คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 14 : แผนลอบสังหาร และสนมของเจ้าชาย
ผ่ามิติทะลุแดนฝัน
Chapter 14 : แผนลอบสังหาร และสนมของเจ้าชาย
หลังจากนั้นเจ้าชายก็นำตัวทั้งสองมาปล่อยทิ้งไว้ที่วังของตน โดยจับสาวเก๋และนายไมค์แยกไปพักคนละที่ ซึ่งทำให้สาวเก๋ต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยว กลางห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามแต่เพียงลำพัง
ก๊อก ก๊อก แอ๊ดดด
“เอ่อ... ผมเอาอาหารเย็นมาแล้วครับ...” เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดที่มีเฉพาะผ้าผืนไม่ใหญ่นักพันปกปิดส่วนล่างเอาไว้กล่าวขึ้น พลางยกถาดที่บรรจุอาหารเข้ามาวางไว้ให้
“ผมชื่อทีตครับ ท่านคาอิลสั่งให้ผมมาคอยดูแลท่านเก๋ ท่านคาอิลเพิ่งพาผู้หญิงมาที่นี่เป็นครั้งแรกผมดีใจจริงๆ ดอกไม้เนี่ยชอบรึเปล่าครับ!? อ้อ... ผมเตรียมอาหารไว้แล้ว” เด็กชายกล่าวอย่าร่าเริง ในขณะที่สาวเก๋นึกอึ้งไปถนัด เมื่อเจอเด็กแปลกหน้ามาเรียกเธอเป็นถึง ‘ท่านเก๋’
“ขอบใจนะ แล้วเพื่อนของฉันล่ะ?” สาวเก๋กล่าวขอบใจ พร้อมกับถามถึงนายไมค์ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ที่เด็กชายนำมาบรรณาการขึ้นมาดมกลิ่นหอมอย่างชอบใจ
“อ๋อ...เขาทานอาหารแล้วก็เข้านอนเรียบร้อยแล้วครับ ท่านเก๋ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดที่นอนนะครับ” เด็กชายตอบ
“เอ่อ...นี่... ทีตใช่มั้ย ขอถามหน่อยนะ!!”
“ครับ?”
“การทำคนให้เป็นคุณไสย... เป็นเครื่องสังเวยเพื่อสาปแช่งคนอื่นให้ตายเนี่ย ทำได้จริงๆหรือเปล่า?”
“ท่านเก๋ นั่นเป็นความผิดร้ายแรงเลยนะครับ” เด็กชายกล่าว พร้อมกับทำหน้าตกใจในสิ่งที่ถูกถาม
“หมายความว่าทำได้สินะ” สาวเก๋พูดหน้าตาตื่น
“ครับ ได้ยินว่าถ้าเป็นภิกษุที่มีอำนาจมากจะทำได้ แต่ปกติแล้วเวลาจะสาปแช่งใครมักจะใช้งูมากกว่า ซึ่งแบบนี้ก็ผิดมากแล้ว แต่การใช้คนเป็นของสังเวยเนี่ย แสดงว่าต้องหมายตาคนที่มีคุณภาพดีหรือไม่ก็คนที่มีศักดิ์สูง” เด็กชายกล่าวอธิบาย ซึ่งนั่นทำให้สาวเก๋อึ้งไปกับคำตอบที่ได้รับ
“ท่านเก๋ถามทำไมเหรอครับ?” เด็กชายถามอย่างสงสัย
“เออ...เปล่า”สาวเก๋ปฏิเสธ
“ห้องผมอยู่ข้างๆครัวนี่นะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้ผมได้ ราตรีสวัสดิ์ครับ” ทีตกล่าวลา พร้อมกับปิดประตูห้องให้อย่างมีมารยาท
หลังจากที่เวลาผ่านไปแล้วครึ่งค่อนคืน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะแปลกที่หรือเพราะวันนี้เจอเรื่องตื่นเต้นเฉียดตามมาทั้งวัน ทำให้สาวเก๋ข่มตาหลับไม่ลง เธอจึงนึกที่จะออกไปเดินเล่นสูดอาการบริสุทธิ์ข้างนอกสักหน่อย เผื่อจะทำให้เธอนอนหลับได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเธอจะได้ไปติดต่อเล่นงานเจ้าเพื่อนตัวแสบสักหน่อย ที่บังอาจหลอกเธอมาอยู่ในที่อันตรายจนเกือบตายแบบนี้
“เอ๊ะ ออกมาตรงที่แปลกๆซะแล้วสิ ประตูอยู่ไหนนะ ที่นี่กว้างชะมัดยาดเลย ทั้งๆที่เป็นบ้านของเจ้าชายคนเดียวแท้ๆ เอาไงดีนะ”สาวเก๋ที่กำลังหลงทางบ่นอยู่คนเดียวงึมงำเหมือนหมีกินผึ้ง โดยไม่ทราบว่ามีภัยร้ายกำลังมากล้ำกรายชีวิตตนอยู่
ขวับ !!
