คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 5 - ผลักไส [1/3]
บทที่ 5
ผลักไส (1)
“พี่ฝน...พี่ฝนตื่นเร็ว พี่ฝน นี่ฝันเองนะ”
แรงสะกิดและเสียงเรียกทำให้ปลายฝันที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
ความเมื่อยขบเหนี่ยวรั้งจนไม่สบายขยับตัวได้มากนัก ปลายฝนลืมตาขึ้นปรับโฟกัสมองไปยังต้นเสียงที่เป็นผู้ปลุกให้เธอตื่นจากนิทรา จนกระทั่งฉายชัดแจ้งก็พบว่าคนคนนั้นคือนางสาวของเธอ ปลายฝัน
“ฝัน...ฝันมาที่นี่ได้ยังไง” ปลายฝันจับแขนน้องสาวเพื่อให้เกิดความแน่ใจ เธอไม่ได้เจอหน้ากับน้องสาวมาหลายเดือนเนื่องจากปลายฝันต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ครั้งล่าสุดที่เจอก็คือก็เห็นว่าจะเป็นงานวันเกิดของเจ้าตัวนั่นแหละที่กลับมาเลี้ยงฉลองกับครอบครัว
“ฝันรู้ข่าวจากเพื่อนที่นี่ก็เลยรีบนั่งเครื่องมาเลย พี่ฝนเป็นยังไงบ้าง ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ” ปลายฝนย่อตัวลงนั่งลงที่พื้นดินเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกันกับพี่สาว สีหน้าเป็นกังวลบ่งบอกถึงความเครียดอย่างเห็นได้ชัด
เธอได้รับข่าวสารจากเพื่อนสมัยเรียนมัธยมว่าไร่พันทิพย์เกิดเพลิง พยายามโทรหาพ่อและพี่ชายแต่ก็ไม่มีใครรับ ดูท่าแล้วน่าจะยุ่งวุ่นกับปัญหาที่ไร่เป็นไร และด้วยความที่ดูเฉย ๆ ไม่ได้จึงรีบจองตั๋วบินกลับมาที่เชียงรายนี่แหละ
“พี่...” ปลายฝนมองสภาพของตัวเองที่เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยเถ้าถ่านจากเพลิงไหม้ เธอจำได้ว่าเมื่อคืนวิ่งวุ่นช่วยกันดับไฟหลายชั่วโมง พอควบคุมเพลิงได้ก็นั่งพักพิงที่ต้นใหม่ใหญ่หน้าบ้านพักคนงาน จนกระทั่งเผลอหลับไปนั่นแหละ “พี่เผลอหลับไปน่ะ”
“พี่ฝน...ฮึก ไร่ของเรากำลังแย่ใช่ไหม” ปลายฝันสวมกอดพี่สาวเอาไว้แน่นก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลหลั่งออกมาเกินกว่าจะกลั้นไหว
รับรู้ว่าไร่ของตัวเองกำลังวิกฤตแต่ยิ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้แบบนี้ก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่าอีกไม่นานไร่ที่รักจะต้องจบสิ้นลง
“ไม่...มันต้องไม่เป็นแบบนั้นฝัน พี่กับพี่ขุนกำลังพยายามอยู่ ไร่ของเราจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
วงแขนเล็กกอดปลอบน้องสาวแน่น ในฐานะลูกสาวคนกลางจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ไร่ของครอบครัวเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ครั้งนั้นเคยเกือบที่จะตอบตกลงแต่งงานกับคนเลวไปแล้ว ครั้งนี้ก็คงไม่ต้องกลัวอะไรอีก เพราะการอยู่ใช้ชีวิตกับท่านเหมนั้นนับว่าโหดหินเกินกว่าจะทนไหว
“คุณปลายฝน คุณปลายฝันครับ พ่อเลี้ยงเรียกหาน่ะครับ ให้ไปหาที่ห้องทำงาน” คนสนิทของขุนเขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ได้รับสารจากผู้เป็นนายก็รีบวิ่งแจ้นมาแจ้งข่าวกับน้องสาวนายทั้งสองคนในทันที
“ขอบคุณค่ะพี่ไม้” สองพี่น้องมองหน้ากันเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามถึงใจความสำคัญอะไร ได้แต่ขอบคุณกับคนงานที่แทบจะเป็นมือขวาของพี่ชาย
การที่ถูกเรียกให้ไปหาแบบนี้จะต้องมีเรื่องบางอย่างแน่นอน ในใจก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะการเกิดเพลิงไหม้วายวอดเมื่อคืนนั้นมันก็หนักหนาเกินพอแล้ว
“พี่ฝน นั่นใครน่ะ เขาเป็นแขกของพ่อเหรอ”
ระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปถึงห้องทำงานของพ่อเลี้ยงรณ สองพี่น้องก็เห็นกับร่างสูงตระหง่านที่เพิ่งเดินผ่านไปโดยไม่คิดจะปรายสายตามามองเจ้าของบ้านอย่างพวกเธอเลยสักนิด
ปลายฝันสะกิดถามพี่สาวยกใหญ่ รู้สึกหวั่น ๆ ถึงเขาคนนั้นยังไงชอบกล แต่ลึก ๆ ก็รู้สึกคุ้นหน้าเขาอยู่ไม่น้อย แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที
“นายมาทำอะไรที่นี่” ปลายฝนไม่ได้ตอบคำถามของผู้เป็นน้อง แต่เธอกลับสาวเท้าก้าวเข้าไปหาเขาคนนั้นและเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก
การเห็นศัตรูที่มาเหยียบที่ไร่ ใครบ้างล่ะที่อยากจะปูเสื่อต้อนรับ
และศัตรูที่ว่าก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคู่แข่งทางการค้าที่ไร่พันทิพย์หมายหัวไว้ว่าเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง!
