ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นี่หรือคือนักศึกษา(แพทย์)

    ลำดับตอนที่ #5 : MoonFaker เธอคือผู้ชักใย

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 52


    href="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" />

                     ได้เวลาสานต่อภารกิจระดับดาวมหาวิทยาลัยกันต่อล่ะ ฮ่าๆๆๆ...เธอคนนี้เป็นหนึ่งในเพื่อนกลุ่มแรกของผมเล่นหยอกล้อกินหัวกันมาก่อนจนรู้ไส้พุงดีกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ ความร้ายกาจบนใบหน้าแอ๊บแบ๊วนี่ระดับพระกาฬ  อย่างไรก็ตามที..เธอไม่ยอมน้อยหน้าใครเพราะเธอก็มีฉายาเช่นกัน “ประสาทแดก” ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ตัวเธอเป็นต้องประสาทตาม  เรื่องของเรื่องก็คือนิสัยส่วนตัวของเธอคล้ายกับจะได้รับการหมักบ่มมาจากครอบครัวที่เคร่งครัดและไม่ได้พบกับความจริงเกี่ยวกับโลกอันโหดร้ายเท่าที่ควร  ดังนั้นสรุปได้ว่าเธอมักจะระแวงว่ามีใครไม่ชอบเธออยู่หรือเปล่านะ? เป็นผลให้สีหน้าท่าทางของเธอดูเรียบร้อยสุขุมนุ่มลึกเยี่ยงเหล้าขาว  เห็นน้ำใสๆ พอได้กระเดือกเป็นต้องร้องกรี๊ด  คำพูดคำจานี่เริ่ดดด...ผู้ดีจรดปลายตีน  ลีลาการเล่นลิ้นกวักไม้กวักมือพร้อมสะพายกระเป๋าแฮร์รอดนี่ผมชอบเลียนแบบให้เธอดูบ่อยๆเมื่อก่อน  อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ  ไอ้ผมเองมันชอบหาข้อด้อยของคนอื่นมาล้อ..ประมาณว่าจัดหนัก  แต่เพื่อนกันก็รู้ดีอะว่าเล่นๆ กัน  พอดีใบหน้าขาวเนียนของเธอมีจุดไฝตรงมุมปากด้านซ้าย(ถ้าจำไม่ผิด) เธอจึงได้ฉายาจากผมว่าเป็น “ดวงจันทร์ที่มีจุดดับ” ปกติมีแต่ดวงอาทิตย์ที่มีจุดดับ  ฮากันเข้าไปอีกด้วยเพลงที่กำลังดังในช่วงนั้น  ขอบรรเลงให้ชุ่มฉ่ำก่อนขึ้นวีรกรรมของเธอกันเล้ยยย

    “อยากจะเห็นคนดีของเปา  คนแบบไหนที่เปารักจริง  ที่เปาจะไม่ทอดทิ้งไม่ทำให้เขาเสียใจ  หากว่าเปารัก...ไม่พอ  ดีไม่พอจะไม่โทษใคร  โทษตัวเองโทษหัวไฝ  รักเท่าไรก็คงไม่พอ~~~~na na na hoooooo

