คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : No reason at all
Chapter 3 No reason at all
'เรา' คือ ตัวผมและนายคนป่า รวมทั้งเสือที่นั่งมา....หยุดพักตรงลำธารที่เห็นอยู่เบื้องหน้า....น้ำในลำธารใสแจ๋วจนเห็นฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ ใต้นั้น...โครกกก เห็นแล้วหิวข้าวทันที ปกติผมก็ไม่ตะกละขนาดนี้หรอกนะ แต่วันนี้ทั้งวัน ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะตื่นสาย รีบมาให้ทันขึ้นเครื่องเลยไม่ได้ทานอะไรรองท้องมาก่อน กะว่าจะอาศัยกินตอนเครื่องบินอยู่บนฟ้า แต่เอาเข้าจริงก็หลับสนิทไม้รู้เรื่องรู้ราว
เขาช่วยประคองตัวผมลงจากหลังเสือ....แล้วพยุงผมมานั่งบนโขดหินริมธาร ซึ่งกว้างขนาดใหญ่พอจะยืดขาได้
ร่างสูงใหญ่หยิบผ้าผืนหนึ่งออกมา และนำผ้าผืนนั้นไปแช่ในน้ำ แล้วบิดหมาดๆ ก่อนที่จะนำมาเช็ดแผลตรงหัวเข่าให้ผม
"เอ่อ....ขอบคุณครับ" ผมที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมมาโผล่อยู่กลางป่าได้ เอ่ยขอบคุณเบาๆ.....ร่างสูงพยักหน้ารับ..เขาส่งยิ้มให้ผม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมาอีก
" ขอโทษครับ...ที่นี้คือที่ไหนหรอครับ? " ผมมีคำถามหลายอย่างที่อยากถามชายตรงหน้า...ผมไม่หวังว่าเขาจะรู้ว่าผมมาได้ยังไง...แต่อย่างน้อย เขาคงพอจะบอกได้ว่าที่นี้คือที่ไหน
ผมเห็นเขาทำหน้าแปลกใจชั่วแวบนึง แต่ก็ปรับสีหน้าเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
"ป่าแห่งรัตติกาล...อยู่ในอาณาเขตระหว่างสองเมือง
ยามิดีส และโอเรียน" เขาเอ่ยตอบ
"ห๊ะ!ว่าไงนะ....ป่ารัตติกาล กับเมืองอะไรนะ ชื่อยาๆ โอๆ? " ผมนั่งงงเป็นไก่ตาแตก...ชื่อป่าที่น่าจะอยู๋ในนิยายแนวพ่อมดหมอผี กับชื่อเมืองที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต...และแน่ใจว่าคงปรากฏอยู่ในแผนที่โลกด้วยแน่นอน....เอ๊...หรือว่า...ไม่แน่มันอาจอยู่แถวทวีปยุโรปก็ได้.....คิดในแง่ดีไว้ก่อนดีกว่า
"ยามิดิส และ โอเรียน ทั้งสองเมืองต่างอยู่ในการปกครองของเทพดรานุส " ผมอ้าปากค้างอย่างลืมตัว เมื่อได้ยินคำขยายความของร่างสูง
โอ้วววว.....คราวนี้เขามั่นใจ พันล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่าหลงมาในโลกที่ไม่ได้รู้จักซะแล้ว.....ความจริงตัวผมเองก็ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น หรือนิยายแนวผจญภัย และตอนสมัยยังเป็นเด็กชายวิชา ..ก็เคยฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้ไปผจญภัยในต่างแดน เดินทางไปสู่โลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครไปถึง....แต่เอาเข้าจริงๆ แข้งขาก็สั่นด้วยความกลัว เพราะถ้าแค่เที่ยวเมืองนอก เขาก็ยังอุ่นใจว่ายังไงเที่ยวเสร็จก็กลับไปเมืองไทย กลับบ้าน..กลับไปหาครอบครัว
แต่นี่...............ต่างถิ่น............. ต่างแดน.......... ต่างโลก! นี่เขาจะได้กลับบ้านไหมนะ?..แค่เพียงคิดก็ใจหาย
ผมมองร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้ลงไปแช่อยู่ในน้ำอย่างสบายใจ ตรงข้ามกับตัวผมที่คิดมากจนหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
....ผมเม้นริมฝีปากแน่น...ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด....