“อ๊ะ!!” สาวเก๋อุทานอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆก็มีเชือกมาคล้องคอของเธอ และรัดลงมาจากด้านบนจนขยับไปไหนไม่ได้ เพราะถ้าทำเช่นนั้นเชือกก็จะรัดคอจนหายใจไม่ออก
ตุ้บ
เสียงคนกระโดดลงมาจากชั้นบนพร้อมกับมีมีดสั้นคมกริบวาววับมาจ่อเข้าที่คอจนสาวเก๋ใจหายวูบ!!
“ทีต ~” สาวเก๋ร้องอย่างตกใจและประหลาดใจด้วย เมื่อเห็นหน้าบุคคลที่ลอบทำร้ายเธอถนัดตา
คึ คึ คึ
เสียงหัวเราะอย่างน่าสยองขวัญดังออกมาจากปากคู่ที่ไม่น่าจะส่งเสียงแบบนั้นได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ซึ่งมันนับว่าเป็นเสียงที่น่าเกลียดน่ากลัวพอๆกับเสียงของฆาตกรโรคจิตที่เธอเคยดูในหนังระทึกขวัญก็ไม่ปาน โดยเฉพาะสีของในตาคู่นั้นที่ดูผิดไปราวกับนัยน์ตาของอสรพิษ
ฉัวะ !
“โอ๊ย!! หยุดนะทีต เธอเป็นอะไรไปน่ะ!? เข้มแข็งไว้สิ ทีต!!!”สาวเก๋ร้องบอกเด็กชายอย่างตื่นตระหนกและหวาดกลัว ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยหลบหลีกคมมีดที่พุ่งเข้ามาซ้ายทีขวาที จนพลาดถูกบาดที่ไหล่ข้างขวาเป็นแนวยาวจนเลือดไหลโกรก
“ใคร...ใครก็ได้รีบมาที!! ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ? ไมค์...ไมค์อยู่ไหนช่วยฉันที ว้าย!!ทีตหยุดนะ” สาวเก๋ร้องเรียกให้คนช่วยเสียงหลง ในใจก็ได้แต่คิดว่าเด็กคนนี้คิดจะฆ่าเธอจริงๆเหรอเนี่ย น่าเจ็บใจนักที่จะต้องมาตายแบบนี้ ที่นี่เป็นวังของเจ้าชายแท้ๆทำไมมันถึงไม่มีคนอยู่เลยนะ แย่ชะมัด ไมค์ก็ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน แย่ที่สุด!!
“ทีต!!” สาวเก๋ร้องเสียงหลงยิ่งกว่าเดิม เมื่อทีตยกมือทั้งสองมีดง้างมีดขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะจ้วงแทงลงมาอย่างสุดแรงยังลำคอของสาวเก๋
ฉัวะ !
