Bloody Lily - Bloody Lily นิยาย Bloody Lily : Dek-D.com - Writer

    Bloody Lily

    เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เพ้อหาคนรักที่จากไปตลอดกาลของเธอ และตอนจบปรากฏว่าเธอบ้า

    ผู้เข้าชมรวม

    341

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    341

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 เม.ย. 49 / 18:42 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      “เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม ผมเชื่อนะ...เพราะมันทำให้ผมได้พบคุณไง”


      ภาพรอยยิ้มที่อบอุ่นของเขายังคงชัดเจนเสมอ แม้ม่านน้ำตาก็มิอาจทำให้ลางเลือนไปได้ เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องตื่นขึ้นมากลางดึก ฉันฝันถึงเขา.... เขาที่จากไป


      แม้ทุกครั้งที่คิดถึงเขาฉันจะเจ็บปวดเพียงใด แต่ทุกครั้งยามปิดเปลือกตาลงฉันก็ยังเฝ้าแต่ภาวนาให้ฉัน......เจอเขาอีกครั้ง


      3 ปี 3 ปีแล้วที่ฉันไม่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ฉันจะพบเขาได้เพียงยามหลับใหล ดังนั้นฉันจึงเกลียดวันพรุ่งนี้ แต่พระอาทิตย์ก็ยังคงซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เสียจริง ไม่คิดที่จะหยุดราชการ หรือ นักขัตฤกษ์เลยสักวัน น่าให้เกียรติบัตรพนักงานดีเด่นแห่งจักวาลจริง ๆ


      “เฮ้อ” ฉันถอนหายใจเฮือกยาว เช้านี้ก็ยังเหมือนเดิม แม้เขาจะจากไปแล้ว แต่ฉันยังอยู่ทุกระบบในร่างกายยังคงทำงานตามปกติ หัวใจยังเต้น ร่างกายยังอุ่น บอกถึงความมีชีวิต


      ฉันยังจำสัมผัสสุดท้ายของเขาได้ มันทั้งไร้น้ำหนัก แข็ง และ เย็น เย็ยยะเยือกไปทั้งตัว


      “ตอนนี้ผมได้เลื่อนตำแหน่งแล้วนะ”


      “มาเป็นกำลังใจให้ผมตลอดชีวิตได้ไหม”


      “ผมจะขยัน จะออมเงิน ผมจะทำให้คุณมีความสุข”


      “ผมรักคุณนะ”


      “ผม..’---ม่าย-----หายไปให้หมดนะ------------


      ฉันกรีดร้องตะโกนแข่งกับเสียงสะท้อนที่ก้องอยู่ในหูและหัวของฉัน เสียงของเขา เสียงที่อ่อนโยน


      ฉันไม่รู้หรอกว่าตัวฉันทำอะไรลงไปบ้าง รู้แต่เพียงว่าตอนนี้รอบตัวฉันมีอะไรก็ไม่รู้มาพันตรึงฉันไว้กับที่นอน มีเสียงใครก็ไม่รู้พูดคุยกันอยู่ข้างตัว ฉันมองไม่เห็นใครทั้งนั้นเพราะทั้วทั้งตาของฉันมีแต่น้ำตาไหลนอง แต่ไม่อาจเช็ดได้ สักพักฉันก็รู้สึกอึดอัด กลัว กับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันเริ่มดิ้น ดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดลงความรู้สึกสุดท้ายที่รับรู้ได้คือ ความเจ็บจากเข็มที่แทงลงมาที่คอ


      ฉันลืมตาอีกครั้ง........มืดแล้ว พระอาทิตย์ลาลับ ตอกบัตรกลับบ้านไปแล้ว


      ฉันนอนอยู่บนเตียงในห้องสี่เหลี่ยมข้างกายฉันมีผู้หญิงชุดขาวสะอาดยืนจัดดอกไม้อยู่


      “พี่เอ๋ย” ฉันส่งเสียงเรียกชื่อเธอ


      เธอหันมายิ้มอย่างใจดี.....นั่งคุยกับฉันเรื่องสัพเพเหระ เวลาว่าง ๆ เธอมักมาคุยกับฉันนาน ๆ เธอน่ารัก ใจดี ที่สำคัญเธอจะนั่งฟังฉันพูดโดยไม่แทรก ไม่บ่น และไม่มีสีหน้าท่าทางสังเวช น้ำเสียงเยาะเย้ยเลยสักครั้งเวลาพูดกับฉัน ฉันเลยชอบพูดกับเธอ พูดกับเธอเรื่องเขา เรื่องของฉันกับเขา


