คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : MoonFaker เธอคือผู้ชักใย
ได้เวลาสานต่อภารกิจระดับดาวมหาวิทยาลัยกันต่อล่ะ ฮ่าๆๆๆ...เธอคนนี้เป็นหนึ่งในเพื่อนกลุ่มแรกของผมเล่นหยอกล้อกินหัวกันมาก่อนจนรู้ไส้พุงดีกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ ความร้ายกาจบนใบหน้าแอ๊บแบ๊วนี่ระดับพระกาฬ อย่างไรก็ตามที..เธอไม่ยอมน้อยหน้าใครเพราะเธอก็มีฉายาเช่นกัน “ประสาทแดก” ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ตัวเธอเป็นต้องประสาทตาม เรื่องของเรื่องก็คือนิสัยส่วนตัวของเธอคล้ายกับจะได้รับการหมักบ่มมาจากครอบครัวที่เคร่งครัดและไม่ได้พบกับความจริงเกี่ยวกับโลกอันโหดร้ายเท่าที่ควร ดังนั้นสรุปได้ว่าเธอมักจะระแวงว่ามีใครไม่ชอบเธออยู่หรือเปล่านะ? เป็นผลให้สีหน้าท่าทางของเธอดูเรียบร้อยสุขุมนุ่มลึกเยี่ยงเหล้าขาว เห็นน้ำใสๆ พอได้กระเดือกเป็นต้องร้องกรี๊ด คำพูดคำจานี่เริ่ดดด...ผู้ดีจรดปลายตีน ลีลาการเล่นลิ้นกวักไม้กวักมือพร้อมสะพายกระเป๋าแฮร์รอดนี่ผมชอบเลียนแบบให้เธอดูบ่อยๆเมื่อก่อน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ไอ้ผมเองมันชอบหาข้อด้อยของคนอื่นมาล้อ..ประมาณว่าจัดหนัก แต่เพื่อนกันก็รู้ดีอะว่าเล่นๆ กัน พอดีใบหน้าขาวเนียนของเธอมีจุดไฝตรงมุมปากด้านซ้าย(ถ้าจำไม่ผิด) เธอจึงได้ฉายาจากผมว่าเป็น “ดวงจันทร์ที่มีจุดดับ” ปกติมีแต่ดวงอาทิตย์ที่มีจุดดับ ฮากันเข้าไปอีกด้วยเพลงที่กำลังดังในช่วงนั้น ขอบรรเลงให้ชุ่มฉ่ำก่อนขึ้นวีรกรรมของเธอกันเล้ยยย
“อยากจะเห็นคนดีของเปา คนแบบไหนที่เปารักจริง ที่เปาจะไม่ทอดทิ้งไม่ทำให้เขาเสียใจ หากว่าเปารัก...ไม่พอ ดีไม่พอจะไม่โทษใคร โทษตัวเองโทษหัวไฝ รักเท่าไรก็คงไม่พอ~~~~na na na hoooooo”
เพลงนี้คนฮากันครึ่งคณะเหอๆ เข้าเรื่องเลยดีกว่า ว่าด้วยนิสัยประสาทแดกกันก่อน โดยปกติเธอจะเข้ากับผู้คนได้เร็วด้วยอัธยาศัยหรือมารยามิทราบได้ แต่ว่าเธอจบสายวิทยาศาสตร์ที่ใกล้เคียงกันทำให้เธอมีบทบาทในคณะเรื่องความเก่งกาจ ใครๆ ก็อยากให้เธอคายความรู้มาใส่ให้กบาลแฉะถ้วนหน้ามหาสงกรานต์นั่นแหละปัญหาเลย