ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 : ความลับแตก!!!
เสียงอึกกระทึกครึกโครมยังคงดังเอะอะ-ปึงปัง อย่างที่มันควรจะเป็น(ก็เหมือนกับที่มันเป็นมาตลอดนั่นแหละ)ของนักศึกษาทั้งหลาย ยามเมื่อมารวมตัวกัน รวมถึงเสียงซุบซิบนินทาของเหล่าคุณเธอทั้งมาร่วมวงจับกลุ่มกันอยู่เป็นกระจุกใหญ่ และเสียงของวงไพ่การ์ดเกมส์สุดฮ๊อต ที่ตั้งวงกันอยู่หลังห้องเรียนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ภายในชั้น 2 ของอาคาร 35 ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวกันเพื่อเตรียมตัวเรียนวิชาต่อไปในช่วงบ่ายอันน่าชวนนึกถึงที่นอน ยิ่งตอนที่เพิ่งทานข้างเที่ยงเช่นนี้ ตามตำราที่ว่า \'เมื่อหนังท้องตึง หนังตามันก็หย่อน\' ยังไงอย่างนั้น
ในขณะที่เพื่อนทั้งห้องกำลังเฮฮาปาร์ตี้กันกับกิจกรรมหลังอาหาร ก็ยังมีอีกบุคคลหนึ่งที่กำลังนั่งซึมดวงตาเหม่อลอย ปลีกวิเวกอยู่ตามลำพังไม่สุงสิงกับใคร เธอคนนั้นก็คือสาวจ้านั่นเอง ซึ่งในตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจเธอด้วยเช่นกัน T_T เธอ...นั่งค้อมหลัง ซบหน้าลงกับโต๊ะเรียน สีหน้าหมองเศร้า ดวงตาเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย มีเพียงสมองเท่านั้นที่กำลังทำงานอย่างหนัก คิด...คิด...คิด...แล้วก็คิด คิดถึงวิธีการที่จะบอกเพื่อนๆเกี่ยวกับสิ่งที่เธอรู้! แต่คนอื่นไม่รู้ - การมีความลับกับเพื่อนและคนที่ไว้ใจมันทรมาณใจเธอมาก เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพนี้ มันกังวล มันอึดอัด สารพัดจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
\"เป็นอะไรไปหรือครับนายหญิง\" เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆหูของเธอ
\"ไม่มีอะไรหรอกเฟริส แค่รู้สึกไม่สบายใจน่ะ\" สาวจ้าหันไปมองต้นเสียงอย่างช้าๆ พลางส่งเสียงตอบกลับไปอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในกิริยาเดิม
\"เรื่องนั้นหรือครับ\" เฟริสถามด้วยท่าทางเป็นห่วง
                 
\"อืม\" สาวจ้าตอบอย่างเซื่องซึม แล้วหันกลับไปมองนอกห้องต่อโดยไม่สนใจเจ้าหนุ่มดิจิตอลที่อยู่ข้างๆเลยซักนิด ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าจะไม่มีใครผิดสังเกตุเรื่องของเฟริส เนื่องจากมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เห็น - ได้ยิน และสัมผัสได้ถึงความมีตัวตนของเขา ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นมาได้หลายเดือนแล้ว จนเธอรู้สึกเหมือนคนบ้าเมื่อใครๆต่างเห็นเธอพูดอยู่คนเดียว(ก็ไม่มีใครเห็นเฟริสนี่:สาวจ้า/แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของผมนี่ครับ ที่คนอื่นไม่เห็นผม:เฟริส/เงียบไปเลย...ความผิดนายนั่นแหละ หยุด! ไม่ต้องเถียง: สาวจ้า/หึT~T...นายหญิงนั่นแหละเผด็จการ:เฟริส/ชั้นบอกให้เงียบไง-หุบปาก!!! : สาวจ้า/........:เฟริส-_-\")
                   
จากวันนั้น สาวจ้าก็ใช้ชีวิตอย่างมืดมน หม่นหมองและเดียวดาย และน้ำใสๆก็ไหลลงมาเป็นทาง (อ่ะเวอร์เชียว กะอีแค่อดหลับอดนอน แล้วมานั่งหลับน้ำลายยืดอยู่แค่นั้นเอง :คนเขียน/ นี่!!! อย่าเปิดเผยความลับของคนอื่นตามใจชอบสิยะ อย่าจุ้นแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนไป :สาวจ้า/ อารายฟะ พักนี้หงุดหงิดจัง สงสัยจะเป็นวันเบาๆ: คนเขียน / ยุ่งอารายด้วยเล่า...เจือก : สาวจ้า / อ้าว...พูดเล่นดันเป็นจริงอีกเนอะเฟริส: คนเขียน/ อือฮึ:เฟริส/นี่นายพูดเป็นแค่นี้เหรอหะ : คนเขียน /  ก็นายหญิงบอกให้เงียบๆไม่ต้องพูดครับ : เฟริส / ดีมาก : สาวจ้า / ?!!?!! : คนเขียน) นับวันสาวจ้าก็ยิ่งซึมกะทือ วันๆไม่พูดจากับใคร แค่เรียน อ่านกนังสือ แล้วก็นั่งเหม่อออกไปนอกห้องด้วยท่าทางกลัดกลุ้มเท่านั้น ในที่สุดของบ่ายวันหนึ่งบรรดาเพื่อนๆก็ทนไม่ไหว จึงร่วมหัวกันคาดคั้นเอากับสาวจ้า
                   
