ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์รัก (ข้างเดียว) | มี E-Book

    ลำดับตอนที่ #3 : ลองชุดวิวาห์

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 67


    (“กลับบ้านพักแล้วครับ”) เสียงปลายสายรายงานความเคลื่อนไหวของคนที่ตนกำลังตามดูแลตั้งแต่ได้รับคำสั่งมาเมื่อวานตอนเย็น

    “เค ขอบใจมาก” ฟิเดลเลขาและพ่วงด้วยตำแหน่งมือขวาของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างมาร์คิโน่ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะกดวางสายในทันที

    “คนของเรารายงานมาว่าคุณเซรีน่ากลับถึงบ้านพักแล้วครับ” เลขาหนุ่มหันกลับมารายงานเจ้านายทันทีอย่างรู้ใจโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายเอ่ยถาม

    “ดี ไม่มีอะไรร้ายแรงใช่ไหม” รู้ว่าที่เลขารายงานแค่นั้นเพราะไม่มีอะไรเกิดกับสาวเจ้าแต่ก็อดถามออกไปไม่ได้

    “ไม่มีครับ ตลอดทั้งวันที่เดินเที่ยวไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น มีแค่อยู่ดูฟลาเมงโกเพลินลืมเวลาจนต้องโทรบอกคนที่บ้านพักมารับครับ” ฟิเดลรายงานตามความเป็นจริงตามที่ได้รับฟังมาจากลูกน้องที่รายงานตรงจากกรานาดาอีกที

    “อืม ตามต่อไป ถ้ามีอะไรร้ายแรงค่อยเข้าไปช่วย”

    “ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” เลขาหนุ่มตอบขานรับคำสั่งพร้อมกับก้มหัวล่ำลาเจ้านายเล็กน้อยก่อนจะเดินหันหลังออกจากห้องพักพลางคิดนินทาเจ้านายในใจถึงความคลั่งรักที่เฝ้าตามดูแลแม่ยอดดวงใจตั้งแต่วัยรุ่นยันทุกวันนี้โดยที่ว่าที่นายหญิงของเขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด ด้วยความที่รับใช้ดูแลกันเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ฟิเดลและลูคัสที่เป็นมือซ้ายของมาร์คินเป็นเด็กกำพร้าที่นายใหญ่นำมาเลี้ยงดูชุบชีวิตและให้ชีวิตใหม่แก่คนทั้งสอง และด้วยเหตุนี้ทั้งมาร์คิน ฟิเดล และลูคัส ถูกเลี้ยงมาด้วยกันไม่ต่างกับพี่น้องร่วมสายเลือด ทั้งสามคนจึงรักและดูแลกันอย่างดี ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความลับของใครคนใดคนหนึ่ง บอกเลยว่าไม่มี ปิดบังกันไม่ได้เลย เรียกว่ารู้ไส้รู้พุงกันหมดด้วยความที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก

    “บอกไอ้ลูคกลับบ้านด้วย หม่ามี้ถามถึง” ยังก้าวไม่ถึงประตูห้องดี ก็มีเสียงเจ้านายตะโกนตามหลังมาด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากเวลางานลิบลับ

    “ครับเฮีย” นั่นแหละชื่อที่เรียกเจ้านายที่ไม่ใช่เวลางาน เป็นทั้งนายและพี่ชาย เคยเรียก “นาย” ตลอดเวลาแล้วแต่คนเป็นนายกลับตอกกลับมาว่า “กูเป็นเฮียมึงนะ” เท่านั้นแหละทั้งเขาและลูคัสก็จำต้องรีบเปลี่ยนสีเปลี่ยนคำเรียกขานให้เร็วไว และหม่ามี้ที่ทั้งนายและคุณริต้าเรียก แต่ฟิเดลกับลูคัสกลับเรียกว่า “นายแม่” ด้วยเพราะทั้งคู่เคารพเมริษาเป็นทั้งนายหญิงและแม่ผู้มีพระคุณเลี้ยงดูพวกเขามาให้ทั้งความรักและความเมตตาไม่ต่างจากลูกแท้ ๆ เลย 

     

