ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นี่หรือคือนักศึกษา(แพทย์)

    ลำดับตอนที่ #3 : ก้าวแรกในรั้วมหาวิทยาลัย

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 52


    /> /> />

    ��������������� จำได้เลยว่าตอนนั้นไม่มีที่จะเดินไปสุดๆ ลืมเอาคู่มือนักศึกษาใหม่มาซะงั้นแต่ด้วยความเทพจึงเดินไปเดินมาจนเหนื่อยสุดท้ายหาห้องไม่เจอเลยมานั่งรอหน้าตึกซึ่งมีโต๊ะไม้อยู่สักพักก็มีคนสักคนเดินมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามก่อนแนะนำตัว

    ��������������� “หวัดดีชื่อไรอะ....เราชื่อครีมนะ”

    ��������������� ผู้ชายทั้งแท่งเริ่มคิดในใจ “ผู้ชายหรอวะเออผูกสัมพันธ์ไว้หน่อยก็ได้” เลยบอกชื่อเสียงเรียงนามไปบ้าง อย่างน้อยเขาก็อุตส่าห์แนะนำตัวก่อนแล้วไม่นานนักคำถามต่อมาก็คือ

    ��������������� “นายอยู่คณะไรอะเราเทคนิคการแพทย์”ครีมถาม

    ��������������� เรื่องคณะของนายคนนี้ผมไม่แน่ใจนักแต่กลับจำชื่อของเขาได้

    ��������������� “คณะแพทย์ครับ” คล้ายๆ โลกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ นายครีมทำหน้าถอดสียิ้มแหยๆ ก่อนจะนั่งเงียบ พอมีเพื่อนคนอื่นที่แกเคยทักเดินผ่านมาแกก็รีบเดินหนีไปในฝูงชนในใจผมก็คิดอีกอาร้าย...เมิงเป็นอารายกะกุมากมั้ยเนี่ยขนาดตัวกุเองยังไม่มั่นใจจะพูดคำนี้ออกไปเลย

    ��������������� กล่าวถึงตัวตนของผมสักนิดปกติแล้วผมก็ชอบอยู่เฉยๆ ไม่ชอบยุ่งกับใคร ไม่เผยตัวถ้าไม่จำเป็นยิ่งถ้าบอกว่าติดคณะแพทย์ยิ่งต้องเป็นจุดสนใจถ้าต่อไปใครๆ ต้องมาเรียกผมว่า “หมอ” ผมคงต้องกัดลิ้นตายวันละ 5 รอบแน่ๆ ผมรู้สึกถึงความห่างเหินและกระดากหูทุกครั้งไปผมสั่งห้ามเพื่อนเก่าที่สนิทและคนที่บ้านว่าห้ามเรียกว่า หมอตูนอย่างนู้น หมอตูนอย่างนี้ปกติถ้าใครถามก็จะบอกว่าอยู่วิศวะบ้างอยู่ศิลปศาสตร์บ้างแล้วก็จะรีบเดินหนีกลัวตอบคำถามต่อไปไม่ได้ดูประหลาดคนดีเนอะผมเนี่ยถึงตอนนี้ผมจะกระดากหูที่มีคนเรียกแบบนั้นผมก็จำกัดให้คนไข้เท่านั้นที่เรียกได้ผมยึดติดในความคิดเดิมว่าการเรียนในคณะนี้เป็นเหมือนฝันอันห่างไกลและไม่มีวันจะเกิดขึ้นกับมนุษย์หน้าโง่แบบผมได้แน่ชอบมากๆ เวลาใครเห็นเราเป็นเด็กติดเกมผมรักการเป็นตัวของตัวเองอะไรที่ผมไม่ได้ปรารถนาแต่แรกก็ยากจะเปลี่ยน

