คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15 : ชิงอัญมณีเม็ดแรก (อัพรอบ2)
ผ่ามิติทะลุแดนฝัน
Chapter 15 : ชิงอัญมณีเม็ดแรก
ยามเย็นในวังของเจ้าชายคาอิล เมอร์ซิลิส เจ้าชายลำดับที่ 3 แห่งจักรวรรดิฮิตไทต์
“เจ้าชายฉันขอถามอะไรหน่อยสิ ได้ป่ะ” สาวเก๋เอ่ยถามเจ้าชายคาอิลในขณะที่กำลังสนทนากันเรื่องระดับพลังของภิกษุ ที่เจ้าชาย, ราชินี และภิกษุระดับสูงมี โดยที่หนุ่มไมค์, คิกคูรี และทีตยืนฟังอยู่ข้างๆ
“ถามอะไรล่ะ” เจ้าชายเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นขณะเอ่ยปากถาม
“ที่ฉันอยากรู้ก็คือ ที่นี่มีอัญมณีรูปหยดน้ำขนาดประมาณนี้บ้างมั้ย?” สาวเก๋เอ่ยถามพร้อมทำมือประกอบให้เห็นขนาดของอัญมณีที่ตนกำลังตามหา
“หือ...อยากรู้ไปทำไมล่ะ” เจ้าชายยกมือขึ้นเท้าคางแล้วถามอย่างแปลกใจ
“ก็การที่ฉันจะกลับบ้านได้มันต้องใช้อัญมณีที่ว่านี่จำนวนสี่เม็ดน่ะสิ แล้วค่อยทำพิธีกลับ เพื่อนฉันมันสั่งให้หาให้ได้คนละเม็ดแล้วค่อยมาเจอกันน่ะ ขอร้องล่ะ ถ้ามีก็บอกหน่อยได้มั้ยว่ามันอยู่ที่ไหน?” สาวเก๋บอก พร้อมกับดึงชายเสื้อคลุมของเจ้าชายยื้อไปมา ด้วยกิริยาที่เจ้าหล่อนคิดว่าตัวเองทำได้อย่างน่ารัก
“นี่อย่าดึงซี่ เดี๋ยวผ้าย้วยหมด ไอ้อัญมณีที่เธอว่าน่ะมันก็พอมีนะ แต่เธอบอกว่ามีสี่เม็ด งั้นพวกเธอก็มีกันทั้งหมด 4 คนน่ะสิ” เจ้าชายถาม พลางพยายามดึงชายผ้าออกจากมือของสาวเก๋ที่กำแน่นจนผ้ายับเป็นรอย
“ก็ไม่เชิงนะ แต่ถ้าไม่นับคนติดตามล่ะก็ใช่เลย แต่ที่บอกว่ามีนี่มันอยู่ที่ไหนกันล่ะ บอกหน่อยสิคุณเจ้าชาย นะๆๆๆๆ” สาวเก๋กล่าวพร้อมกับกระตุกชายผ้าแรงๆอีก 3-4 ที (อย่ากระตุกอย่างนั้นสิ เดี๋ยวเสื้อคลุมฉันก็ขาดจนได้หรอก : คาอิล / ขาดก็เรื่องของนายสิ สมน้ำหน้า แบร่~ (แลบลิ้นสมน้ำหน้า) : สาวเก๋ / เดี๋ยวเถอะยัยตัวแสบ : คาอิล / หยุดทะเลาะกันเถอะครับท่านเก๋ เจ้าชาย : ทีต / ช่าย...ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ : ไมค์ / นั่นสิครับ...แย่จริง : คิกคูรี)
“ใจร้อนจริงเธอนี่ อัญมณีที่เธอว่ามันมีอยู่จริงๆนั่นแหละ” เจ้าชายเอ่ยดุสาวเก๋ พร้อมกับดึงชายเสื้อคลุมของตนกลับมาได้สำเร็จ ทำให้สาวเก๋ต้องไปนั่งฟังนิ่งๆที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแต่โดยดี
“มันอยู่ที่ไหนล่ะ” สาวเก๋ถามอย่างร้อนรน น้ำเสียงตื่นเต้น
“มหาวิหารไง ตอนเธอเข้าไปเธอไม่เห็นบ้างหรือ ตั้งเด่นเป็นสง่ามากเลยนะ” เจ้าชายบอก พร้อมกับถามกลับอย่างแปลกใจ
“ก็อดแดม!! ใครจะไปมัวมองของรอบตัวล่ะ ตอนนั้นกลัวแทบแย่ แถมยังเกือบตายไปแล้วจริงๆอีก นึกแล้วก็ยังสยองไม่หายเลยนะเนี่ย” สาวเก๋สบถไปเถียงไปพร้อมกับทำท่าขนลุก ร้อนๆหนาวๆ พลางคิดว่าถ้าวันนั้นเจ้าชายไม่ช่วยตัวเองเอาไว้ ป่านนี้หัวคงอยู่ไม่ติดกับตัวเป็นแน่ ก็ยิ่งรู้สึกใจหวิวๆอย่างไรบอกไม่ถูก
“งั้นเดี๋ยวฉันจัดการให้แล้วกัน คิกคูรีให้ใครไปสืบเดี๋ยวนี้เลยว่าเทวรูปบูชาเทพเตชัปที่มหาวิหารตอนนี้เก็บรักษาไว้ที่ไหน” เจ้าชายบอกสาวเก๋ แล้วหันไปสั่งงานกับมหาดเล็กคนสนิท
“ครับ” คิกคูรีรับคำ
“ฉันไปด้วย!!” สาวเก๋ร้องตามก่อนที่จะก้าวเท้าตามออกไป แต่ก็มีมือข้างหนึ่งมาดึงคอเสื้อด้านหลังเสียก่อน แถมยังยึดไว้เสียแน่นหนาจนเธอขยับไปไหนไม่ได้อย่างใจนึก
“เธอไม่ควรเดินเพ่นพ่านไปไหน เรื่องเมื่อคืนยังไม่เข็ดอีกเหรอ? ราชินีน่ะ นอกจากมีเวทมนตร์แล้วยังมีอำนาจรองจากพระราชาอีก ถ้าไม่อยากถูกตัดหัวก็รออยู่ที่นี่เฉยๆ” เจ้าชายเอ่ยเตือน พร้อมกับปล่อยมือออกจากคอเสื้อของสาวเก๋ แล้วเดินจากไปอีกทางโดยไม่เห็นสาวเก๋ยืนย่นหน้า แลบลิ้นปลิ้นตา ทำท่าล้อเลียนอยู่ทางด้านหลังเลย ในขณะที่นายไมค์ และทีตที่เห็นกิริยาดังกล่าวกลั้นหัวเราะกันแทบแย่
“ไม่ต้องห่วงครับ ถึงพระราชินีจะร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่กล้ายุ่งกับที่นี่อย่างเปิดเผยหรอกครับ ท่านคาอิลต้องปกป้องท่านแน่นอน” ทีตกล่าวกับสาวเก๋เหมือนต้องการปลอบใจ และให้ความมั่นใจในความปลอดภัยก่อนที่จะยกแก้วเครื่องดื่มไปเก็บ