      “พี่เอ๋ยรู้ไหม เขาน่ารักมากเลยนะ ทุกครั้งเวลาเจอกันนะเค้าจะซื้อช่อดอกลอลลี่สีขาวมาตลอดเลยล่ะ เค้าบอกว่ามันเหมือนษยา สะอาดบริสุทธิ์เหมือนษยา”


      “เออ....พี่เอ๋ยรู้ไหมตอนครบรอบ 1 ปีที่เราคบกันนะ เค้าซื้อสรอยคอพร้อมจี้พลอยขาวรูปดอกบัวล่ะ เพราะษยาชื่อจริงว่า บุษยา ที่แปลว่าพลอยสีขาวหรือดอกบัวไง เค้าอุตส่าห์ไปสรรหามาทั้งคู่เลย


      ษยานะปลื้มเค้ามาก ๆเลยล่ะ”


      “พี่เอ๋ย...นี่นะเค้าน่ะนะ”


      “ขอโทษนะคะ ได้เวลาทานยาแล้วค่ะ”นางพยาบาลเหรอแล้วทำไมฉันอยู่ที่นี่ล่ะ ฉันไม่เห็นจำได้เลย


      พี่เอ๋ยยิ้มให้ฉันแล้วบอกให้ฉันทานยา แล้วสักพักฉันก็เริ่มง่วง ไม่รู้เลยว่าพี่เอ๋ยกลับไปตอนไหน


      “น่าสงสารนะเธออีกสองวันก็จะแงงานอยู่แล้วไม่น่าเกิดเรื่อง..........


      ฉันปิดประตูก่อนที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะมากกว่านี้ แม้แต่ในโรงพยาบาลก็ไม่พ้นเรื่องนินทา ไม่ต้องอยู่ฟังก็รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร และจะพูดว่าอย่างไรต่อ ได้ยินอยู่ทุกวัน ได้ยินจนเบื่อ ชั้นก้าวเท้าออกจากโรงพยาบาลและโบก Taxi กลับบ้าน วันนี้ฉันก็มาเยี่ยมเธออีก บุษยา ผู้หญิงที่น่าสงสาร.............แล้วฉันล่ะ ฉันได้แต่ยิมให้กับตัวเองอย่างเศร้า ๆ


      “กรี๊ด____”


      “ษยาเป็นอะไรไป”


      พี่เอ๋ยจับตัวฉันที่สะดุ้งพรวดขึ้นมาจากที่นอนพร้อมเสียงกรี๊ดและน้ำตานองหน้า ชั้นเอื้อมือสั่น ๆ ไปจับแขนของพี่เอ๋ยไว้


      “ษยาฝันล่ะพี่เอ๋ย ฝันเห็นเลือดนองเต็มพื้นเลย เลือดสีแดงฉาน ษยา...ฮือ ษยาเห็นเค้าด้วยล่ะพี่เอ๋ย


      เค้า... เค้าตายในอ้อมกอดของษยา พี่เอ๋ยเค้าตายในอ้อมกอดของษยา ฮือ...ฮือ”


      ชั้นร้องไห้ฟูมฟายกับพี่เอ๋ยสักพักก็มีพยาบาลวิ่งกรูกันมา 2 – 3 คน มาดึงฉันออกจากพี่เอ๋ย พร้อมกับฉีดยาที่แขนฉัน แล้วฉันก็หลับไป


      “คลั่งทุกวันเลย อย่างว่าล่ะ คนที่ตัวรักตายทั้งคนนี่นา”


      “นี่ฉันรู้สาเหตุที่ตายด้วยนะเธอ......เนี่ยเค้าว่ากันว่า.....


