ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ถิ่นอัศวิน

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 3 - หยามหน้า [1/3]

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 66


    บทที่ 3

    หยามหน้า (1)

     

    วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่จะมีการเสนอราคาเกิดขึ้นของไร่ทั้งหมดในจังหวัดเชียงราย นายทุนจากต่างแดนสนใจพืชผักที่อุดมสมบูรณ์ของที่นี่ และแน่นอนว่าไร่พันทิพย์ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เข้าร่วมการเสนอราคาในครั้งนี้เช่นกัน

    "เป็นอะไรยายฝน" ขุนเขาสะกิดเบา ๆ ที่แขนของน้องสาวคนกลางเมื่อเห็นว่านั่งนิ่งงันมาหลายนาทีแล้ว

    ตอนนี้ปลายฝนและขุนเขานั่งอยู่ในห้องรับรองของโรงแรมหรูภายในจังหวัดเชียงราย สองพี่น้องเป็นตัวแทนของไร่พันทิพย์ในการเสนอราคา เดิมทีรณภพหรือพ่อของทั้งสองจะเป็นผู้ออกงานอยู่ตลอด แต่ทว่างานสำคัญที่จะต้องใช้ความอดทนและความรู้ในการคำนวณกำไรนั้นต้องยกให้ลูกชายลูกสาวไปโดยปริยาย

    "เปล่า ฝนแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย" ปลายฝนส่ายหน้าเบา ๆ เช่นเดียวกับกระแสน้ำเสียงที่สั่นพร่า

    "เลิกเหม่อได้แล้ว เตรียมตัวเถอะ" ขุนเขาปรายสายตามองไปยังประตูที่มีร่างสูงของอัศวินกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ช่วยคนสนิท

    ศัตรูที่เกลียดและเป็นคู่แข่งทางธุรกิจย่อมอยู่ในคนคนเดียวนั่นก็คืออัศวิน ขุนเขาเข่นเขี้ยวคับแค้นอยู่ในใจ หากไร่พันทิพย์ของตนกลับมายิ่งใหญ่เมื่อไหร่ เขาจะไปเย้ยหน้ามันถึงถิ่น

    "ตื่นเต้นจังพี่ขุน ดูสิ มือเย็นไปหมดแล้ว" ปลายฝนแตะมือที่แขนแกร่งของพี่ชาย เพื่อพิสูจน์ให้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตื่นเต้นอยู่จริง ๆ แถมมือก็ซีดเซียวไร้สีเลือด ทั้งหนาวจากลมแอร์ ทั้งตื่นเต้นตื่นกลัวกับภาระหน้าที่ ณ ตอนนี้

    "ไม่ต้องกังวล ผลจะเป็นยังไงช่างมัน ถือว่าเราทำเต็มที่แล้ว" ขุนเขาปลอบโยนตามสไตล์ของตัวเอง เขาไม่ใช่คนอ่อนโยนนัก แถมในเรื่องปลอบเอาใจยิ่งไม่เคยอยู่ในหัว แต่พอเห็นแววตาสั่น ๆ และอาการของน้องสาวก็เห็นใจเต็มประดา นี่เป็นงานใหญ่ชิ้นแรกของน้องสาว แถมยังเป็นความหวังที่จะสามารถช่วยเหลือไร่ที่กำลังประสบปัญหาอีกด้วย

    ไม่กี่นาทีก็เริ่มต้นการเสนอราคา แต่ละไร่ย่อมมีข้อเสนอที่แตกต่างกันไป แต่ข้อเสนอที่ปลายฝนและขุนเขาอยากรู้เห็นมากที่สุดก็เห็นจะเป็นของไร่กมล ที่เธอเคยทำตัวเป็นขโมยแอบเข้าไปในห้องทำงานของเขา

    และที่สำคัญเกือบโดนฆ่าทิ้งเป็นปุ๋ยให้พืชผัก เธอจำวันนั้นได้ไม่มีวันลืม!

    "ข้อเสนอจากทางเราไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่...จะส่งออเดอร์ให้ตรงเวลา สิ่งที่ได้ไปจะสดใหม่และมีคุณภาพ เรื่องราคาทางไร่ผมค่อนข้างสูงกว่าทุกไร่ที่เสนอไป แต่ในเรื่องมาตรฐานผมกล้ายืนยันว่าไม่แพ้ใครแน่นอน"

    เสียงเข้มทรงอำนาจของอัศวินกล่าวขึ้นด้วยท่าทีเรียบ ๆ แต่กลับทำให้ทุกคนในห้องหยุดชะงักฟังเขาราวกับต้องมนตร์

    คำพูดและท่าทางมั่นอกมั่นใจเกินร้อยของอัศวินทำให้ปลายฝนเบ้ปากบิด นี่กำลังแย่งลูกค้าทุนหนักกันอยู่แท้ ๆ แต่กลับยกยอไร่ของตัวเองว่าเหนือกว่าใคร

    "ฝน ถึงทีเราแล้ว" ขุนเขาเอ่ยบอกน้องสาวว่าตอนนี้ได้เวลาที่เราจะยื่นข้อเสนอเสียที

    เธอขบคิดตบตีอยู่ตั้งนานว่าจะหาข้อเสนออะไรมาแสดงให้ลูกค้าสนใจ นำความรู้ที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่อนุบาลมากลั่นกรอง จนในที่สุดก็ได้สิ่งที่อยู่ในกระดาษตอนนี้ ทั้งพ่อและพี่ชายของเธอต่างก็เห็นว่าข้อเสนอนี้น่าสนใจ ออกปากชมยกใหญ่ว่าลูกคนนี้ช่วยเหลือได้ทุกอย่างจริง ๆ

    แต่ในสถานการณ์จริงนี่สิจะเป็นยังไง...

