ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ถิ่นอัศวิน

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 6 - ผู้ช่วยคนใหม่1 [2/2]

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 66


    บทที่ 6

    ผู้ช่วยคนใหม่1 (2)

     

    หลังจากที่เก็บเสื้อผ้าอันน้อยนิดเข้าตู้เรียบร้อยแล้วปลายฝนก็ออกมาทานข้าวที่โต๊ะอาหารเพียงลำพังด้วยรสมือของป้าหน่อยที่จัดเตรียมไว้ให้ ทานเสร็จแล้วก็มานั่งที่ชานระเบียงของตัวบ้านหลังใหญ่

    ปลายฝนอยู่ที่นี่โดยไม่มีอะไรกวนใจ นอกจากป้าหน่อยแล้ว แม่บ้านคนอื่น ๆ ก็ปฏิบัติตัวกับเธอเป็นอย่างดี ดีเสียจนตกใจเลยทีเดียว แต่ทว่าทำไมเธอถึงกลับเศร้าหมองและเลื่อนลอยยังไงก็ไม่รู้

    อย่างเช่นตอนนี้ที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนที่นั่งติดระเบียง ที่ตรงนี้สามารถมองเห็นดวงดาวและบรรยากาศทั่วทุกทิศ แต่ความสวยงามตรงหน้ากลับยิ่งทำให้เธอเหงาและเศร้าอยู่ในเวลาเดียวกัน

    มือเล็กหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเพราะแรงสั่นจากการแจ้งเตือนที่ส่งเข้ามา

    ชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาคือขุนเขาพี่ชายของเธอ แต่มันไม่ใช่ข้อความแรกที่เขาเพียรส่งมาหา เรียกได้ว่านับสิบนับร้อยหรืออาจจะถึงหลักพันเลยก็ว่าได้

    หลังจากที่เธอขึ้นรถมากับอัศวิน ข้อความจากขุนเขาก็ดังแจ้งเตือนไม่หยุด ทั้งการถามไถ่และรวมถึงคำขอโทษที่เธอไม่คิดจะเปิดอ่านมันเลยสักนิด

    คำสั่งของพ่อก็ว่าเจ็บปวดแล้ว แต่การถูกผลักไสจากปากของพี่ชายนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่า...

    “พี่ขุน ฮึก...พี่ขุนช่วยฝนด้วย พ่อให้ฝนไปอยู่ที่ไร่กมล พ่อไล่ให้ฝนไปอยู่ที่นั่น พี่ขุนช่วยฝนด้วยนะ ฝนไม่อยากไป ฮึก...ฝนไม่อยากไป” ปลายฝนกอดเอวขุนเขาและร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

    คำสั่งของพ่อถือว่าเด็ดขาด แต่เธอเชื่อว่าคำพูดจากขุนเขาผู้เป็นนายใหญ่ดูแลไร่และลูกคนโตย่อมมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้พ่อเปลี่ยนใจได้

    แต่ทว่า...

    “แกต้องไปยายฝน...แกต้องไปอยู่ที่นั่น”

    “พี่ขุน!” ปลายฝนผละตัวออกทันทีเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากของพี่ชาย

    ขุนเขาบอกให้เธอไปอยู่ที่ไร่กมลอย่างนั้นหรือ?

    แทนที่เขาจะช่วยเธอออกปากห้ามพ่อและต่อต้านเพื่อไม่ให้เธอไปอยู่ที่ไร่ของศัตรู แต่ทำไมครั้งนี้ขุนเขาถึงได้ผลักไสเธอเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ!?

    “ไปอยู่ที่นั่นซะ พ่อบอกอะไรแกก็ควรเชื่อฟัง รีบไปเก็บของได้แล้ว!”

    เท่านั้นแหละ...ทุกสิ่งทุกอย่างก็พังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี

    ไม่มีการร้องไห้ ไม่มีการอ้อนวอน ไม่มีแม้แต่การโหยหาความรักจากครอบครัวก่อนจะออกไปจากไร่ ปลายฝนขึ้นรถไปกับอัศวินโดยไม่คิดหันกลับไปมองพ่อและพี่ชายที่เดินมาส่งเลยสักนิด

    “มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”

    เสียงเข้มเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ หญิงสาวหันขวับไปมองเจ้าของเสียงก็พบว่าเป็นอัศวินที่เดินเข้ามา แถมสายตาของเขาก็ยังมองมาราวกับว่ากำลังจับผิดเธออะไรแบบนั้น

    “การเป็นผู้ช่วยของนายฉันจะต้องทำอะไรบ้าง”

    พรุ่งนี้ชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เธออยู่ที่ไร่กมลในฐานะลูกจ้างของอัศวิน ถึงจะไม่อยากรับหน้าที่นี้แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก การรับรู้ภาระเนื้อหางานของตัวเองก็เป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่าการพร่ำเพ้อให้ฟุ้งซ่าน

    “ขยันจังเลยนะ เพิ่งมาเหยียบที่นี่ก็อยากทำงานแล้วงั้นสิ” อัศวินเหยียดยิ้มและหัวเราะเย้ยหญิงสาว เห็นหน้าเขาไม่ถึงนาทีก็ถามถึงการทำงานเสียแล้ว แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าขยันแล้วจะเรียกว่าอะไรได้

    “ก็ไม่มีทางเลือกแล้วนี่ นายอยากจะใช้ให้ฉันทำอะไรก็ตามสบายเลย” ปลายฝนไหวไหล่ไม่สะท้านถึงคำเหน็บแนมของเขาแต่อย่างใด

    ในเมื่อชีวิตมันน่าสมเพชขนาดนี้แล้วก็ควรไปให้สุด ยอมเป็นลูกน้องของศัตรูให้ถูกใช้ถูกโขกสับไปนั่นแหละ สมควรแล้ว!