“ว้าย!!” สาวเก๋ร้องอย่างสุดเสียง ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ ทำให้มีดพลาดเป้าเฉือนเอาเชือกที่รัดคอสาวเก๋เอาไว้จนขาดแทน จนเป็นโอกาสให้สาวเก๋หลุดสู่อิสรภาพอันหอมหวาน
เธอรีบวิ่งหนีในขณะที่ครุ่นคิดไปด้วยว่าทีตเป็นอะไรไปกันแน่ ท่าทางก็ผิดจากเมื่อตอนเย็นเป็นคนละคน ดูไปแล้วเหมือนกับ...ถูกควบคุมอยู่เลย จังหวะนั้นเองสาวเก๋ก็มองเห็นประตูบานใหญ่ ซึ่งเธอก็รีบกระโจนออกไปด้วยความดีใจจนวิ่งไปสะดุดธรณีประตูเข้าเต็มๆ (ซุ่มซ่ามซะไม่มี เพื่อนใครฟะเนี่ย>o< เจ็บมั้ยล่ะนั่น หุ หุ ^o^: สาวจ้า)
พลั่ก!
สาวเก๋ที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะนอนจุกรีบลุกขึ้นตะเกียดตะกายขึ้นมาทันที แต่ทีตก็ไวกว่าที่กระโดดลงมากระทืบมือที่สาวเก๋ใช้พยุงตัวจนเธอเจ็บแทบหมดแรง นี่ไม่นับว่ายังต้องเจอเข่าของเขาที่อัดเข้ามาที่กลางหลังจนเธอจุกและเจ็บสุดจะทนอีก แต่แค่นั้นยังไม่หมด เธอถูกเด็กชายที่นั่งค่อมอยู่บนหลังขยุ้มผมให้เงยหน้าขึ้นมา แต่เธอก็ต้องตกใจจนแทบสลบไปอีกรอบ เมื่อเด็กชายเงื้อมีดขึ้นสูงด้วยสีหน้าแสยะยิ้ม มีดสีเงินคมกริบสะท้อนแสงจันทร์เงาวับ โดยที่เธอไม่อาจจะขยับกายหนีได้อีดต่อไป
กรี๊ดดดดด
สาวเก๋หลับตาร้องอย่างสุดเสียง อย่างที่ในชีวิตนี้ภาพเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี้ เป็นสิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าทั้งหมดที่เคยประสบมาในชีวิตฉะนั้น
ฟิ้ว!! ฉึก
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับเจ้าของเสียงพุ่งไปปักอยู่บนพื้นไม่ไกลนัก แต่อะไรก็ไม่น่าดีใจไปกว่ามีดที่กำลังจะปักอยู่บนต้นคอของสาวเก๋นั้น หลุดออกจากข้อมือชุมเลือดที่เกิดจากคมธนู
“ทีตทำอะไรน่ะ นี่มันเรื่องอะไรกัน!? หยุดนะ” เจ้าชายคาอิลผู้ที่ยิงธนูมาหยุดยั้งการทำอาชญากรรมดังกล่าวรีบวิ่งเข้ามาห้าม เมื่อเห็นว่าเด็กชายหันไปหยิบมีดเตรียมที่จะจ้วงแทงสาวเก๋ใหม่อย่างไม่ละความพยายาม จนเขาต้องต่อยท้องทีตไปอย่างแรงเพื่อหยุดเขา แต่เด็กชายกลับอาเจียนเอาน้ำสีดำๆออกมาไม่ขาด
“ทีต!?” เจ้าชายอุทานออกมาด้วยความตกพระทัยเมื่อเห็นภาพดังกล่าว
“นั่นมัน ‘น้ำสีดำ’ ของพระราชินี!!” คิกคูรีที่วิ่งตามเจ้าชายมาติดๆ กล่าวขึ้นด้วยความตกใจ
“ชี่
” เจ้าชายส่งเสียงห้ามคนสนิทมิให้พูดต่อ พลางมองน้ำสีดำที่ระเหิดหายไปในอากาศอย่างรวดเร็วอย่างแค้นใจ
“ท่านคาอิล” คิกคูรีได้แต่ครางเรียกชื่อนายของตน อย่างไม่เข้าใจ