    ��������������� จากนั้นที่โต๊ะข้างๆ ก็ได้พบกับคณะเภสัชที่ง่วนอยู่กับการเขียนใบโอนหน่วยกิต เขาเป็นผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายกระเทยแต่ไม่ได้เป็นเราตั้งฉายาให้เขาว่า อีเนอร์สกระเทยกลับใจ นั่งคุยกันพักใหญ่ก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่กันมาบ้างผมก็ยังคงเกร็งๆ อะนะ กว่าจะเปิดประเด็นคุยกับแกได้ แกก็ไม่ค่อยว่างเท่าไร

    ��������������� ผมลุกขึ้นออกเดินหน้าต่อไปในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จนในที่สุดโอ้สวรรค์ส่งคนชี้นำทางมาให้ผมแล้วและแล้วผมก็ได้พบกับ เฮียนะ พี่นัท และพี่ตูน ว้ากกกกชื่อเหมือนผมเลย แกบอกว่าแกสังหรณ์ใจตั้งแต่เขียนชื่อติดป้ายห้อยคอตอนวันปฐมนิเทศน์แล้วแกว่าแกยืนอยู่ด้านหลังผมและเจอคนชื่อเหมือนกันตัวเป็นๆ(จริงๆ ผมไม่ได้ชื่อเล่นว่าตูน ชื่อผมแปลกกว่านี้และคิดว่าจะไม่มีใครเหมือน)สามคนนี้จบมาแล้วและมาสอบเรียนต่อในรอบสอบตรงไปๆมาๆ สรุปว่าเฮียนะไปดูดบุหรี่(เซ็นเซอร์สำหรับเด็ก)แล้วแกก็หายไปเลยอ้าวผมอยู่กับพี่นัทและพี่ตูนสามคนเดินไปหาห้องจนเจอเพราะพี่ตูนเอาคู่มือมาการเรียนวันแรกนั้นเริ่มต้นด้วยวิชาเคมีไม่รู้เรื่องเลยอะ ไม่ได้เตรียมตัวจะเรียนเลย มองไปรอบๆ มีแต่คนที่เขาตั้งใจจดเนื้อหากันแบบเอาเป็นเอาตายชีวิตผมต้องเจอกับการตัดเกรดแบบอิงกลุ่มกับคนพวกนี้เหรอเนี่ยชีวิตมันช่างอนาถนัก

    ��������������� ในช่วงเย็นเมื่อการเรียนการสอนจบลงพวกพี่ที่แก่กว่าเราหนึ่งชั้นปีตั้งตารอคอยรุ่นน้องมาเรียงแถวรอการรับน้องใหม่อย่างสนุกสนานมันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากในชีวิตนี้ควรจะมีสักครั้งหนึ่งจริงๆ ตอนนั้นพอเพลงแจวเรือขอคนหล่อลุกขึ้นมาแจวด้วยความเด็ดเดี่ยวผมเป็นคนเดียวที่ลุกขึ้นแจวท่ามกลางสายตานับร้อยที่จับจ้องในความบ้าคลั่งของผมที่แจวอย่างไม่แยแสอะไรทั้งนั้น

    ��������������� การรับน้องของทุกๆวันในตอนเย็นมักจะเลิกไม่เกินสองทุ่มเหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้มค่าได้ทำกิจกรรมอะไรหลายอย่างและได้รู้จักเพื่อนใหม่ซึ่งบุคลิกลักษณะของแต่ละคนไม่ต่างกับเทพนิยายเลยเพื่อนใหม่คือคนที่ต่างจากเดิมจากที่ผมเคยรู้จักในโรงเรียนเก่าภายใต้ใบหน้าเด็กเรียนที่ผมไม่มีและปูมหลังของผู้คนเหล่านี้จะเป็นอย่างที่ผมเคยเฝ้าจินตนาการมากน้อยขนาดไหนกินข้าวสีทองอร่ามหรือกินหญ้าอย่างเรา

    ��������������� เกริ่นนำกันไปพอหอมปากหอมคอแล้วสำหรับตัวตนของผมจากนี้ไปจะเข้าสู่ความพิสดารในตัวตนของเหล่าเด็กนักเรียนแนวหน้าที่ไม่มีวันจะพลาดท่าลงไปเล่นดิวิชั่น 1 อย่างแน่นอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×