ฝ่ายสาวเก๋เมื่อได้ฟังดังนั้นก็สบายใจขึ้น ‘จะว่าไปแล้วตั้งแต่มาที่นี่เราก็ได้เจ้าชายคาอิลช่วยไว้ตลอด... อย่างเมื่อเช้าที่เราบอกว่าอย่าเขาก็ยอมหยุด (แม้ว่าจะเป็นเพราะดันแหกปากชื่อไอ้จ้าออกมาก็ตาม : สาวเก๋ / นั่นสิ! ทำไมต้องพูดชื่อเราขึ้นมาด้วยเนี่ย? ทำไมไม่แหกเป็นชื่อผู้ชายฟะเพื่อน คนอื่นเข้าใจผิดหมด : สาวจ้า) เขาอาจจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนักก็ได้ แต่เรา.. ก็ชอบตะคอกใส่เขาเรื่อยเลย’ สาวเก๋คิดในใจด้วยใบหน้าที่ก่ำสีขึ้นเรื่อยๆ
“คิดอะไรอยู่เหรอครับ ฮั่นแน่!...คิดลามกอยู่ล่ะสิท่าหน้างี้แดงเชียว” หนุ่มไมค์ผู้ไม่รู้ว่าชะตาตัวเองใกล้ขาด เอ่ยปากแซวเจ้านายของตัวเองอย่างคะนองปาก หลังจากที่ไม่มีบทมานาน
“ไมค์” สาวเก๋เอ่ยเรียกด้วยเสียงหนักๆ ริมฝีปากแทบไม่ขยับออกจากกันด้วยอารมณ์ที่ผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ
“ครับ” หนุ่มไมค์ขานรับอย่างอารมณ์ดี
“เคยอยู่ดีๆแล้ววูบไปเฉยๆบ้างมั้ย?” สาวเก๋ถามหนุ่มดิจิตอลของตนด้วยดวงตาขุ่นมัว
“ไม่เคยครับ” หนุ่มไมค์ขยับปากบอกอย่างรื่นเริง
“แล้วอยากลองมั้ยล่ะ?” สาวเก๋เอ่ยปากถามนัยน์ตาวาววับ มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเหี้ยมๆอย่างผิดปกติจนหนุ่มไมค์ที่ยังร่าเริงจนถึงเมื่อครู่เริ่มรู้ชะตากรรม พลางคิดว่าไม่น่าไปแหย่นางเสือเข้าเลย แค่แซวเล่นไม่น่าจะโกรธขนาดนี้หรือเจ้านายจะเป็นวันนั้นของเดือนก็ไม่รู้ ถึงได้หงุดหงิดง่ายนัก
“ไม่อยากลองครับ เกรงใจ... งั้นผมไปช่วยทีตล้างแก้วดีกว่า ไปล่ะครับ” หนุ่มไมค์ปฏิเสธ ก่อนจะวิ่งไปตามทางที่เด็กชายเดินหายไปเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว
“หนอย... นกรู้นักนะไอ้ตัวแสบ” สาวเก๋บ่นไล่หลังหนุ่มไมค์ไปอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเนื่องจากไม่มีที่ระบายอารมณ์
เงียบ...เงียบจนเสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยได้ยินนั้นหายไป เงียบเสียจนไม่เหมือนเมื่อซักครู่ที่ผ่านมาที่มีเสียงแมลงกลางคืนร้องดังระงมลั่นไปหมด ความเงียบสงัดที่ได้ยินแม้กระทั่งลมหายใจของตัวเองนั้นชวนให้รู้สึกวังเวงเป็นยิ่งนักจนทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆจนสมองประมวลภาพจินตนาการอันไม่พึงประสงค์ผุดพรายขึ้นมาเหมือนทำนบแตก
“เหวอ... ไหงกลายเป็นว่าเราอยู่คนเดียวหวา รีบไปในที่ที่มีคนจะดีกว่า” สาวเก๋ที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าเหลือตัวเองอยู่คนเดียว รีบเดินจ้ำอ้าวตามคนอื่นๆไปเช่นกัน เจ้าหล่อนเดินสะเปะสะปะไปเรื่อยๆ จนเจอเจ้าชายนั่งเอกเขนกอยู่บนขอบระเบียงทานของว่างอยู่ โดยมีทีตคอยรับใช้อยู่ข้างๆ
<<<<>>>><<<<>>>><<<<>>>><<<<>>>>
“อ้าว...เก๋เหรอ” เจ้าชายที่หันไปเห็นสาวเก๋ก้าวเข้ามาเอ่ยทักขึ้นในขณะที่สาวเก๋ได้ยินก็ได้แต่เถียงในใจว่า ‘ไม่ใช่มั้ง เห็นแล้วยังจะถามอีก’ แต่ปากกลับพูดออกไปไม่เหมือนอย่างใจคิดว่า
“เอ่อ..ฉัน
” สาวเก๋ยังพูดไม่ทันจบ เจ้าชายก็เอ่ยแทรกขึ้นมาทันที
“พอดีเลย เมื่อกี้ว่าจะให้ไปเรียกอยู่เหมือนกัน เอ้า! กินสิ” เจ้าชายกล่าวพร้อมกับยื่นชามที่ภายในบรรจุผลไม้เชื่อมสีฉ่ำสวยจนพูนชามให้
“หวานอร่อยดีจัง” สาวเก๋ที่รับชามผลไม้มาถือไว้หยิบกินอย่างเอร็ดอร่อย
“อินทผลัมเชื่อมน้ำผึ้งน่ะ” เจ้าชายกล่าวเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าทำท่าถูกใจของกำนัลที่เขาจัดให้
“แต่ถ้ากินเยอะขนาดนี้ก็อ้วนน่ะสิ” สาวเก๋บ่นเบาๆ ขณะที่มือก็ยังส่งผลอินทผลัมเชื่อมน้ำผึ้งเข้าปากไม่หยุด
“ฉันเตรียมไว้ก็เพราะอย่างงั้นแหละ เธอยังผอมไปนิด ฉันชอบประเภทอวบอัดรู้มั้ย เพราะงั้นเธออ้วนได้ตามสบายเลย” เจ้าชายกล่าวพลางยิ้มอย่างกรุ้มกริ่ม ก่อนที่จะเอ่ยต่อไปว่า
“ช่วงรุ่นๆน่ะช่างเถอะ แต่กว่าเธอจะถึงช่วง 18-19 อย่างน้อยฉันก็อยากให้อกเธอพอเหมาะกับมือของฉันนะ ตอนนี้แค่มือเดียวก็แตะได้เกือบสองข้างแล้ว” ไม่ว่าเปล่าพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะวัดขนาดที่หน้าอกของสาวเก๋ที่ไม่ทันตั้งตัวอย่างพวกปากว่ามือถึง จนใบหน้าสาวเก๋แดงเถือกด้วยความเก้อเขินและอับอายจนกลายเป็นเดือดดาลในที่สุด
