าวางจับจอง รือใครไปนั่งเลย

    “ พวกเขาคือใคร ” ฉันหันกลับมาแล้วซินดี้กับโรส โรสส่ายหน้าขณะกำลังทาลิปสติกสีแดงเหมือนเลือดนก เม้มปากนิดหน่อย แล้วหันมาตอบฉัน

    “ พวกนั้นชอบเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร และไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ไม่มีใครรู้ชื่อของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นชื่อเล่นชื่อจริง ยกเว้นฝ่ายทะเบียนล่ะมั้ง อันที่จริง นายผมดำนั่นอยู่กับพวกเรามาตลอดนะ หมายถึงอยู่ร่วมห้องน่ะ ส่วนนายผมทองนั่น ฉันเพิ่งเห็นสองสามปีมานี้เอง ”

    “ แต่ฉันไม่เคยเห็นเขานะ ” ฉันบอก พยายามกระซิบให้เบาที่สุด

    “ เธอมั่นใจมั้ย ว่าพวกเราสนพวกเงียบๆ กลุ่มเราวันๆทำอะไรบ้าง  ไม่สิ ต้องถามว่า แต่ล่ะวันพวกเราเจออะไรบ้างมากกว่า ”

    จบคำพูดของโรส มันทำให้ฉันหวนนึกถึงอดีตตัวเอง...ฉันจะย้อนไปตั้งแต่ที่เรารู้จักกัน อยากให้ทุกคนรู้ว่าฉันไม่ได้เพอร์เฟ็คตั้งแต่เกิด

    พวกเรารู้จักกันตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ของพวกเรารู้จักกันมาก่อน เริ่มแรกฐานะของพวกฉันนั้นไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย พวกเราอยู่ในฐานะปานกลาง ด้วยความที่พวกเราสามคนเป็นคนหัวดีทั้งหมด เราจึงสามารถสอบชิงทุนได้เรียนโรงเรียนที่มีแต่พวกคุณหนูไฮโซเรียนเท่านั้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เกิดเป็นพวกเราในวันนี้

    คำพูดดูถูกเหยียดหยามที่พวกเราเป็นเด็กทุน ใส่แว่นหนาเตอะมาเรียน แพร่กระจายไปตัว ไปทางไหนมีแต่สายตาดูถูกเด็กกะโปโลอย่างพวกเรา พวกเราสามคนต้องอดทน อดกลั้นต่อการดูถูกอย่างไร้ศักดิ์ศรีแบบนั้น บางทีโดนแกล้งจนสภาพเละเทะดูไม่ได้ พวกฉันต้องทน ทนมาตั้งแต่ยังเข้าเกรดเจ็ดใหม่ๆ และแล้วดั่งโชคชะตาฟ้าลิขิต

    ครอบครัวเราสามคน ตั้งใจตั้งบริษัทขึ้นมาเป็นเกี่ยวกับพวกอัญมณีที่ส่งออกต่างประเทศ ด้วยความที่พ่อและแม่ของพวกเรา เป็นคนฉลาดหลักแหลม และความถนัดในแต่ล่ะด้านของแต่ล่ะคนนั้น ทำให้บริษัทของครอบครัวเรา เจริญเติบโตและทำรายได้ อย่างมหาศาลภายในเวลาแปปเดียว มันทำให้พวกฉันอัพเกรดตัวเองขึ้นมาได้มากโข

    เมื่อพวกเราสามคนได้เปลี่ยนตัวเองแล้ว วันแรกของการเปิดเรียนเกรดเก้าตอนนั้น ทุกคนมองเราอย่างตะลึง ในความสวยงาม สง่า และหยิ่งทะนง ความหยิ่งนั้นทำให้ผู้หญิงหลายๆคนเกลียดเรา หากไม่มีใครรู้เลยว่า พวกเรานั้นเจออะไรมาก่อนหน้านี้ การกลับมาครั้งนี้เหมือนกับการแก้แค้นพวกเรา แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกนะ พวกเราเลือกแค่บางคน สิ่งที่เราทำมีแค่คำพูดเล็กๆน้อยๆที่กระทบพวกนั้นและสายตาที่จิกเท่านั้นเอง