    เพลงนี้คนฮากันครึ่งคณะเหอๆ เข้าเรื่องเลยดีกว่า  ว่าด้วยนิสัยประสาทแดกกันก่อน  โดยปกติเธอจะเข้ากับผู้คนได้เร็วด้วยอัธยาศัยหรือมารยามิทราบได้  แต่ว่าเธอจบสายวิทยาศาสตร์ที่ใกล้เคียงกันทำให้เธอมีบทบาทในคณะเรื่องความเก่งกาจ  ใครๆ ก็อยากให้เธอคายความรู้มาใส่ให้กบาลแฉะถ้วนหน้ามหาสงกรานต์นั่นแหละปัญหาเลย  ยิ่งเธอรู้จักกับคนอื่นมากขึ้นเท่าไร  ก็ยิ่งมีชนวนให้เธอจุดไฟลามเร็วขึ้นเท่านั้น  ไม่ทราบด้วยประการใดที่เธอชอบเมาท์เกินเลยความเป็นผู้หญิงๆ จนเหมือนบลัฟนาย A ให้นาย B ฟัง และจากนาย B ให้นาย C สุดท้ายก็นาย C ให้นาย A ฟัง  เป็นวงกลม  เป็นอันว่าวงแตกเนื่องจากไม่มีใครตั้งข้อสงสัยกับบุคคลที่ทุกๆคนสนิทด้วย...อ้าววว  แม้แต่กลุ่มเพื่อนกันเองยังไม่รู้ ภาพลักษณ์ต่อประชาชนส่วนมากก็ยิ่งไร้ที่ติ  ลงรายละเอียดของความสนิทสนมตรงประเด็นเป๊ะเรื่องการติวของเธอ  เนื่องจากพี่ตูนจบคณะเดียวกับเธอจากคนละที่และดูเหมือนผมประเมินพี่ตูนเก่งกว่าเปาหนึ่งก้าวตลอด  ไม่ว่าการติวของพี่ตูนด้วยเรื่องใดหลังจากผมฟังจบแล้วไปเซิร์ฟของเปา  มันจะน้อยกว่าเสมอซึ่งผมไม่อาจเชื่อได้ว่าเปาไม่มีความรู้แต่เปามีความลับ...ตึ๊ง...เปาแอ๊บ  อารายเนี่ย  อารายของเมิง  จะคายอาหารให้ลูกนก หรือจะพ่นพิษเหมือนงู  จะติวก็ติวให้มันจบเด้  ดูสิครับทั่น  แม้แต่การใช้ผลประโยชน์จากความเชื่อใจจากคนอื่นเธอยังลงทุนด้วยก้อนกรวดเลยอะ  เฮ้อออ พอมีคนชอบเธอมากขึ้นเธอก็ยิ่งพอใจ  แต่ว่าโลกนี้มันมีสองขั้วตลอด คนไม่ชอบก็มีซึ่งตอนนั้นก็เป็นเรื่องเป็นราวถึงกับโทรขู่ลอบทำร้ายกันเลย   โอ้วววม่ายยยย...สังคมแบบนี้หรอที่ผมเคยคิดว่ามันต้องดี ฮืออออออ  ผมก็อยากทำตัวเป็นคนดีซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากเท่าในตอนนี้  เลยมักจะบอกกับเธอเป็นนัยเสมอว่าเธอทำอะไรลงไป  แต่เชื่อสิว่าเธอเดาไม่เก่งจริงๆ เธอทำอะไรไปมักจะไม่รู้ตัว(คนแบบนี้อันตรายจริง) และเธอก็ไม่เคยได้รู้ว่าเธอทำผิดอะไรบ้าง  กระทั่งเธอตีตนห่างออกไปอยู่กับกลุ่มใหม่มากขึ้น จากวันที่เธองอนเพราะเวลาพักกินข้าวเธอจะชวนพวกเราเสมอ  แต่เวลาช่วงเย็นเธอมักจะกลับบ้านทำให้พวกเราไม่ได้ชวนเธอเพราะรู้ว่าเธอจะกินข้าวบ้านชัวร์ป้าบ  สรุปเธองอน  เวลาออกไปกินข้าวนอกบริเวณมหาวิทยาลัยเราชอบกินร้านข้างทางถูกบ้างแพงบ้างแต่อร่อยไว้ก่อน  เธออาจจะติดใจเรื่องนี้จึงได้เอ่ยปากถึงคำที่ไม่น่าให้อภัยสำหรับที่พี่ตูนบอกผม

    “ก็พวกชั้นจะไปกินฟูจิกันเลยไม่ได้ชวนแกไปกัน กลัวแกจะไม่มีจ่าย”

    ........ซีดดด  ลมพัด  วิ้วว~~~ เอ่อ คุณเธอคิดว่าพวกกระโผมจะไม่สามารถกินร้านแพงนานๆหนได้หรอ  มันสบประมาทไปนิดนึงปะคับบ  แต่ช่างมันเหอะ  ประเด็นนี้ผมไม่ได้ติดใจอะไรมาก