      ภาพรอยยิ้มที่อบอุ่นของเขายังคงชัดเจนเสมอ แม้ม่านน้ำตาก็มิอาจทำให้ลางเลือนไปได้ เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องตื่นขึ้นมากลางดึก ฉันฝันถึงเขา.... เขาที่จากไป


      แม้ทุกครั้งที่คิดถึงเขาฉันจะเจ็บปวดเพียงใด แต่ทุกครั้งยามปิดเปลือกตาลงฉันก็ยังเฝ้าแต่ภาวนาให้ฉัน......เจอเขาอีกครั้ง


      3 ปี 3 ปีแล้วที่ฉันไม่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ฉันจะพบเขาได้เพียงยามหลับใหล ดังนั้นฉันจึงเกลียดวันพรุ่งนี้ แต่พระอาทิตย์ก็ยังคงซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เสียจริง ไม่คิดที่จะหยุดราชการ หรือ นักขัตฤกษ์เลยสักวัน น่าให้เกียรติบัตรพนักงานดีเด่นแห่งจักวาลจริง ๆ


      “เฮ้อ” ฉันถอนหายใจเฮือกยาว เช้านี้ก็ยังเหมือนเดิม แม้เขาจะจากไปแล้ว แต่ฉันยังอยู่ทุกระบบในร่างกายยังคงทำงานตามปกติ หัวใจยังเต้น ร่างกายยังอุ่น บอกถึงความมีชีวิต


      ฉันยังจำสัมผัสสุดท้ายของเขาได้ มันทั้งไร้น้ำหนัก แข็ง และ เย็น เย็ยยะเยือกไปทั้งตัว


      “ตอนนี้ผมได้เลื่อนตำแหน่งแล้วนะ”


      “มาเป็นกำลังใจให้ผมตลอดชีวิตได้ไหม”


      “ผมจะขยัน จะออมเงิน ผมจะทำให้คุณมีความสุข”


      “ผมรักคุณนะ”


      “ผม..’---ม่าย-----หายไปให้หมดนะ------------


      ฉันกรีดร้องตะโกนแข่งกับเสียงสะท้อนที่ก้องอยู่ในหูและหัวของฉัน เสียงของเขา เสียงที่อ่อนโยน


      ฉันไม่รู้หรอกว่าตัวฉันทำอะไรลงไปบ้าง รู้แต่เพียงว่าตอนนี้รอบตัวฉันมีอะไรก็ไม่รู้มาพันตรึงฉันไว้กับที่นอน มีเสียงใครก็ไม่รู้พูดคุยกันอยู่ข้างตัว ฉันมองไม่เห็นใครทั้งนั้นเพราะทั้วทั้งตาของฉันมีแต่น้ำตาไหลนอง แต่ไม่อาจเช็ดได้ สักพักฉันก็รู้สึกอึดอัด กลัว กับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันเริ่มดิ้น ดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดลงความรู้สึกสุดท้ายที่รับรู้ได้คือ ความเจ็บจากเข็มที่แทงลงมาที่คอ


      ฉันลืมตาอีกครั้ง........มืดแล้ว พระอาทิตย์ลาลับ ตอกบัตรกลับบ้านไปแล้ว


      ฉันนอนอยู่บนเตียงในห้องสี่เหลี่ยมข้างกายฉันมีผู้หญิงชุดขาวสะอาดยืนจัดดอกไม้อยู่


      “พี่เอ๋ย” ฉันส่งเสียงเรียกชื่อเธอ


      เธอหันมายิ้มอย่างใจดี.....นั่งคุยกับฉันเรื่องสัพเพเหระ เวลาว่าง ๆ เธอมักมาคุยกับฉันนาน ๆ เธอน่ารัก ใจดี ที่สำคัญเธอจะนั่งฟังฉันพูดโดยไม่แทรก ไม่บ่น และไม่มีสีหน้าท่าทางสังเวช น้ำเสียงเยาะเย้ยเลยสักครั้งเวลาพูดกับฉัน ฉันเลยชอบพูดกับเธอ พูดกับเธอเรื่องเขา เรื่องของฉันกับเขา


      “พี่เอ๋ยรู้ไหม เขาน่ารักมากเลยนะ ทุกครั้งเวลาเจอกันนะเค้าจะซื้อช่อดอกลอลลี่สีขาวมาตลอดเลยล่ะ เค้าบอกว่ามันเหมือนษยา สะอาดบริสุทธิ์เหมือนษยา”