        หลังจากหลบไปพักผ่อนแต่ไม่หย่อนกายนานเป็นสัปดาห์ทั้งเที่ยวบ้าง พักบ้าง แต่ก็มีความสุขให้หลงลืมความทุกข์ใจไปบ้าง แต่สุดท้ายเซรีน่าก็ต้องกลับมาลุยงานต่ออีกครั้ง กลับมาครั้งนี้กลับได้แรงบันดาลใจออกแบบคอลเล็กชันใหม่ไปได้หลายชิ้นอย่างเกินความคาดหมาย ทำให้หญิงสาวเจ้าของแบรนด์เกิดความสนุก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปกับการร่างแบบที่ไหลผ่านเข้ามาในสมองและถูกส่งผ่านไปยังมือเรียวสวยร่างแบบทั้งชุดราตรี ชุดใส่สบาย ๆ ชุดว่ายน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมายลงบนสมุดสเก็ตช์แบบพร้อมส่งให้ขั้นตอนการเลือกผ้าและตัดเย็บต่อไป อีกไม่นานคงจะเสร็จออกมาให้เยี่ยมชมได้ชื่นอกชื่นใจ

     

        วันเวลาผันเปลี่ยนไปจากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เปลี่ยนไปเป็นเดือน และอีกสองเดือนจะถึงวันวิวาห์ใหญ่ของสองตระกูลดัง ข่าวคราวการแต่งงานถูกจับตามองจากทั่วประเทศและอาจจะไปไกลทั้งทวีปยุโรปเลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยฝ่ายเจ้าบ่าวที่เป็นถึงทายาทธุรกิจดังอันดับต้น ๆ ของยุโรป แต่ฝั่งเจ้าสาวดีกรีก็ไม่ได้แพ้กันเลย สื่อหลายสำนักทั่วสเปนและบางสำนักจากทั่วทั้งยุโรปต่างเขียนข่าวงานวิวาห์ดัง บ้างก็ตั้งข้อสงสัยว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปคบหาดูใจกันตั้งแต่เมื่อไหร่? บ้างก็ตั้งคำถามว่าแต่งเพราะธุรกิจหรือเปล่า? แต่ก็มีบางสำนักที่ยังคงเขียนแค่เรื่องการแต่งงานและร่วมแสดงความยินดี การเกี่ยวดองกันของสองตระกูลครั้งนี้เรียกได้ว่าทั้งเป็นที่จับตามองและให้ความสนใจกันทั่วประเทศหรืออาจจะรวมไปทั้งยุโรปเลยก็ว่าได้

     

    ++ งานวิวาห์น่าจับตามองของสองตระกูลดัง!! ++

           ….กลายเป็นข่าวดังน่าจับมองจากทั่วทั้งประเทศไปแล้ว สำหรับงานวิวาห์ของสองตระกูลดังอันดับต้น ๆ ของสเปน ระหว่างตระกูลอลอนโซ่กับตระกูลเฟอร์นันเดซ ที่ทายาททั้งสองตระกูลอย่าง มาร์คิโน่ อลอนโซ่ กับ เซรีน่า เฟอร์นันเดซ กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์กันในอีก 2 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม moonnews ก็ขอแสดงความยินดีกับทั้งสองตระกูลด้วยนะคะ….

                

     ตาคมสวยของเซรีน่าละจากข่าวการแต่งงานของเธอที่กำลังเป็นที่สนใจของสื่อในเวลานี้ หมุนเก้าอี้หันไปยังกระจกใสด้านหลังที่เห็นวิวยามค่ำคืนของเมืองหลวง ความสวยงามทั้งตึกรามบ้านช่องทั้งดวงไฟประดับอาคารเล็กอาคารใหญ่ไม่ได้ดึงดูดสายตาหวานได้เหมือนทุกครั้ง หญิงสาวเหม่อมองไปยังเบื้องหน้าพลางขบคิดในใจอย่างน่าตลกแต่ตลกไม่ออกเท่าไหร่ 

    'ใครจะไปคิดว่าวิวาห์ดังที่ทุกคนกำลังสนใจนักสนใจหนา ความเป็นจริงแล้วเจ้าสาวของงานเพิ่งรู้จักชื่อจริง ๆ ของเจ้าบ่าวจากข่าวที่ออกกันโครม ๆ นี่แหละ บอกใครเขาก็คงต้องขำกลิ้งแน่ เหอะ’ ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักกัน แต่เป็นตัวเธอเองต่างหากที่ไม่สนใจว่าเขาจะชื่อเสียงเรียงนามอะไร ทำอะไร อายุแก่กว่าเธอกี่ปี ไม่เคยสนใจอยากจะรู้เลย รู้แค่ว่าเป็นลูกของอามาร์ตินกับคุณน้าริษาเท่านั้น บ่อยครั้งที่คนรอบข้างคิดว่าเธอเกลียดเขา แต่นาน ๆ เข้าก็เข้าใจอย่างแท้จริงว่าเธอไม่ได้เกลียด แค่ไม่ได้สนใจเขาแค่นั้นเอง ถามว่าถ้าแต่งงานอยู่ด้วยกันไปโอกาสพัฒนาความสนใจเขาจะเกิดขึ้นไหม ความรู้สึกตอนนี้บอกไม่ถูกเลยเพราะไม่เคยต้องสัมผัสกับคำว่าสนใจใครนอกจากคนในครอบครัว ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันเพราะเธอเองก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะสนใจหรืออาจจะไม่สนใจเธอเหมือนกับเธอตอนนี้ก็เป็นได้