สาวเก๋ที่รอดตายอย่างหวุดหวิด ก็เกิดอาการเหนื่อยที่ต้องวิ่งหนีความตายมาตลอดทั้งวันจนสลบไป ทำให้ปัญหาการนอนไม่หลับหมดไปในทันที จนไม่รู้ว่าต้องของคุณทีตดีหรือเปล่า ที่ช่วยมาเป็นเพื่อนออกกำลังให้เธอในค่ำคืนอันเงียบสงบ และมีฟ้ากระจ่างดาวสวยงามแบบนี้
“เก๋? เก๋!!” เจ้าชายตะโกนขึ้นเพื่อเรียกสาวเก๋เสียงดังด้วยความตกพระทัย เมื่อเห็นสภาพสาวเก๋ทรุดฮวบสลบไปภายในอ้อมกอดของตน
“มีอะไรกันน่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงของพวกชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณข้างเคียง เริ่มออกมาดูเหตุการณ์ พลางร้องถามกันอย่างเซ็งแซ่เมื่อได้ยินเสียงอึกทึกมาจากทางวังของเจ้าชายรูปงาม แต่ดูเหมือนต้นเหตุอย่างสาวเก๋นั้นจะไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ยินอะไรได้อีกแล้วในค่ำคืนนี้
.....................................................
ภายในห้องนอนหรูที่มีบรรยากาศแบบโบราณ แสงไฟในห้องส่องสว่างเลือนรางจนดูเป็นแสงสลัวๆจนมองเห็นอะไรๆได้ชัดพอประมาณเท่านั้น
“อืม...” เสียงร้องครางดังขึ้นจากร่างที่นอนสลบมาตลอดทั้งคืน
“ฟื้นแล้วเหรอ รู้สึกเป็นไงบ้าง?” เจ้าชายหนุ่มเอ่ยปากถามร่างที่นอนหนุนตักของประองค์ตลอดทั้งคืนด้วยตาเป็นห่วง
“ว้าย!!” สาวเก๋ที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาร้องอย่างตกใจ
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบกับเจ้าชายหนุ่มในสภาพที่ตนเองกำลังเปลือยกายโดยมีผ้าผืนยาวเพียงชิ้นเดียวปิดส่วนสงวนเอาไว้ จนต้องรีบคว้าเอาผ้าชิ้นนั้นมาพันรอบกายอย่างแน่นหนาจนมิดพร้อมกับเหลียวซ้ายแลขวาหาเสื้อผ้าของตนไปมา
“ทีตถูกราชินีบงการ ฉันก็ลองสืบดูแล้วดูเหมือนว่าราชินีกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ”เจ้าชายเอ่ยบอก ก่อนที่จะเอ๊ะใจกับกิริยาแปลกๆของหญิงตรงหน้า ก่อนที่จะนึกได้ว่าเจ้าหล่อนอาจจะเจ็บแผลว่า
“เป็นอะไรไป? อ๋อ..บาดแผลไม่หนักหนาหรอกฉันทายาให้แล้ว เดี๋ยวก็หาย” เจ้าชายเอ่ยปลอบ ซึ่งนั่นทำให้สาวเก๋เกิดอาการชะงัก
‘แสดงว่ายังไงๆราชินีก็ต้องฆ่าเราให้ได้สินะ แล้วเราจะทำยังไงดีเนี่ย..กลุ้มโว้ย!’ สาวเก๋คิดอย่างกลุ้มๆ ก่อนจะก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย เมื่อเรียบเรียงได้ว่าเจ้าชายบอกว่าอะไรต่อ พลางคิดในใจว่า ‘ยา...อ๋อเค้าคงจะทำแผลให้ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องจับเราแก้ผ้าหมดซักหน่อย’ เมื่อคิดได้ดังนั้นหน้าที่เริ่มแดงก็แดงก่ำขึ้นไปอีก
“เจ็บแผลเหรอ?” เจ้าชายถามอย่างเป็นห่วง