    ทว่าใครจะรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้คนแทบทั้งเรียนเน้นผู้หญิงฉันส่วนใหญ่ เกลียดและเหม็นขี้หน้าเราอย่างหนัก ในแต่ล่ะวันพวกเราเจออะไรมากมาย การกลั่นแกล้ง เริ่มตั้นอีกครั้งมันหนักกว่าเดิม มีสัตว์ที่น่าขยะแขยงอยู่ในล็อคเกอร์ ของในล็อคเกอร์หาย รายงานถูกเผา โทรศัพท์ที่โทรมาขู่และโรคจิต ในทุกๆวัน แทบทุกสัปดาห์พวกฉันไม่คนใดก็คนนึง ต้องเข้าห้องกิจการนักเรียน  เพราะมีคนไปกุข่าวว่า พวกเรานั้นทำร้ายร่างกาย ทั้งที่ไม่มีความเป็นจริง นั่นสร้างสิ่งปวดหัวให้ฉันมากๆ แบบนี้ล่ะมั้งที่ทำให้ฉันไม่ได้สนใจพวกเงียบเชียบพวกนั้น

      แต่ฉันรู้ชื่อพวกเขาล่ะ ซินดี้พูดขึ้นมาเบาๆ ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ในอดีต และเริ่มจะสนใจสิ่งที่ซินดี้พูดมานิดๆ

      เธอจะรู้ได้ไง พวกนั้นน่ากลัวและลึกลับนะ โรสพูดอย่างระแวง ขนาดยัยโรสยังดูจะกลัวเลย ทั้งๆที่ยัยนี่ไม่เคยกลัวใคร อะไรทำให้ยัยโรสเป็นแบบนั้น พวกเงียบเชียบ พวกนั้นเหรอ?

    แค่บังเอิญได้ยินน่า เอาหูมาใกล้ๆนี่ ซินดี้กวักมือเรียกพวกฉันสองคนเข้าไป ก่อนที่จะได้บอกยัยซินดี้หันไปทางหลังห้องแวบนึง แล้วพูดว่า นายผมดำ ชื่อ คีย์ ส่วนนายผมทอง ชื่อ ฮาร์ท

    เราสองคนพยักหน้าเมื่อรู้ความจริง ฉันหันหน้าไปมองนายหัวดำ หรือ นายคีย์คนนั้น ปรากฏว่าฉันต้องรีบหันกลับโดยไว เพราะสายตานายนั่น เหมือนกำลังเพ่งเล็งมองพวกเราอยู่ มันดูน่ากลัวมากๆ หรือว่าเขาจะรู้!

    ไม่น่า...ไม่รู้หรอก ยัยซินดี้กระซิบเบาขนาดนั้น และอีกอย่าง ฉันจะสนใจทำไม เมื่อนายนั้นไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรในชีวิตฉันเลย บางที พรุ่งนี้ฉันอาจจะลืมชื่อเขาทั้งสองคนไปแล้วก็ได้

    เฮ้อ~

    ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน และไม่นานนัก หัวใจก็รู้สึกปวดหนึบอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงข้างนอก ดังเล็ดลอดเข้ามา

    กรี๊ด! พี่แซนด์ พี่แองจี้ เดินคู่กันมาเลยแก จับมือกันด้วย กรี๊ดๆๆๆ

    เสียงกรีดร้องและคำพูดนั่น มันกำลังกรีดหัวใจฉันอย่างช้า มันทำให้ฉันเห็นตัวเองกับเขาในตอนนั้น

    เขากุมมือฉันเดินผ่านสายตามากมาย ที่ไม่ประสงค์ยินดีมากนักกับการที่เราสองคนคบกัน ทุกครั้งที่ฉันเห็นสายตาพวกนั้น มันทำให้ฉันไม่สบายใจ และแอบคิดลึกๆว่า ฉันไม่คู่ควรกับเขา เหมือนกับเทพบุตรมาเดินเคียงคู่กับนางมาร ต่อให้นางมารคนนั้นจะสวยแค่ไหน ก็ยังไม่เหมาะสมกับเขาที่หล่อและแสนดีราวกับเทพบุตร

    อย่าสนใจเลย ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอได้เท่าฉัน ฉันรักในสิ่งที่เธอเป็นและตัวจริงๆของเธอ อย่ากังวลกับคนรอบข้าง ที่ไม่รู้จักพวกเราดี ^^  

    น้ำเสียงอ่อนโยน มือที่กุมมือฉันบีบเบาๆให้กำลังใจฉัน จนฉันยอมทนต่อสายตาพวกนั้นและฝ่าฟันมาตลอด มันเจ็บปวด ทรมาน ทว่าฉันไม่สามารถที่จะไปชี้หน้าด่าพวกนั้นได้อีก  เพราะฉันต้องการเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขา เขาคนเดียวเท่านั้น!!

