ตอนที่ 12 : ตอนที่ 8 : ฐานของกองทัพคณะปฏิวัติ บัลติโก
ตอนที่ 8 : ฐานของกองทัพคณะปฏิวัติ บัลติโก
หนึ่งวันเต็มๆในที่สุดซาโบก็ตื่นขึ้นอาคิระที่ได้ยินก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาลในเรือของกองทัพคณะปฏิวัติ
"นี่เธอจำชื่อของตัวเองได้บ้างรึเปล่า?" อีวานคอฟถามร่างที่นอน
"ชื่อ...ฉันไม่รู้!" ซาโบเอ่ยพร้อมส่ายหน้า
"จะไม่รู้ได้ยังไงนั่นชื่อเธอนะ!!" อีวานคอฟตวาดใส่
"ฉันไม่รู้จริงๆ!" ซาโบยืนยัน
ทุกสายตามองเป็นอย่างเดียวกันรู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้สูญเสียความทรงจำแต่ก็มีเสียงใสเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความสับสน
"ซาโบ นายชื่อ ซาโบ"
อาคิระเดินเข้ามาใกล้ร่างที่นอนซาโบทันทีที่เห็นก็เบิกตากว้างก่อนจะกุมศรีษะของตัวเองและแสดงท่าทีเจ็บปวด
"เจ็บจัง!"
"นายชื่อ ซาโบ เป็นลูกของขุนนางในอณาจักรโกอา และนายเป็นน้องชายของฉัน"
ทันทีที่ได้ยินซาโบก็เงยหน้ามองสีหน้าที่มั่นใจของอาคิระและสัมผัสได้ถึงความจริงใจ
"ฉันเป็นน้องชายของนายงั้นหรอ…"
"ใช่ เราหนีมาจากที่นั่นแต่โชคร้ายที่นายได้รับบาดเจ็บสาหัส"
"เขาฟื้นแล้วหรอ?" ดราก้อนเดินเข้ามาพลางมองไปทางซาโบและเอ่ย
"เราต้องส่งตัวเขากลับให้พ่อแม่"
"ไม่! ฉันไม่อยากจะกลับไปที่นั้น! จะพาผมไปส่งไหนก็ได้แต่ผมไม่อยากกลับไปที่นั่น!!" ซาโบกล่าวขึ้นเสียงดังแกมขอร้อง
"ทำไมเธอถึงไม่อยากกลับ?" อีวานคอฟถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่สิ่งที่จำได้ก็คือไม่อยากจะกลับไปหาพ่อกับแม่" ซาโบเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจังไปทางพวกคณะปฏิวัติ
"นายบอกว่านายเป็นพี่ชายของฉันใช่มั้ย?" ก่อนจะหันไปถามอาคิระ
"ใช่ พวกเราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน" เจ้าของดวงตาสีแดงตอบกลับพร้อมกับจับบ่าอีกฝ่ายและกล่าวต่อ
"ถึงแม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่สายสัมพันธ์ของเราเข้มข้นกว่าสายเลือดซักอีก!"
