ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผ่ามิติทะลุแดนฝัน

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 13: รอดตาย

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 49


    ผ่ามิติทะลุแดนฝัน

    Chapter 13: รอดตาย

            หลังจากที่สาวเก๋กับนายไมค์หลบมาเป็นคนงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองฮัตตูซาได้ 3 วัน ทั้งคู่ก็หนีไปไหนไม่รอด เมื่อมีทหารรักษาพระองค์จำนวนหนึ่งบุกเข้ามาจับคนทั้งคู่ลากเข้าวังของราชินีนาเกียทั้งที่ทั้งคู่กำลังพักผ่อนอยู่บนที่นอน

            นายทหารเหล่านั้นจับสาวเก๋กับนายไมค์มัดด้วยเชือกหนังที่ข้อมือและแขวนทั้งคู่ไว้กับเสาต้นใหญ่ในมหาวิหาร เพื่อรอราชินีของตนมาพิพากษาด้วยตนเอง....

            'ทำไม? ทำไมเราถึงต้องเคราะห์ร้ายแบบนี้' สาวเก๋นิ่งคิดอย่างสงสารตัวเอง ที่อุตส่าห์หนีมาได้ตั้งหลายวัน แต่ก็ยังไม่วายถูกจับตัวมาจนได้

           กรุ๊ง...กริ๊ง...

            เสียงกรุ๊งกริ๊งดังกังวานแว่วเข้ามาอย่างน่าฟัง... เสียงกระพรวนที่กระทบกันเบาๆนั้นค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเจ้าของร่างในอาภรณ์โบราณดูกรุยกรายสวยงามที่ประดับด้วยอัญมณีล้ำค่ามากมายก้าวเข้ามาใกล้และเงียบเสียงลง กระพรวนที่ประดับอยู่บนข้อเท้าขาวผ่องได้หยุดกระทบกัน เมื่อเจ้าของร่างหยุดเท้าลงตรงหน้าหนุ่มสาวต่างมิติที่บัดนี้ถูกล่าม เพื่อรอคำพิพากษาในฐานะ 'เชลย'

           สายตาที่ทอดมองมาจากเบื้องสูงไปยังเหล่าผู้ถูกจำกัดอิสรภาพนั้น สั่นระริกด้วยความปรีดาอย่างปิดไม่มิด แม้ว่าสีหน้าที่งดงามนั้นยังเรียบเฉยราวรูปสลักที่ประดับอยู่ในมหาวิหารแห่งนี้

            "คุณเป็นใคร?" สาวเก๋ที่ถูกล่ามอยู่เงยหน้าขึ้นถามหญิงงามแปลกหน้าที่เพิ่งก้าวเข้ามาพร้อมผู้ติดตามในชุดคลุมสีดำเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย

            "ฉันคือราชินีของประเทศนี้" หญิงแปลกหน้าตอบอย่างไร้อารมณ์

            "แล้วคุณจับฉันมาทำไมเนี่ยคิดจะทำอะไรฉัน รู้มั้ยว่าอยู่แบบนี้มันเมื่อยนะ" สาวเก๋ถามต่อพร้อมกับต่อว่าขณะตีสีหน้าแหยเก

            "อยู่เฉยๆนะ ฉันต้องการเลือดของเธอ พอตัดตรงนี้... เลือดสีแดงก็จะไหลออกมา นี่แหละที่ฉันต้องการ" ราชินีตอบคำพร้อมกับสาวเท้าเข้ามาใกล้สาวเก๋มากขึ้น พร้อมกับตวัดนิ้วเรียวงามของเธอทำท่าปาดคอสาวเก๋ พร้อมกับทำเสียงประกอบเบาๆดัง ฟึบ!!!

            "หา!?!?!" สาวเก๋ทำหน้าตกใจและไม่เข้าใจ

            "องค์ราชาน่ะท่านอายุมากแล้ว ฉันอยากให้โอรสที่เป็นลูกของฉันขึ้นครองบัลลังก์ต่อ แต่ลูกชายฉันเป็นโอรสองค์สุดท้องของพระราชา การเป็นรัชทายาทได้ก็ต้องให้พวกโอรสองค์โตๆตายก่อน ดังนั้นฉันจึงต้องการเลือดของเครื่องสังเวยเพื่อใช้ทำคุณไสยสาปแช่งให้พวกเค้าตาย ฉันสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าให้ส่งเครื่องสังเวยมา เครื่องสังเวยที่ดีที่สุด จะเป็นคนของดินแดนไหนก็ได้ แล้วเธอก็ปรากฏตัวขึ้นมา" ราชินีกล่าวอธิบายอย่างปกติ ทั้งๆที่เรื่องที่เธอพูดมันตรงกันข้ามกันเลยเมื่อมีความคิดเรื่องฆ่าฟันเข้ามาเกี่ยวข้อง