"เอาวะ.... เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม.."....ใช่แล้ว! ไหนๆเราก็โผล่มาอยู่ที่นี้แล้ว จะคิดมากทำไมกัน คิดซะว่าเรามาพักผ่อน... ต้องใช้วันหยุดให้คุ้มค่าดีกว่า แล้วพอถึงวันที่ต้องกลับไปทำงานบริษัทแล้วค่อยคิดใหม่อีกที
"คือ
.แล้ว..เอ่อ..คุณชื่ออะไรครับ?" ผมเอ่ยถาม....ยังไงก็ต้องผูกมิตรหมอนี่ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
"ข้ามีนามว่าซาร์ค เป็นบุตรของโอเทม" ยามเอ่ยชื่อร่างสูงใหญ่ยืดหลังตรง มีรัศมีของอำนาจแผ่มาทั่ว จนผมรู้สึกได้....หมอนี่ลูกคนใหญ่คนโตแหงแซะ.....แล้วอไรวะที่บอกว่าเป็นบุตรของโอเทม...หรือหมายความว่าให้บอกชื่อพ่อด้วยเหรอ..งงโว้ย
"ผมชื่อวิชา จำเริญเกียรติ ครับ เป็นบุตร..เอ่อ..ของนายทรงยศ จำเริญเกียรติ เรียกผมว่า น้ำก็ได้นะครับ"ผมฉีกยิ้มแสดงความเป็นมิตรเต็มที่
"น้ำหรือ? เจ้าเป็นบุตรของอควอนี่เอง...มิน่าล่ะเจ้าถึงได้เอ่ยวาจาแปลกๆ" และแล้วผมก็งงอีกรอบ...แปลว่าไอ้บุตรอะไรเนี่ยไม่ต้องบอกเป็นชื่อพ่อหรอกเหรอ ?
"แล้วเจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่ คนเดียว? เพราะถ้าความทรงจำของข้ายังแม่นยำอยู่ ..เท่าที่ข้ารู้มา คนของเทพอควอจะไม่ก้าวออกจากเมืองจนกว่าฤดูบวงสรวงจะเสร็จสิ้นนี่ "
เอาละสิ...จะบอกดีไหมว่า ตัวเราเองยังไม่รู้เลยว่ามาโผล่ที่นี่ได้ยังไง แล้วไอ้เทพอควอ อะเควอ ที่ร่างสูงใหญ่เอ่ยถึง ผมก็ไม่รู้จักสักกะนิ๊ดนึง!
"คือ ว่า...ไงดีล่ะ สรุปสั้นๆก็คือ ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามาที่นี่ได้ไง แล้วอีกอย่างคุณคงเข้าใจผิด...คือผมไม่ได้เป็นคนของเทพที่คุณว่ามาหรอกครับ.......และอันที่จริงผมก็คงไม่ใช่คนของโลกนี่ด้วยครับ "
พูดเสร็จก็ใจหายวาบ เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคู่สนทนา....นายซาร์คมีสีหน้าตกใจกึ่งประหลาดใจอย่างเก็บไม่อยู่ เป็นผมเอง ถ้าเจอใครพูดว่าไม่ใช่คนบนโลก ผมคงคิดได้สองอย่างคือ
1.ไอ้หมอนี่ท่าจะบ้า กับ
2.เจอเอเลี่ยนตัวจริงเข้าให้แล้ว
ซึ่งอย่างหลังก็เป็นเรื่องที่แทบจะไม่เกิดขึ้น
"ข้าเข้าใจแล้วล่ะ เจ้าคงเป็นชาวมนุษย์ที่เผอิญไขประตูที่ปิดตายเป็นระยะเวลากว่าหลายร้อยปีได้สำเร็จ จึงถูกดูดเข้ามาในดินแดน
'ไลท์เอิร์ท' แห่งนี้ "
.เฮ้ยยยยยยยย เดี๋ยวก่อนสิ เมื่อตะกี้หมายความว่าไง ใครเป็นชาวมนุษย์ที่ถูกดูดกัน!!!