อาคิระยิ้มกว้างซาโบได้ยินก็ยิ้มตามพร้อมเอ่ย
"งั้นหรอ ฉันมีพี่น้องสินะ"
"ไม่ใช่แค่ฉันนะ ยังมีเอสกับลูฟี่ด้วย"
"เอส?...ลูฟี่?" (ซาโบ)
ดราก้อนได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ ถึงแม้จะไม่ได้ยินชื่อเต็มๆ แต่เขาก็รู้ได้ในทันทีว่ามีชื่อของลูกชายของตัวเองปนอยู่ด้วย
สายตามองไปทางอาคิระที่เล่าเรื่องราวต่างๆให้กับซาโบฟังด้วยรอยยิ้มร่าเริงรอยยิ้มของดราก้อนก็ยกขึ้นสูง
'งั้นหรอ...ลูฟี่เจ้าได้พี่ชายถึงสามคนคอยดูแลเลยสินะ สายลมแห่งยุคสมัยจะพาเรามาพบกัน ลูฟี่' ดราก้อนเอ่ยในใจพลางเดินออกไป
ส่วนอาคิระก็เล่าเรื่องราวของสี่พี่น้องใหักับซาโบฟังถึงแม้อีกฝ่ายจะจำไม่ได้แต่เขาก็อยากให้ซาโบได้รับรู้
หลังจากนั้นอาคิระก็เดินออกมาจากห้องพยาบาลให้ซาโบได้พักผ่อนแล้วเดินไปทางห้องของดราก้อน
ก๊อกๆ
"เข้ามา"
อาคิระเปิดประตูเข้าไปเจออีวานคอฟและอินาสึมะยืนตรงข้ามกับดราก้อนใหัคิดพวกเขาคงกำลังคุยเรื่องการเดินทางกันอยู่
"ตายล่ะๆ มีอะไรหรอมาถึงนี่น่ะฮา?" อีวานคอฟถาม
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแล้วก็ลุงอีวานช่วยเงียบสักป่ะเดี๋ยวนะ" อาคิระชี้นิ้วสั่ง
"ละ..ลุง!!?" อีวานคอฟที่ได้ยินก็หน้าเสียทันที
"ลุงดราก้อน ฉันมาที่นี่เพื่อจะขอบคุณน่ะ ขอบคุณที่ช่วยฉันกับน้องชายเอาไว้"
อาคิระกล่าวดราก้อนได้ยินก็พยักหน้าพลางตอบออกไป
"ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก เราช่วยทุกคนที่เจอปัญหาอยู่แล้วล่ะ"
"งั้นหรอ งั้นฉันไปนอนก่อนนะ" อาคิระว่าจบก็เดินหันหลังกลับ
"เดี๋ยวก่อน"
ร่างเล็กหยุดก้าวขาและหันไปมองดราก้อน
"หลังจากนี้เธอกับน้องชายจะทำยังไงต่อ? แน่ใจแล้วใช่มั้ยที่จะมากับพวกเราน่ะ?"
ดราก้อนถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังอาคิระยิ้มกว้างพร้อมกับตอบออกไปด้วยใบหน้ากวนประสาท
"มันก็แน่อยู่แลัวนิ นี่ไม่ใช่สาเหตุที่คุณพาผมกับน้องชายขึ้นมาบนเรือนี่หรอกหรอ? ถามอะไรโง่ๆ คิฮ่าฮ่าฮ่า~"
ร่างเล็กจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะทั้งสามที่ได้ยินก็คิดขึ้นมาพร้อมกัน
ไม่มีความเกรงใจเอาซะเลย…
หลายวันต่อมา
ณ.บัลติโก
อาคิระมองไปรอบของเกาะแห่งนี้ภูมิทัศน์มีเสาหินสูงและพื้นดินดูเหมือนว่าอาจมีหิมะปกคลุม มันมีลมแรงมากและที่เกาะแห่งนี้มีซากปรักหักพังโบราณที่ทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของกองทัพปฏิวัติ
สุดยอดเลยแฮะพื้นที่โดยรอบสวยมากน่าถ่ายรูปไปตั้งกรอบที่บ้านจริงๆ แต่ลืมไป เราไม่มีบ้านนี่นา? คิฮ่าฮ่าๆ
อาคิระคิดในใจพลางหัวเราะคิกคักก่อนจะโดนมือหนาของอีวานคอฟเขกเข้าที่ขมับ
โป๊ก!
ร่างเล็กกุมหัวพลางล้มลงไปนั่งก่อนจะหันไปทางเขาและตวาด
"ทำอะไรเนี่ย!? อีกะเทย!!"
"มึงสิอีกะเทย!!"
โดนด่าสวนกลับมาก็ทำให้รอยยิ้มของอาคิระยกสูงก่อนจะว่าต่อ
"ขอชื่นชมสิ่งรอบๆของเกาะนี้ไม่ได้รึไง? ฉันเพิ่งอายุ11 ขวบ เองนะ ขนตรงนั้นยังขึ้นไม่เยอะเลย"
"ไม่ได้อยากรู้! รีบตามมาได้แล้วที่นี่ไม่ใช่สถานที่เหมือนสนามเด็กเล่นอย่างที่คิดหรอกนะ"
ว่าจบอีวานคอฟก็เดินตามขบวนของกองทัพคณะปฏิวัติที่ลำเลียงผู้คนที่อพยพมาจากเกรย์เทอร์มินัลเข้างานใหญ่
อาคิระเดินตามแล้วพบเป้าหมายก่อนจะร้องเรียกทันที
"ซาโบ!"