    “อย่างแรกเลยเธอไม่ควรจะเรียกฉันว่านายเพราะฉันคือเจ้านายของเธอไม่ใช่เพื่อนเล่น” อัศวินกอดอกมองคนตรงหน้าที่เอาแต่ทำหน้าดื้อรั้นทุกวินาที

    “คนอื่นก็เรียกนายว่านายไม่ใช่หรือไง ทำไมฉัน...”

    “คนอื่นเขาเรียกฉันว่านายที่หมายถึงนายใหญ่ของไร่นี้ ไม่ใช่ความหมายเดียวกันกับเธอ!” สิ้นประโยคเสียงถอนหายใจก็ดังตามมายาวพรืด

    “โอเค งั้นฉันจะเรียกนาย เอ่อ...ฉันจะเรียกคุณว่าคุณแล้วกัน โอเคไหม” ปลายฝนยอมแพ้ไม่ต่อความให้ยืด สถานะแบบเธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองเขามากนัก

    “อืม” พอได้ยินสรรพนามนั้นเขาก็คิดว่ามันรื่นหูกว่าตั้งเยอะ

    อัศวินไม่ใช่คนเจ้ายศและถือตัวว่าตัวเองเป็นเจ้านายของใคร แถมลูกน้องภายในไร่ก็ต่างรู้ดีว่าเขาไม่เคยยกยอถึงตำแหน่งหรือฐานะ แต่การที่เธอคนนี้เรียกเขาแบบนั้นก้มองว่ามันห้วนเกินไป การกระทำของเธออีกล่ะที่ดูแล้วช่างแก่นแสบปีนเกลียวเจ้านายอย่างเขาเหลือเกิน แบ่งฝั่งขีดเส้นให้ชัดเจนนี่แหละ เจ้าหล่อนจะให้ไม่เหิมเกริมไปมากกว่านี้

    “แล้วก็พูดให้มันเพราะ ๆ พูดคะพูดขาน่ะเป็นหรือเปล่า เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้าจะคิดว่าเราสนิทกัน” การสนทนาของเขาและเธอหากใครมาได้ยินก็คงคิดว่าสนิทสนมกันถึงได้พูดจากันแบบเพื่อน ซึ่งเขาไม่ต้องการแบบนั้น และไม่อยากให้แม่นี่พูดแบบนั้นด้วย

    ตอนนี้เขาเป็นใหญ่ เห็นศัตรูยอมอ่อนข้อให้มันก็ยิ่งมีแรงฮึด กลั่นแกล้งบ้างน้อย ๆ นั่นแหละคือความสุขระหว่างวัน

    “นี่ มองหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง คนงานที่ไร่เธอพูดกับเจ้านายแบบนี้งั้นสิ” อัศวินหรี่ตามองคนตรงหน้าที่จ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงต้องยกตัวอย่างขึ้นมาบ้างเพราะมั่นใจว่าคนงานที่ไร่ของเธอคงไม่มีทางกล้าปีนเกลียวพูดกับเขาเหมือนอย่างที่เธอทำแบบนี้แน่นอน

    “ก็ยังไม่ได้พูดอะไรนี่ แค่นี้ใช่ไหมล่ะที่จะบอก จะได้ไปนอนสักที” จากที่เดือดปุด ๆ ก็ต้องลดอุณหภูมิให้เย็น ทำยังไงได้เธอไม่มีอำนาจต่อกรกับเขา

    ยอม ๆ ไปนั่นแหละเห็นว่าจะเซฟพลังงานในร่างกายได้ดีที่สุด

    “พรุ่งนี้เริ่มทำงานตอนตีห้า อย่าช้า อย่าเลท!” อัศวินกดเสียงเข้มและกดสายตามองคนอวดดีตาพราว การเริ่มทำงานวันแรกก็ต้องปรับพื้นฐานกันหน่อย

    เห็นว่าอวดดีนักก็จะวัดดวลกันไปเลยว่าเธอน่ะแน่แค่ไหน!


    ______________

    **เรื่องนี้มีอีบุ๊กแล้วนะคะทุกคน ใครที่อยากอ่านเต็ม ๆ จุใจรวดกดจิ้มอีบุ๊กลิ้งนี้เลยงับ

    >> https://bit.ly/3qbTjkc

    แนะนำเวลาซื้อให้ซื้อผ่านเว็บหรือลิ้งก์ด้านบนนี้นะคะ ถ้าซื้อผ่านแอป (ระบบ ios) จะได้ราคาที่สูงกว่าค่ะ เบลจัดโปรโมชั่น ราคาเพียง 229.-

    หมดโปรวันที่ 5 มิถุนานี้นะคะ หลังจากนี้อาจจะไม่ได้จัดโปรราคานี้อีกแล้วน้า ฝากเอ็นดูด้วยค้าบบบบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×