ณ ห้องน้ำหญิงชั้น 6 ของอาคาร 35 ที่ปลอดคนสุดๆ เนื่องจากนานๆจะมีนักศึกษาถ่อสังขารขึ้นมาเรียนสักที (ลิฟหมดแค่ชั้น 4 ชั้น 5 กันชั้น 6 ต้องอาศัยเดินเอา : คนเขียน)
                   
“นี่...เก๋ ,แป๋ม , ส้ม พาเราขึ้นมาทำไมบนนี้เนี่ย ห้องน้ำข้างล่างก็เข้าได้นี่นา” สาวจ้าถามอย่างสงสัย ที่เพื่อนๆพากันลากเธอขึ้นมาเข้าห้องน้ำถึงชั้น 6 ทั้งๆที่เรียนอยู่ชั้น 2
                   
“เราไม่ได้พาขึ้นมาเข้าห้องน้ำนะ” สาวเก๋พูดอย่างหัวเสียเล็กน้อย
                   
“อ้าว...แล้วถ่อขึ้นมาทำไมอ่ะ” สาวจ้าพูดอย่างสงสัย
                   
“เรามีเรื่องที่จะต้องพูดกัน” สาวส้มพูดขึ้น ในขณะที่อีกสองสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
                   
“มีเรื่องอะไรล่ะ ว่ามาเลย ” สาวจ้าถามอย่างเป็นกังวล ที่เพื่อนๆลากเธอขึ้นมาคุยในที่ปลอดคนอย่างนี้ คงเป็นเรื่องร้ายแรง แล้วนี่ถ้าเกิดทะเลาะกันเราจะโดนไอ้ 3 คนนี้ฆ่าหมกส้วมมั้ยเนี่ย ไม่อยากจินตนาการเลย หยดหยอง ไม่อยากเป็นเมเทิลจอมคร่ำครวญอ่ะ (เฮ้ย !!นั่นมันเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์เว้ย ไม่ใช่ผ่ามิติทะลุแดน : คนเขียน)
                   
“นั่นควรเป็นคำพูดของพวกเรามากกว่า จ้ามีอะไรปิดบังพวกเราใช่ป่ะ พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ มีอะไรไม่สบายใจก็บอกกันได้นี่ หรือว่าเดี๋ยวนี้ไม่เห็นพวกเราเป็นเพื่อนแล้ว เลยมีความลับกับพวกเรา” สาวแป๋มพูดออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ น้ำใสๆเริ่มออกมาคลอตามหน่วยตา สาวจ้าเมื่อเห็นสภาพเพื่อนก็ได้แต่อึ้งกิมกี่ไปเลย ไม่นึกว่าเพื่อนจะแคร์ตัวเองมากถึงขนาดนี้ พลางมองเพื่อนอย่างรู้สึกผิดเต็มที่
                   
“ใช่ มีอะไรจะพูดก็รีบพูด ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดกันอีกเลย เลือกเอาว่าจะเอามั้ยเพื่อนน่ะ ถ้าไม่เอาก็ออกไปเลย” สาวเก๋พูดด้วยท่าทาง ขู่กรรโชก มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ลุ้นอย่างมีหวังในไพ่ใบสุดท้ายที่ตัวเองวางลงไป เมื่อเห็นว่าเพื่อนยังยืนเงียบอยู่
                   
“คิดเอาเองก็แล้วกันนะ โตๆกันแล้ว” สาวส้มพูดต่อบ้าง ด้วยน้ำเสียงที่เอาจริง จนสาวจ้าได้แต่ยืนเงียบบวกสอง ด้วยท่าทางครุ่นคิดอย่างหนัก
                 
“ไม่พูดใช่ป่ะ งั้นเราไป” สาวเก๋พูดอย่างหมดหวัง พร้อมขยับเดินออกไปเป็นคนแรก และเพื่อนคนอื่นๆก็ขยับก้าวตามไปติดๆ
                   
“เดี๋ยวก่อน” แค่ประโยคเดียวที่เปล่งออกมาของสาวจ้า ทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวพ้นห้องน้ำชะงักอยู่ที่ปากประตู พร้อมกับถอยกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม ราวกับไม่เคยขยับเขยื้อน
                 
“ว่ามา” สาวเก๋พูด
                   
“สัญญาก่อน ว่าจะฟังเงียบๆ ห้ามขัด ห้ามหัวเราะเยาะ แล้วก็ห้ามหาว่าเราบ้าด้วย เพราะสิ่งที่เราจะพูดต่อไปนี้คือความจริงที่พวกเธออยากจะรู้เอง” สาวจ้าพูดขึ้น ซึ่งเพื่อนๆก็พยักหน้ายอมรับกันแต่โดยดี
                   
จากนั้นสาวจ้าก็ตั้งต้นเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาให้เพื่อนๆรับฟัง โดยที่ไม่มีใครปริปากพูดขึ้นมาตามสัญญา ตั้งแต่เริ่มได้หนังสือสุริยจันทรกาล และนาฬิกาเฟริสรุ่นGz320L มา ตลอดจนสิ่งปาฏิหารย์ต่างๆที่เกิดขึ้น การที่ได้พบเฟริส เจ้าหนุ่มดิจิตอลมาเป็นผู้ติดตาม ตลอดจนการฝึกโหดต่างๆจนเป็นสาเหตุทำให้ผอมเพรียวบาง ต้นเหตุความสงสัยของเพื่อนๆ เมื่อเล่าจนจบแล้วก็กินเวลาไปร่วม 2 ชั่วโมง ซึ่งเพื่อนทั้ง 3 ตั้งใจฟังยิ่งกว่าเก็งข้อสอบวรรณคดีเบื้องต้นซะอีก และแน่นอนปฏิกิริยาของแต่ละคนนี่สิ แต่ละคนทำหน้าเหลือเชื่อ อย่างกะเล่าแอร์รี่ พอตเตอร์ ผสมเดอะ ลอร์ดออฟเดอะริงค์ ผสานสิมิลันกราภูงา บวกด้วยเดอะไวท์โรดคูณด้วยเดอะเมททริกซ์ ให้ฟังยังไงยังงั้นเลย
                 