      “เออ....พี่เอ๋ยรู้ไหมตอนครบรอบ 1 ปีที่เราคบกันนะ เค้าซื้อสรอยคอพร้อมจี้พลอยขาวรูปดอกบัวล่ะ เพราะษยาชื่อจริงว่า บุษยา ที่แปลว่าพลอยสีขาวหรือดอกบัวไง เค้าอุตส่าห์ไปสรรหามาทั้งคู่เลย


      ษยานะปลื้มเค้ามาก ๆเลยล่ะ”


      “พี่เอ๋ย...นี่นะเค้าน่ะนะ”


      “ขอโทษนะคะ ได้เวลาทานยาแล้วค่ะ”นางพยาบาลเหรอแล้วทำไมฉันอยู่ที่นี่ล่ะ ฉันไม่เห็นจำได้เลย


      พี่เอ๋ยยิ้มให้ฉันแล้วบอกให้ฉันทานยา แล้วสักพักฉันก็เริ่มง่วง ไม่รู้เลยว่าพี่เอ๋ยกลับไปตอนไหน


      “น่าสงสารนะเธออีกสองวันก็จะแงงานอยู่แล้วไม่น่าเกิดเรื่อง..........


      ฉันปิดประตูก่อนที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะมากกว่านี้ แม้แต่ในโรงพยาบาลก็ไม่พ้นเรื่องนินทา ไม่ต้องอยู่ฟังก็รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร และจะพูดว่าอย่างไรต่อ ได้ยินอยู่ทุกวัน ได้ยินจนเบื่อ ชั้นก้าวเท้าออกจากโรงพยาบาลและโบก Taxi กลับบ้าน วันนี้ฉันก็มาเยี่ยมเธออีก บุษยา ผู้หญิงที่น่าสงสาร.............แล้วฉันล่ะ ฉันได้แต่ยิมให้กับตัวเองอย่างเศร้า ๆ


      “กรี๊ด____”


      “ษยาเป็นอะไรไป”


      พี่เอ๋ยจับตัวฉันที่สะดุ้งพรวดขึ้นมาจากที่นอนพร้อมเสียงกรี๊ดและน้ำตานองหน้า ชั้นเอื้อมือสั่น ๆ ไปจับแขนของพี่เอ๋ยไว้


      “ษยาฝันล่ะพี่เอ๋ย ฝันเห็นเลือดนองเต็มพื้นเลย เลือดสีแดงฉาน ษยา...ฮือ ษยาเห็นเค้าด้วยล่ะพี่เอ๋ย


      เค้า... เค้าตายในอ้อมกอดของษยา พี่เอ๋ยเค้าตายในอ้อมกอดของษยา ฮือ...ฮือ”


      ชั้นร้องไห้ฟูมฟายกับพี่เอ๋ยสักพักก็มีพยาบาลวิ่งกรูกันมา 2 – 3 คน มาดึงฉันออกจากพี่เอ๋ย พร้อมกับฉีดยาที่แขนฉัน แล้วฉันก็หลับไป


      “คลั่งทุกวันเลย อย่างว่าล่ะ คนที่ตัวรักตายทั้งคนนี่นา”


      “นี่ฉันรู้สาเหตุที่ตายด้วยนะเธอ......เนี่ยเค้าว่ากันว่า.....


      ฉันกรีดร้องตะโกนแข่งกับเสียงสะท้อนที่ก้องอยู่ในหูและหัวของฉัน เสียงของเขา เสียงที่อ่อนโยน


      ฉันไม่รู้หรอกว่าตัวฉันทำอะไรลงไปบ้าง รู้แต่เพียงว่าตอนนี้รอบตัวฉันมีอะไรก็ไม่รู้มาพันตรึงฉันไว้กับที่นอน มีเสียงใครก็ไม่รู้พูดคุยกันอยู่ข้างตัว ฉันมองไม่เห็นใครทั้งนั้นเพราะทั้วทั้งตาของฉันมีแต่น้ำตาไหลนอง แต่ไม่อาจเช็ดได้ สักพักฉันก็รู้สึกอึดอัด กลัว กับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันเริ่มดิ้น ดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดลงความรู้สึกสุดท้ายที่รับรู้ได้คือ ความเจ็บจากเข็มที่แทงลงมาที่คอ