     

    ‘ติ๊ง!’

                ( วันเสาร์ 10 โมงไปลองชุดแต่งงานนะลูก พิกัดร้านเดี๋ยวหม่ามี้ส่งให้นะคะ )

                

    เสียงข้อความดังขึ้นจากมือถือเครื่องหรูทำให้เซรีน่าหลุดจากความคิดตัวเองหันกลับมามองไปยังแหล่งที่มาของเสียงก็พบกับข้อความที่ส่งเข้ามาของมารดาที่บอกให้เธอรู้วันเวลานัดลองชุดแต่งงาน นั่งมองข้อความบนแถบแจ้งเตือนนานเป็น 10 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววที่สมองจะสั่งการให้มือกดเข้าไปตอบกลับข้อความที่ส่งมา ได้แต่นั่งมองพร้อมกับนั่งถอนหายใจยาวอย่างปลงตก ‘เฮ้ออ’

                

     

    9 โมง 45 นาที ก่อนเวลานัดหมาย ร่างหนาสมส่วน ส่วนสูง 188 เซนติเมตรก้าวเท้าเข้ามาภายในร้านชุดวิวาห์แบรนด์หรูชื่อดังเจ้าประจำของตระกูล สายตาคมกวาดสายตาไปรอบ ๆ ร้านอย่างพิจารณา พนักงานในร้านเมื่อเห็นชายหนุ่มลูกค้า VIP เข้ามาในร้านก็พากันปลีเข้ามาต้อนรับอย่างรู้หน้าที่ หนุ่มหล่อลูกครึ่งบอกจุดประสงค์การมาของตัวเองเสร็จ พนักงานก็พาไปยังห้องรับรองพิเศษทันที หยิบแคตตาล็อกชุดแต่งงานมาเปิดดูพลาง ๆ รอว่าที่เจ้าสาวคนสวยของตน

    มาคิโน่นั่งรอเซรีน่าตั้งแต่ก่อนเวลานัดจนเวลาผ่านไปเกือบเที่ยง ระยะเวลาร่วม 2 ชั่วโมงที่รอก็ไม่เห็นวี่แววว่า ว่าที่เจ้าสาวของเขาจะมาเลย ติดต่อกับลูกน้องคนที่ตามดูแลก็บอกว่า “คุณเซรีน่ายังอยู่ที่ออฟฟิศครับ” ทำงานจนลืมเวลาอีกแล้วสินะ เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่กันที่เขาจะกลายเป็นคนที่เธอต้องไม่ลืมทิ้งลืมขว้างแบบนี้ พอจะหวังลม ๆ แล้ง ๆ บ้างได้ไหม หลายคนอาจจะคิดว่าเขาไม่เคยพยายามพาตัวเองเข้าไปในชีวิตหรือเปล่าเธอเลยไม่เห็นตัวตนเขา เปล่าเลย เข้าทำทุกอย่างแล้ว เคยชวนไปทานข้าวหลายต่อหลายครั้งแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ 

    “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ว่างค่ะ” ตลอด วันสำคัญต่าง ๆ ก็ส่งของขวัญ ดอกไม้มาให้ตลอด เธอรับไปนะ แต่ก็ไม่มีการตอบกลับเหมือนเดิม เราไม่ได้เจอกันซึ่ง ๆ หน้ามานานเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ก็อย่างที่ผมเคยบอก เธอไม่ได้เกลียดผมหรอก แต่แค่ไม่สนใจผมเท่านั้นเอง แล้วถามว่าเจอแบบนี้มีท้อบ้างไหม บอกตรง ๆ เลยนะว่าท้อ แต่ก็นั่นแหละ ผมท้อแต่ไม่เคยถอดใจ ยิ่งในอีกไม่นานเรากำลังจะแต่งงานและอยู่ด้วยกัน ผมคิดว่าช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเราจะเปิดใจและสร้างความทรงจำดี ๆ ไปด้วยกันได้ ผมคาดหวังไปแบบนี้ผมจะผิดหวังไหมนะ คิดแล้วก็อดขำกับชีวิตตัวเองไม่ได้ คาดหวังขนาดนี้ถ้าผิดหวังจะเจ็บหนักขนาดไหนนะ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากได้คำตอบอื่นหรอกนะ เพราะเขาจะต้องการความสมหวังเท่านั้น 