“นี่ที่เล่ามาทั้งหมดเนี่ยเรื่องจริงเหรอ” สาวส้มถามอย่างสงสัยแกมเหลือเชื่อ
                 
“จริงแท้แน่นอนที่สุด” สาวจ้าตอบอย่างโล่งใจ ที่ไม่ต้องปิดบังความจริงอีกต่อไป ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็อีกเรื่องนึง
                 
“ว่าไงล่ะ”สาวเก๋หันไปถามสาวแป๋มอย่างไม่แน่ใจ
                 
“คงจะจริงมั้ง ถ้าจ้าบอกว่าจริง ก็ดูตัวมันดิ” สาวแป๋มตอบพลางพยักเพยิดไปทางสาวจ้าที่ผอมลงเห็นๆ
                 
“แล้วนายเฟริสนั่นอยู่ที่ไหนล่ะ” สาวเก๋ถาม พลางหันรีหันขวางมองหา
                 
“ก็อยู่ตรงนี้เนี่ย ข้างๆเราตลอดเลย” สาวจ้าตอบพลางชี้ไปที่นายเฟริสที่ยืนอยู่ข้างๆ ในขณะที่คนอื่นมองกันไม่เห็น
                 
“ไหนอ่ะไม่เห็นมีเลย” สาวเก๋พูดประท้วงขึ้น
                 
“เอาไงดีล่ะเฟริส อืม...โธ่มีวิธีนี้ก็ไม่บอกตั้งแต่แรก เข้าใจล่ะ” สาวจ้าหันไปปรึกษากับเฟริสถึงวิธีการที่จะทำให้เพื่อนๆเห็นหนุ่มหล่อของเราได้อย่างออกรส แต่สิ่งที่เพื่อนๆเห็นก็คือ การที่สาวจ้าคุยกับธาตุอากาศข้างๆเท่านั้น ทำให้เพื่อนๆ พากันเสียวสันหลังกันวูบๆ ประมาณว่าเอาเข้าแล้วไง ยังไงยังงั้น
                 
“คืองี้...เฟริสบอกว่าถาอยากเห็นก็ง่ายมาก แค่เอาการ์ดมาสเตอร์ก๊อปปี้โปรแกรมต่างๆเข้ากับนาฬิกาของพวกเธอ แล้วนาฬิกาของเธอก็จะมีคุณสมบัติต่างๆเหมือนกับนาฬิกาของเรา เมื่อสวมแล้วทีนี้พวกเธอก็จะเห็นเฟริสแล้ว และยังได้ผู้ติดตามสำรองอีกคนละ 1 คนด้วย แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าพวกเธอจะยอมทำมั้ยล่ะ “อธิบายแล้วหันมาถามความสมัครใจของเพื่อนๆ ซึ่งแต่ละคนหลังจากนิ่งคิดแล้วก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
                 
“อย่างที่บอกนาฬิกานี้มันจะติดตัวพวกเธอไปตลอดชีวิตนะ ไม่มีวันถอดออกนอกจากจะยอมตัดแขนทิ้ง พวกเธอจะยังเอาอีกหรือ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
                 
“คำถามสุดท้าย พวกเธอคงรู้นะว่าหลังจากนี้ต่อไปชีวิตของพวกเธอจะเปลี่ยนไป และคงไม่สามารถนำเรื่องนี้ไปบอกใครได้ เพราะเขาจะหาว่าเธอบ้า พวกเธอจะยอมเหรอ”
                 
“ยอม...จะทำอะไรก็รีบทำ พวกเราคิดกันดีแล้วหรอกน่า” สาวเก๋เจ้าเก่าโวยขึ้น คงเพราะรำคาญความพูดมากของสาวจ้าเต็มทน ส่วนสาวจ้าไม่รอให้เพื่อนขี้โมโหตวาดอีกเป็นคำรบสองเธอจึงยกแขนข้างที่คาดนาฬิกาขึ้น พร้อมกดไปที่ปุ่มต่างๆหลายครั้ง และปรากฏว่ามีแสงพุ่งออกมาจากหน้าปัดนาฬิกา และการ์ดสีส้มใสใบหนึ่งลอยค้างอยู่กลางอากาศ และสาวจ้าก็เอื้อมหยิบมากำไว้ในมือของตัวเอง ในขณะที่ 3 สาวจ้องมองอย่างตื่นตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่าสาวจ้า ไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด
                 
“ยื่นนาฬิกามาสิ” สาวจ้าบอกบรรดาเพื่อนๆ พวกเธอจึงยื่นมือข้างที่ใส่นาฬิกาออกมาอย่างพร้อมเพรียง ราวกับต้องมนต์
จากนั้นสาวจ้าก็วางแผ่นการ์ดมาสเตอร์บนนาฬิกาของเพื่อนๆอย่างแผ่วเบา เมื่อการ์ดได้สัมผัสนาฬิกาก็ปรากฏว่ามีแสงสว่างบาดตาเกิดขึ้น จากนั้นนาฬิกาก็เปลี่ยนรูปร่างไป คล้ายๆรูปทรงเดิมของมันเพียงแต่ดูทันสมัยไฮเทคขึ้นพอๆกับนาฬิกาของสาวจ้าเท่านั้น เมื่อทำการก๊อปปี้โปรแกรมนาฬิกาเรียบร้อยแล้ว สาวจ้าก็เก็บการ์ดมาสเตอร์กลับเข้าไปในนาฬิกาเหมือนเดิมจากนั้น...
                 