“ตอนนี้ฉัน 21 แล้วย่ะ” สาวเก๋ร้องบอกอย่างโมโห พร้อมกับเหวี่ยงชามผลไม้เชื่อมไปทางเจ้าชายอย่างโมโหจนของข้างในสาดกระจาย (เสียของนะเนี่ย ไม่เห็นต้องขว้างทิ้งเลยสัยดายจัง เอื๊อก : หนุ่มไมค์ กลืนน้ำลายอย่างเสียดายของอร่อย)
“(O_o)หา!! นึกว่ายัง 16-17 ซะอีก แก่กว่าฉันอีกนะเนี่ย!!!” เจ้าชายกล่าวอย่างตกใจ คาดไม่ถึงว่าจะคาดเดาอายุแม่เจ้าประคุณไปมากมายมหาศาลขนาดนี้ และไม่คาดว่าคนที่เห็นว่ายังเด็กจะอายุมากกว่าตนเสียอีก
“ผมก็นึกว่าอายุเท่ากันกับพวกพี่สาวนะเนี่ย” ทีตที่ยืนปรนนิบัติอยู่ข้างๆเอ่ยอย่างผิดคาด
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขึ้นยิ่งส่งผลให้ร่างของสาวเก๋เร่งฝีเท้าที่เดินกระแทกออกไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และบ่นกระฟัดกระเฟียดไปตลอดทาง
“ลามกจกเปรตที่สุด! แก่กว่าแล้วทำไมล่ะ!! ฉันไม่คิดจะอยู่ที่แบบนี้หลายปีหรอก!! อ๊ะ!!” สาวเก๋ที่เดินบ่นอยู่กล่าวอุทานเบาๆ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าจะไปขอบคุณเจ้าชาย แต่กลายเป็นไปหาเรื่องทะเลาะจนถึงที่ได้อย่างไรก็ไม่รู้
‘เจ้าชายบ้า เราเลยไม่ทันได้พูด “ขอบคุณ” เลย’ สาวเก๋คิดอย่างเคืองๆ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายโมโหเองก่อนแท้ๆ
<<<<>>>><<<<>>>><<<<>>>><<<<>>>>
เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงหัวค่ำ คิกคูรีก็กลับเข้ามาอีกครั้ง เจ้าชายจึงให้ทีตไปตามตัวสาวเก๋และนายไมค์เข้ามาพบ จนเมื่อครบองค์ประชุมแล้วคิกคูรีจึงได้เริ่มต้นกล่าวรายงานถึงข้อมูลที่ตนไปสืบมาให้ฟัง
“ว่าไงนะ!? ราชินีเอาเทวรูปบูชาเทพเตชัปไปแล้ว!?” เจ้าชายคาอิลกล่าวอย่างตกใจ เมื่อได้ฟังความที่คนสนิทของตนรายงาน
“ครับ มีภิกษุหลายคนบอกว่าเห็นเช่นนั้น” คิกคูรีตอบรับ
“งั้นเรารีบไปหาราชินีกัน” สาวเก๋บอกพร้อมกับหันหลังเตรียมไปตามคำกล่าว
“เดี๋ยวก่อน” เจ้าชายรีบเอ่ยห้าม พร้อมกับใช้มือคว้าเอาคอเสื้อทางด้านหลังของสาวเก๋เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ก่อนจะอธิบายแกมดุสาวเก๋ว่า
“กลางคืนเป็นเวลาที่อำนาจมืดเข้มแข็ง เธอจะเคลื่อนไหวส่งเดชไม่ได้”
“แต่เจ้าชาย!!” สาวเก๋ขยับปากจะเถียง
“นี่คือกับดักของราชินี เรื่องนี้ฉันไม่ถือเป็นเรื่องของคนอื่นหรอก ถ้าคอเธอขาดฉันและเจ้าชายคนอื่นก็ต้องตายด้วย เธอจึงควรอยู่เฉยๆจนกว่าฉันจะคิดหาวิธีอะไรที่จะรับมือได้ดีกว่า” เจ้าชายเอ่ยอย่างเคร่งเครียดสีหน้าจริงจัง จนสาวเก๋ได้แต่ยอมจำนนต่อเหตุผลดังกล่าว
“ก็ได้” สาวเก๋รับคำเบาๆ แต่ภายในใจกลับคิดไปอีกอย่าง
‘นี่อาจจะผิดต่อเจ้าชาย แต่เราเหลืออดแล้วจริงๆ เราทนอยู่ในโลกนี้ไม่ไหวแล้ว ไว้ทุกคนหลับหมดแล้วเราจะไปเอาเทวรูปเอง!!’ สาวเก๋นิ่งคิดอย่างมุ่งมั่น
<<<<>>>><<<<>>>><<<<>>>><<<<>>>>
แต่ว่าเมื่อถึงช่วงกลางดึก ซึ่งน่าจะเป็นเวลาที่ร่างกายสมควรได้รับการพักผ่อนแล้วนั้น กลับมีเสียงโต้เถียงกันดังลอดออกมาจากห้องหนึ่งในวังของเจ้าชาย
“อะไรกัน!? ในวังมีห้องว่างๆตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมานอนกับฉันด้วย” สาวเก๋ร้องโวยวายเมื่อพบว่าตนเองต้องมานอนร่วมห้องและร่วมเตียงเดียวกับเจ้าชายที่อยู่ตรงหน้า ที่กำลังยึดข้อเท้าของเธอเอาไว้เสียแน่นเพื่อกันเธอกระเถิบตัวหนีลงจากเตียง
“เพื่อรักษาเกียรติของเพล์บอยอันดับหนึ่งของฮัตตูซาที่ฉันยังไม่ได้ยุ่งกับเธอน่ะสิ ฉันไม่อยากให้ทุกคนรู้เรื่องนี้” เจ้าชายบอกพร้อมกับทำหน้าเซ็งโลก
“เรื่อง...เรื่อง...เรื่องนั้น...” สาวเก๋ได้แต่จนคำพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ พลางนึกขึ้นมาได้ว่า ‘ถ้าอยู่กับเจ้าชาย เราก็ลอบออกไปไม่ได้พอดี’