                

         ระหว่างที่ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในร้านชุดวิวาห์หรูกำลังตกอยู่กับความคิดของตัวเอง ประตูกระจกชั้นดีของร้านก็เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติพร้อมกับร่างบางสมส่วนของสาวลูกครึ่งก็ก้าวเดินเข้ามาภายในร้าน จะบอกว่าเดินก็ไม่เชิง เพราะเธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบ เหตุเพราะความหลงลืมเวลาที่เธอจะต้องมาที่แห่งนี้ตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้วแล้ว

    “มาลองชุดแต่งงานค่ะ” กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาภายในร้านก็บอกจุดประสงค์ที่ตนต้องมา ถึงจะช้าไปสองชั่วโมงก็เถอะ

    “คุณเซรีน่านะคะ เชิญที่ห้องรับรองพิเศษเลยค่ะ คุณมาร์คิโน่อยู่ด้านในค่ะ” พนักงานภายในร้านตอบกลับพร้อมกลับพาเดินไปยังห้องที่เจ้าหล่อนพูดถึงเมื่อครู่ 

    ‘เขายังอยู่หรอ?’ เซรีน่าเดินตามพนักงานพลางขบคิดในใจอย่างรู้สึกผิดที่เธอทำให้เขาต้องเสียเวลารอเธอมาตั้งหลายชั่วโมง

          เซรีน่าหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องรับรองพิเศษที่พนักงานยืนเปิดไว้รอพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของชายหนุ่มหุ่นสมส่วนตามแบบฉบับคนออกกำลังกายเป็นประจำ ด้วยความที่คลุกคลีและอยู่กับการวัดสัดส่วนร่างกายของคนมานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนสูงที่คำนวณจากสายตาน่าจะ 185 เซนติเมตรขึ้นไปเห็นจะได้ กำลังนั่งเปิดหนังสือแคตตาล็อกหน้าแล้วหน้าเล่า พร้อมกับหนังสือประเภทเดียวกันอีกประมาณยี่สิบเล่มวางอยู่บนโต๊ะ ทำให้เธอรู้สึกผิดกับเขามากกว่าเดิมอีก 

    ‘เฮ้ออ รีน่านะรีน่าไม่น่าทำงานเพลินเลย’ ขาเรียวก้าวเข้ามาภายในห้องด้วยน้ำหนักเท้าที่เบาแต่เสียงรองเท้าส้นสูงคู่สวยของเธอกลับเป็นแหล่งกำเนิดเสียงให้เธออย่างดี

                

          เสียง ‘ตึก ตึก ตึก’ ดังมาจากหน้าประตูเหมือนกับมีคนกำลังเดินเข้ามา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้จำต้องละสายตาจากสิ่งที่อยู่ในมือเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง สายตาคมประสานกับดวงหน้าหวานหยาดเยิ้มราวกับเทพธิดาในเทพนิยายที่กำลังจ้องมองมาทางเขาเช่นกัน ตาสบตากันต่างคนต่างความรู้สึก 

    ‘ยังสวยตรึงใจเหมือนเดิมเลยหนูรีนของเฮีย’ มาร์คิโน่เพ้อในใจ แต่อีกคนกลับกังวลคิดเพียงแค่ว่าเขาจะโกรธหรือต่อว่าที่เธอปล่อยให้เขารอเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงไหมนะ?