“ว้าย!! มีคนอยู่จริงๆด้วย” เสียงอุทานมาจากใครคนใดคนหนึ่งของทั้ง 3 สาว
                 
“สวัสดีครับ ผมเฟริส (เฟ-ริส) ครับ ยินดีที่ได้พบครับ เรียกผมว่าเฟริส (เฟิส) แบบนายหญิงก็ได้นะครับคุณส้ม, คุณเก๋, คุณแป๋ม” เฟริสเอ่ยทักอย่างสุภาพในมาดของเทพบุตรสุดหล่อ ตามแบบฉบับ ที่ทำเอาทั้ง 3 หน้าแดงด้วยความเขินอายเหมือนสาวจ้าในครั้งที่ได้พบกับนายเฟริสครั้งแรกไม่มีผิด (ก็เขาหล่อนี่ : 3 สาว พูดประสานเสียงกัน ดังมากกกก)
                 
“สวัสดีค่ะ” 3 สาวเอ่ยทักตอบ และมัวแต่ยืนจ้องเจ้าหนุ่มดิจิตอลด้วยความสนใจ จนเฟริสที่ไม่ใช่มนุษย์แท้ๆยังเกิดอาการประหม่า จนค่อยๆแอบเขยิบไปแอบอยู่หลังสาวจ้าด้วยความกลัว ด้วยไม่ชินกับมนุษย์คนอื่นนอกจากนายหญิงของเขา (ก็เล่นจ้องซะขนาดนั้นนี่นา สมควรกลัว: คนเขียน)
                 
“นี่ๆ พวกเธอ...เค้ากลัวแล้วนะเล่นจ้องซะขนาดนั้น” สาวจ้าพูดทำลายความเงียบ จนเพื่อนๆได้สติที่ตัวตะลึงกับความหล่อสมบูรณ์แบบตรงหน้าอยู่
                   
“จ้า...ตะกี้นี้บอกว่าเราจะมีผู้ติดตาม...แบบนี้คนละหนึ่งคนเหรอ” สาวเก๋ถามอย่างกระตือรือร้น พลางชี้มือมาที่เฟริสอย่างตื่นเต้น
                 
“อือ...งั้นมั้ง ว่าไงล่ะเฟริส” สาวจ้าตอบเพื่อนพลางหันไปถามผู้รอบรู้
                   
“ครับเพียงแต่ในเวอร์ชั่นก๊อปปี้ จะเป็นแบบให้ตั้งค่าต่างๆทางกายภาพเอาเองน่ะครับ ส่วนผมเป็นต้นแบบสมบูรณ์จึงมาสำเร็จรูปน่ะครับ” เฟริสอธิบายถึงความแตกต่าง จากนั้นเขาก็สอนวิธีการใช้งานต่างๆ ตลอดจนวิธีการสร้างผู้ช่วยที่มีเพียงหนึ่งเดียว ตั้งแต่การเลือกเพศ, ร่างกาย, หน้าตา, สีผิว, เสื้อผ้า ฯ จนเสร็จสิ้นขบวนการก็กินเวลาอีก 2 ชั่วโมง ซึ่งราวแล้วกินเวลาตลอดช่วงบ่าย ทำให้ทั้ง 4 สาวต้องโดดเรียนถึง 2 คาบด้วยกัน
                   
สาวเก๋ ได้ผู้ช่วยเป็นหนุ่มหล่อ ร่างล่ำสัน ผิวสีแทนภายใต้ชุดยีนสุดเท่ห์ ที่เธอบรรจงตั้งชื่อให้ว่า “ไมค์” (มาจากไมค์ ภิรมณ์พร: คนเขียน) ตามแบบชายในฝัน
                   
สาวแป๋ม ได้ผู้ช่วยเป็นสาวสวยเซ็กซี่ ท่าทางเป็ฯคุณหนูเมืองผู้ดี, อ่อนหวาน, น่าทะนุทะนอมเป็นที่สุด ชื่อว่า “ป๋อม” (จะได้คล้องกับ แป๋ม เป็น ป๋อมแป๋ม) เธอให้เหตุผลว่าถ้าเลือกผู้ช่วยผู้ชายแล้วจะทำให้จิตใจหวั่นไหว แล้วแฟน (หน่อง) จะโกรธเอา แล้วกินเหล้าเมาไม่ยอมหยุด ไปปีนต้นมะม่วงตกลงมาขาหัก (แหม...หน่องไม่เห็นหรอกน่า ไม่ต้องห่วงก็หน่องไม่ได้ใสนาฬิกานี่กลัวอะไร: คนเขียน)
                   
สาวส้ม ได้ผู้ช่วยเป็นสาวสวยท่าทางทะมัดทะแมง ดูลุยๆเป็นสาวมั่น ตามสไตร์ผู้หญิงของ เจมส์ บอร์น ที่ชอบนักชอบหนา และตั้งชื่อให้ว่า “แคร์”ที่ย่อมาจากแครอล ไนท์แอนด์อีซี่ (ยาสระผมยี่ห้อหนึ่ง) ด้วยเหตุผลที่ว่า อยู่กับผู้หญิงมันสบายใจกว่ากัน ไม่ต้องคอยมาระวังตัว (ต้องระวังอะไรอ่ะ เค้าเป็นแค่โปรแกรม หรืออาจจะเป็นแค่หุ่นยนต์เองนะ คิดมาไปได้: คนเขียน)
                   