    แปล๊บ!

    ฉันฟุบหน้าลงกับโต๊ะ มือกดหน้าอกด้านซ้าย เพื่อหวังว่าจะบรรเทาความเจ็บ รู้สึกมีก้อนแข็งๆจุกอยู่ที่ลำคอ น้ำตาเหมือนจะเอ่อล้นขึ้นมาอีกแล้ว

    เฟียส เป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ ซินดี้ถาม เธอแตะแขนฉันเบาๆ ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ กลัวเพื่อนทั้งสองจะได้ยินเสียงความอ่อนแอของฉัน

    ลืมเขาไปเถอะ ผู้ชายอย่างนั้นน่ะ เหอะ!! “

    โรส ซินดี้บอกเสียงปลาม

    ลืมงั้นเหรอ?...ให้ฉันลืมอย่างนั้นเหรอ คนที่เป็นเหมือนดั่งรักแรก และคนสุดท้ายของฉัน เพียงเพราะความรักจากเขา เขาไม่ใช่คนไม่ดี หรือ เลวทรามอะไรเลย เขาดี ดีมาก ดีกับฉันทุกอย่าง เขารับฉันได้ไม่ว่าฉันจะเป็นยังไงมาก่อนก็ตาม เขาผู้ซึ่งมอบให้แต่ความรัก ความอ่อนโยน ใจดี เขาสามารถทำให้ฉันพลิกผันตัวเอง จากยัยคุณหนูเอาแต่ใจ มาเป็นคุณหนูผู้แสนเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้  เพียงเพื่อ จะได้ดูคู่ควรกับเขา...เขาช่างแสนดี ดีเกินกว่าจะมาอยู่ข้างฉันจริงๆ

    ฮึก...

    ฉันปล่อยให้น้ำตาไหลมาไม่ขาดสาย เสียงข้างนอกยิ่งเรียกน้ำตาฉันออกมา หากเพียงแค่ว่าฉันกลั้นเสียงสะอื้นไว้ ถ้าไม่มีใครสังเกตคงไม่รู้ว่าฉันกำลังร้องไห้ เหมือนกับที่ซินดี้และโรสไม่เห็น...

     

    แน่ใจนะว่าเธอจะไม่ไปกับพวกฉัน ยัยเฟียส โรสพูดก่อนที่ฉันจะลงจากรถสปอร์ตของเธอ ฉันพยักหน้าและเดินลงไปอย่างช้าๆ

    ซินดี้เอารถตัวเองมาขับกลับไปก่อนแล้ว ยัยโรสอาสามาส่งฉัน ระหว่างทางกลับบ้านฉัน เธอบอกว่า ซินดี้และเธอจะไปเที่ยวผับกันคืนนี้ นั่นเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับครอบครัวเราสามคน ถึงพวกเราจะดูแรงแค่ไหน พ่อกับแม่เราสามคนก็ไม่เคยอนุญาตให้กลับดึกมากกว่าสามทุ่ม วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเธอจะหนีกัน ตามจริงเราตกลงกันไว้ก่อนปิดเทอมสะอีก หากว่าฉันนั้นไม่โดนบอกเลิกเสียก่อน ฉันคงจะไปกับพวกเธอแล้ว...

    ดวงตาฉันเริ่มเหม่อลอยอีกครั้ง มันเป็นตั้งแต่ฉันหยุดร้องไห้เมื่อตอนเช้า ไม่มีเรื่องไหนเลยที่สามารถทำให้ฉันหลุดออกจากวังวนเก่าๆได้ ไม่มี ไม่มีเลย...

    ปัง!

