ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ถิ่นอัศวิน

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 4 - เปลวเพลิง [2/3]

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 66


    บทที่ 4

    เปลวเพลิง (2)

     

    ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงัดไร้บทสนทนาใดที่เอ่ยเอื้อนออกมา กระทั่งพ่อเลี้ยงผู้เป็นเจ้าของไร่และเป็นใหญ่ในไร่พันทิพย์แห่งนี้ ได้เปิดประโยคขึ้นเป็นคนแรกเพื่อพูดคุยและสะสางความเข้าใจใหม่ให้กับทุกคนเสียที

    “เรื่องการแต่งงานผมลองคิด ๆ ดูแล้ว ผมว่าคงไม่...”

    “ฮึ...พ่อเลี้ยงเห็นว่าผมว่างมากนักเหรอครับ!”

    ผู้ทรงอิทธิพลกล่าวเพียงเท่านั้น แต่กลับสร้างความหวาดหวั่นจนแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง

    พ่อเลี้ยงรณผู้เป็นใหญ่ในไร่พันทิพย์แห่งนี้เป็นต้องสะอึกอยู่เช่นกันที่ถูกคนรุ่นน้องอายุน้อยนับสิบ ๆ ปีตวาดกร้าวเดือดดาลใส่ แต่เขาก็ไม่อยากถือสาเพราะเรื่องแต่งงานตัวเขาเป็นคนเคยออกปากพูดไว้จริง ๆ

    “เรื่องการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่จะตกลงกันได้ง่าย ๆ นะคะ ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะที่ไม่สามารถแต่งงานได้ พวกเราไม่ได้ตั้งใจที่กลับคำพูด แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องแต่งงานไม่เคยถูกพูดอย่างจริงจังเลยนี่คะ” ปลายฝนโพล่งขึ้นก่อนจะกดสายตามองผู้ทรงอิทธิพลอย่างเด็ดเดี่ยว เช่นเดียวกับเหมราชที่เหยียดยิ้มให้เธอน้อย ๆ ราวกับแค่นยิ้มมองคนผยองที่กล้าปฏิเสธในตัวเขา

    “ผมขอโทษจริง ๆ คุณเหม ตอนนั้นผมจนปัญญาไม่รู้จะหันไปทางไหน ผมเลย...”

    “งั้นก็แปลว่าตอนนี้พ่อเลี้ยงหาทางออกที่ช่วยทำให้ไร่กระจอก ๆ นี่กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วงั้นสิ”

    “เฮ้ย! มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!” ขุนเขาลุกขึ้นมองหน้าคนใหญ่คนโตอย่างเอาเรื่อง แต่เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็ถูกมือหนาของผู้เป็นพ่อดึงรั้งเอาไว้

    “ไอ้ขุน! หยุดเดี๋ยวนี้!”

    “พ่อไม่ได้ยินเหรอว่ามันดูถูกไร่ของเรา!”

    ต่อให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่โหดเหี้ยมและน่ากลัวเพียงใด แต่ถ้าหากกล้ามาเหยียดหยามไร่พันทิพย์ที่ตัวเองรัก คนอย่างขุนเขาก็ไม่มีวันยอมเหมือนกัน

    ไร่พันทิพย์เคยเป็นไร่รุ่งเรืองอันดับต้น ๆ ของภาคเหนือ ส่งออกพืชผักไปทั่วประเทศและรวมถึงต่างประเทศก็ไม่น้อยหน้า แต่ช่วงหลังมานี้การบริหารบวกกับสภาวะทางการเงินขัดข้องจึงทำให้การส่งออกเริ่มล่าช้า จนกลายเป็นว่าสถานะทางการเงินของไร่พันทิพย์กำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ

    แต่ในฐานะลูกชายคนโตผู้ดูแลไร่และผู้สืบทอดย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ไร่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการบากหน้าไปเจรจากับคู่ค้าที่เคยบาดหมาง ควบคุมทุกการผลิตและการส่งออกจนแทบไม่เกิดความผิดพลาด แต่ทางเดียวที่เขาจะไม่มีวันยอมก็คือการให้น้องสาวของเขาต้องแต่งงานกับคนอย่างท่านเหมที่ขึ้นชื่อว่าโหดและเลวอย่างแน่นอน!

    “อย่ากร่างให้มากไอ้หนุ่ม ถ้าไม่กลัวว่าจะเหลือแต่ชื่อ!”