      ฉันลืมตาอีกครั้ง........มืดแล้ว พระอาทิตย์ลาลับ ตอกบัตรกลับบ้านไปแล้ว


      ฉันนอนอยู่บนเตียงในห้องสี่เหลี่ยมข้างกายฉันมีผู้หญิงชุดขาวสะอาดยืนจัดดอกไม้อยู่


      “พี่เอ๋ย” ฉันส่งเสียงเรียกชื่อเธอ


      เธอหันมายิ้มอย่างใจดี.....นั่งคุยกับฉันเรื่องสัพเพเหระ เวลาว่าง ๆ เธอมักมาคุยกับฉันนาน ๆ เธอน่ารัก ใจดี ที่สำคัญเธอจะนั่งฟังฉันพูดโดยไม่แทรก ไม่บ่น และไม่มีสีหน้าท่าทางสังเวช น้ำเสียงเยาะเย้ยเลยสักครั้งเวลาพูดกับฉัน ฉันเลยชอบพูดกับเธอ พูดกับเธอเรื่องเขา เรื่องของฉันกับเขา


      “พี่เอ๋ยรู้ไหม เขาน่ารักมากเลยนะ ทุกครั้งเวลาเจอกันนะเค้าจะซื้อช่อดอกลอลลี่สีขาวมาตลอดเลยล่ะ เค้าบอกว่ามันเหมือนษยา สะอาดบริสุทธิ์เหมือนษยา”


      “เออ....พี่เอ๋ยรู้ไหมตอนครบรอบ 1 ปีที่เราคบกันนะ เค้าซื้อสรอยคอพร้อมจี้พลอยขาวรูปดอกบัวล่ะ เพราะษยาชื่อจริงว่า บุษยา ที่แปลว่าพลอยสีขาวหรือดอกบัวไง เค้าอุตส่าห์ไปสรรหามาทั้งคู่เลย


      ษยานะปลื้มเค้ามาก ๆเลยล่ะ”


      “พี่เอ๋ย...นี่นะเค้าน่ะนะ”


      “ขอโทษนะคะ ได้เวลาทานยาแล้วค่ะ”นางพยาบาลเหรอแล้วทำไมฉันอยู่ที่นี่ล่ะ ฉันไม่เห็นจำได้เลย


      พี่เอ๋ยยิ้มให้ฉันแล้วบอกให้ฉันทานยา แล้วสักพักฉันก็เริ่มง่วง ไม่รู้เลยว่าพี่เอ๋ยกลับไปตอนไหน


      “น่าสงสารนะเธออีกสองวันก็จะแงงานอยู่แล้วไม่น่าเกิดเรื่อง..........


      ฉันปิดประตูก่อนที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะมากกว่านี้ แม้แต่ในโรงพยาบาลก็ไม่พ้นเรื่องนินทา ไม่ต้องอยู่ฟังก็รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร และจะพูดว่าอย่างไรต่อ ได้ยินอยู่ทุกวัน ได้ยินจนเบื่อ ชั้นก้าวเท้าออกจากโรงพยาบาลและโบก Taxi กลับบ้าน วันนี้ฉันก็มาเยี่ยมเธออีก บุษยา ผู้หญิงที่น่าสงสาร.............แล้วฉันล่ะ ฉันได้แต่ยิมให้กับตัวเองอย่างเศร้า ๆ


      “กรี๊ด____”


      “ษยาเป็นอะไรไป”


      พี่เอ๋ยจับตัวฉันที่สะดุ้งพรวดขึ้นมาจากที่นอนพร้อมเสียงกรี๊ดและน้ำตานองหน้า ชั้นเอื้อมือสั่น ๆ ไปจับแขนของพี่เอ๋ยไว้


      “ษยาฝันล่ะพี่เอ๋ย ฝันเห็นเลือดนองเต็มพื้นเลย เลือดสีแดงฉาน ษยา...ฮือ ษยาเห็นเค้าด้วยล่ะพี่เอ๋ย


      เค้า... เค้าตายในอ้อมกอดของษยา พี่เอ๋ยเค้าตายในอ้อมกอดของษยา ฮือ...ฮือ”


      ชั้นร้องไห้ฟูมฟายกับพี่เอ๋ยสักพักก็มีพยาบาลวิ่งกรูกันมา 2 – 3 คน มาดึงฉันออกจากพี่เอ๋ย พร้อมกับฉีดยาที่แขนฉัน แล้วฉันก็หลับไป


      “คลั่งทุกวันเลย อย่างว่าล่ะ คนที่ตัวรักตายทั้งคนนี่นา”


      “นี่ฉันรู้สาเหตุที่ตายด้วยนะเธอ......เนี่ยเค้าว่ากันว่า.....


