คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ก้าวแรกในรั้วมหาวิทยาลัย
��������������� จำได้เลยว่าตอนนั้นไม่มีที่จะเดินไปสุดๆ ลืมเอาคู่มือนักศึกษาใหม่มาซะงั้น� แต่ด้วยความเทพจึงเดินไปเดินมาจนเหนื่อยสุดท้ายหาห้องไม่เจอเลยมานั่งรอหน้าตึกซึ่งมีโต๊ะไม้อยู่� สักพักก็มีคนสักคนเดินมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามก่อนแนะนำตัว
��������������� “หวัดดี� ชื่อไรอะ....เราชื่อครีมนะ”
��������������� ผู้ชายทั้งแท่ง� เริ่มคิดในใจ “ผู้ชายหรอวะ� เออผูกสัมพันธ์ไว้หน่อยก็ได้” เลยบอกชื่อเสียงเรียงนามไปบ้าง อย่างน้อยเขาก็อุตส่าห์แนะนำตัวก่อนแล้ว� ไม่นานนักคำถามต่อมาก็คือ
��������������� “นายอยู่คณะไรอะ� เราเทคนิคการแพทย์”ครีมถาม
��������������� เรื่องคณะของนายคนนี้ผมไม่แน่ใจนักแต่กลับจำชื่อของเขาได้
��������������� “คณะแพทย์ครับ” คล้ายๆ โลกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ นายครีมทำหน้าถอดสียิ้มแหยๆ ก่อนจะนั่งเงียบ พอมีเพื่อนคนอื่นที่แกเคยทักเดินผ่านมาแกก็รีบเดินหนีไปในฝูงชน� ในใจผมก็คิดอีก� อาร้าย...เมิงเป็นอารายกะกุมากมั้ยเนี่ยขนาดตัวกุเองยังไม่มั่นใจจะพูดคำนี้ออกไปเลย
��������������� กล่าวถึงตัวตนของผมสักนิด� ปกติแล้วผมก็ชอบอยู่เฉยๆ ไม่ชอบยุ่งกับใคร ไม่เผยตัวถ้าไม่จำเป็นยิ่งถ้าบอกว่าติดคณะแพทย์ยิ่งต้องเป็นจุดสนใจ� ถ้าต่อไปใครๆ ต้องมาเรียกผมว่า “หมอ” ผมคงต้องกัดลิ้นตายวันละ 5 รอบแน่ๆ ผมรู้สึกถึงความห่างเหิน� และกระดากหูทุกครั้งไป� ผมสั่งห้ามเพื่อนเก่าที่สนิทและคนที่บ้านว่าห้ามเรียกว่า หมอตูนอย่างนู้น หมอตูนอย่างนี้� ปกติถ้าใครถามก็จะบอกว่าอยู่วิศวะบ้างอยู่ศิลปศาสตร์บ้างแล้วก็จะรีบเดินหนีกลัวตอบคำถามต่อไปไม่ได้� ดูประหลาดคนดีเนอะผมเนี่ย� ถึงตอนนี้ผมจะกระดากหูที่มีคนเรียกแบบนั้นผมก็จำกัดให้คนไข้เท่านั้นที่เรียกได้� ผมยึดติดในความคิดเดิมว่า� การเรียนในคณะนี้เป็นเหมือนฝันอันห่างไกลและไม่มีวันจะเกิดขึ้นกับมนุษย์หน้าโง่แบบผมได้แน่� ชอบมากๆ เวลาใครเห็นเราเป็นเด็กติดเกม� ผมรักการเป็นตัวของตัวเอง� อะไรที่ผมไม่ได้ปรารถนาแต่แรกก็ยากจะเปลี่ยน
��������������� จากนั้นที่โต๊ะข้างๆ ก็ได้พบกับคณะเภสัชที่ง่วนอยู่กับการเขียนใบโอนหน่วยกิต เขาเป็นผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายกระเทยแต่ไม่ได้เป็น� เราตั้งฉายาให้เขาว่า อีเนอร์สกระเทยกลับใจ นั่งคุยกันพักใหญ่ก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่กันมาบ้างผมก็ยังคงเกร็งๆ อะนะ กว่าจะเปิดประเด็นคุยกับแกได้ แกก็ไม่ค่อยว่างเท่าไร