            "จะ...จะบ้าเหรอ ของแบบนั้นจะไปทำได้ยังไง พูดอะไรไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย นี่ก็ปี 2006 แล้วนะ ใครเขาจะยอมให้ทำแบบนั้นกันล่ะ รายการเรียลิตี้โชว์เขายังไม่ทำกันเลย" สาวเก๋โวยวายออกมา พร้อมกับตัวสั่นขึ้นมาอย่างหวาดกลัว

            "ปี 2006 ? นั่นคือดินแดนของเธอเหรอ? แต่นี่คืออาณาจักรของฮิตไทต์ ไม่มีอะไรที่ราชินีของกษัตริย์ชุปปีลูลีมาช ที่เป็นเจ้าแห่งน้ำจะทำไม่ได้" ราชินีตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

            "เจ้าแห่งน้ำ???" สาวเก๋รำพึงอย่าง งงงวยกับสิ่งที่ตนได้ยิน

           ผ่าง!!!

            "พระราชินี ขออภัยพะย่ะค่ะ ฝ่าบาทกำลังเสด็จมาที่นี่แล้ว!!!"

            ในขณะนั้นเอง ก็มีนักบวชคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานว่ากษัตริย์กำลังเดินทางมาที่มหาวิหาร

            "ฝ่าบาทเสด็จมาทำไม!?" ราชินีร้องถามด้วยความตกใจ

            "บางที...ความวุ่นวายในเมืองเมื่อ 3 วันก่อน คงจะทราบถึงพระกรรณของฝ่าบาท" นักบวชคนนั้นกล่าวตอบเสียงสั่น

            "ฉันจะให้ฝ่าบาทรู้เรื่องที่ฉันคิดจะสาปแช่งโอรสองค์อื่นไม่ได้" ราชินีกล่าวอย่างหนักใจกับปัญหาเร่งด่วนตรงหน้า

            "กษัตริย์..." สาวเก๋เอ่ยเบาๆ เธอกำลังคิดว่าถ้าหากเป็นกษัตริย์แล้วล่ะก็ อาจจะหยุดมเหสีได้แน่

            "ดีล่ะ! สรุปแล้วขอให้ได้เลือดของเด็กคนนี้เป็นพอ ฉันมีความคิดดีๆแล้ว!!" ราชินีกล่าวด้วยสีหน้าที่หมดกังวลเมื่อสามารถคิดแก้ปัญหาของตนได้พร้อมทั้งนำผ้ามามัดปากสาวเก๋และหนุ่มไมค์อย่างแน่นหนา ก่อนที่กษัตริย์จะก้าวเข้ามาได้ไม่นาน โดยที่ทั้งคู่ได้แต่บิดตัวไปมา แต่ก็ขัดขืนไม่สำเร็จ

            ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานในอาภรณ์หรูดูสง่างามก้าวตรงเข้ามายังราชินีที่กำลังยอบตัวลงเพื่อทำความเคารพบุคคลที่เข้ามาใหม่ด้วยกริยาอ่อนหวาน

            "ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท" ราชินีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

            "ราชินี ฉันได้ยินเรื่องเด็กสาวที่โผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำเมื่อ 3 วันก่อนแล้ว ทำไมเด็กคนนี้ถึงมาอยู่ที่วังของเธอล่ะ" ชายที่คาดว่าคงเป็นกษัตริย์นั้นเอ่ยถามพร้อมกับลูบเรียวหนวดสีเงินยวงของตนอย่างแผ่วเบา ด้วยกริยาที่น่าชม

            "ทรงลืมแล้วเหรอเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นทั้งมเหสีของพระองค์ และเป็นภิกษุณีของมหาวิหารด้วย บ่อน้ำนั่นเป็นพระเมตตาของเตชัปเทพแห่งดินฟ้าอากาศและยังอยู่ในเขตวิหาร ดังนั้นการที่เด็กผู้หญิงคนนี้มาอยู่กับหม่อมฉัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย" ราชินีกราบทูล พร้อมกับแจกแจงในหน้าที่ ที่ตนรับผิดชอบอยู่

            "อืม... งั้นคิดจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ล่ะ?" พระราชาเอ่ยถามความคิดเห็น โดยไม่ได้มองเลยว่าสาวเก๋จะส่งสัญญาณ SOS ผ่านทางสายตาอันร้อนรนมาเป็นระยะๆ

           

            "ถ้าเด็กคนนี้โผล่ขึ้นมาจากข้างกายของเตชัป การส่งเขากลับคืนสู่ข้างกายท่านอาจจะทำให้อาณาจักรของเรายิ่งเจริญรุ่งเรื่องขึ้นก็ได้นะเพคะ" ราชินีแสดงความเห็น ซึ่งมันคงจะเข้าท่าพอสมควรเนื่องจากกษัตริย์นั้นก็ได้แต่ยืนลูบหนวดอยู่ไปมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด

            "คิดจะสังเวยให้เตชัปเหรอ?" กษัตริย์ได้แต่เลิกคิ้วถามขึ้น

            "ใช่แล้วเพคะ" ราชินีได้แต่ยิ้มด้วยความพอใจ ผิดกับสาวเก๋และนายไมค์ที่เริ่มดิ้นและส่ายหัวด๊อกแด๊กไปมาอย่างบ้าคลั่งแสดงอาการไม่เห็นด้วยอย่างแรง (อย่าตัดสินกันเองสองคนสิฟะ: สาวเก๋ / จริงด้วยครับ: นายไมค์)

            "ถ้าเธอตัดสินใจแล้ว ก็ตกลงตามนั้นเหอะ" กษัตริย์ประกาศออกมาหลังจากนิ่งคิดตัดสินใจเพียงชั่วครู่

     

            "เพคะ เอาเด็กพวกนี้ไปที่มหาวิหาร แล้วประกาศให้ชาวบ้านรู้ว่าพรุ่งนี้เราจะประกอบพิธีบวงสรวง" ราชินีสั่งการแก่เหล่านักบวชเสียงดัง พร้อมๆกับที่กษัตริย์หมุนตัวลับหายออกไป (เฮ้ย! ลูงงงงกลับมาก่อน หนูยังไม่อยากตาย: สาวเก๋)

           'ไม่นะ!! ไม่มีใครมาช่วยเราเลย เครื่องสังเวยสาปแช่งเหรอ นี่เขาเล่นบ้าอะไรกันเนี่ย ฮือๆ ไอ้จ้า รอก่อนเถอะ...หลุดไปได้เมื่อไหร่ แกตายแน่ ไอ้เพื่อนเลว~' สาวเก๋ได้คิดในใจ พลางดิ้นรนไปมา เมื่อหันจะไปขอความช่วยเหลือจากหนุ่มไมค์ที่ไม่ได้มีสภาพต่างไปจากตน ก็ได้แต่นั่งปลงอนิจจังชะตากรรมของตนแต่เพียงลำพัง

    ..........................................................

            เช้าวันใหม่....

            "เค้าบอกว่าจะมีพิธีบวงสรวงที่มหาวิหารแน่ะ"

            "แปลกนะที่มีในช่วงนี้"

            ชาวบ้านที่อยู่ในเมืองต่างพูดคุยกันด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้ทราบประกาศเกี่ยวกับการทำพิธีบวงสรวงสังเวย ที่ปกติมิได้ทำกันในช่วงเวลานี้อย่างเช่นทุกปี....

    ....................................................

            'ใครบ้างที่จะทำใจได้ว่าเรื่องเหล่านี้เป็นความจริง เรื่องแบบนี้... มันเป็นฝันร้ายชัดๆ!!' สาวเก๋นิ่งคิดอย่างเศร้าใจและหวาดกลัว น้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้มเป็นทาง (แง้~ เค้ายังไม่อยากตายอ่ะ ยังหาแฟนไม่ได้เลย:สาวเก๋ / แหงะ! คิดอยู่เรื่องเดียวเหรอครับ:นายไมค์ / เรื่องของฉันอย่าจุ้นได้มะ:สาวเก๋/ คร้าบบบบ:นายไมค์)

            "เอาตัวเด็กนั่นออกมา!!" เสียงประกาศก้อง พร้อมๆกับร่างสาวเก๋และนายไมค์ที่ถูกมัดล่ามไว้ทั้งปาก มือและเท้าถูกโยนมากองตุบอยู่กลางลานกว้างในสถานที่แปลกตา (เจ็บนะ!! ช่างไม่มีความนุ่มนวลซะบ้างเลย ชั้นช้ำไปทั้งตัวแล้วนะ กระซิกๆ:สาวเก๋)

           เฮ~ เฮ~ เฮ~

            เสียงเฮ ของเหล่าชาวบ้าน และผู้ร่วมพิธีร้องดังก้องไปทั่วด้วยความยินดีในการทำพิธี

            "พระราชาเด็จแล้ว ถัดมาคือเจ้าชายรัชทายาทซาลี อาร์นูวันตัช และเจ้าชายองค์ที่ 3 ท่านคาอิล เมอร์ซิลิส" เสียงประกาศขานนามและตำแหน่งบุคคลสำคัญดังขึ้น ในขณะเดียวดันก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดมาจากเหล่าผู้หญิง พร้อมกับเสียงเรียกชื่อ 'ท่านคาอิล' อย่างคลั่งไคล้