                เสียงประตูกระแทกดังลั่นทำฉันสะดุ้ง โรสรีบเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะกระตุกแขนฉันให้หันไปมอง พร้อมกับตะคอกใส่หน้าฉัน

                เธอเป็นบ้าอะไรฮะ! เพราะไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นคนเดียวที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ใช่มั้ย ยัยเฟียส! “

                พี่แซนด์ไม่ได้เฮงซวยนะ! “ ฉันตะโกน กลั้นเสียงสะอื้นเมื่อได้ยินชื่อเขาที่โรสเอ่ยออกมา

                ถ้าเขาไม่ได้เฮงซวย เขาจะทิ้งเธอไปงั้นเหรอ! ถ้าเขารักเธอจริง เขาปล่อยให้สภาพเธอเป็นแบบนี้หรือไง เลิกเสียน้ำตา ไปกับไอ้บ้านั่นได้แล้ว ก่อนที่ฉันและซินดี้จะตามไปอาละวาดทั้งสองคน! “ ดวงตาของโรสวาววับด้วยความโกรธ มือกำแน่นจนสั่นไปหมด

                ฉันเม้มปากแน่น หลับตาลง กลืนก้อนแข็งๆลงไปในลำคอ ทุกอย่างที่โรสพูดมาทำให้อาการเดิมๆของฉันแล่นขึ้นแปล๊บเข้าหัวใจ น้ำใสๆเอ่อล้นขอบตา

                ซินดี้ไม่ทำแบบนั้น ฉันพูดด้วยเสียงแหบพร่า ไม่มีทางหรอก ซินดี้ไม่มีวันทำร้ายคนที่ฉันรัก ทว่าโรสนั้น ฉันเข้าใจเธอ ที่เธอจะทำเพราะว่าเธอห่วงและรักฉันมาก

                ซินดี้ทำแน่ เธออย่าคิดว่า ผู้หญิงอย่างซินดี้จะปล่อยให้ไอ้คนแสนดีของเธอ ที่เธอรักหนักหนา มาทำร้ายเธอ จนเธอไม่เหลือความเป็นคนแบบนี้

                ...

                เฟียส! เธอเป็นเพื่อนของพวกฉันนะ เราผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งมากตั้งมาย เธอไม่เคยเป็นแบบนี้ เหม่อลอย ไร้ความรู้สึก ใครพูดอะไรไม่เคยจะรับรู้ ยกเว้นเป็นเรื่องคนนั้น สิ่งที่ทำมันเหมือนกับคนรอความตายนะเฟียส! ฉันรู้ว่าทุกคนเวลาเลิกกับคนรักมันจะเจ็บปวด แต่สำหรับเธอ มันมากเกินไปแล้ว! เธอไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม ไม่มีแม้แต่เสียงหัวเราะ เธอไม่มีความสุขเลย ฉันไม่เคยเห็นเธอมีความสุขเลย!!! “

                โรสพูดอย่างเร็วจนลิ้นแทบพันกัน สายตามองฉันดวงความเป็นห่วง หากสิ่งที่ฉันตอบกลับไป เป็นได้แค่เสียงเบาๆเท่านั้น

                โรส...

                ถ้าเธอเป็นฉัน เธอจะทนได้งั้นเหรอ เพื่อนรักของฉันทั้งคนนะ !! และแน่นอน ซินดี้คงไม่ต่างกัน ฉันจะปรึกษากับซินดี้ เรื่องที่จะไปคุยกับไอ้...พี่แซนด์น่ะ

                โรสระวังคำพูดสุดท้ายไว้ เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ชอบใจเท่าไหร่ของฉัน