��������������� ผมลุกขึ้นออกเดินหน้าต่อไปในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จนในที่สุด� โอ้สวรรค์ส่งคนชี้นำทางมาให้ผมแล้วและแล้วผมก็ได้พบกับ เฮียนะ พี่นัท และพี่ตูน ว้ากกกกชื่อเหมือนผมเลย แกบอกว่าแกสังหรณ์ใจตั้งแต่เขียนชื่อติดป้ายห้อยคอตอนวันปฐมนิเทศน์แล้วแกว่าแกยืนอยู่ด้านหลังผมและเจอคนชื่อเหมือนกันตัวเป็นๆ(จริงๆ ผมไม่ได้ชื่อเล่นว่าตูน ชื่อผมแปลกกว่านี้และคิดว่าจะไม่มีใครเหมือน)สามคนนี้จบมาแล้วและมาสอบเรียนต่อในรอบสอบตรง� ไปๆมาๆ สรุปว่าเฮียนะไปดูดบุหรี่(เซ็นเซอร์สำหรับเด็ก)� แล้วแกก็หายไปเลยอ้าว� ผมอยู่กับพี่นัทและพี่ตูนสามคน� เดินไปหาห้องจนเจอเพราะพี่ตูนเอาคู่มือมา� การเรียนวันแรกนั้นเริ่มต้นด้วยวิชาเคมี� ไม่รู้เรื่องเลยอะ ไม่ได้เตรียมตัวจะเรียนเลย มองไปรอบๆ มีแต่คนที่เขาตั้งใจจดเนื้อหากันแบบเอาเป็นเอาตาย� ชีวิตผมต้องเจอกับการตัดเกรดแบบอิงกลุ่มกับคนพวกนี้เหรอเนี่ย� ชีวิตมันช่างอนาถนัก
��������������� ในช่วงเย็นเมื่อการเรียนการสอนจบลงพวกพี่ที่แก่กว่าเราหนึ่งชั้นปีตั้งตารอคอยรุ่นน้องมาเรียงแถวรอการรับน้องใหม่อย่างสนุกสนาน� มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก� ในชีวิตนี้ควรจะมีสักครั้งหนึ่งจริงๆ ตอนนั้นพอเพลงแจวเรือขอคนหล่อลุกขึ้นมาแจว� ด้วยความเด็ดเดี่ยวผมเป็นคนเดียวที่ลุกขึ้นแจว� ท่ามกลางสายตานับร้อยที่จับจ้องในความบ้าคลั่งของผมที่แจวอย่างไม่แยแสอะไรทั้งนั้น
��������������� การรับน้องของทุกๆวันในตอนเย็นมักจะเลิกไม่เกินสองทุ่ม� เหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้มค่าได้ทำกิจกรรมอะไรหลายอย่างและได้รู้จักเพื่อนใหม่ซึ่งบุคลิกลักษณะของแต่ละคนไม่ต่างกับเทพนิยายเลย� เพื่อนใหม่คือคนที่ต่างจากเดิมจากที่ผมเคยรู้จักในโรงเรียนเก่า� ภายใต้ใบหน้าเด็กเรียนที่ผมไม่มีและปูมหลังของผู้คนเหล่านี้จะเป็นอย่างที่ผมเคยเฝ้าจินตนาการมากน้อยขนาดไหน� กินข้าวสีทองอร่ามหรือกินหญ้าอย่างเรา
��������������� เกริ่นนำกันไปพอหอมปากหอมคอแล้วสำหรับตัวตนของผม� จากนี้ไปจะเข้าสู่ความพิสดารในตัวตนของเหล่าเด็กนักเรียนแนวหน้าที่ไม่มีวันจะพลาดท่าลงไปเล่นดิวิชั่น 1 อย่างแน่นอน
ความคิดเห็น