    “หนูรีนมาแล้วหรอครับ เฮียดูแบบชุดไปหลายชุดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหนูรีนจะชอบแบบไหนเลยรอให้หนูมาดูเองดีกว่า แต่หม่ามี้ของเฮียก็ติดต่อทางร้านมาแล้วแหละ มีแบบที่ตัดเย็บพิเศษเสร็จแล้วหลายแบบเลย หนูลองดูแล้วเลือกเอาเลย แต่เฮียว่าหนูรีนใส่ชุดไหนก็สวยทุกชุดนั่นแหละเนอะ ^^ ” พูดด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้นผิดแผกไปจากคนที่นั่งรอคน ๆ หนึ่งที่ผิดเวลานัดมาเกือบสามชั่วโมง ทำเอาเซรีน่าไปไม่ถูกเหมือนกัน ทั้งงงทั้งอึ้ง งงที่เขาไม่มีทีท่าว่าจะโกรธหรือไม่พอใจที่ต้องนั่งรอตั้งนานสองนาน และอึ้งที่เขาพูดประโยคยืดยาว พูดเองเออเองแบบไม่เว้นช่องไฟให้เธอได้แทรกเลย 

    “สวัสดีค่ะคุณมาร์คิโน่ ก่อนอื่นต้องขออภัยที่ให้นั่งรอนานนะคะ พอดีดิฉันนั่งทำงานเพลินไปหน่อยค่ะ” หลังจากที่อ้ำอึ้งกับการถูกจู่โจมด้วยประโยคทึกทักที่ยาวเหยียดของคนตรงหน้าก็ตั้งสติแล้วรีบทักทายและขอโทษที่ให้อีกฝ่ายรอตน

    “ไม่เป็นไรครับ อีกอย่างหนูรีนไม่ต้องพูดเป็นทางการกับเฮียก็ได้ครับ คุยแบบกันเองเถอะ เฮียอยากกันเอง” พูดเองก็อยากตบปากตัวเอง ฉุกคิดกับคำพูดตัวเองว่าหญิงสาวจะคิดมากหรือตกใจไหมนะ ก็เขาอยากเป็นกันเอง อยากให้เธอสนิทสนมกับเขาจริงนี่หน่า ส่วนอีกคนที่ได้ยินประโยคดังกล่าวกลับไม่ได้เอะใจกับจุดที่คนพูดกังวล แต่กลับเป็น... 

    ‘หนูรีน? เขาเรียกเราหรอ?’ ถามตัวเองในใจพร้อมกับขมวดคิ้วไปด้วย

      “อ่า..ค่ะ”

    “หนูรีน เรียกเฮียว่า เฮียคินก็ได้ครับ เป็นกันเองดี” คนที่อยากให้สาวเจ้าสนิทกับตัวเองแทบตาย จัดการยัดเยียดความสนิทสนมให้ทันที

    “เอ่อ...จะดีหรอคะ ดิฉันว่าจะไม่เหมาะเอานะคะ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” คนพูดก็พูดไปตามความซื่อไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน แต่คนฟังที่คาดหวังสูงอยู่แล้วก็คันยุบยิบ ๆ ในใจได้เหมือนกัน 

    “ถ้างั้นหนูรีนเรียกชื่อเล่นเต็มๆ ของเฮียก็ได้ครับ เฮียชื่อมาร์คิน” ที่บอกชื่อตัวเองเหมือนเป็นการแนะนำตัวตอนเจอกันครั้งแรกไปนั้นเป็นเพราะเขารู้ว่าเธอจำชื่อเขาไม่ได้หรอก เขาจะยัดเยียด ยัดเยียดทุกอย่างเลย..... ล้อเล่น

    “อ่าา ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เซรีน่ายอมจำนน ด้วยสมองตอนนี้ตั้งรับกับความรวดเร็วในการมัดมือชกของเขาไม่ทัน

    “อีกอย่างเฮียขอหนูรีนไม่แทนตัวเองว่าดิฉันได้ไหมครับ” เอาอีกแล้ว มัดมือชกอีกแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นมัดมือชกแบบขอร้อง ‘เฮ้ออ เอาเถอะคุณถือซะว่าเป็นคำขอโทษที่ปล่อยให้รอนานแล้วกัน’ 

    “ค่ะ”

    “ขอบคุณครับ ^^ งั้นเราไปเลือกชุดกันดีกว่าครับ” เอ่ยชวนเสร็จก็เดินนำไป ว่าที่เจ้าสาวที่เดินตามหลังก้าวเดินตามหลังพลางถอนหายใจอย่างหมดหวัง จากก่อนหน้านี้ที่หวังจะขอความร่วมมือจากเขาก็คงต้องพับเก็บใส่ลิ้นชักล็อกกุญแจล่ามโซ่ด้วยได้เลยแหละ ดูจากความกระตือรือร้นก่อนหน้านี้ของว่าที่เจ้าบ่าวที่ดูจะเต็มใจเอามาก ๆ กับงานวิวาห์ครั้งนี้ 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×