“อื้ม แต่ไม่เท่าไหร่ ขอบคุณนะ” สาวเก๋ตอบด้วยท่าทางแปลกๆไม่ยอมสบตาคนถาม โดยมือก็พยายามกระชับผืนผ้าเอาไว้มั่นประดุจเส้นชีวิตก็ไม่ปาน ซึ่งกิริยานั้นทำให้เจ้าชายถึงกับนิ่งมองก่อนที่จะค่อยๆเอื้อมมือข้างหนึ่งขึ้นหยิบชายผ้าดึงออกมา
สาวเก๋ที่กำลังตกใจก็หันมามองว่าเจ้าชายจะทำอะไร ก็ต้องถึงกับตัวแข็งค้าง เมื่อเจ้าชายหนุ่มรูปงามก้มหน้าลงจูบหน้าอกเปลือยของเธอที่ไร้ผืนผ้าปิดกั้นก่อนจะทิ้งตัวลงทาบทับร่างอวบอิ่มของสาวเก๋ลงกับที่นอน
“จะ...จะทำอะไรน่ะ? อย่านะ!!” สาวเก๋ที่เริ่มรู้แล้วว่าตนเองกำลังจะถูกอีกฝ่ายทำอะไรก็เริ่มร้องโวยวายและออกแรงดิ้นรนขัดขืน ถึงแม้ว่าเจ้าหล่อนจะอึดถึกเพียงใด กำลังของผู้หญิงก็แพ้ผู้ชายตัวโตๆอยู่วันยังค่ำ
“การที่ผู้ชายเอาผู้หญิงมาไว้ใกล้ๆ อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ความหมาย ถึงฉันจะยังไม่คิดมีมเหสีแต่ก็สามารถมีสนมซักคนได้” เจ้าชายผงกหัวขึ้นมาจากหน้าอกนวลเนียนเพื่อเจรจาหลังจากที่ออกแรงปล้ำกอดสาวเก๋จนอีกฝ่ายหยุดดิ้นมานอนหอบด้วยความเหนื่อย
สาวเก๋ที่ได้ยินคำว่า ‘สนม’ ก็ถึงกับตะลึงรอบสอง เพราะว่าเธอไม่ได้นึกอยากซักนิดกับตำแหน่งแบบนั้น และเริ่มมีแรงฮึดอีกครั้งที่จะดิ้นต่อ แต่ดูเหมือนเจ้าชายจะไม่เปิดโอกาสให้สาวเก๋ได้ดิ้นรน เมื่อพระองค์ก้มลงมาปิดปากของสาวเก๋ด้วยจูบที่รุ่มร้อน... ปลุกเร้า...ด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่าจนสติของสาวเก๋เริ่มกระเจิดกระเจิง เมื่อเมือของเจ้าชายคาอิลเริ่มโลมไล้ไต่ไปตามผิวเรียบเนียนสีน้ำผึ้งนั้นแทบทุกตารางนิ้วอย่างเล้าโลม ไม่ว่ามือนั้นลากผ่านไปตรงไหนก็ให้ความรู้สึกร้อนไปหมด
“อย่านะ...หยุดซี่... อย่า...” สาวเก๋ร้องห้าม แต่ดูเหมือนเจ้าชายจะไม่สนใจ พระองค์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาระดมจูบหน้าอกและซอกคอนวลไม่ได้หยุด ฝ่ามือก็ลูบไล้เรียวขาละมุนมือที่ถูกจับแยกออกอย่างไม่วางเว้น ไม่สนแม้ว่าสาวเก๋จะร้องให้เสียใจเพียงใด
“จ้า! ไม่!!” สาวเก๋ร้องเรียกชื่อเพื่อนออกมาอย่างสิ้นหวัง (ช่วยด้วยสิโว้ย ไอ้เพื่อนเฮงซวย มัวมุดหัวอยู่รูไหนเนี่ย:สาวเก๋)เธอคงไม่สามารถกลับไปหาครอบครัวของเธอได้อีกต่อไปแล้ว แต่ชื่อนั้นทำให้เจ้าชายคาอิลที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำกิจกรรมอยู่หยุดชะงักได้เช่นกัน (อ๊าย...เธอจะเรียกชื่อชั้นทำซากปรักหักพังอะไรว้า:สาวจ้า / ก็เรียกให้แกช่วยไงล่ะ :สาวเก๋)
“จ้า?” เจ้าชายเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