ยิ่งเธอรู้จักกับคนอื่นมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งมีชนวนให้เธอจุดไฟลามเร็วขึ้นเท่านั้น ไม่ทราบด้วยประการใดที่เธอชอบเมาท์เกินเลยความเป็นผู้หญิงๆ จนเหมือนบลัฟนาย A ให้นาย B ฟัง และจากนาย B ให้นาย C สุดท้ายก็นาย C ให้นาย A ฟัง เป็นวงกลม เป็นอันว่าวงแตกเนื่องจากไม่มีใครตั้งข้อสงสัยกับบุคคลที่ทุกๆคนสนิทด้วย...อ้าววว แม้แต่กลุ่มเพื่อนกันเองยังไม่รู้ ภาพลักษณ์ต่อประชาชนส่วนมากก็ยิ่งไร้ที่ติ ลงรายละเอียดของความสนิทสนมตรงประเด็นเป๊ะเรื่องการติวของเธอ เนื่องจากพี่ตูนจบคณะเดียวกับเธอจากคนละที่และดูเหมือนผมประเมินพี่ตูนเก่งกว่าเปาหนึ่งก้าวตลอด ไม่ว่าการติวของพี่ตูนด้วยเรื่องใดหลังจากผมฟังจบแล้วไปเซิร์ฟของเปา มันจะน้อยกว่าเสมอซึ่งผมไม่อาจเชื่อได้ว่าเปาไม่มีความรู้แต่เปามีความลับ...ตึ๊ง...เปาแอ๊บ อารายเนี่ย อารายของเมิง จะคายอาหารให้ลูกนก หรือจะพ่นพิษเหมือนงู จะติวก็ติวให้มันจบเด้ ดูสิครับทั่น แม้แต่การใช้ผลประโยชน์จากความเชื่อใจจากคนอื่นเธอยังลงทุนด้วยก้อนกรวดเลยอะ เฮ้อออ พอมีคนชอบเธอมากขึ้นเธอก็ยิ่งพอใจ แต่ว่าโลกนี้มันมีสองขั้วตลอด คนไม่ชอบก็มีซึ่งตอนนั้นก็เป็นเรื่องเป็นราวถึงกับโทรขู่ลอบทำร้ายกันเลย โอ้วววม่ายยยย...สังคมแบบนี้หรอที่ผมเคยคิดว่ามันต้องดี ฮืออออออ ผมก็อยากทำตัวเป็นคนดีซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากเท่าในตอนนี้ เลยมักจะบอกกับเธอเป็นนัยเสมอว่าเธอทำอะไรลงไป แต่เชื่อสิว่าเธอเดาไม่เก่งจริงๆ เธอทำอะไรไปมักจะไม่รู้ตัว(คนแบบนี้อันตรายจริง) และเธอก็ไม่เคยได้รู้ว่าเธอทำผิดอะไรบ้าง กระทั่งเธอตีตนห่างออกไปอยู่กับกลุ่มใหม่มากขึ้น จากวันที่เธองอนเพราะเวลาพักกินข้าวเธอจะชวนพวกเราเสมอ แต่เวลาช่วงเย็นเธอมักจะกลับบ้านทำให้พวกเราไม่ได้ชวนเธอเพราะรู้ว่าเธอจะกินข้าวบ้านชัวร์ป้าบ สรุปเธองอน เวลาออกไปกินข้าวนอกบริเวณมหาวิทยาลัยเราชอบกินร้านข้างทางถูกบ้างแพงบ้างแต่อร่อยไว้ก่อน เธออาจจะติดใจเรื่องนี้จึงได้เอ่ยปากถึงคำที่ไม่น่าให้อภัยสำหรับที่พี่ตูนบอกผม
“ก็พวกชั้นจะไปกินฟูจิกันเลยไม่ได้ชวนแกไปกัน กลัวแกจะไม่มีจ่าย”
........ซีดดด ลมพัด วิ้วว~~~ เอ่อ คุณเธอคิดว่าพวกกระโผมจะไม่สามารถกินร้านแพงนานๆหนได้หรอ มันสบประมาทไปนิดนึงปะคับบ แต่ช่างมันเหอะ ประเด็นนี้ผมไม่ได้ติดใจอะไรมาก