    คำเตือนของเหมราชไม่ได้ทำให้ขุนเขาหวั่นเกรงแต่อย่างใด ผิดกับพ่อเลี้ยงรณและปลายฝนที่พยายามดึงรั้งเขาเอาไว้เพราะรู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่เพียงการข่มขู่

    “ขอโทษท่านเหมซะไอ้ขุน! เร็วสิวะ!” รณภพออกปากสั่งและบีบต้นแขนของลูกชายให้ยอมโอนอ่อนเพื่อรักษาชีวิต

    การถูกเตือนจากปากของท่านเหมเพียงหนึ่งคำ สามารถเทียบเท่าได้กับการมีกระสุนเจาะที่ตัวมาแล้วหนึ่งนัด และถ้าหากขุนเขายังคงอวดดีกล้าต่อกรมีหวังคงได้ถูกลอบทำร้ายโดยที่หาคนทำผิดมารับโทษตามกฎหมายไม่ได้เป็นแน่

    “พ่อ! ผมไม่...!”

    “ฉันบอกให้ขอโทษ!”

    คำสั่งของผู้เป็นพ่อย่อมประกาศิตเด็ดขาด

    ขุนเขายกมือไหว้ให้กับคนตรงหน้ายอมจำใจ ปากที่จะเอ่ยเอื้อนคำขอโทษมันก็หนักเกินกว่าที่เขาจะเปล่งมันออกมาได้

    “ขอโทษ!”

    “ฮึ! ฉันไม่ถือสาหรอกนะ แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกล่ะก็...มึงศพไม่สวยแน่!”

    “อึก...” ปลายฝนถึงกับสั่นระริกรีบกอดแขนผู้เป็นพี่ชายเอาไว้ในทันที เธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่คำขู่ คนอย่างท่านเหมทำได้ทุกอย่างที่ต้องการจริง ๆ เรื่องศีลธรรมและความผิดถูกมันไม่ได้อยู่ในหัวสมองหรือสามัญสำนึกของเขาเลยสักนิด

    “ในเมื่อผมได้คำตอบแล้วผมก็ยอมรับครับพ่อเลี้ยง...” ร่างสูงใหญ่เหยียดกายขึ้นก่อนจะสาวเท้าก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวเพียงคนเดียว

    มือใหญ่สัมผัสเบา ๆ ที่แก้มใสแดงระเรื่อ เกลี่ยไล้ไปมาก่อนจะหยุดที่คางมนของปลายฝนและจดจ้องมองด้วยความเรียบนิ่ง

    หญิงสาวยืนตัวเกร็งแข็ง ลมหายใจหยุดชั่วขณะแต่สายตาก็กลับจ้องมองไปยังคนตรงหน้าอย่างใจกล้าที่ถึงแม้ภายในใจจะสั่นสะท้านหวาดหวั่นมากเพียงใด

    “น่าเสียดายจังที่จะไม่ได้หนูปลายฝนมาเป็นเมีย แต่ก็ไม่เป็นไร...ผมเคารพการตัดสินใจของพ่อเลี้ยงครับ ขอให้ไร่ห่วย ๆ ของพ่อเลี้ยงอยู่รอดอย่างที่หวังก็แล้วกัน!”

    สิ้นประโยคมือหนาก็ผละออกจากใบหน้าหวานก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะหมุนตัวและเดินออกไป พร้อมด้วยเหล่าลูกน้องของเขาที่ยืนรออยู่ด้านนอก

    เสียงลมหายใจดังยาวพรืดบ่งบอกถึงความเป็นกังวลใจแม้ไม่มีคำใดเอ่ยออกมา ปลายฝนเดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นพ่อเอาไว้ รับรู้ดีว่าพ่อของตนกำลังคิดสิ่งใด

    การกอบกู้ไร่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถทำได้เพียงข้ามคืน แต่เธอก็เชื่อมั่นว่าอีกไม่นานไร่ของเธอจะกลับมายิ่งใหญ่ดังเดิมอย่างแน่นอน

     

    ช่วงค่ำภายในไร่ก็เงียบสงัดแตกต่างจากกลางวันแทบจะคนละขั้ว อากาศบนเขาเย็นกว่าในเมืองเกือบสิบองศา แถมยังมีสายลมที่พัดผ่านมาพานให้หัวใจเหน็บหนาวมากขึ้นเท่าตัว

    ปลายฝนนั่งอยู่ที่ชานระเบียงเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวที่ระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เธอรู้สึกว่ามันสวยงามมากแต่ทว่าทำไมภายในใจถึงได้เศร้าหมองแทนที่จะสุขสม