"อาคิระ!" ซาโบโบกมือมาทางใหัในกลุ่มผู้อพยพ
อาคิระจึงเดินเข้าไปหาร่างนั้นความทรงจำของซาโบนั้นยังไม่กลับมา100%แต่เขาก็พอจะจำเลือนลางเกี่ยวกับอาคิระได้บวกับสิ่งที่อาคิระเล่าทำให้ตอนนีัทั้งสองจึงสนิทกันมาก
"ที่นี่สุดยอดไปเลยกว้างสุดๆไปเลย!!" ซาโบเอ่ยอย่างตื่นเต้น
"นั่นสิ เหมือนดิสนีย์แลนด์สีขาวเลย!" อาคิระเองก็พลอยสนุกไปด้วย ถึงเวลาที่เขาจะได้แข็งแกร่งขึ้นแล้ว จากนั้นก็ไปปั่นป่วนโลกนี้ให้เต็มที่!
"พวกเธอสองคนมาทางนี้นะ" คนในคณะปฏิวัติเรียกเขาสองคนให้เดินตามรูปร่างของผู้ชายคนนี้นั้นมีสิวผิวสีเหลืองและรูปหน้าที่เหมือนปลา
ซึ่งอาคิระก็จำมนุษย์เหงือกคนนี้ได้เขาชื่อแฮกเป็นสมาชิกของกองทัพคณะปฏิวัติ เป็นผู้ฝึกสอนคาราเต้มนุษย์เหงือกให้เด็กๆในกองทัพลามไปยังผู้ใหญ่บางคน
ทั้งสองก็เดินตามจนมาถึงลานกว้างที่มีเหล่าเด็กกำลังฝึกคาราเต้มนุษย์เหงือกกันอย่างขะมักเขม้น
"พวกเธอชื่อ อาคิระ กับ ซาโบ สินะเอาล่ะถ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นก็ฝึกคาราเต้มนุษย์เหงือกซะ มันเป็นทักษะที่เผ่ามนุษย์เงือกที่แข็งแกร่งนั้นใช้มัน ในการต่อสู้แต่ว่า มนุษย์อย่างพวกนายก็สามารถฝึกฝนมันได้"
แฮกกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจังตามปกติเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเป็นผู้ฝึกสอนวิชาคาราเต้มนุษย์เงือกให้กับเด็กอายุน้อย
"วันนี้กินอะไรดีน้า~?" (อาคิระ)
"ถ้าอาหารที่นี่อร่อยก็น่าจะดีนะ" (ซาโบ)
แฮกเส้นเลือดปูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าที่พูดไปเมื่อกี้มันไม่เข้าหูเด็กทั้งสองคนนี้เลยแถมยังชวนกันไปกินข้าวอีก
"ฟังกันบ้างสิเฮ้ย!!"
"เงียบน่า ขืนฝึกท่าแบบนั้นไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างของแบบนั้นไม่จำเป็นสำหรับฉันด้วยซ้ำ" อาคิระหันไปพูดด้วยใบหน้าเฉยชา
"พูดแบบนั้นเหมือนดูถูกวิชาของชนเผ่ามนุษย์เงือกเลยนะ" แฮกเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง
"เอ๋~!? จริงหรอเนี่ย ฉันพูดแบบนั้นหรอ??" อาคิระกล่าวพลางตีหน้าซื่อซึ่งมันเป็นการยั่วโมโหเห็นๆ
ซาโบที่เห็นก็หัวเราะคิกคักแฮกได้ยินก็กัดฟันก่อนจะท้าออกไป
"งั้นเอาแบบนี้ถ้านายรับกระบวนท่าของฉันได้ 3 กระบวนท่า ฉันจะยอมเรียกนายว่าหัวหน้าเลย!"
ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยนี่นา ฉันพูดอะไรผิดหรอ…(ก็แน่ล่ะมึงไปดูถูกเขานี่) แต่ว่าแบบนี้ก็ไม่เลว…
"เห~มันจะดีหรอ?" อาคิระถามพร้อมแสดงสีหน้าหยอกล้อ
"ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น!"
"คร้าบๆ ซาโบฉันฝากนายไว้หน่อยนะ" อาคิระยื่นดาบคิโยสึมิให้ซาโบ
ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปยังลานกว้างขณะเดียวกันอีวานคอฟก็เดินเข้ามาดูสถานณ์การก็แปลกใจ จึงหันไปถามซาโบ
"นี่สองคนนั้นคิดจะทำอะไรน่ะ?"
"อ๋อ แฮกท้าอาคิระน่ะ ถ้า อาคิระสามารถรับกระบวนท่า 3 กระบวนท่าได้ แฮกจะยอมเรียกเขาว่า หัวหน้าน่ะ"
"หา~~!!?" อีวานคอฟที่ได้ยินก็ตกใจจนใบหนัาซีดคาราเต้มนุษย์เงือกนั้นเป็นทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งระดับต้นๆของโลกครึ่งหลังแกรนไลน์เลยก็ว่าได้ ไม่มีทางที่ เด็กอย่างอาคิระจะหลบมันได้แน่
"เอาล่ะนะ!"
แฮกพุ่งเข้ามาพร้อมกับปล่อยหมัดที่รุนแรงออกไปจนเกิดแรงลมกันโชกออกมา
วูบบ!!
"หนึ่ง" อาคิระเอ่ยพร้อมร่างที่อยู่ระหว่างขาของมนุษย์เงือก
"ย๊ากก!!" แฮกแทงเข่าร่างเล็กตรงหนัาอย่างรวดเร็ว
"สอง" ดวงตาของแฮกเบิกกว้างเมื่อเห็นอาคิระนั่งบนไหล่ของตัวเองพร้อมกับมือบางที่ลูบคางเขาอยู่
"ไอ้เด็กบ้า!!" แฮกชกร่างบนไหล่ทันทีแต่ร่างนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วอีกแล้ว
"สาม" ร่างของอาคิระปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าของแฮกเพียงไม่กี่เซนติเมตร
'วิชานี่มัน โซล!? ไม่จริงทำไมเด็กนี่ถึงใช้วิชาหกรูปแบบได้!!??' แฮกตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
"สูญพันธุ์ไปซะ!!" อาคิระคำรามพร้อมกับง้างเท้าเตะไปยังไข่ของแฮกทันที
"อ๊ากก!!" ร่างสูงล้มลงไปนอนพร้อมกับเอามือกุมไข่ใบหน้าดำเขียวมองอาคิระด้วยความเจ็บปวด
"หลังจากนี้ฝากตัวด้วยนะ ลูกน้องแฮก"
อาคิระกล่าวพร้อมรอยยิ้มหวานก่อนจะเดินไปหยิบดาบคิโยมิสึจากซาโบ ท่ามกลางสายตาของเหล่าลูกศิษย์ของแฮกที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองรวมถึงอีวานคอฟ
"นี่ อาคิระ เราไปฝึกกันเถอะ!"
"เอาสิ!! เมื่อกี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่ด้วย"
พวกเขาตกลงไปฝึกด้วยกันสองคนก่อนจะเดินหายลับไปดินแดนสีขาวบัลติโกอันกว้างใหญ่
✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤
"ฮายยยย~~~!!" อาคิระทักทายคนอ่านพร้อมรอยยิ้มหวาน
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ผมขออธิบายการหายตัวไปของกระผมก่อนนะขอรับ! อย่างแรกเลยผมไม่ได้โดนคนขององกรค์ชายชุดดำจับตัวหรือยัดยาใส่ แต่ที่หายไปเพราะว่าไรท์นั้นทำงานแล้วก็ไม่มีแรงบันดาลใจในการเขียน จึงหายตัวไป แต่ไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว เชิญชมการผจญภัยของชายไร้สติผู้นี้ได้เลยครับ!!"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นึกว่าไปชมพูทวีปซะแล้ว
ได้อ่านต่อซะที