อัศวินหรือที่ใครก็ต่างเรียกเขาว่านายอัศ ผู้เป็นนายใหญ่ของไร่กมล
“ฉันต้องตอบด้วยเหรอ” ร่างสูงหันกลับมาตามเรียกเสียง แต่เขาก็ทำท่ายียวนเลิกคิ้วใส่ไปเช่นกัน
“ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย ออกไปซะ!”
ในฐานะลูกสาวของพ่อเลี้ยงรณ เธอจะไม่ยอมให้ศัตรูคู่แข่งเข้ามาเหยียบย่ำบนพื้นแผ่นดินที่อยู่ภายใต้การปกครองของไร่พันทิพย์เด็ดขาด
“ก็ไม่ได้อยากจะมานักหรอก แต่พอดีว่าพ่อของเธอเป็นคนเรียกฉันมา” อัศวินแค่นหัวเราะและมองใบหน้าหงุดหงิดของหญิงสาวตรงหน้า ที่ไม่ว่าเขาจะเจอเธอในสถานการณ์ไหนเป็นต้องเห็นหน้าบึ้ง ๆ บูด ๆ บอกบุญไม่รับเสมอ
ขนาดที่แก้มสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเถ้าถ่านสีดำ เนื้อตัวปอน ๆ มอมแมมเหม็นกลิ่นไหม้ เขาก็ยังได้รับรังสีของความแค้นเคืองที่แผ่ซ่านออกมาจากเธอได้อย่างชัดเจน
ผู้หญิงคนนี้ปณิธานแรงกล้ามาก...
อัศวินบอกไว้เท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของพ่อเลี้ยงรณผู้เป็นใหญ่ในไร่แห่งนี้ ตามด้วยสองสาวพี่น้องที่จับจูงมือกันเดินเข้ามาถามหาความจริงให้แน่ชัด ว่าเหตุใดพ่อของเธอถึงต้องเรียกศัตรูให้มาเข้ามาย่างกรายถึงในไร่
“พ่อให้เขาเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!”
ทันทีที่เข้าไปอยู่ในห้องเสียงเล็กก็เอ่ยถามผู้เป็นพ่ออย่างเอาคำตอบ
สายตาหวานแปรเปลี่ยนเป็นเรียบตึง เธอจดจ้องมองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูด้วยความเดือดดาล หากนี่ไม่ใช่การเชื้อเชิญต้อนรับของผู้เป็นพ่อ เธอรับรองว่าได้ลั่นไกแก้แค้นพี่ชายเหมือนครั้งนั้นที่แอบเข้าไปในไร่กมลเป็นแน่
“นั่งลง ทั้งสองคนเลย พ่อมีเรื่องที่จะต้องคุยกับลูก” พ่อเลี้ยงรณผู้น่าเกรงขามตอนนี้มีสีหน้าเคร่งเครียดเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นก็ทำให้สองพี่น้องจำต้องนั่งลงที่โซฟาตามคำสั่งของพ่อ เธอนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับอัศวินที่เหยียดยิ้มบาง ๆ จดจ้องมองมา ในขณะที่สายตาคมของเขากลับเต็มไปด้วยชัยชนะที่เธอไม่มีวันหาคำตอบเจอ
“พ่อมีอะไรเหรอคะ เรื่องเครียดมากเลยเหรอ”
ความคิดเห็น