    แต่คำตอบที่ไม่ต้องค้นคว้าเธอรับรู้ดีว่ามันเกิดจากสิ่งใด ความเครียดเหล่านี้คั่งค้างมาตลอดหลายเดือนนับแต่ทราบเรื่องวิกฤตของไร่ตัวเอง จนกลายเป็นว่าวัยสาวที่ควรใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการนั้นต้องจบลง ปลายฝนหันมาสนใจงานที่ไร่มากขึ้นจากเดิมที่พ่อของเธอนั้นออกปากห้ามเพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาเหน็ดเหนื่อยตรากตรำ

    “ฝนอยากเรียนอะไรก็เรียนเลยลูก พ่ออยากให้ฝนเรียนในสิ่งที่รัก ฝันด้วยนะลูก อยากเรียนอะไรพ่อจะสนับสนุนเต็มที่ ส่วนเรื่องไร่พ่อกับพี่ชายของลูกจะดูแลเอง”

    คำพูดของนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของปลายฝนเสมอ พ่อเลี้ยงรณผู้เด็ดขาดเป็นหนึ่งในไร่พันทิพย์ แต่เวลาอยู่กับลูกจะกลายเป็นคุณพ่อใจดีไม่แพ้ใครเธอกล้ารับรอง

    เกิดและเติบโตมาในไร่ อยู่ต่างจังหวัดนอกเมืองไม่ได้เห็นแสงสีเหมือนใครเขา แต่พ่อของเธอก็เป็นเข้าใจโลกสมัยนี้ได้อย่างถ่องแท้

    รณภพและภรรยาตั้งใจกันว่าจะส่งลูกทั้งสามให้ไปเรียนในเมืองหลวง หากลูกคนไหนสนใจเรื่องไร่ก็ค่อยให้กลับมาช่วยกันบริหารต่อ ซึ่งก็มีขุนเขานี่แหละที่ดูท่าว่าจะอยากเดินตามรอยพ่อเลี้ยงรณผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนลูกสาวอีกสองคนอย่างปลายฝนและปลายฝันนั้นชื่อชอบของสวยงามมาตั้งแต่เด็ก เคยออกปากว่าอยากเรียบออกแบบทำแบรนด์เสื้อผ้ากระเป๋าเป็นของตัวเอง ซึ่งพ่อและแม่ก็ไม่เคยหักห้าม มีแต่จะสนับสนุนทั้งนั้น

    แต่แล้วเมื่อเติบโตโลกก็สอนอะไร ๆ ได้มาก ปลายฝนและปลายฝันเบนเข็มความชอบจากวัยเด็กและเลือกเรียนบริหารเพราะอยากดูแลธุรกิจของไร่ต่อจากครอบครัว ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ก็สามารถช่วยงานในไร่ได้ อย่างน้อยเรื่องการบริหารการตลาดก็ขอให้เป็นหน้าที่ของลูกสาวที่จะเข้ามาช่วยดูแลต่อ

    แต่แล้วความรู้ที่ร่ำเรียนก็ได้ใช้ในสถานการณ์จริง สภาวะภายในไร่พันทิพย์ย่ำแย่เกินกว่าจะรับมือไหว ปลายฝนเข้ามามีบทบาทกับไร่อย่างเต็มตัว นอกจากจะดูเรื่องเอกสารแล้ว เรื่องประสานงานออเดอร์กับลูกค้าเธอก็รับหน้าที่นี้ทั้งหมด

    “เฮ้อ...เมื่อไหร่จะผ่านไปได้นะ” เสียงเล็กบ่นพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ดวงตากลมโตสองข้างยังคงจดจ้องมองดวงดาวสวยงามบนฟากฟ้า

    เวลาทุกข์ใจก็มีแค่ดวงดาวนี่แหละที่จะสามารถบรรเทามันไปได้...

    ความเงียบสงัดรอบอาณาบริเวณยังคงรายล้อมอยู่เป็นเพื่อนในค่ำคืนเหงา แต่ทว่าไม่นานก็มีเสียงร้องโวยวายพร้อมกับแสงไฟสีแดงเพลิงที่เธอมองเห็นได้ไกล ๆ จากบริเวณที่พักคนงานกับแปลงผักแปลงใหญ่

    “ไฟไหม้! ช่วยด้วย ไฟไหม้!!!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×