ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rising Aqua ฝากรักไว้ในสายน้ำ

    ลำดับตอนที่ #3 : No reason at all

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 52


    Chapter 3 – No reason at all

    'เรา' คือ ตัวผมและนายคนป่า รวมทั้งเสือที่นั่งมา....หยุดพักตรงลำธารที่เห็นอยู่เบื้องหน้า....น้ำในลำธารใสแจ๋วจนเห็นฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ ใต้นั้น...โครกกก เห็นแล้วหิวข้าวทันที ปกติผมก็ไม่ตะกละขนาดนี้หรอกนะ แต่วันนี้ทั้งวัน ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะตื่นสาย รีบมาให้ทันขึ้นเครื่องเลยไม่ได้ทานอะไรรองท้องมาก่อน กะว่าจะอาศัยกินตอนเครื่องบินอยู่บนฟ้า แต่เอาเข้าจริงก็หลับสนิทไม้รู้เรื่องรู้ราว

    เขาช่วยประคองตัวผมลงจากหลังเสือ....แล้วพยุงผมมานั่งบนโขดหินริมธาร ซึ่งกว้างขนาดใหญ่พอจะยืดขาได้ร่างสูงใหญ่หยิบผ้าผืนหนึ่งออกมา และนำผ้าผืนนั้นไปแช่ในน้ำ แล้วบิดหมาดๆ ก่อนที่จะนำมาเช็ดแผลตรงหัวเข่าให้ผม

    "เอ่อ....ขอบคุณครับ" ผมที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมมาโผล่อยู่กลางป่าได้ เอ่ยขอบคุณเบาๆ.....ร่างสูงพยักหน้ารับ..เขาส่งยิ้มให้ผม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมาอีก

    " ขอโทษครับ...ที่นี้คือที่ไหนหรอครับ? "  ผมมีคำถามหลายอย่างที่อยากถามชายตรงหน้า...ผมไม่หวังว่าเขาจะรู้ว่าผมมาได้ยังไง...แต่อย่างน้อย เขาคงพอจะบอกได้ว่าที่นี้คือที่ไหน

    ผมเห็นเขาทำหน้าแปลกใจชั่วแวบนึง แต่ก็ปรับสีหน้าเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

    "ป่าแห่งรัตติกาล...อยู่ในอาณาเขตระหว่างสองเมืองยามิดีส และโอเรียน" เขาเอ่ยตอบ

    "ห๊ะ!ว่าไงนะ....ป่ารัตติกาล กับเมืองอะไรนะ ชื่อยาๆ โอๆ? " ผมนั่งงงเป็นไก่ตาแตก...ชื่อป่าที่น่าจะอยู๋ในนิยายแนวพ่อมดหมอผี กับชื่อเมืองที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต...และแน่ใจว่าคงปรากฏอยู่ในแผนที่โลกด้วยแน่นอน....เอ๊...หรือว่า...ไม่แน่มันอาจอยู่แถวทวีปยุโรปก็ได้.....คิดในแง่ดีไว้ก่อนดีกว่า

    "ยามิดิส และ โอเรียน ทั้งสองเมืองต่างอยู่ในการปกครองของเทพดรานุส " ผมอ้าปากค้างอย่างลืมตัว เมื่อได้ยินคำขยายความของร่างสูง

    โอ้วววว.....คราวนี้เขามั่นใจ พันล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่าหลงมาในโลกที่ไม่ได้รู้จักซะแล้ว.....ความจริงตัวผมเองก็ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น หรือนิยายแนวผจญภัย และตอนสมัยยังเป็นเด็กชายวิชา ..ก็เคยฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้ไปผจญภัยในต่างแดน เดินทางไปสู่โลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครไปถึง....แต่เอาเข้าจริงๆ แข้งขาก็สั่นด้วยความกลัว เพราะถ้าแค่เที่ยวเมืองนอก เขาก็ยังอุ่นใจว่ายังไงเที่ยวเสร็จก็กลับไปเมืองไทย กลับบ้าน..กลับไปหาครอบครัว

    แต่นี่...............ต่างถิ่น............. ต่างแดน.......... ต่างโลก! นี่เขาจะได้กลับบ้านไหมนะ?..แค่เพียงคิดก็ใจหาย

    ผมมองร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้ลงไปแช่อยู่ในน้ำอย่างสบายใจ ตรงข้ามกับตัวผมที่คิดมากจนหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ


    ....ผมเม้นริมฝีปากแน่น...ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด....