                ฉันรู้ ฉันเข้าใจ พวกเขารักฉันมากเท่าไหร่ เป็นฉันเองที่ผิด ที่ทำให้พวกเธอต้องเป็นห่วงจนบ้าคลั่งแบบนี้ ฉันเคยทิ้งพวกเธอไปแล้วเมื่อตอนคบอยู่กับพี่แซนด์ ฉันเคยคิดว่าแค่มีพี่แซนด์ก็พอแล้ว ทว่าตอนที่เขาทิ้งฉันไป ไปคบกับพี่แองจี้ คนที่เคยเป็นแม่สื่อระหว่างฉันกับเขา มันทำให้หัวใจฉันเจ็บปวด ความไว้ใจ ความเชื่อใจ มันเปลี่ยนไปในสิ่งตรงกันข้าม ทุกครั้งที่ฉันนึกถึง มันคล้ายกับมีดแหลมคมกรีดหัวใจฉันอย่างช้าๆ และคนที่อยู่ข้างๆฉัน พยายามฉุดฉันขึ้นมาจากความเจ็บปวด คือเพื่อนของฉันเอง ซินดี้ ... โรส พวกเธอให้อภัยฉัน ไม่สนในเรื่องที่ฉันเคยทิ้งเธอไป เธอบอกว่าเข้าใจ คนมีแฟนมักเป็นแบบนี้...

                ฉันขอโทษนะโรส ฉันขอโทษ ฮึก... ฉันโผเข้ากอดโรส ปล่อยเสียงสะอื้นที่เคยเก็บไว้ออกมาอย่างไม่สนใจว่า ใครจะได้ยิน  โรสกอดฉันแล้วลูบหลังเบาๆ

                ไม่ฉันไม่โกรธเธอ เฟียส ฉันจะไม่ทำอะไรเขา ถ้าเธอไม่รู้สึกเหมือนจะตายแบบนี้ ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ และปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่ในอ้อมกอดของโรสนานสักพักใหญ่

     

                เมื่อโรสเห็นว่าอาการฉันดีขึ้น จึงรีบบึ่งรถกลับบ้าน ก่อนไปเธอย่ำหนักย่ำหน้าว่า เลิกคิดถึงอดีต อย่าสนใจมัน ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ฉันยิ้มและพยักหน้าให้เธอ ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน ฉันถอดรองเท้าแล้วยกมันวางบนชั้นวาง แม่บ้านที่ต้อนรับฉันอยู่หน้าประตูที่กว้างและใหญ่นั้น มองฉันอย่างตกตะลึง

                เมื่อก่อนนั้นรองเท้าฉัน เวลาเดินเข้าบ้าน ฉันจะเหวี่ยงมันไปคนล่ะทาง จนคนใช้ในบ้านตามเก็บจนเหนื่อยเลยล่ะ

                สะ..หวัสดีค่ะ คะ...คุณหนู เธอบอกเสียงต้อนรับอย่างตะกุกตะกัก

                สวัสดีค่ะ ฉันบอกแล้วฉีกยิ้มบางๆ เดินผ่านเธอเข้าไปในตัวบ้าน ที่ใหญ่โตเกินกว่าจะเรียกคำว่า บ้าน

                เอ่อ...คุณหนูคะ

                คะ? ฉันเอี้ยวตัวกลับมามอง ผู้หญิงคนเดิมอีกครั้ง เธอดูตกใจนิดๆ บวกกับกังวลอะไรบางอย่างอยู่

                มีอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีเฟียสจะขอตัวขึ้นไปทบทวนบทเรียนและทำการบ้านค่ะ สิ่งที่ฉันบอกไป ทำให้สายตาเธอเบิกกว้างอย่างตะลึง เพราะปกติเรื่องการบ้านนั้น พี่เจน พี่เลี้ยงฉันจะเป็นคนทำ

                งั้นเฟียสขอตัวค่ะ ฉันบอกเมื่อเห็นว่าเธอยังคงตกตะลึงค้างอยู่

     

                ว้าว จะรีบไปไหนล่ะครับคุณหนู น้ำเสียงทะเล้นขี้เล่น ไม่คุ้นหูทำให้ฉันหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว

                ผู้ชายผมดำ ร่างสูงโปร่ง ดวงตาเรียวยาวที่ดูคุ้นตานั้น ทำให้ฉันเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

                นะ...นาย ยังไม่ทันพูดจบหมอนั่นก็แนะนำตัว ตัวเองแทรกขึ้นมา

                สวัสดีครับ คุณหนูเฟียส ผมคีปเปอร์อาร์ ( Keeper – R )มาบริการความสุขให้คุณครับ ^_^ “



    ********************************************************************************
                ช่วยคอนเม้นติชมด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    ฝากเนื้อฝากตัวด้วยจ้าาา ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×