เดี๋ยวก่อนเรื่องที่คล้ายหนังไซไฟว์ หรือนิยายแนวแฟนตาซีผจญภัย พล็อตเรื่องที่ขายดีที่สุดคือแนวผู้กล้าที่มาจากโลกอื่น เดินทางมาเพื่อช่วยเหลือโลกที่ผจญกับสิ่งอันตราย
ใช่แล้ว...บางที ผมอาจจะเป็นแบบในหนังสือก็ได้
เป็นฮีโร่ วะ ฮะ ฮะ ฮ่า... เฮ้ย ผิดคิว นั่นมันหน้ากากแอ็คชั่น ฮีโร่ขวัญใจไอ้เด็กโรคจิตชอบโชว์ช้างน้อยนี่
แล้วผมจะถูกเลือกไปทำซากอะไรวะ หุ่นก็คนละรุ่นกับลุงอาโนเนะ ที่เล่นคนเหล็กมาหลายภาค แถมยังไม่มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ....ไอ้กินเร็วนี่คงไม่นับว่าช่วยโลกหนอกนะ
"ช่วงนี้มีสถานการณ์อะไรร้ายแรงหรือเปล่าครับ?" ผมลองถามดู
"หือ..ไม่มีนี่ "
"ไม่มีเลยหรือครับ..สงคราม หรือว่าโรคภัยไข้เจ็บ ก่อม็อบประท้วงอะไรแบบนี่นะครับ"
"ไม่มีแน่นอน ข้ามั่นใจว่าสถานการณ์ในไลท์เอิร์ทสงบสุข"
"แล้วทำไมผมถึงโผล่มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?" อะไรกันวะ บ้านเมืองเค้าก็สงบสุขดี
"ข้าเองก็ไม่รู้สาเหตุที่ประตูเปิดได้เหมือนกัน เรื่องนี้เจ้าต้องถาม นักปราชญ์แห่งยามิดิส ดู ไม่แน่ว่าท่านอาจมีหนทางพาเจ้ากลับโลกมนุษย์ได้ "
"จริงเหรอเนี่ย โอ้ ขอบคุณมากๆเลยครับ และถ้าเป็นไปได้ คุณซาร์คช่วยพาผมไปหาท่านนักปราชญ์ที่ว่าด้วยได้ไหมครับ?" ผมสายตาเว้าวอน...ขอให้หมอนี่นิสัยเหมือนพระเอกที่ชอบช่วยเหลือชาวบ้านด้วยเถอะ เพี้ยง! อย่าได้เลวเหมือนตัวโกงเล้ย
"ได้ซิ ข้าต้องผ่านเมืองยามิดิสอยู่แล้ว" ฮู้เร่ !!! นายซารค์ นอกจากหน้าตาดีแล้วยังจิตใจงดงาม เอาไปเลย 100 คะแนนเต็ม....
"มีเจ้าไปด้วยก็คงไม่เป็นภาระข้ามาก เจ้าตัวเล็กอย่างนี้คงจะไม่กินจุนักหรอก" ขอถอนความคิดว่าหมอนี่เป็นคนดีใหม่ดีกว่า..หนอยเห็นคนอื่นเป็นภาระ มีหน้ามายิ้มอีก เท่ห์ตายล่ะ
"ขอบคุณอีกครั้งครับ"ผมกัดฟันเอ่ยขอบคุณ....แม้ใจจริงในความคิด ผมอยากโดดกัดหัวซะมากกว่า แล้วเอ่ยว่า ไปเองก็ได้ ไม่ง้อหรอก
เฮ้ย! ผมแค่คิดประทุษร้ายในใจเองนะ แล้วทำไมนายซาร์คถึงเดินดุ่มๆตรงมาที่ผมนั่งอยู่ มาดยังกับเจ้าพ่อมาเฟีย หรือว่าคนที่นี่อ่านความคิดชาวบ้านได้วะ....ผมหลับตาปี๋.... อย่านะ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไง้ ไม่เจ็บเลยแฮะ....ผมนึกว่าจะโดนอัดซะตุ้บสองตุ้บ ที่ไหนได้ร่างสูงใหญ่กลับยกตัวผมอุ้ม(อีกแล้ว) ไปวางไว้หลังเจ้าเสือตัวเดิม
"เจ้าคงเหนื่อยมามากแล้ว การเดินทางผ่าน 'จุดนั้น' คงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเกินไป ไม่ต้องห่วงนะ พักผ่อนให้สบายเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปเอง" น้ำเสียงอาทรแสดงความห่วงใย ที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจำได้ยินจากที่นี้ และฝ่ามืออุ่นที่ลูบหัวเบาๆ สัมผัสอ่อนโยนเช่นคู่นี้ก็เหมือนกัน
ผมค่อยๆหลับตาลง ยังจำภาพนัยน์ตาสีสวยที่แลดูอบอุ่น มองทอดลงมาที่ผม
'เอาเถอะ บางที การเดินทางครั้งนี้ก็คงไม่เลวร้ายเท่าไรหรอก'
TCB.
ความคิดเห็น