หลังจากที่ซักซ้อมทุกอย่างจนเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน สาวจ้าเดินทางกลับบ้านที่มีเจ้าหนุ่มดิจิตอลรูปหล่อเดินเคียงข้างไปอย่างอารมณ์ดี ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สาวจ้ารู้สึกโล่งใจ และมีความสุขที่สุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา.
                                                          โปรดติดตามตอนต่อไป
ในขณะที่เพื่อนทั้งห้องกำลังเฮฮาปาร์ตี้กันกับกิจกรรมหลังอาหาร ก็ยังมีอีกบุคคลหนึ่งที่กำลังนั่งซึมดวงตาเหม่อลอย ปลีกวิเวกอยู่ตามลำพังไม่สุงสิงกับใคร เธอคนนั้นก็คือสาวจ้านั่นเอง ซึ่งในตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจเธอด้วยเช่นกัน T_T เธอ...นั่งค้อมหลัง ซบหน้าลงกับโต๊ะเรียน สีหน้าหมองเศร้า ดวงตาเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย มีเพียงสมองเท่านั้นที่กำลังทำงานอย่างหนัก คิด...คิด...คิด...แล้วก็คิด คิดถึงวิธีการที่จะบอกเพื่อนๆเกี่ยวกับสิ่งที่เธอรู้! แต่คนอื่นไม่รู้ - การมีความลับกับเพื่อนและคนที่ไว้ใจมันทรมาณใจเธอมาก เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพนี้ มันกังวล มันอึดอัด สารพัดจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
\"เป็นอะไรไปหรือครับนายหญิง\" เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆหูของเธอ
\"ไม่มีอะไรหรอกเฟริส แค่รู้สึกไม่สบายใจน่ะ\" สาวจ้าหันไปมองต้นเสียงอย่างช้าๆ พลางส่งเสียงตอบกลับไปอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในกิริยาเดิม
\"เรื่องนั้นหรือครับ\" เฟริสถามด้วยท่าทางเป็นห่วง
                 
\"อืม\" สาวจ้าตอบอย่างเซื่องซึม แล้วหันกลับไปมองนอกห้องต่อโดยไม่สนใจเจ้าหนุ่มดิจิตอลที่อยู่ข้างๆเลยซักนิด ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าจะไม่มีใครผิดสังเกตุเรื่องของเฟริส เนื่องจากมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เห็น - ได้ยิน และสัมผัสได้ถึงความมีตัวตนของเขา ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นมาได้หลายเดือนแล้ว จนเธอรู้สึกเหมือนคนบ้าเมื่อใครๆต่างเห็นเธอพูดอยู่คนเดียว(ก็ไม่มีใครเห็นเฟริสนี่:สาวจ้า/แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของผมนี่ครับ ที่คนอื่นไม่เห็นผม:เฟริส/เงียบไปเลย...ความผิดนายนั่นแหละ หยุด! ไม่ต้องเถียง: สาวจ้า/หึT~T...นายหญิงนั่นแหละเผด็จการ:เฟริส/ชั้นบอกให้เงียบไง-หุบปาก!!! : สาวจ้า/........:เฟริส-_-\")
                   
จากวันนั้น สาวจ้าก็ใช้ชีวิตอย่างมืดมน หม่นหมองและเดียวดาย และน้ำใสๆก็ไหลลงมาเป็นทาง (อ่ะเวอร์เชียว กะอีแค่อดหลับอดนอน แล้วมานั่งหลับน้ำลายยืดอยู่แค่นั้นเอง :คนเขียน/ นี่!!! อย่าเปิดเผยความลับของคนอื่นตามใจชอบสิยะ อย่าจุ้นแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนไป :สาวจ้า/ อารายฟะ พักนี้หงุดหงิดจัง สงสัยจะเป็นวันเบาๆ: คนเขียน / ยุ่งอารายด้วยเล่า...เจือก : สาวจ้า / อ้าว...พูดเล่นดันเป็นจริงอีกเนอะเฟริส: คนเขียน/ อือฮึ:เฟริส/นี่นายพูดเป็นแค่นี้เหรอหะ : คนเขียน /  ก็นายหญิงบอกให้เงียบๆไม่ต้องพูดครับ : เฟริส / ดีมาก : สาวจ้า / ?!!?!! : คนเขียน) นับวันสาวจ้าก็ยิ่งซึมกะทือ วันๆไม่พูดจากับใคร แค่เรียน อ่านกนังสือ แล้วก็นั่งเหม่อออกไปนอกห้องด้วยท่าทางกลัดกลุ้มเท่านั้น ในที่สุดของบ่ายวันหนึ่งบรรดาเพื่อนๆก็ทนไม่ไหว จึงร่วมหัวกันคาดคั้นเอากับสาวจ้า
                   
ณ ห้องน้ำหญิงชั้น 6 ของอาคาร 35 ที่ปลอดคนสุดๆ เนื่องจากนานๆจะมีนักศึกษาถ่อสังขารขึ้นมาเรียนสักที (ลิฟหมดแค่ชั้น 4 ชั้น 5 กันชั้น 6 ต้องอาศัยเดินเอา : คนเขียน)
                   
“นี่...เก๋ ,แป๋ม , ส้ม พาเราขึ้นมาทำไมบนนี้เนี่ย ห้องน้ำข้างล่างก็เข้าได้นี่นา” สาวจ้าถามอย่างสงสัย ที่เพื่อนๆพากันลากเธอขึ้นมาเข้าห้องน้ำถึงชั้น 6 ทั้งๆที่เรียนอยู่ชั้น 2
                   