      “ษยาเป็นอะไรไป”


      พี่เอ๋ยจับตัวฉันที่สะดุ้งพรวดขึ้นมาจากที่นอนพร้อมเสียงกรี๊ดและน้ำตานองหน้า ชั้นเอื้อมือสั่น ๆ ไปจับแขนของพี่เอ๋ยไว้


      “ษยาฝันล่ะพี่เอ๋ย ฝันเห็นเลือดนองเต็มพื้นเลย เลือดสีแดงฉาน ษยา...ฮือ ษยาเห็นเค้าด้วยล่ะพี่เอ๋ย


      เค้า... เค้าตายในอ้อมกอดของษยา พี่เอ๋ยเค้าตายในอ้อมกอดของษยา ฮือ...ฮือ”


      ชั้นร้องไห้ฟูมฟายกับพี่เอ๋ยสักพักก็มีพยาบาลวิ่งกรูกันมา 2 – 3 คน มาดึงฉันออกจากพี่เอ๋ย พร้อมกับฉีดยาที่แขนฉัน แล้วฉันก็หลับไป


      “คลั่งทุกวันเลย อย่างว่าล่ะ คนที่ตัวรักตายทั้งคนนี่นา”


      “นี่ฉันรู้สาเหตุที่ตายด้วยนะเธอ......เนี่ยเค้าว่ากันว่า.....


      “เฮ้อ...” พยาบาลก็ไม่พ้นเรื่องนินทา ชั้นไม่อยากฟังเลยออกมาเดินเล่นข้างนอกให้หายหดหู่ ช่วงนี้ษยาฝันร้ายบ่อยมากฝันซ้ำ ๆ เดิม ฝันว่าเค้าของเธอตายในอ้อมกอดของเธอ........ฮึ


      “คุณเอ๋ยครับ มาเยี่ยอีกแล้วเหรอครับ”


      “คุณหมอ นิยต สวัสดีค่ะ”


      คุณเอ๋ยนี่มีน้ำใจนะครับ ผมไม่เคยเห็นคนอื่นนอกจากคุณเอ๋ยมาเยี่ยมเธอเลย เห็นก็แต่คุณเอ๋ยนี่ล่ะ สนิทกันมากเหรอครับ”


      “ไม่เชิงหรอกค่ะ ความจำเป็นบังคับให้เราต้องสนิทกัน เพราะ......ง เรามีอะไรหลายอย่างคล้ายกัน”


      ฉันยิ้มบาง ๆให้หมอ


      “งั้นเหรอครับ.....แต่คงไม่เหมือนมากหรอกมั้งครับ เพราะเท่าที่ผมดูคุณเอ๋ยดูใจเย็นและสุขุมออก ต่างจากคุณ


      ษยาลิบลับเลย”


      “ไม่หรอกค่ะ เอ๋ยไม่ได้ใจเย็น สุขุมหรอก เอ๋ยร้อนไม่แพ้ษยาหรอกค่ะ แต่เอ๋ยแค่แสดงออกน้อยกว่าษยาเค้า”


      “เอ๋ยคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะคุณหมอ ที่งานยังยุ่ง ๆอยู่เลย เอ๋ยต้องไปช่วยค่ะ “


      “ครับ เดินทางดี ๆนะครับ”


      “ขอบคุณค่ะ”


      แปลก แปลกทั้งคู่โดยเฉพาะคุณเอ๋ย ถ้าเรื่องที่เราได้ยินมาไม่ผิด เธอน่าจะเป็นคนที่ไม่ต้องการมาเยี่ยม


      คุณษยามากที่สุด แต่เรื่องของเขาก็ไม่เกี่ยวกับหมออย่างเรานี่นา


      หมอนิยตได้แต่มองตามด้านหลังของหญิงสาวที่เพิ่งเดินจากไปพร้อมทั้งยักไหล่ แล้วสักพักก็หันหลักกลบเข้าตึกของโรงพยาบาลไป


      “เอ๋ยไปไหนมาลูก ถึงเพิ่งจะมาเอาป่านนี้”