    "สำหรับไร่พันทิพย์นะคะ ข้อเสนอจากทางเราก็คือ..."

    "เอ่อ...เดี๋ยวนะครับ ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะ ไร่พันทิพย์ทางเราไม่ได้เชิญเข้าร่วมการเสนอราคาไม่ใช่เหรอครับ"

    ทว่า...ประโยคตอกหน้าจนชะงักงันในทันที หญิงสาวยืนนิ่งแต่ภายในสั่นระริกไม่ต่างจากการถูกลากออกไปประจานความอายต่อหน้าสาธารณชน

    ไม่ได้เชิญอย่างนั้นหรือ?

    "ทางเราได้รับบัตรเชิญนะครับ" เป็นเสียงของขุนเขาที่โพล่งขึ้น

    "เอ...แต่ผมมั่นใจว่าเราไม่คิดจะร่วมค้ากับไร่พันทิพย์นะครับ"

    สิ้นประโยคนั้นเสียงหัวเราะก็ดังครึกครื้นเป็นการตอกย้ำ

    ปลายฝนเบี่ยงหน้าออกเมื่อหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ถ้าหากไร่ของเธอไม่ได้ถูกเชิญเธอก็คงไม่กล้าบากหน้ามาที่นี่อย่างแน่นอน

    เมื่อได้รับบัตรเชิญเธอก็ว้าวุ่นกับการคิดหาข้อเสนอให้กับลูกค้า ตั้งความหวังเล็ก ๆ ว่าจะสามารถช่วยพยุงวิกฤตของไร่ได้ แต่นี่อะไร...อยู่ ๆ มาบอกว่าไม่ได้เชิญไร่ของเธอ

    แบบนี้มันหยามหน้ากันชัด ๆ!

    "ผมได้รับบัตรมาจริง ๆ ครับ ถ้าเกิดว่าผมไม่ได้รับบัตรเชิญผมจะไม่เข้ามาเหยียบที่นี่เลย แต่ถ้าคุณมั่นใจว่าไม่ได้เชิญและไม่คิดจะร่วมค้าขายกับไร่ของเราจริง ๆ ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่ผมเข้าใจอะไรผิดไปหมด" ขุนเขาข่มความโกรธไว้ในส่วนลึก เขาเอ่ยอธิบายอย่างใจเย็นและใช้เหตุผลมากที่สุด

    "ไม่เป็นไรครับ ไหน ๆ ก็มาแล้วลองเสนอมาก็ได้ เผื่อผมจะพิจารณา" ลูกค้าชาวต่างชาติเอ่ยขึ้นด้วยสำเนียงผสมพร้อมด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม เฉกเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในห้องที่ต่างก็จดจ้องมองสองพี่น้องอย่างนึกสมเพช

    "ไม่ดีกว่าค่ะ ดิฉันต้องขอบคุณมากที่อยากฟังข้อเสนอจากทางเรา แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็คงต้องขอตัวก่อนดีกว่า หวังว่าเราจะได้มีโอกาสร่วมงานกันนะคะ" ปลายฝนกัดฟันฉีกยิ้มได้อย่างมืออาชีพ เธอโกรธจนตัวสั่น อยากร้องไห้โวยวาย แต่ก็ต้องกักเก็บและปั้นหน้าให้ดูเรียบเฉยมากที่สุด

    เธอไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นที่อะไร ใครกลั่นแกล้ง ใครเป็นคนส่งบัตรเชิญ หรือทางนี้ตั้งใจหักหน้าและหยามไร่พันทิพย์ต่อหน้าคนอื่น

    คำถามมากมายล้วนอยู่ในหัวของปลายฝนจนแทบระเบิด แต่สิ่งเดียวที่เธอควรทำในตอนนี้ก็คือการออกไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด

    มือใหญ่ของขุนเขาจับเบา ๆ ที่แขนเล็กของน้องสาว จับจูงกันเดินออกมาด้านนอกห้องโดยไม่มีคำใดเอ่ยเอื้อน พอพ้นสายตาของคนอื่นก็เปลี่ยนมาเป็นลูบเบา ๆ ที่เรือนผมนุ่ม เขาส่งยิ้มบาง ๆ ที่หญิงสาวมองแล้วว่ามันอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด

    "เก่งมากเลยยายฝน" ขุนเขายิ้มน้อย ๆ พลางยกนิ้วโป้งยกยอน้องสาวคนนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×