กลุ่มใหม่ที่ผุดขึ้นโดยมีแม่นางเปาบุ้นจิ้น ลูกสมุนของเธอมีอยู่ด้วยกัน 2 นาง คนแรกผมถึงขั้นเบ่งพลังขั้นสุดท้ายเพื่อปาดคอยัยนี่ได้ขนานนาม “อีบูลด็อก” องครักษ์พิทักษ์ทั่นเปา หมาหลวง ถ้าได้เห็นหน้าแกแล้วใช่เลยหมาชัดๆ คนต่อมาก็ไม่ค่อยร้ายกาจสักเท่าไรผมเรียก “อีพุดเดิ้ล” ปัจจุบันนาง 2 คนนี้มันประกาศก้องไม่เป็นเพื่อนกับผม น่าน..เอาเข้าไป เหตุผลน่ะเหรอผมไม่แคร์ เนื่องจากผมไม่ชอบคุยกับคนไม่สวยอยู่แล้วอิอิ ไม่ใช่หรอก..ผมน่ะเป็นคนแปลกๆ ทำให้คนเข้าใจผิดตลอดเวลา ตั้งแต่ปีสองเป็นต้นมาผมไม่คุยกับสองคนนี้เพราะกลัวเปาคิดว่าผมไปใส่ไฟเรื่องเปาทำให้มีคนไม่ชอบเปาเพิ่มขึ้น ก็เงี้ยแหละเวลาเปาทำอะไรเปาก็คิดอยู่แค่สิ่งนั้นกลัวว่าคนอื่นจะทำกลับแต่เปล่าอะ ผมแค่อยู่เฉยๆ กลัวเปาคิดมาก อุตส่าห์เอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วไงเวรเลยเฮ้อ..ประสาทจะกินเข้าให้แล้วสิ
ว่ากันต่อถึงมหากาพย์ด้วงกับเปา เป็นที่เรื่องลือเกี่ยวกับความสามารถของบอลในด้านดี(เอ่อ..ในด้านไม่ดีไปไกลกว่า) มันจึงเป็นมือวางอันดับหนึ่งเรื่องการทำงานฝีมือส่งอาจารย์ ไม่ว่าวิชาไหนหญิงต้องการมันจัดให้ จริงๆ เล้ยแม้แต่น้องออคนเก่าที่เคยทำให้มันถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้หญิงมาแล้ว มันยังทำให้ พูดแล้วขุ่นเคืองถึงขั้นใส่นวมต่อยกำแพง(กลัวเจ็บ) ระหว่างที่มันกำลังตามต้อยๆๆ จีบเปาอยู่ เพื่อนผมจากโรงเรียนเก่าที่ตามมาเรียนคนละคณะก็มาปิ๊งปั๊งกับเปาโดยมิได้นัดหมายก็เคยสนิทกับมันนะไอ้เนี่ยแต่ด้วยเหตุผลบางประการจึงทำให้เพื่อนๆ หลายคนแยกตัวออกห่างจากมันไปทีละคนจนตอนนี้มันอยู่คนเดียวกับแฟนสุดหวง
เป็นเรื่องแล้วไง เมื่อไอ้เตี้ยตัวขาวผมเกาหลีกับไอ้เตี้ยตัวดำผมเป๋ขวามาประจันหน้ากัน ผมก็รับหน้าที่เป็นตัวกลางส่งเรื่องราวเชิงขู่(ทำไมต้องผ่านกุด้วย) กลัวมันจะตบกันตายเรื่องแย่งหญิง จนพักหนึ่งเปาก็ได้วางตัวเป็นผู้หญิงที่ดีให้กับเพื่อนผม ลืมบอกไป..ผมเรียกมันว่าไอ้เกย์ เหตุผลมาจากตอนอยู่มอปลายมีการจัดกีฬามหาวิทยาลัยโลกแล้วพนันกันตอนเขาแข่งวิ่ง ลู่ใครเข้าคนสุดท้ายเป็นเกย์ สรุปมันเป็น