“ขืนพูดมาก เดี๋ยวฉันก็ปล้ำซะหรอก” เจ้าชายที่ตอนนี้คงจะง่วงเต็มทีแล้วเอ่ยขู่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“งั้นราตรีสวัสดิ์” สาวเก๋รีบกล่าวราตรีสวัสดิ์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับล้มตัวนอนทันที เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาอีกรอบ ในเมื่อเวลานี้บรรยากาศช่างเป็นใจสุดๆ ยิ่งได้อยู่กันสองต่อสองแบบนี้แล้ว เธอไม่มั่นใจว่าเจ้าชายจะทนเสน่ห์อันน่ายั่วยวนของเธอได้...(ต๊าย...กล้าพูดนะยะ : จ้า,ส้ม,แป๋ม / อ๊ะ!! แน่นอนก็ฉันสวย..: สาวเก๋ / แหวะ!! : จ้า,สม,แป๋ม พร้อมใจกันทำท่ารับไม่ได้)
‘ก็ได้ ถ้าเล่นอย่างงี้ เราก็รอจนกว่าเจ้าชายจะหลับก็ได้’ สาวเก๋คิดอย่างหมายมั่นปั้นมือ ผิดกับเจ้าชายที่มองสาวเก๋อย่างใช้ความคิดเช่นกัน ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง พลางโอบกอดสาวเก๋เข้ามาไว้ในอ้อมกอดของตนจนสาวเก๋สะดุ้งตกใจจนร้อง ‘ว้าย’ ออกมา แต่ก็ไม่กล้าขยับมากไปกว่านั้นเมื่อเจ้าชายเริ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นเข้า พร้อมกับฝังใบหน้าลงที่ซอกคอสีน้ำผึ้งนวลเนียนหอมกรุ่น ก่อนที่จะหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทรา ให้สาวเก๋ได้แต่นอนตัวแข็งทื่ออยู่เช่นนั้น
จนเมื่อเวลาผ่านไปนานจนได้ยินเสียงลมหายใจทอดอย่างสม่ำเสมอจากคนที่อยู่ข้างตัวนานพอสมควรแล้วนั้น สาวเก๋ที่รอจังหวะอยู่นานลืมตาพรึบ แล้วหาทางเคลื่อนกายออกจากอ้อมกอดเจ้าชายอย่างแผ่วเบาในทันทีราวกับเคยทำเยี่ยงนี้มาตลอดชีวิตจนหลุดออกมาจากห้องได้โดยที่เจ้าของสถานที่ไม่ทันรู้สึกตัว และได้แต่นึกขอโทษขอโพยเจ้าชายอยู่ในใจว่า
‘ขอโทษนะเจ้าชายคาอิล แต่ฉันต้องเอาอัญมณีมาให้ได้ แล้วจากนั้นฉันจะไปตามหาเพื่อนๆที่เหลือซักที’
สาวเก๋ที่กำลังย่องออกจากตำหนักก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อระหว่างทางที่จะต้องไปปลุกหนุ่มไมค์ออกไปด้วยกันนั้นได้มีหนุ่มน้อยมาขวางทางเอาไว้
“ท่านเก๋ !!” หนุ่มน้อยเรียกสาวรุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับกางแขนออกกว้างเป็นเชิงห้ามไม่ให้ผ่านไป
“ทีต!!” สาวเก๋อุทานเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตกใจ โดยไม่คิดว่าจะโดนจับได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
“คงคิดจะไปวังของพระราชินีสินะครับ ไม่ได้นะครับท่านคาอิลก็บอกแล้วว่าให้รอก่อน” เด็กชายเอ่ยท้วงด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางเข้มแข็ง
“ให้ฉันไปเถอะ!! ยังไงฉันก็ต้องได้อัญมณีนั่น” สาวเก๋เอ่ยขอร้องเด็กชาย
“ท่านเก๋” เด็กชายกำลังจะพูด แต่สาวเก๋ก็เถียงขึ้นมาทันควัน
“ฉันต้องไป” สาวเก๋เอ่ยย้ำจนทีตถึงกับอึ้งไป ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป
“เข้าใจแล้วครับ งั้นผมจะไปด้วย ก่อนอื่นน่ะท่านเก๋ ทราบรึเปล่าครับว่าวังของพระราชินีอยู่ที่ไหน?” ทีตกล่าวคำที่สาวเก๋ไม่คาดว่าจะได้ยิน พร้อมกับถามกลับ
“อ๊ะ!! จริงด้วย” สาวเก๋อุทานพร้อมกับตกใจและจ๋อยสนิทในเวลาต่อมา เมื่อนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย มีแต่ความคิดจะไปเอาของอย่างเดียวเท่านั้นที่ผลักดันการกระทำมาจนถึงตอนนี้
“ผมนึกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ผมถึงต้องไปด้วยไง นี่ครับรองเท้า ผมเอาดาบสั้นมาเผื่อไว้ให้แล้ว” ทีตกล่าวอย่างหนักใจ พร้อมกับยื่นดาบและรองเท้าให้สาวเก๋
“จะดีเหรอ?” สาวเก๋ถามเด็กชายอย่างไม่แน่ใจ
“ผมบอกแล้วไงว่าผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อท่านเก๋” ทีตกล่าว
“ขอบใจมาก” สาวเก๋กล่าวขอบคุณเด็กชายอย่างตื้นตัน
“เออจริงสิ ฉันยังไม่ได้ปลุกไมค์เลย เดี๋ยวฉันไปปลุกเขาก่อนแป๊บนึงนะ” สาวเก๋บอกอย่างนึกขึ้นได้ และหันหลังเตรียมไปยังห้องของนายไมค์ ถ้าเด็กชายไม่ยื้อเอาไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมปลุกคุณไมค์ให้แล้ว ตอนนี้เขารออยู่ข้างนอกครับ” ทีตรีบบอก
“อ้าว...เหรอขอบใจนะ” สาวเก๋กล่าวขอบอกขอบใจเด็กชายอีกรอบ
จากนั้นทั้ง 3 คน ก็รีบไปวังของราชินีโดยด่วนที่สุด แต่ด้วยกำลังเพียงแค่สองขา ทำให้ไม่สามารถไปได้เร็วดังใจนึก พวกเขาเดินบ้างวิ่งบ้าง ผ่านบ้านสีอิฐทรงกล่องสี่เหลี่ยมแปลกตาไปหลังแล้วหลังเล่า ผ่านแยกนั้นซอยนี้อย่างคล่องแคล่วตามความคุ้นเคยของผู้นำทาง