    "
    เอาวะ....  เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม.."....ใช่แล้ว! ไหนๆเราก็โผล่มาอยู่ที่นี้แล้ว จะคิดมากทำไมกัน คิดซะว่าเรามาพักผ่อน... ต้องใช้วันหยุดให้คุ้มค่าดีกว่า แล้วพอถึงวันที่ต้องกลับไปทำงานบริษัทแล้วค่อยคิดใหม่อีกที

    "คือ….แล้ว..เอ่อ..คุณชื่ออะไรครับ?" ผมเอ่ยถาม....ยังไงก็ต้องผูกมิตรหมอนี่ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก

    "ข้ามีนามว่าซาร์ค เป็นบุตรของโอเทม" ยามเอ่ยชื่อร่างสูงใหญ่ยืดหลังตรง มีรัศมีของอำนาจแผ่มาทั่ว จนผมรู้สึกได้....หมอนี่ลูกคนใหญ่คนโตแหงแซะ.....แล้วอไรวะที่บอกว่าเป็นบุตรของโอเทม...หรือหมายความว่าให้บอกชื่อพ่อด้วยเหรอ..งงโว้ย

    "ผมชื่อวิชา จำเริญเกียรติ ครับ เป็นบุตร..เอ่อ..ของนายทรงยศ จำเริญเกียรติ เรียกผมว่า น้ำก็ได้นะครับ"ผมฉีกยิ้มแสดงความเป็นมิตรเต็มที่

    "น้ำหรือ? เจ้าเป็นบุตรของอควอนี่เอง...มิน่าล่ะเจ้าถึงได้เอ่ยวาจาแปลกๆ" และแล้วผมก็งงอีกรอบ...แปลว่าไอ้บุตรอะไรเนี่ยไม่ต้องบอกเป็นชื่อพ่อหรอกเหรอ ?

      

    "แล้วเจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่ คนเดียว?  เพราะถ้าความทรงจำของข้ายังแม่นยำอยู่ ..เท่าที่ข้ารู้มา คนของเทพอควอจะไม่ก้าวออกจากเมืองจนกว่าฤดูบวงสรวงจะเสร็จสิ้นนี่  "

    เอาละสิ...จะบอกดีไหมว่า ตัวเราเองยังไม่รู้เลยว่ามาโผล่ที่นี่ได้ยังไง แล้วไอ้เทพอควอ  อะเควอ ที่ร่างสูงใหญ่เอ่ยถึง ผมก็ไม่รู้จักสักกะนิ๊ดนึง!

    "คือ ว่า...ไงดีล่ะ สรุปสั้นๆก็คือ ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามาที่นี่ได้ไง แล้วอีกอย่างคุณคงเข้าใจผิด...คือผมไม่ได้เป็นคนของเทพที่คุณว่ามาหรอกครับ.......และอันที่จริงผมก็คงไม่ใช่คนของโลกนี่ด้วยครับ "

     พูดเสร็จก็ใจหายวาบ เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคู่สนทนา....นายซาร์คมีสีหน้าตกใจกึ่งประหลาดใจอย่างเก็บไม่อยู่ เป็นผมเอง ถ้าเจอใครพูดว่าไม่ใช่คนบนโลก ผมคงคิดได้สองอย่างคือ

    1.ไอ้หมอนี่ท่าจะบ้า กับ

    2.เจอเอเลี่ยนตัวจริงเข้าให้แล้ว

    ซึ่งอย่างหลังก็เป็นเรื่องที่แทบจะไม่เกิดขึ้น

    "ข้าเข้าใจแล้วล่ะ เจ้าคงเป็นชาวมนุษย์ที่เผอิญไขประตูที่ปิดตายเป็นระยะเวลากว่าหลายร้อยปีได้สำเร็จ จึงถูกดูดเข้ามาในดินแดน


    '
    ไลท์เอิร์ท' แห่งนี้ "…….เฮ้ยยยยยยยย  เดี๋ยวก่อนสิ เมื่อตะกี้หมายความว่าไง  ใครเป็นชาวมนุษย์ที่ถูกดูดกัน!!!