“ก็เพื่อนของฉันน่ะสิ แต่คุณน่ะฉันเกลียดที่สุดรู้ไว้ด้วย” สาวเก๋พูดด้วยน้ำตาที่ไหลพราก ในขณะที่เจ้าชายที่ได้ฟังดังนั้นก็หมดอารมณ์อย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
พระองค์ขยับลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่เข้าทาง โดยที่สาวเก๋ได้แต่นอนน้ำตาไหลพราก ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี ที่ตัวเองรอดพ้นวิกฤตได้อย่างหวุดหวิดด้วยชื่อของคนเพียงคนเดียวอย่างนี้ (ชื่อเธอนี่มีประโยชน์เหมือนกัน : สาวเก๋)
แก๊ง แก๊ง แก๊ง~
“เสียงระฆัง?”
เสียงระฆังดังแว่วเข้ามา ทำให้สาวเก๋ค่อยๆลุกขึ้นมาจากที่นอนด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อยๆรวบผ้าขึ้นมาพันตัวอย่างแน่นหนาอีกครั้ง
“ระฆังนี่เป็นสัญญาณนั่นล่ะ การประหารชีวิตคงจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ” เจ้าชายบอกพร้อมกับมือที่ยังคงสาละวนกับปมผ้าที่ต้องผูกให้เป็นชุดอย่างมีศิลปะ ในขณะที่สาวเก๋มีสีหน้าตกใจ
“ประหารทีต!?” สาวเก๋ร้องถาม ในขณะที่เจ้าชายเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนที่จะปล่อยให้มันตกลงมาอยู่ที่เดิม นิ่ง...เป็นการยอมรับ
“ทำไมทีตต้องถูกประหารด้วย!?” สาวเก๋ถามอย่างไม่เข้าใจ ทำไมเด็กชายตัวเล็กๆที่ร่าเริงอย่างนั้นจะต้องถูกประหารด้วย เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“ก็กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ที่คิดฆ่าเชื้อพระวงค์จะโดนโทษสูงสุด แล้วเธอได้รับการยอมรับไปแล้วว่าเป็นสนมของฉัน(แต่คุณสมบัติเป็นอีกเรื่อง) จากการที่ฉันพาเธอมาอยู่ที่วัง” เจ้าชายอธิบาย
“แต่ทีตถูกราชินีบงการ”สาวเก๋เถียง
“เราไม่มีหลักฐาน ฉันเองไม่อยากให้เขาตาย แต่ฉันก็ไม่สามารถเลี่ยงกฎหมายได้” เจ้าชายพูดอย่างเศร้าๆ แต่ก็เศร้าได้ไม่นานเมื่อจู่ๆกาน้ำดินเผาที่วางอยู่บนโต๊ะได้ลอยหวือลงไปตกลงบนศีรษะของเจ้าชายอย่างแรงจนพระองค์ร้อง ‘โอ๊ย!!’ และกุมหัวของตนด้วยความมึน
“บ้าเหรอ! นี่ไม่ใช่เวลามาทำเรื่องแบบนี้นะ ลานประหารอยู่ไหน!?” สาวเก๋ที่โกรธได้ที่ ลุกขึ้นตวาดเจ้าชายเสียงเขียวจนเจ้าชายถึงกับอึ้ง
จากนั้นทั้งสองคนก็เร่งแต่งตัวออกเดินทางไปยังลานประหารอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เพชรฆาตได้นำเอาเชือกมาคล้องคอเด็กชายพาดกับขื่อไม้สูง แล้วเอาปลายเชือกนั้นลากยาวมาพันรอบตัววัวเพื่อหวังให้วัวเป็นตัวดึงเชือกแหวนคอเด็กชายเสร็จพอดี
กุบ กับ กุบ กับ!