“แต่ว่าท่านเก๋ก็กล้าว่าท่านคาอิลฉอดๆเลยนะครับ พวกพี่สาวของผมน่ะเคยบอกว่าแค่เห็นหน้าท่านคาอิลก็ไม่กล้าพูดแล้ว” ทีตกล่าวอย่างนับถือ ซึ่งไมค์ก็โยกหัวไปมาอย่างเห็นด้วยอยู่ด้านหลัง
“ทีตมีพี่สาวด้วยเหรอ?” สาวเก๋ที่ได้ฟังก็ได้แต่เอ่ยถามอย่างสนใจ
“ครับ มี 3 คน ห่วงคออันนี้พวกพี่ๆให้มาตอนที่ผมออกจากบ้าน ดูสิครับมีชื่อผมสลักไว้ด้วย” ทีตเล่าอย่างมีความสุข พลางปลดห่วงคอให้สาวเก๋ดูชื่อของเขาที่สลักไว้ด้วยภาษาลิ่มที่สาวเก๋อ่านไม่ออก
“ไหนขอฉันดูบ้างสิ” หนุ่มไมค์รีบกล่าวบ้างอย่างกลัวถูกลืม ก่อนที่จะส่งห่วงคอคืนทีตเมื่อขอดูจนพอใจแล้ว
“เป็นพี่สาวที่ดีจริงๆเลยนะ” สาวเก๋กล่าวอย่างที่ตนเองรู้สึก
“ครับ อ๊ะ! นั่นแหละครับวังของพระราชินี” ทีตตอบรับ และรีบบอกสาวเก๋และหนุ่มไมค์เมื่อเห็นจุดหมายปลายทางห่างไปไม่ไกลนัก พร้อมกับชี้ชวนให้ดูอย่างดีใจ
“วังที่ใหญ่ที่สุดบนเนินสูงนั่นน่ะเหรอ!!” สาวเก๋ถาม เมื่อมองไปเห็นอาคารหลังใหญ่มากๆ ที่สร้างอย่างสวยงามและดูแข็งแรงมิดชิด ภายใต้ทะเลดาวที่พร่างพราวเต็มท้องฟ้าอย่างตระการตา
จากนั้นไมค์ เก๋ และทีต ก็รีบเดินไปยังจุดหมายปลายทางที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่ปริปากพูดอะไรกันอีก พวกเขาจรดฝีเท้ากันอย่างแผ่วเบาราวกับขโมยมืออาชีพจนถึงประตูที่อยู่ทางด้านหลัง ของวังอันใหญ่โตแต่ไร้ซึ่งการคุ้มกันอันแน่นหนา ดั่งที่นี่มิใช่สถานที่สำคัญส่วนพระองค์ของผู้มีอิทธิพลของประเทศรองเป็นอันดับสองฉะนั้น
แอ๊ด..
เสียงไม้เสียดสีกันจนเป็นเสียงบาดหูไม่เบานักลั่นขึ้นเมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญลองผลักบานประตูหนาล่วงผ่านเข้ามา
“ประตูด้านหลังเปิดอยู่ล่ะครับ” ทีตที่อาสาเป็นหน่วยกล้าตายกระซิบบอกเบาๆ เมื่อลองผลักออกดูทำให้ประตูที่เพียงแต่งับเอาไว้แง้มเปิดเพียงนิด
“เปิดเลยนะ” สาวเก๋บอกขณะเริ่มดันบานประตูให้อ้ากว้างขึ้น ทำให้นายไมค์ซึ่งทำหน้าที่ระวังอยู่เหล่ตาไปมองบ้าง และเดินตามเจ้านายของตนเข้าไปข้างในเงียบๆ
“ท่านเก๋ ผมว่าเรากลับกันดีกว่านะครับ” ทีตรีบกระซิบ เมื่อเห็นว่ามันเงียบผิดปกติและทางมันสะดวกเกินไปจนไม่น่าไว้ใจ
“นั่นน่ะสิ รู้สึกแปลกๆอย่างไรไม่รู้ เรากลับกันก่อนเถอะแล้วค่อยมาใหม่” หนุ่มไมค์ที่คงจะรู้สึกเช่นเดียวกับทีต เริ่มเกลี้ยกล่อมสาวเก๋ให้กลับไปกันก่อนเพราะสังหรณ์แปลกๆมันสะกิดเตือนอยู่จนหัวคิ้วเขม่นยิบๆทั้งซ้าย-ขวา
“ฉันจะไป คำโบราณเขายังว่าเลยว่าไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือเหรอ” สาวเก๋หันกลับมาพูดอย่างดื้อดึง พร้อมกับยกสุภาษิตขึ้นมาอ้าง
“แต่ผมไม่รู้จักสุภาษิตแบบนั้นเลยครับ” ทีตเถียงด้วยสีหน้าไม่ดีขึ้นทันควัน เพราะเด็กชายไม่คิดว่าจะมีภาษิตที่ทั้งบ้าบิ่น เสี่ยงอันตรายแบบนั้นอยู่ในโลก และคิดอีกว่า ‘ท่านเก๋’ ของเขาคงเป็นคนบัญญัติขึ้นมาเองแหงๆ แต่ก็ยอมเดินตามสาวเก๋และหนุ่มไมค์ไปด้วยอยู่ดี
“ราชินีเอาเทวรูปเทพเตชัปเก็บไว้ที่ไหนนะ?” สาวเก๋บ่นกับตัวเองเบาๆ แต่ทีตก็หูดีก็รีบตอบกลับไปทันที
“ในวังแต่ละแห่งจะมีวิหารเล็กๆอยู่ อาจจะไว้ที่นั่นก็ได้ แต่ท่านเก๋พระราชินีควบคุมน้ำได้ ต้องระวังตัวด้วยนะครับ” ทีตกล่าวเตือน
“รู้แล้ว ก็แค่น้ำเท่านั้น ขอเพียงระวังไม่ให้ถูกดูดลงไปหรือเข้าปาก” สาวเก๋บอก
“อย่าดูถูกเชียวนะครับ น้ำน่ะมีถึง 1 ใน 4 ของร่างกาย โลกของเราก็มีน้ำอยู่ถึง 3 ส่วน 4 รู้รึเปล่าว่าน้ำน่ะใช้ตัดเพชรได้เลย” หนุ่มไมค์รีบสวนทันควัน เมื่อสาวเก๋เห็นท่าทางซีเรียสของหนุ่มทั้งคู่ก็ได้แต่ยักไหล่ พลางคิดในใจว่า ‘ก็แค่น้ำ’ แต่จู่ๆน้ำในบ่อก็พุ่งสูงขึ้นไปทางสาวเก๋เป็นสาวยาว ทั้งเร็วและแรงมากอย่างไม่น่าเชื่อจนแทงฝ่ามือที่เหวี่ยงไปตามแรงเดินทะลุเป็นรูอย่างน่ากลัว เลือดสีแดงไหลโกรกออกมาจากปากแผลไม่หยุด
อ๊า !!!!! สาวเก๋ร้องอย่างเจ็บปวดและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
‘น้ำ
ทะลุผ่านร่างกายได้เหรอเนี่ย!!’ สาวเก๋คิดขณะใช้มืออีกข้างกุมแผลเพื่อห้ามเลือด
แจะ! แจะ!! แจะ!!! แจะ!!!!