    เดี๋ยวก่อนเรื่องที่คล้ายหนังไซไฟว์ หรือนิยายแนวแฟนตาซีผจญภัย พล็อตเรื่องที่ขายดีที่สุดคือแนวผู้กล้าที่มาจากโลกอื่น เดินทางมาเพื่อช่วยเหลือโลกที่ผจญกับสิ่งอันตราย

    ใช่แล้ว...บางที ผมอาจจะเป็นแบบในหนังสือก็ได้เป็นฮีโร่ วะ ฮะ ฮะ ฮ่า... เฮ้ย ผิดคิว นั่นมันหน้ากากแอ็คชั่น ฮีโร่ขวัญใจไอ้เด็กโรคจิตชอบโชว์ช้างน้อยนี่

    แล้วผมจะถูกเลือกไปทำซากอะไรวะ หุ่นก็คนละรุ่นกับลุงอาโนเนะ ที่เล่นคนเหล็กมาหลายภาค แถมยังไม่มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ....ไอ้กินเร็วนี่คงไม่นับว่าช่วยโลกหนอกนะ

    "ช่วงนี้มีสถานการณ์อะไรร้ายแรงหรือเปล่าครับ?" ผมลองถามดู


    "
    หือ..ไม่มีนี่  "

    "ไม่มีเลยหรือครับ..สงคราม หรือว่าโรคภัยไข้เจ็บ ก่อม็อบประท้วงอะไรแบบนี่นะครับ"

    "ไม่มีแน่นอน ข้ามั่นใจว่าสถานการณ์ในไลท์เอิร์ทสงบสุข"

    "แล้วทำไมผมถึงโผล่มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?" อะไรกันวะ บ้านเมืองเค้าก็สงบสุขดี

    "ข้าเองก็ไม่รู้สาเหตุที่ประตูเปิดได้เหมือนกัน เรื่องนี้เจ้าต้องถาม นักปราชญ์แห่งยามิดิส ดู ไม่แน่ว่าท่านอาจมีหนทางพาเจ้ากลับโลกมนุษย์ได้ "


    "
    จริงเหรอเนี่ย โอ้ ขอบคุณมากๆเลยครับ และถ้าเป็นไปได้ คุณซาร์คช่วยพาผมไปหาท่านนักปราชญ์ที่ว่าด้วยได้ไหมครับ?" ผมสายตาเว้าวอน...ขอให้หมอนี่นิสัยเหมือนพระเอกที่ชอบช่วยเหลือชาวบ้านด้วยเถอะ เพี้ยง! อย่าได้เลวเหมือนตัวโกงเล้ย


    "
    ได้ซิ ข้าต้องผ่านเมืองยามิดิสอยู่แล้ว" ฮู้เร่ !!! นายซารค์ นอกจากหน้าตาดีแล้วยังจิตใจงดงาม เอาไปเลย 100 คะแนนเต็ม....

    "มีเจ้าไปด้วยก็คงไม่เป็นภาระข้ามาก เจ้าตัวเล็กอย่างนี้คงจะไม่กินจุนักหรอก" ขอถอนความคิดว่าหมอนี่เป็นคนดีใหม่ดีกว่า..หนอยเห็นคนอื่นเป็นภาระ มีหน้ามายิ้มอีก เท่ห์ตายล่ะ

    "ขอบคุณอีกครั้งครับ"ผมกัดฟันเอ่ยขอบคุณ....แม้ใจจริงในความคิด ผมอยากโดดกัดหัวซะมากกว่า แล้วเอ่ยว่า ไปเองก็ได้ ไม่ง้อหรอก

    เฮ้ย! ผมแค่คิดประทุษร้ายในใจเองนะ แล้วทำไมนายซาร์คถึงเดินดุ่มๆตรงมาที่ผมนั่งอยู่ มาดยังกับเจ้าพ่อมาเฟีย หรือว่าคนที่นี่อ่านความคิดชาวบ้านได้วะ....ผมหลับตาปี๋.... อย่านะ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    ไง้ ไม่เจ็บเลยแฮะ....ผมนึกว่าจะโดนอัดซะตุ้บสองตุ้บ ที่ไหนได้ร่างสูงใหญ่กลับยกตัวผมอุ้ม(อีกแล้ว) ไปวางไว้หลังเจ้าเสือตัวเดิม 

    "เจ้าคงเหนื่อยมามากแล้ว การเดินทางผ่าน 'จุดนั้น' คงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเกินไป ไม่ต้องห่วงนะ พักผ่อนให้สบายเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปเอง" น้ำเสียงอาทรแสดงความห่วงใย ที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจำได้ยินจากที่นี้ และฝ่ามืออุ่นที่ลูบหัวเบาๆ สัมผัสอ่อนโยนเช่นคู่นี้ก็เหมือนกัน  

    ผมค่อยๆหลับตาลง ยังจำภาพนัยน์ตาสีสวยที่แลดูอบอุ่น มองทอดลงมาที่ผม

    'เอาเถอะ บางที การเดินทางครั้งนี้ก็คงไม่เลวร้ายเท่าไรหรอก'

    TCB.

       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×