เสียงฝีเท้าม้าควบดังเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงตะโกนดังขึ้นกึกก้องดังลั่นทั่วลานประหารจนทำให้ชาวบ้านที่มามุงดู หันมามองอย่างสนใจ
“หยุดก่อน!! อย่าเพิ่งประหาร!!”
“ท่านเก๋!!” เสียงของเด็กชายเรียกเจ้าของเสียงตะโกนก้องด้วยความตกใจ
“หยุดการประหารบ้าๆ นั่นซะ เจ้าชายคาอิลพูดอะไรบ้างสิ!!” สาวเก๋หันไปสั่ง พร้อมกับไปกล่าวกับเจ้าชายให้สั่งบ้าง
“เก๋ ” เจ้าชายก็ได้แต่เรียกชื่อสาวเก๋อย่างหนักใจ ไม่รู้ว่าจะกล่าวห้ามสาวเจ้าอย่างไรดี เธอถึงจะเข้าใจว่าจู่ๆจะไปสั่งยกเลิกนั้น มันไม่ได้...
“ทีตไม่ผิดซักหน่อย แล้วฉันเองก็แค่บาดเจ็บผิวเผิน” สาวเก๋บอก พร้อมกับคิดว่าตั้งแต่หลงมาอยู่ที่นี่ก็มีแต่เด็กชายเท่านั้นที่ดีกับเธอ
“ขออภัยครับพระสนม แค่ชาวบ้านธรรมดากวัดแกว่งดาบใส่ผู้สูงศักดิ์ก็ต้องได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมายแล้ว แต่ถ้าเป็นกรณีของชาวบ้านธรรมดาด้วยกันเป็นอีกเรื่องครับ” เพชรฆาตที่คุกเข่าเบื้องหน้ากล่าวอธิบายสาวเก๋อย่างนอบน้อม ในขณะที่สาวเก๋ได้แต่โวยวายด้วยความร้อนใจ
“เรามีกฎบัญญัติว่าถ้าเป็นคดีชาวบ้านทำร้ายกันเองก็ปรับเป็นเงินหรือใช้แรงงานน่ะครับ” คิกคูรีที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังเอ่ยปากบอกบ้าง ทำให้สาวเก๋ชะงักฟังก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“งั้นคราวนี้ฉันจะใช้ทีตให้ทำงานหนักเป็นการลงโทษแทน!! เป็นอันว่าหายกันแล้วนะไปเถอะทีต!!” สาวเก๋รวบรัดแต่ก็มีเสียงขัดขึ้นมาทันที
“ช้าก่อนพระสนม นั่นเป็นการขัดต่อกฎหมายนะครับ”
“ฉัน... ฉันเองก็ไม่มีฐานะอะไรซักหน่อย! แต่ถ้าคิดว่าฉันยิ่งใหญ่ขนาดทำให้ทีตต้องรับโทษตายได้ก็ฟังที่ฉันขอร้องสิ!!” สาวเก๋หันไปพูดกับคนที่เอ่ยขัดเธอไว้อย่างฉุนเฉียวแกมขอร้องอยู่ในที
“เก๋!! เธอจะใช้อำนาจของชื้อพระวงศ์ในเรื่องส่วนตัวไม่ได้นะ!!” เจ้าชายคาอิลที่ยืนฟังอยู่นาน เข้ามาจับตัวสาวเก๋ไว้พร้อมกับต่อว่าสาวเก๋ที่ทำอะไรโดยไม่คิด