เสียงน้ำที่พุ่งทะลุมือของสาวเก๋ไปแล้วอ่อนตัวลง จนกลายเป็นน้ำปกติ และตกลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก
“อึ๊! ไม่นึกเลยว่าน้ำจะกลายเป็นอาวุธใช้ทำร้ายคนได้แบบนี้จริงๆ” สาวเก๋ร้อง พร้อมกับใช้มือกุมบาดแผลไว้อย่างเจ็บปวด หลังจากที่หมดแรงจนเผลอทรุดนั่งลงไปกับพื้น เพราะตั้งแต่เกิดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่ ก็มีวันนี้แหละที่เธอได้บาดแผลใหญ่ที่สุดในชีวิต
“ท่านเก๋! อย่าอยู่ตรงนั้นครับ!! ข้างใต้นั่นเป็นทางระบายน้ำทิ้งครับ” ทีตรีบร้องบอกอย่างตกใจด้วยใบหน้าซีดเผือด
“!? ทางระบายน้ำ
เฮ้ย!! น้ำ!!!” สาวเก๋ร้องอย่างตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าทีตกำลังพยายามบอกอะไรกับตน ก็ต้องรีบกระโจนหนีอย่างตาลีตาเหลือกในทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่สายน้ำเปลี่ยนร่างเป็นหอกน้ำพุ่งขึ้นมาจากทางระบายน้ำเบื้องล่างพอดี ทำให้สาวเก๋รอดออกมาได้หวุดหวิด
ซ่า! ซ่า!! ซ่า!!!
“ว้าย!” สาวเก๋ร้องอย่างตกใจ เมื่อรู้สึกเสียวสันหลังวาบเพราะละอองน้ำที่พุ่งขึ้นมากระเด็นถูกหลัง
“เป็นยังไงบ้างครับ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” นายไมค์ปรี่เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง จับสาวเก๋พลิกซ่ายพลิกขวาหาบาดแผลเพิ่มเป็นการใหญ่
“ท่านเก๋กลับเถอะครับ ผมว่าให้ท่านคาอิลจัดการดีกว่า..” ทีตที่วิ่งตามหลังนายไมค์มาพูดขึ้นบ้าง แต่สาวเก๋ก็ยังดื้อแพ่งเถียงขึ้นทันที ด้วยถือว่าไหนๆก็เจ็บตัวถึงขนาดนี้แล้ว ถ้ากลับซะตอนนี้เธอก็เจ็บตัวฟรี ฉะนั้นถ้าเดินหน้าต่ออาจจะทำงานสำเร็จตามที่หวังไว้ก็ได้
“ไม่! ไม่ได้!! อุตส่าห์เข้ามาถึงที่นี่แล้ว ขืนกลับก็เสียเที่ยวสิ ฉันต้องเอาอัญมณีกลับไปให้ได้” สาวเก๋ตอบปฏิเสธไปอย่างหนักแน่น จนนายไมค์กับทีตถึงกับเซ็งไปเลยทีเดียว
“ท่านเก๋!!” ทีตร้องครางออกมาทันที อย่างหมดปัญญากับความรั้นของนายสาวคนนี้
“เอาน่า...ไม่ต้องห่วงหรอก คราวนี้รับรองเลย ฉันจะระวังไว้ไม่เข้าไปใกล้น้ำอีก...” สาวเก๋กล่าวคำสัญญิงสัญญากับเด็กชาย เพื่อที่ตนเองจะได้ไปต่อ แต่จู่ๆก็มีเงาขนาดใหญ่เข้ามาทาบบนตัวเธอจนรู้สึกแสงจากดวงจันทร์มืดวูบไป สาวเก๋จึงได้หันหน้าไปมองที่มาของเงามืดนั้น
“อ๊ะ! หว๋า
” สาวเก๋ร้องอย่างตกใจ เมื่อหันไปมองก็มีมือขนาดใหญ่ที่สวมเครื่องประดับจนเต็มเพียบพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
แชร้ง!!
หมับ! มือปริศนาคว้าหมับเข้ามาที่ใบหน้าของสาวเก๋ทันที พร้อมกับยกสาวเก๋ลอยขึ้นจากพื้นทั้งๆอย่างนั้นด้วยพลังอันมหาศาล
“กรี๊ดดดดดด!!” สาวเก๋กรีดร้อง ทั้งๆที่ในใจก็มีคำตอบหนึ่งผุดเข้ามาในหัวเกี่ยวกับเจ้าของมือหนาและแข็งแรงราวกับคีมเหล็กนี้ว่า ‘ผู้ชายคนนี้เป็นคนของราชินี!?’
“หยุดนะ!! ปล่อยท่านเก๋ซะ!!” ทีตบอก พร้อมกับกระโจนเข้าไปเพื่อเรียมจะช่วยสาวเก๋ แต่ก็โดนชกกระเด็นกลับมาเสียก่อน
ผัวะ!