“เราไม่ได้พาขึ้นมาเข้าห้องน้ำนะ” สาวเก๋พูดอย่างหัวเสียเล็กน้อย
                   
“อ้าว...แล้วถ่อขึ้นมาทำไมอ่ะ” สาวจ้าพูดอย่างสงสัย
                   
“เรามีเรื่องที่จะต้องพูดกัน” สาวส้มพูดขึ้น ในขณะที่อีกสองสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
                   
“มีเรื่องอะไรล่ะ ว่ามาเลย ” สาวจ้าถามอย่างเป็นกังวล ที่เพื่อนๆลากเธอขึ้นมาคุยในที่ปลอดคนอย่างนี้ คงเป็นเรื่องร้ายแรง แล้วนี่ถ้าเกิดทะเลาะกันเราจะโดนไอ้ 3 คนนี้ฆ่าหมกส้วมมั้ยเนี่ย ไม่อยากจินตนาการเลย หยดหยอง ไม่อยากเป็นเมเทิลจอมคร่ำครวญอ่ะ (เฮ้ย !!นั่นมันเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์เว้ย ไม่ใช่ผ่ามิติทะลุแดน : คนเขียน)
                   
“นั่นควรเป็นคำพูดของพวกเรามากกว่า จ้ามีอะไรปิดบังพวกเราใช่ป่ะ พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ มีอะไรไม่สบายใจก็บอกกันได้นี่ หรือว่าเดี๋ยวนี้ไม่เห็นพวกเราเป็นเพื่อนแล้ว เลยมีความลับกับพวกเรา” สาวแป๋มพูดออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ น้ำใสๆเริ่มออกมาคลอตามหน่วยตา สาวจ้าเมื่อเห็นสภาพเพื่อนก็ได้แต่อึ้งกิมกี่ไปเลย ไม่นึกว่าเพื่อนจะแคร์ตัวเองมากถึงขนาดนี้ พลางมองเพื่อนอย่างรู้สึกผิดเต็มที่
                   
“ใช่ มีอะไรจะพูดก็รีบพูด ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดกันอีกเลย เลือกเอาว่าจะเอามั้ยเพื่อนน่ะ ถ้าไม่เอาก็ออกไปเลย” สาวเก๋พูดด้วยท่าทาง ขู่กรรโชก มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ลุ้นอย่างมีหวังในไพ่ใบสุดท้ายที่ตัวเองวางลงไป เมื่อเห็นว่าเพื่อนยังยืนเงียบอยู่
                   
“คิดเอาเองก็แล้วกันนะ โตๆกันแล้ว” สาวส้มพูดต่อบ้าง ด้วยน้ำเสียงที่เอาจริง จนสาวจ้าได้แต่ยืนเงียบบวกสอง ด้วยท่าทางครุ่นคิดอย่างหนัก
                 
“ไม่พูดใช่ป่ะ งั้นเราไป” สาวเก๋พูดอย่างหมดหวัง พร้อมขยับเดินออกไปเป็นคนแรก และเพื่อนคนอื่นๆก็ขยับก้าวตามไปติดๆ
                   
“เดี๋ยวก่อน” แค่ประโยคเดียวที่เปล่งออกมาของสาวจ้า ทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวพ้นห้องน้ำชะงักอยู่ที่ปากประตู พร้อมกับถอยกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม ราวกับไม่เคยขยับเขยื้อน
                 
“ว่ามา” สาวเก๋พูด
                   
“สัญญาก่อน ว่าจะฟังเงียบๆ ห้ามขัด ห้ามหัวเราะเยาะ แล้วก็ห้ามหาว่าเราบ้าด้วย เพราะสิ่งที่เราจะพูดต่อไปนี้คือความจริงที่พวกเธออยากจะรู้เอง” สาวจ้าพูดขึ้น ซึ่งเพื่อนๆก็พยักหน้ายอมรับกันแต่โดยดี
                   
จากนั้นสาวจ้าก็ตั้งต้นเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาให้เพื่อนๆรับฟัง โดยที่ไม่มีใครปริปากพูดขึ้นมาตามสัญญา ตั้งแต่เริ่มได้หนังสือสุริยจันทรกาล และนาฬิกาเฟริสรุ่นGz320L มา ตลอดจนสิ่งปาฏิหารย์ต่างๆที่เกิดขึ้น การที่ได้พบเฟริส เจ้าหนุ่มดิจิตอลมาเป็นผู้ติดตาม ตลอดจนการฝึกโหดต่างๆจนเป็นสาเหตุทำให้ผอมเพรียวบาง ต้นเหตุความสงสัยของเพื่อนๆ เมื่อเล่าจนจบแล้วก็กินเวลาไปร่วม 2 ชั่วโมง ซึ่งเพื่อนทั้ง 3 ตั้งใจฟังยิ่งกว่าเก็งข้อสอบวรรณคดีเบื้องต้นซะอีก และแน่นอนปฏิกิริยาของแต่ละคนนี่สิ แต่ละคนทำหน้าเหลือเชื่อ อย่างกะเล่าแอร์รี่ พอตเตอร์ ผสมเดอะ ลอร์ดออฟเดอะริงค์ ผสานสิมิลันกราภูงา บวกด้วยเดอะไวท์โรดคูณด้วยเดอะเมททริกซ์ ให้ฟังยังไงยังงั้นเลย
                 