      สตรีวัยกลางคนสวมชุดดำ ใบหน้าที่ทุกครั้งมีเค้าสวยเหลืออยู่แต่ตอนนี้แทบมองไม่เห็นความสวยนั้นอีกแล้วเนื่องจากความหมองเศร้ากัดกินจนไม่เหลือความสวยที่เคยมีอยู่เป็นนิจ


      “สวัสดีค่ะคุณแม่.....เอ๋ยไปโรงพยาบาลมาค่ะ ไปเยี่ยมคุณษยาเธอ”


      “ไปเยี่ยมมันทำไมเฮอะเอ๋ย ไปทำไม้” หญิงกลางคนกรีดเสียงถามจนตัวโยน ดูท่าทางเหมือนจะล้มพับ จนคนที่อยู่แถวนั้นรีบวิ่งมาประคองให้นั่ง พร้อมหายาดม ยาหม่องกันให้วุ่น


      “เอ๋ยสงสารเธอค่ะคุณแม่ “


      “สงสารมันทำไม มันทำตานัทตายนะเอ๋ย มันทำผัวเราตาย มันทำลูกชั้นตาย ฮือ”


      “ลูกคุณแม่น่ะใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่ผัวเอ๋ย แค่ว่าที่ และการที่เอ๋ยไปเยี่ยมเธอทำให้เอ๋ยฉลาดขึ้นมาก รู้เรื่องอะไรอีกเยอะ และมันยิ่งทำให้เอ๋ยสงสารเธอ”


      “อะไร....เอ๋ยไปรู้อะไรมา มันมีอะไรน่าสงสาร มันฆ่าลูกของแม่ มันทำให้ลูกแม่ตาย แต่มันไม่ได้รับโทษที่มันก่อเลย”


      “เธอได้รับแล้วค่ะคุณแม่ เธอได้รับผลจากการกระทำของเธอแล้ว”


      แม่ของฉันเดินมาจับไหล่ที่สั่นเทาจากอารมณ์ของฉันเพื่อเตือนสตอ แต่ฉันหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว


      “เธอน่าสงสารพวกคุณรู้มั้ย นัทหลอกให้เธอรัก ให้ความหวังว่าจะแต่งงานกับเธอ เขาคบทั้งเอ๋ยและเธอพร้อมกันโดยที่เราต่างไม่รู้ แล้ววันหนึ่งเค้าก็บอกเธอว่าเค้าจะแต่งงานกับคนอื่น นัททำร้ายเธอ”


      “เอ๋ยกำลังจะบอกว่าลูกแม่เลวใช่มั้ย กำลังด่าว่านัทเจ้าชู้หลายใจ ว่านัทสมควรตายใช่มั้ย แก.... แกมันเลว พอนัทตายก็เริ่มออกลายสันดานเลว อี...


      “ค่ะ....เอ๋ยว่าอย่างนั้น จะด่าว่าเอ๋ยยังไงก็ตามเถอะ เอ๋ยไม่สนอีก่อไปแล้ว นัทสมควรตายแล้ว เพราะถ้าเป็นเอ๋ย เอ๋ยก็จะทำแบบเธอ เอ๋ยรักนัทนะคะ เคยรัก รักมาก รักจนแค้น แต่เอ๋ย อโหสิแล้ว เอ๋ยอยากขอบคุณคุณษยาเธอด้วยซ้ำที่ทำแบบนี้ เพราะถ้าเธอไม่ทำผู้หญิงที่อยู่ที่นั่นตอนนี้คงเป็นเอ๋ยไม่ใช่เธอ เอ๋ยคงเป็นคนฆ่านัทเองไม่ใช่เธอ ฮือ.......” เป็นการร้องไห้ครั้งแรกของชั้นนับตั้งแต่นัทตายมาจนถึงตั้งศพสวด ตอนแรกที่ไม่ร้องชั้นนึกว่าเป็นเพราะช็อค ต่อมารู้ว่าเพราะแค้นและรับไม่ได้ ชั้นจึงตั้งใจไปหาเธอเพื่ออาละวาดให้หนำใจ แต่พอเห็นเธอแล้วก็ทำไม่ลง เธอตาลอยอยู่กับตัวเอง ร้องไห้ เพ้อหาแต่นัทฝันร้ายซ้ำซากถึงตอนที่นัทตาย และยิ่งเธอเล่าเรื่องระหว่างเธฮกับนัทให้ฟังชั้นยิ่งสังเวชเธอจับใจ สังเวชตัวชั้นเองด้วย เธอจะรู้ไหมว่าลิลลี่สีขาวที่เธอได้ นัทเองก็ให้ชั้น พร้อมคำพูดแบบเดียวกัน สร้อยคอนั่น นัทก็ให้ชั้นเหมือนกัน เพราะชื่อชั้นคือ บุณฑริกา ดอกบัวขาว