“อ๊อก” ทีตร้อง ก่อนจะหงายหลังล้มลงไปอย่างไม่เป็นท่า
“เป็นอย่างไรมั่งทีต” หนุ่มไมค์ที่เพิ่งตั้งสติได้รีบถลาไปช่วยทีตที่นอนกลิ้งอยู่กับพื้นอย่างไม่รอช้า โดยที่ไม่ได้หันไปสนใจคนที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่าเด็กชายเลยสักนิด
“หยุดนะ!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!! บอกให้ปล่อยไง!!” สาวเก๋โวยวายระหว่างถูกยกขึ้นหิ้วเอวเดินออกไปยังวิหารเล็กๆหลังหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
ตึง
“โอ๊ย!!” สาวเก๋ร้องขึ้นเมื่อถูกโยนอย่างแรงบนแท่นหินขนาดใหญ่ที่อยู่ในวิหารนั้น จนหลังและศีรษะกระแทกเข้าแผ่นหินอย่างแรงจนเจ็บไปหมด
เมื่อสาวเก๋หันหน้าไปข้างๆ ก็พบกับอ่างน้ำทรงกลมใบใหญ่ทำจากดินเผา รูปร่างเหมือนกระทะที่ตั้งอยู่บนขาหยั่ง ที่ด้านหน้าของอ่างน้ำนั้นมีเทวรูปบูชาเทพเตชัปที่ประดับอัญมณีรูปหยดน้ำตั้งอยู่ด้านหน้า ที่เสาข้างหนึ่งมีเสื้อผ้าและรองเท้าของเธอแขวนอยู่มุมหนึ่ง
‘อัญมณีรูปหยดน้ำ!!’ สาวเก๋คิดอย่างดีใจ ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็เจออัญมณีเม็ดแรกแล้ว ถึงแม้ตอนนี้เธอจะยังไม่ได้มันมาอยู่ในมือก็เถอะ แล้วจู่ๆเธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือใหญ่ยักษ์ของชายหัวล้านหน้าตาเหี้ยมโหดลูบผ่านท่อนแขนขึ้นไปอย่างหลงใหล
ปึ้ก
“ผิวสีน้ำผึ้งทอง..เพิ่งเคยเห็นผิวแบบนี้เป็นครั้งแรก สวยจริงๆ” ชายคนนั้นดึงเสื้อที่สวมใส่อยู่บนร่างของสาวเก๋หลุดติดมือออกมา เพื่อลูบไล้ผิวสีน้ำผึ้งทองสวยที่ดูเนียนนุ่มให้ถนัดขึ้น โดยที่สาวเก๋เองก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนร้องโวยวายออกมา
“จะ..จะทำอะไรน่ะ!? ปล่อยนะไอ้แก่ลามก” แต่เสียงโวยนั้นก็ไม่ได้หยุดชายร่างยักษ์หน้าตาน่ากลัวคนนั้นได้
“หยุดนะ!! นั่นไม่ใช่เหยื่อของแก” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น เมื่อสาวเก๋หันไปมองตามเสียงก็พบกับคนในชุดคลุมสีขาวและสีดำสองคน ที่คลุมผ้าปกปิดใบหน้ามิดชิด
“ราชินี!? ถึงจะปิดหน้าแต่ฉันก็รู้นะว่าคุณคือราชินีน่ะ เสียงแบบนี้ใช่แน่” สาวเก๋กล่าวอย่างจำได้ขึ้นใจ
แชร้ง
“อย่าพยายามสู่รู้ไม่เข้าเรื่องเลย เธอทำให้ฉันเสียเวลาไปมาก แต่คราวนี้แหละ ฉันต้องตัดคอเธอให้ได้” ผู้ที่อยู่ในผ้าคลุมสีขาวกล่าว พร้อมกับขยับไม้ท้าวที่มีหัวเป็นกวางไปมา จนห่วงทองที่แขวนอยู่กระทบกันดังก้องกังวาน
“ตัดหัวเสร็จแล้ว ขอร่างกายของเด็กคนนี้ให้ข้า!!” ชายหน้าเหี้ยมกล่าวขอแก่ราชินีที่อยู่ใต้ผ้าคลุมผืนยาวสีขาวเหมือนนักบวช ขณะที่จับตัวสาวเก๋ที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นมานั่งอย่างง่ายดาย
แชร้ง
“จะเอาไปทำไม? เด็กคนนี้ไม่มีเงินทองที่แกชอบหรอกนะ” ราชินีกล่าวถามชายคนนั้นอย่างสงสัย ด้วยไม่เข้าใจว่าคนจองพระนางจะต้องการร่างกายของสาวเก๋ไปทำไม
“ผิวหนังนี่ต่างหาก...ข้าอยากได้ผิวหนังสีน้ำผึ้งทองที่เรียบลื่นเหมือนกับทารกเกิดใหม่
” ชายคนนั้นกล่าว พร้อมกับให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่า
“นี่คือเสื้อผ้าที่ข้าทำจากผิวหนังมนุษย์ที่ตายแล้ว สีดำคือชาวนูเบีย สีน้ำตาลคือชาวอียิปต์ ข้าอยากใส่ผิวหนังของเด็กนี่เข้าไปด้วย ข้าลอกผิวหนังไปได้ใช่มั้ย!!” ในตอนท้าย เขาหันไปถามราชินีอีกครั้ง
‘ผิวหนัง...มนุษย์’ สาวเก๋นิ่งคิดอย่างนึกกลัวชายผู้นี้จับจิตจับใจ อีกทั้งขยะแขยงการกระทำที่โหดเหี้ยมวิปริตผิดมนุษย์มนาทั่วไป จนกายสั่งเทาไปหมดที่ต้องนึกจินตนาการว่าต่อไปผิวหนังของเธอจะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายที่ชายโรคจิตคนนี้นำไปสวมใส่
“ไว้ตัดคอเค้นเอาเลือดออกมาเสร็จ ฉันก็หมดธุระกับร่างที่เหลือแล้ว แกจะเอาไปทำอะไรก็เชิญ” ราชินีตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“เร็วๆ รีบตัดหัวเร็วๆเถอะ” ชายคนนั้นเร่ง
“