“นี่ที่เล่ามาทั้งหมดเนี่ยเรื่องจริงเหรอ” สาวส้มถามอย่างสงสัยแกมเหลือเชื่อ
                 
“จริงแท้แน่นอนที่สุด” สาวจ้าตอบอย่างโล่งใจ ที่ไม่ต้องปิดบังความจริงอีกต่อไป ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็อีกเรื่องนึง
                 
“ว่าไงล่ะ”สาวเก๋หันไปถามสาวแป๋มอย่างไม่แน่ใจ
                 
“คงจะจริงมั้ง ถ้าจ้าบอกว่าจริง ก็ดูตัวมันดิ” สาวแป๋มตอบพลางพยักเพยิดไปทางสาวจ้าที่ผอมลงเห็นๆ
                 
“แล้วนายเฟริสนั่นอยู่ที่ไหนล่ะ” สาวเก๋ถาม พลางหันรีหันขวางมองหา
                 
“ก็อยู่ตรงนี้เนี่ย ข้างๆเราตลอดเลย” สาวจ้าตอบพลางชี้ไปที่นายเฟริสที่ยืนอยู่ข้างๆ ในขณะที่คนอื่นมองกันไม่เห็น
                 
“ไหนอ่ะไม่เห็นมีเลย” สาวเก๋พูดประท้วงขึ้น
                 
“เอาไงดีล่ะเฟริส อืม...โธ่มีวิธีนี้ก็ไม่บอกตั้งแต่แรก เข้าใจล่ะ” สาวจ้าหันไปปรึกษากับเฟริสถึงวิธีการที่จะทำให้เพื่อนๆเห็นหนุ่มหล่อของเราได้อย่างออกรส แต่สิ่งที่เพื่อนๆเห็นก็คือ การที่สาวจ้าคุยกับธาตุอากาศข้างๆเท่านั้น ทำให้เพื่อนๆ พากันเสียวสันหลังกันวูบๆ ประมาณว่าเอาเข้าแล้วไง ยังไงยังงั้น
                 
“คืองี้...เฟริสบอกว่าถาอยากเห็นก็ง่ายมาก แค่เอาการ์ดมาสเตอร์ก๊อปปี้โปรแกรมต่างๆเข้ากับนาฬิกาของพวกเธอ แล้วนาฬิกาของเธอก็จะมีคุณสมบัติต่างๆเหมือนกับนาฬิกาของเรา เมื่อสวมแล้วทีนี้พวกเธอก็จะเห็นเฟริสแล้ว และยังได้ผู้ติดตามสำรองอีกคนละ 1 คนด้วย แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าพวกเธอจะยอมทำมั้ยล่ะ “อธิบายแล้วหันมาถามความสมัครใจของเพื่อนๆ ซึ่งแต่ละคนหลังจากนิ่งคิดแล้วก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
                 
“อย่างที่บอกนาฬิกานี้มันจะติดตัวพวกเธอไปตลอดชีวิตนะ ไม่มีวันถอดออกนอกจากจะยอมตัดแขนทิ้ง พวกเธอจะยังเอาอีกหรือ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
                 
“คำถามสุดท้าย พวกเธอคงรู้นะว่าหลังจากนี้ต่อไปชีวิตของพวกเธอจะเปลี่ยนไป และคงไม่สามารถนำเรื่องนี้ไปบอกใครได้ เพราะเขาจะหาว่าเธอบ้า พวกเธอจะยอมเหรอ”
                 
“ยอม...จะทำอะไรก็รีบทำ พวกเราคิดกันดีแล้วหรอกน่า” สาวเก๋เจ้าเก่าโวยขึ้น คงเพราะรำคาญความพูดมากของสาวจ้าเต็มทน ส่วนสาวจ้าไม่รอให้เพื่อนขี้โมโหตวาดอีกเป็นคำรบสองเธอจึงยกแขนข้างที่คาดนาฬิกาขึ้น พร้อมกดไปที่ปุ่มต่างๆหลายครั้ง และปรากฏว่ามีแสงพุ่งออกมาจากหน้าปัดนาฬิกา และการ์ดสีส้มใสใบหนึ่งลอยค้างอยู่กลางอากาศ และสาวจ้าก็เอื้อมหยิบมากำไว้ในมือของตัวเอง ในขณะที่ 3 สาวจ้องมองอย่างตื่นตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่าสาวจ้า ไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด
                 
“ยื่นนาฬิกามาสิ” สาวจ้าบอกบรรดาเพื่อนๆ พวกเธอจึงยื่นมือข้างที่ใส่นาฬิกาออกมาอย่างพร้อมเพรียง ราวกับต้องมนต์
จากนั้นสาวจ้าก็วางแผ่นการ์ดมาสเตอร์บนนาฬิกาของเพื่อนๆอย่างแผ่วเบา เมื่อการ์ดได้สัมผัสนาฬิกาก็ปรากฏว่ามีแสงสว่างบาดตาเกิดขึ้น จากนั้นนาฬิกาก็เปลี่ยนรูปร่างไป คล้ายๆรูปทรงเดิมของมันเพียงแต่ดูทันสมัยไฮเทคขึ้นพอๆกับนาฬิกาของสาวจ้าเท่านั้น เมื่อทำการก๊อปปี้โปรแกรมนาฬิกาเรียบร้อยแล้ว สาวจ้าก็เก็บการ์ดมาสเตอร์กลับเข้าไปในนาฬิกาเหมือนเดิมจากนั้น...
                 