      เหมือนที่ชั้นบอกกับคุณหมอ นิยต นั่นหล่ะ ว่าเรามีอะไรที่ล้ายกัน ความหมายของชื่อ ดอกไม้ที่ชอบ และคนรัก ต่างกันแค่เขาไม่เลือกเธอ ทำให้เธอเลือกที่จะฆ่าเขา เลือกที่จะพรากเจ้าบ่าวอีก 2 วันข้างหน้าไปจากชั้น และเลือกที่จะลืมว่าเธอเองเป็นคนที่ฆ่าเขากับมือ และเลือกที่จะจำเพียงว่าเค้าตายในอ้อมกอดเธอเท่านั้น


      ถ้าคนที่เค้าเลือกคือเธอไม่ใช่ชั้น คนตรงนั้นอาจจะเป็นชั้นแทนเธอก็ได้......ก็เพราะเราเหมือนกันนี่นา


      “พี่เอ๋ยไปไหน ไม่เห็นมาเลย”


      “คุณเอ๋ยไม่ว่างค่ะ ทานยาแล้วนอนนะคะ”


      “ถามหาทุกวันเลย....ไม่รู้จะถามทำไมใช่ว่าเคยมีใครมาเยี่ยม”


      “นี่เธอรู้ไหมเค้าแทนตัวเองว่าษยาล่ะเธอ”


      “จริงอ่ะ....ยัยนี่เนี่ยบ้าของแท้จริง ๆ บ้ามาตั้งนานแล้วล่ะเธอ จู่ ๆวันนึงก็คิดว่าผู้ชายที่มาจีบสาวข้างบ้านมาชอบตัว พอเค้าจะแต่งงานกันกลับบุกไปฆ่าผู้ชายซะนี่ รู้ไม๊เธอแทงไม่นับจนผู้ชายตายคามือเลยนะ แล้วร้องไห้กอดศพผู้ชายว่าเค้าตายเพราะคนอื่น ศาลตัดสินว่าบ้าเลยรอดไป แย่จริง ๆ “


      “คุยอะไรกันเหรอ อ๋อ... เรื่องห้องนี้ใช่ม้า รู้ป่ะว่าชื่อเอ๋ยที่เธอถามหาทุกวันน่ะ ชื่อตัวเธอเองล่ะเธอ แล้วชื่อษยาน่ะเป็นชื่อว่าที่เจ้าสาวตัวจริงล่ะ”


      “ว้ายจริง ๆน่ะเหรอ น่ากลัวชะมัดเลยเนอะ คนบ้ามีความรักเนี่ย”


      เสียงนินทาของพยาบาลทั้ง 3 คนได้เบาไปพร้อมกับระยะทางที่ออกห่างจากห้องนั้นเรื่อย ๆ ห้องที่มีแต่คนไข้คนเดียว แต่กลับมีเสียงพูดคุยวุ่นวาย


      “นี่พี่เอ๋ย....ฟังนะ ษยาอ่ะนะ”


      “คุณหมอ นิยต สวัสดีค่ะ”


      “คุณแม่คะ นัทน่ะตายไปซะก็ถูกแล้ว”


      2012


      น.ส. บุณฑริกา สาวรโรจน์


      คนไข้คดีอาญา


      โรงพยาบาลบ้านสมเด็จเจ้าพระยา


      ****** เย้....จบแย้ว เรื่องนี้ใครอ่านอาจจะงงหน่อย เพราะเป็นเรื่องของคนบ้าเรื่องก็เลยงง ๆ เหมือนคนเขียน เอ๊ยคนบ้า ใครไม่เข้าใจก็ขอให้อ่านใหม่อีกรอบ แต่ถ้ายังไม่เข้าใจอีก ย้อนกลับไปอ่านที่ตัวหนาเน้อ


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×