..!!!” สาวเก๋ยิ่งได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งตกใจมากจนพูดไม่ออก
“หึ หึ หึ ผิวหนังที่เป็นของข้า” ชายคนนั้นหัวเราะอย่างพอใจ ก่อนที่จะจับตัวของสาวเก๋หันเข้ามาหามัน แล้วบรรจงใช้ลิ้นเลียต้นคอสาวเก๋อย่างโรตจิต
แผล็บ
“อ๊า
” สาวเก๋ร้องอย่างตกใจและรังเกียจ
“เรื่อง... เรื่องแบบนี้มันบ้าชัดๆ!! ไอ้การฆ่าฉันเพื่อสาปแช่งพวกเจ้าชายให้ตายเนี่ย มันไม่ใช่หลักการทางวิทยาศาสตร์เลยนะป้า เรื่องแบบนี้มันพิสูจน์ไม่ได้ ยังจะบ้าทำอีก..” สาวเก๋เถียงทันทีที่ตั้งสติได้
“มันน่าเสียดายจริงๆ ที่ฉันไม่สามารถให้เธอเห็นสภาพที่พวกเจ้าชายกำลังตายอย่างทุกข์ทรมานได้” ราชินีกล่าวเหมือนกับรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ พร้อมกับเริ่มทำพิธีกรรมบูชายัญทันทีอย่างไม่รอช้า
“เอาล่ะ เทพแห่งวารีของข้าเอ๋ย คราวนี้แหละขอเชิญท่านมารับเลือดของเด็กสาวคนนี้ได้แล้ว” ราชินีกล่าวเสียงก้องกังวาน พร้อมกับโบกไม้เท้าไปมาตามแบบฉบับการร่ายมนต์เพื่อทำพิธีไสยศาสตร์
แชร้ง
“อย่า” สาวเก๋ร้องลั่น เมื่อถูกชายโฉดโรคจิตคนนั้นจับรวมแขนขาทั้งหมดมารวมกัน และยกร่างของเธอขึ้นด้วยมือเดียวเหมือนกับจับสัตว์เล็กไม่มีผิด อีกมือหนึ่งก็ถือมีดยาววาววับคมกริบเอาไว้ เพื่อเตรียมเชือดคอเธอทันทีที่ได้รับคำสั่ง
“เทพเจ้าของข้า โปรดช่วยให้ข้าสมหวังเป็นการแลกเปลี่ยนกับเลือดนี้ด้วยเถิด...” ราชินียังคงร่ายมนต์เพื่อทำพิธีของนางต่อไป แต่ระหว่างนั้นสาวเก๋ก็คิดแต่ว่าเธอไม่ควรถูกฆ่า และไม่ควรต้องมาตายในที่อย่างนี้ เธอยังคิดถึงใบหน้าของพ่อ, แม่ ,ญาติพี่น้อง และน้องหมาทั้งหลายของเธอ ภาพของอาจารย์และเพื่อนๆ เวียนกันเข้ามาไม่ขาด
“ตัดคอเด็กนั่นได้” ราชินีร้องสั่งชายหน้าเหี้ยมเสียงดังฟังชัด
“ไม่” สาวเก๋ตะโกนก้องด้วยความกลัวสุดชีวิตด้วยน้ำตาไหลนอง หมดมาดสาวมั่นที่เคยมี พร้อมเห็นภาพสุดท้ายในห้วงชีวิตเป็นภาพของเจ้าชายคาอิล!!!
ฉึก
โครม
เสียงแรกเป็นเสียงของทีต ที่พุ่งตัวแทงมีดสั้นเข้าปักต้นแขนของชายร่างยักษ์เพื่อช่วยสาวเก๋จากคมมีด ส่วนเสียงที่สองคือเสียงของชายคนนั้นล้มทับอ่างน้ำทำพิธีจนล้มคว่ำลง จนน้ำสาดกระจายจนเจิ่งนองไปทั่วพื้น
แต่เด็กชายตัวเล็กๆอย่างทีตก็สามารถช่วยชีวิตสาวเก๋ได้สำเร็จ ส่วนหนุ่มไมค์ก็ตรงเข้าจัดการชายในผ้าคลุมสีดำ ที่อยู่ด้านหลังของราชินีเช่นกัน
“อ่างน้ำของฉัน!!” ราชินีร้องอย่างตกใจมาก ที่สิ่งสำคัญที่ต้องใช้ต้องพังพินาศจนไม่สามารถทำพิธีต่อได้
‘ทำ...ทำไมตอนใกล้ตายเราถึงได้นึกถึงเจ้าชายคาอิลขึ้นมาได้นะ?!’ สาวเก๋ที่รอดมาได้หวุดหวิด ก็นึกสงสัยความคิดของตัวเองขึ้นมาทันที ว่าทำไมถึงนึกภาพของเจ้าชายคออิลขึ้นมาได้ ทั้งๆที่เพิ่งพบกันได้ไม่นาน อย่างไม่รู้ซึ้งถึงอันตรายที่อยู่รอบตัวเลยสักนิด
เคร้ง
“ท่านเก๋รีบหนีเร็วเข้า”ทีตตะโกนบอก จนสาวเก๋ได้สติหลุดจากภวังค์ของตนออกมาได้
‘จิ..จริงสิ เจ้าชายจะเป็นยังไงก็ช่าง เราจะกลับบ้านนี่นา ถึงได้เสี่ยงตายมาหาอัญมณีในที่แบบนี้’
สาวเก๋คิด ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปทางเทวรูปเทพเตชัปทันที จนทีตที่หันไปเห็นถึงกับร้องเรียกเสียงหลง
ทั่ก ทั่ก
“ท่านเก๋”
ปึ้ก
ทีตรีบใช้เท้าเล็กๆของตน ถีบอ่างน้ำไปครอบตัวชายหน้าเหี้ยมเอาไว้ พร้อมกับกระทืบซ้ำ ก่อนจะกระโดดไปช่วยสาวเก๋ที่กำลังใช้มีดสั้นแงะอัญมณีออกมาจากเทวรูปอย่างเอาจริงเอาจัง
“ได้แล้ว ฉันเอาอัญมณีมาได้แล้ว!!” สาวเก๋ร้องอย่างดีใจ พลางรีบเก็บอัญมณีเข้าไปในนาฬิกาอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถมีใครผิดสังเกตกับสิ่งผิดธรรมชาตินี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังชุนมุลกันอยู่พอดี
ยังไม่จบ
February,13,2007
February,15,2007
February,19,2007
February,20,2007
February,21,2007
February,22,2007
February,23,2007
October 4, 2007
October 5, 2007 : Jaja Writer
ความคิดเห็น