“ว้าย!! มีคนอยู่จริงๆด้วย” เสียงอุทานมาจากใครคนใดคนหนึ่งของทั้ง 3 สาว
                 
“สวัสดีครับ ผมเฟริส (เฟ-ริส) ครับ ยินดีที่ได้พบครับ เรียกผมว่าเฟริส (เฟิส) แบบนายหญิงก็ได้นะครับคุณส้ม, คุณเก๋, คุณแป๋ม” เฟริสเอ่ยทักอย่างสุภาพในมาดของเทพบุตรสุดหล่อ ตามแบบฉบับ ที่ทำเอาทั้ง 3 หน้าแดงด้วยความเขินอายเหมือนสาวจ้าในครั้งที่ได้พบกับนายเฟริสครั้งแรกไม่มีผิด (ก็เขาหล่อนี่ : 3 สาว พูดประสานเสียงกัน ดังมากกกก)
                 
“สวัสดีค่ะ” 3 สาวเอ่ยทักตอบ และมัวแต่ยืนจ้องเจ้าหนุ่มดิจิตอลด้วยความสนใจ จนเฟริสที่ไม่ใช่มนุษย์แท้ๆยังเกิดอาการประหม่า จนค่อยๆแอบเขยิบไปแอบอยู่หลังสาวจ้าด้วยความกลัว ด้วยไม่ชินกับมนุษย์คนอื่นนอกจากนายหญิงของเขา (ก็เล่นจ้องซะขนาดนั้นนี่นา สมควรกลัว: คนเขียน)
                 
“นี่ๆ พวกเธอ...เค้ากลัวแล้วนะเล่นจ้องซะขนาดนั้น” สาวจ้าพูดทำลายความเงียบ จนเพื่อนๆได้สติที่ตัวตะลึงกับความหล่อสมบูรณ์แบบตรงหน้าอยู่
                   
“จ้า...ตะกี้นี้บอกว่าเราจะมีผู้ติดตาม...แบบนี้คนละหนึ่งคนเหรอ” สาวเก๋ถามอย่างกระตือรือร้น พลางชี้มือมาที่เฟริสอย่างตื่นเต้น
                 
“อือ...งั้นมั้ง ว่าไงล่ะเฟริส” สาวจ้าตอบเพื่อนพลางหันไปถามผู้รอบรู้
                   
“ครับเพียงแต่ในเวอร์ชั่นก๊อปปี้ จะเป็นแบบให้ตั้งค่าต่างๆทางกายภาพเอาเองน่ะครับ ส่วนผมเป็นต้นแบบสมบูรณ์จึงมาสำเร็จรูปน่ะครับ” เฟริสอธิบายถึงความแตกต่าง จากนั้นเขาก็สอนวิธีการใช้งานต่างๆ ตลอดจนวิธีการสร้างผู้ช่วยที่มีเพียงหนึ่งเดียว ตั้งแต่การเลือกเพศ, ร่างกาย, หน้าตา, สีผิว, เสื้อผ้า ฯ จนเสร็จสิ้นขบวนการก็กินเวลาอีก 2 ชั่วโมง ซึ่งราวแล้วกินเวลาตลอดช่วงบ่าย ทำให้ทั้ง 4 สาวต้องโดดเรียนถึง 2 คาบด้วยกัน
                   
สาวเก๋ ได้ผู้ช่วยเป็นหนุ่มหล่อ ร่างล่ำสัน ผิวสีแทนภายใต้ชุดยีนสุดเท่ห์ ที่เธอบรรจงตั้งชื่อให้ว่า “ไมค์” (มาจากไมค์ ภิรมณ์พร: คนเขียน) ตามแบบชายในฝัน
                   
สาวแป๋ม ได้ผู้ช่วยเป็นสาวสวยเซ็กซี่ ท่าทางเป็ฯคุณหนูเมืองผู้ดี, อ่อนหวาน, น่าทะนุทะนอมเป็นที่สุด ชื่อว่า “ป๋อม” (จะได้คล้องกับ แป๋ม เป็น ป๋อมแป๋ม) เธอให้เหตุผลว่าถ้าเลือกผู้ช่วยผู้ชายแล้วจะทำให้จิตใจหวั่นไหว แล้วแฟน (หน่อง) จะโกรธเอา แล้วกินเหล้าเมาไม่ยอมหยุด ไปปีนต้นมะม่วงตกลงมาขาหัก (แหม...หน่องไม่เห็นหรอกน่า ไม่ต้องห่วงก็หน่องไม่ได้ใสนาฬิกานี่กลัวอะไร: คนเขียน)
                   
สาวส้ม ได้ผู้ช่วยเป็นสาวสวยท่าทางทะมัดทะแมง ดูลุยๆเป็นสาวมั่น ตามสไตร์ผู้หญิงของ เจมส์ บอร์น ที่ชอบนักชอบหนา และตั้งชื่อให้ว่า “แคร์”ที่ย่อมาจากแครอล ไนท์แอนด์อีซี่ (ยาสระผมยี่ห้อหนึ่ง) ด้วยเหตุผลที่ว่า อยู่กับผู้หญิงมันสบายใจกว่ากัน ไม่ต้องคอยมาระวังตัว (ต้องระวังอะไรอ่ะ เค้าเป็นแค่โปรแกรม หรืออาจจะเป็นแค่หุ่นยนต์เองนะ คิดมาไปได้: คนเขียน)
                   
หลังจากที่ซักซ้อมทุกอย่างจนเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน สาวจ้าเดินทางกลับบ้านที่มีเจ้าหนุ่มดิจิตอลรูปหล่อเดินเคียงข้างไปอย่างอารมณ์ดี ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สาวจ้ารู้สึกโล่งใจ และมีความสุขที่สุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา.
                                                          โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น