    กลุ่มใหม่ที่ผุดขึ้นโดยมีแม่นางเปาบุ้นจิ้น  ลูกสมุนของเธอมีอยู่ด้วยกัน 2 นาง คนแรกผมถึงขั้นเบ่งพลังขั้นสุดท้ายเพื่อปาดคอยัยนี่ได้ขนานนาม “อีบูลด็อก” องครักษ์พิทักษ์ทั่นเปา หมาหลวง  ถ้าได้เห็นหน้าแกแล้วใช่เลยหมาชัดๆ  คนต่อมาก็ไม่ค่อยร้ายกาจสักเท่าไรผมเรียก “อีพุดเดิ้ล” ปัจจุบันนาง 2 คนนี้มันประกาศก้องไม่เป็นเพื่อนกับผม  น่าน..เอาเข้าไป  เหตุผลน่ะเหรอผมไม่แคร์  เนื่องจากผมไม่ชอบคุยกับคนไม่สวยอยู่แล้วอิอิ  ไม่ใช่หรอก..ผมน่ะเป็นคนแปลกๆ ทำให้คนเข้าใจผิดตลอดเวลา  ตั้งแต่ปีสองเป็นต้นมาผมไม่คุยกับสองคนนี้เพราะกลัวเปาคิดว่าผมไปใส่ไฟเรื่องเปาทำให้มีคนไม่ชอบเปาเพิ่มขึ้น  ก็เงี้ยแหละเวลาเปาทำอะไรเปาก็คิดอยู่แค่สิ่งนั้นกลัวว่าคนอื่นจะทำกลับแต่เปล่าอะ  ผมแค่อยู่เฉยๆ กลัวเปาคิดมาก  อุตส่าห์เอาใจเขามาใส่ใจเรา  แล้วไงเวรเลยเฮ้อ..ประสาทจะกินเข้าให้แล้วสิ

    ว่ากันต่อถึงมหากาพย์ด้วงกับเปา  เป็นที่เรื่องลือเกี่ยวกับความสามารถของบอลในด้านดี(เอ่อ..ในด้านไม่ดีไปไกลกว่า) มันจึงเป็นมือวางอันดับหนึ่งเรื่องการทำงานฝีมือส่งอาจารย์  ไม่ว่าวิชาไหนหญิงต้องการมันจัดให้  จริงๆ เล้ยแม้แต่น้องออคนเก่าที่เคยทำให้มันถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้หญิงมาแล้ว  มันยังทำให้  พูดแล้วขุ่นเคืองถึงขั้นใส่นวมต่อยกำแพง(กลัวเจ็บ)  ระหว่างที่มันกำลังตามต้อยๆๆ จีบเปาอยู่  เพื่อนผมจากโรงเรียนเก่าที่ตามมาเรียนคนละคณะก็มาปิ๊งปั๊งกับเปาโดยมิได้นัดหมายก็เคยสนิทกับมันนะไอ้เนี่ยแต่ด้วยเหตุผลบางประการจึงทำให้เพื่อนๆ หลายคนแยกตัวออกห่างจากมันไปทีละคนจนตอนนี้มันอยู่คนเดียวกับแฟนสุดหวง

    เป็นเรื่องแล้วไง  เมื่อไอ้เตี้ยตัวขาวผมเกาหลีกับไอ้เตี้ยตัวดำผมเป๋ขวามาประจันหน้ากัน  ผมก็รับหน้าที่เป็นตัวกลางส่งเรื่องราวเชิงขู่(ทำไมต้องผ่านกุด้วย)  กลัวมันจะตบกันตายเรื่องแย่งหญิง  จนพักหนึ่งเปาก็ได้วางตัวเป็นผู้หญิงที่ดีให้กับเพื่อนผม  ลืมบอกไป..ผมเรียกมันว่าไอ้เกย์  เหตุผลมาจากตอนอยู่มอปลายมีการจัดกีฬามหาวิทยาลัยโลกแล้วพนันกันตอนเขาแข่งวิ่ง  ลู่ใครเข้าคนสุดท้ายเป็นเกย์  สรุปมันเป็น