ไอ้เกย์มันเรียนอยู่คณะเกี่ยวกะคอมเนี่ยแหละ ฝีมือเลยไม่ได้ด้อยไปกว่าไอ้บอลยกเว้นเรื่องประดิดประดอย แต่ที่เหลือมันจัดหนักได้มากกว่าบอลเล็กน้อยและเปาก็เล็งเห็นถึงประโยชน์ จนมีข่าวเกี่ยวกับเพื่อนผมในคณะและเปานั่นเอง แต่ว่าก็อยู่ได้ไม่นานหรอกเหตุผลง่ายๆ เวลาเปาชวนไอ้เกย์จะไปเสมอแต่เวลาไอ้เกย์อยากจะไปเปาจะบอกว่าไม่ว่าง ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ ก็อย่างนี้แหละเปาใช้เหตุผลที่อยู่คณะเรียนหนักอ้างตลอด ไปกันได้ไม่นาน(จบเทอมที่ต้องเรียนวิชาที่เกี่ยวกับการทำผลงาน) ก็มีข่าวว่าสองคนนี้เลิกรากันไป เปาเล่นเดี่ยวสลับมือกลับไปหาบอลซึ่งเป็นของตายซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมก็ไม่ค่อยอยากจะไปสุงสิงอะไรกับมันมากนักเนื่องจากเหตุผลเดียวกับที่ผมไม่คุยกับอีบูลด็อกและอีพุดเดิ้ล แต่จริงๆ เวลาลับหลังผมก็คุยกับบอลเป็นปกติ แค่ไม่คุยเวลาเปาเห็น เด๋วแกจะคิดว่าผมแอบนินทา
ขอเล่าตบท้ายนิดนึง ขณะที่เปามาขึ้นปฏิบัติงานใน รพ. แล้ว แน่นอนต้องอยู่เวรจนดึกดื่น เธอเลิกประมาณตี 2 สงสัยงานเข้า...อยู่หอนอกด้วย อันตรายเนอะผู้หญิงคนเดียวเดินออกมามืดๆ เธอเดินข้ามสะพานลอยเห็นตัวด้วง ใช่แล้วครับมันคือตัวด้วงดีๆนี่เอง นึกถึงไอ้บอลเลยอะ ปกติมันก็ไม่ได้บินให้เราตกใจเล่นเหมือนแมลงสาบเธอยืนเกาะราวสะพานอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมงไม่กล้าเดินผ่าน!!! จนคนเงินก่อสร้างเดินผ่านมาเป็นสิบคนเธอเลยขอให้เขาหยิบออกแล้วค่อยเดินผ่านไป เอ้อเฮอ..ทำไปได้ ถ้าผมเป็นแกนะคงต้องกลัวไอ้พวกนั้นมากกว่ากลัวด้วงซะอีก ไม่รู้เปาเคยมีเบื้องหลังเหมือนแบทแมนรึเปล่าที่ว่ากลัวค้างคาว
อีกหนึ่งเรื่องเท่าที่ไปสืบทราบมาได้พบว่าเธอไปเดินเที่ยวเล่นอยู่แถวอนุสาวรีย์อย่างสบายอารมณ์แต่กลับเจอหมานอนขวางทางอยู่บริเวณทางขึ้นสะพานลอย อย่าให้เสียเวลาเลยเธอเรียกแท็กซี่วนรอบอนุสาวรีย์จนไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ดูแกทำดิ..ผู้ดีเขาทำกันแบบนี้รู้มั้ยครับทุกท่าน
เรื่องของเปาเปายังไม่จบนะครับต้องพูดถึงอีบูลด็อกในครั้งหน้าจึงจะต่อติด
ความคิดเห็น