“พูดอะไรน่ะ!! ฐานะมีไว้เพื่อให้คนที่สูงกว่าปกป้องคนที่ต่ำกว่าไม่ใช่รึไง!? ถ้ามีอำนาจแล้วไม่ใช้ในเวลาแบบนี้จะไปใช้เมื่อไหร่!!” สาวเก๋หันไปตวาดเจ้าชายเสียงดัง แต่ข้อความดังกล่าวกลับดังเข้าไปก้องสะท้อนอยู่ภายในใจของทุกผู้คนที่ได้รับฟัง เหมือนกับว่าคำพูดดังกล่าวได้เข้าไปปลุกกระแสความคิดบางอย่างที่โดนใจเข้าจังๆ โดยเฉพาะกับเจ้าชายที่นิ่งตะลึงไปก่อนที่จพเอ่ยออกมาอย่างทึ่งในความคิดของหญิงสาวตรงหน้า
“เข้าใจล่ะ งั้นฉันจะพาทีตกลับ” เจ้าชขายหันไปบอกสาวเก๋
“แม้...แม้กระทั่งเจ้าชายคาอิลก็พลอยเป็นไปด้วย!!” เสียงโวยวายจากเพชรฆาตดังขึ้น
“สนมคนโปรดของฉันเขาขี้โมโหอย่างที่เห็นนี่แหละ ตอนนี้ฉันเลยไม่กล้าขัดใจเขาเลย” คาอิลพูดขณะที่ดึงตัวสาวเก๋เข้ามากอดแล้วก้มลงจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา แสดงความรักอย่างเต็มที่ต่อหน้าธารกำนัล ก่อนจะหันไปสั่งการกับคนสนิท
“คิกคูรีพาทีตกลับไปซิ”
“ครับ” คิกคูรีตอบรับเจ้าชายเสียงดัง
“เจ้าชายคาอิลช้าก่อนครับ” เพชรฆาตรีบเอ่ยปากห้ามก่อนที่คิกคูรีจะปล่อยตัวนักโทษตามคำบัญชาของเจ้าชาย
“ฉันรับผิดชอบเอง ถ้ามีปัญหาก็ไปหาฉันได้ที่วัง” เจ้าชายตอบ และนั่นเป็นประโยคปิดคำค้านทั้งปวงได้อย่างสิ้นเชิง คิกคูรีจัดการตัดเชือกที่รัดเข้ากับคอของทีตออก
เด็กชายก้มลงคุกเข่าร้องไห้ด้วยความยินดีและหวาดหลัวกับเหตุการณ์ที่เกือบพรากลมหายใจของตน ความรู้สึกต่างๆประเดประดังเข้ามาไม่ได้หยุดรวมถึงความสำนึกในบุญคุณของหญิงสาวที่ได้ชื่อว่า ‘พระสนม’ ตรงหน้าด้วย
“ผม... ผม.. ท่านเก๋... ทั้งที่ตอนนั้นถ้าผมจะถูกท่านคาอิลฆ่าตายมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แท้ๆ” เด็กชายหันไปพูดกับสาวเก๋ แต่ก็ถูกเจ้าหล่อนตัดบทเพราะไม่อยากพูดเรื่องนี้ให้มากความ
“ช่างมันเถอะทีต กลับกันเถอะ”
“ถ้าเพื่อท่านเก๋แล้วผมยินดีทำทุกอย่าง เชิญบอกมาได้เลยนะครับ” เด็กชายยังคงูดต่อด้วยเสียงสะอึกสะอื้น แต่น้ำเสีจริงใจเป็นที่สุด
“ขอบใจนะแต่ไม่ต้องคิดมากหรอก” สาวเก๋กล่าวอย่างใจดี
หลังจากนั้นทั้งหมดก็ชักขบวนกลับไปยังวังของเจ้าชายคาอิล ทิ้งลานกว้างกับเครื่องประหารที่ว่างเปล่าเอาไว้ พร้อมกับสายตาชื่นชมของเหล่าราษฎรที่มองเจ้าชายและพระสนมคนใหม่อย่างชื่นชม
โปรดติดตามตอนต่อไป
June, 12, 2006
June, 13, 2006
January, 17, 2007 : Jaja Writer And Rewrite
ความคิดเห็น