    ไอ้เกย์มันเรียนอยู่คณะเกี่ยวกะคอมเนี่ยแหละ  ฝีมือเลยไม่ได้ด้อยไปกว่าไอ้บอลยกเว้นเรื่องประดิดประดอย  แต่ที่เหลือมันจัดหนักได้มากกว่าบอลเล็กน้อยและเปาก็เล็งเห็นถึงประโยชน์  จนมีข่าวเกี่ยวกับเพื่อนผมในคณะและเปานั่นเอง  แต่ว่าก็อยู่ได้ไม่นานหรอกเหตุผลง่ายๆ เวลาเปาชวนไอ้เกย์จะไปเสมอแต่เวลาไอ้เกย์อยากจะไปเปาจะบอกว่าไม่ว่าง  ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ  ก็อย่างนี้แหละเปาใช้เหตุผลที่อยู่คณะเรียนหนักอ้างตลอด  ไปกันได้ไม่นาน(จบเทอมที่ต้องเรียนวิชาที่เกี่ยวกับการทำผลงาน)  ก็มีข่าวว่าสองคนนี้เลิกรากันไป  เปาเล่นเดี่ยวสลับมือกลับไปหาบอลซึ่งเป็นของตายซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมก็ไม่ค่อยอยากจะไปสุงสิงอะไรกับมันมากนักเนื่องจากเหตุผลเดียวกับที่ผมไม่คุยกับอีบูลด็อกและอีพุดเดิ้ล  แต่จริงๆ เวลาลับหลังผมก็คุยกับบอลเป็นปกติ  แค่ไม่คุยเวลาเปาเห็น  เด๋วแกจะคิดว่าผมแอบนินทา

    ขอเล่าตบท้ายนิดนึง  ขณะที่เปามาขึ้นปฏิบัติงานใน รพ. แล้ว  แน่นอนต้องอยู่เวรจนดึกดื่น  เธอเลิกประมาณตี 2 สงสัยงานเข้า...อยู่หอนอกด้วย  อันตรายเนอะผู้หญิงคนเดียวเดินออกมามืดๆ  เธอเดินข้ามสะพานลอยเห็นตัวด้วง  ใช่แล้วครับมันคือตัวด้วงดีๆนี่เอง  นึกถึงไอ้บอลเลยอะ  ปกติมันก็ไม่ได้บินให้เราตกใจเล่นเหมือนแมลงสาบเธอยืนเกาะราวสะพานอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมงไม่กล้าเดินผ่าน!!!  จนคนเงินก่อสร้างเดินผ่านมาเป็นสิบคนเธอเลยขอให้เขาหยิบออกแล้วค่อยเดินผ่านไป  เอ้อเฮอ..ทำไปได้  ถ้าผมเป็นแกนะคงต้องกลัวไอ้พวกนั้นมากกว่ากลัวด้วงซะอีก  ไม่รู้เปาเคยมีเบื้องหลังเหมือนแบทแมนรึเปล่าที่ว่ากลัวค้างคาว

    อีกหนึ่งเรื่องเท่าที่ไปสืบทราบมาได้พบว่าเธอไปเดินเที่ยวเล่นอยู่แถวอนุสาวรีย์อย่างสบายอารมณ์แต่กลับเจอหมานอนขวางทางอยู่บริเวณทางขึ้นสะพานลอย  อย่าให้เสียเวลาเลยเธอเรียกแท็กซี่วนรอบอนุสาวรีย์จนไปขึ้นรถไฟฟ้าได้  ดูแกทำดิ..ผู้ดีเขาทำกันแบบนี้รู้มั้ยครับทุกท่าน

    เรื่องของเปาเปายังไม่จบนะครับต้องพูดถึงอีบูลด็อกในครั้งหน้าจึงจะต่อติด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×