            ในขณะที่สาวเก๋กำลังคิดว่าจะทำไงดี ถ้าหนีไม่พ้นจะต้องถูกฆ่าทั้งๆอย่างนี้แน่ๆนั้น ระหว่างที่สาวเก๋คิดด้วยความกังวลใจอยู่นั้นสายตาของเธอก็ตวัดไปทางหนึ่งอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นชายผู้ซึ่งเคยล่วงเกินเมื่อหลายวันก่อน เมื่อเธอมาถึงที่นี่แรกๆ ด้วยใบหน้าอันแดงก่ำเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตนถูกชายคนนั้นทำอะไรเอาไว้

            'ผู้ชายคนนั้น!? เจ้าชายองค์ที่ 3... ผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอที่ไอ้จ้ามันบอก แต่ว่าเขามาอยู่ในที่แบบนี้ แสดงว่าเป็นพวกเดียวกับราชินีน่ะสิ' สาวเก๋นิ่งคิดอย่างหวาดกลัว (หนีเสือปะจระเข้จริงๆเลยฉัน: สาวเก๋)

           แชร้ง~

            เสียงห่วงของคทารูปกวางมูสกระทบกันเสียงดังกังวาน บอกถึงสัญญาณแห่งการเริ่มทำพิธี ซึ่งนั่นทำเอาสาวเก๋ถึงกับสะดุ้งเฮือก

            "เตชัปผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นเทพในหมู่เทพทั้งหลาย... ขอให้ท่านประทานฝนและความอุดมสมบูรณ์แด่แผ่นดินอันกว้างใหญ่ โดยที่เราจะถวายหญิงสาวพรหมจารีนี้ให้แก่ท่าน โปรดรับเครื่องสังเวยนี้ แล้วทำให้คำขอของเราสมปรารถนาด้วยเถิด" ราชินีสวดอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแสยะยิ้มด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม ในขณะที่สาวเก๋ถูกเพชฌฆาตจับล็อกเอาเพื่อเตรียมลงมีด

           หวือ~

            ในระหว่างที่เพชฌฆาตกำลังลงมือ เจ้าชายคาอิลที่นั่งเท้าคางจิบไวน์มองมาอย่างเบื่อหน่ายเหมือนชาชินกับภาพเช่นนี้ สาวเก๋ก็ได้แต่หลับตาภาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้ว พร้อมกับตะโกนลั่นในใจว่า 'อย่า!! น้องยังไม่อยากตาย!!' ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ก็เกิดสิ่งปาฏิหาริย์ขึ้น เมื่อแก้วไวน์ที่ไม่รู้ลอยมาจากไหนลอยหวือลงมาชนขวานที่กำลังจะบั่นลงมาบนคอของสาวเก๋ให้หลุดกระเด็นจากมือมีดไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด

           บึก!!   เพล้ง~   ฉีก!

            เสียงเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากต้องการให้ไล่เสียงแล้วมันคงจะเป็นเสียงแก้วไวน์หลุดมาชนมือของเพชฌฆาตด้วยความเร็วสูง จนขวานลอยกระเด็นหลุดมือออกไปจนแก้วไวน์หล่นกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ และขวานลอยหมุนคว้างไปปักฉึกอยู่บนพื้นซึ่งไกลจากจุดหมายหลายเมตร...

            เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความชะงักให้เกิดทั่วอาณาบริเวณที่อยู่ใกล้เคียง แต่แล้วราชินีที่อยู่ในชุดนักบวชตั้งสติได้เร็วที่สุด ก็ตะโกนขึ้นด้วยความโมโหเมื่อพบว่ามีคนคิดที่จะทำลายพิธีของตน

           "ใครน่ะ?! การขัดขวางพิธีกรรมเป็นการดูหมิ่นเตชัปนะ!!"

            "นี่ไม่ใช่การดูหมิ่นอะไรทั้งนั้น แต่มันตรงกันข้ามเลยล่ะเสด็จแม่" เจ้าชายคาอิลลุกขึ้น พร้อมกับยอมรับสิ่งที่ตนกระทำอย่างสง่างาม

            "เจ้าชายคาอิล คนที่ขว้างจอกเหล้าคือท่านเหรอ!? แล้วที่ว่าตรงกันข้ามนั่น หมายความว่ายังไง? ถึงท่านจะเป็นโอรสของพระราชาแต่เราก็ยอมไม่ได้" ราชินีกล่าวด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว

            "แหม~ ช้าก่อนเสด็จแม่ เพราะหม่อมฉันไม่อยากหลอกลวงเทพเจ้าถึงได้หยุดพิธีนะ ไหนดูสิ ใช่เจ้าหล่อนจริงๆด้วยสิ" เจ้าชายคาอิลสาวเท้าเข้ามาปลดผ้าปิดปากของสาวเก๋ออก พร้อมกับจ้องหน้าพลางยิ้มกริ่ม พร้อมทั้งหันไปตรัสถามกับพระราชาว่า

            "เสด็จพ่อ เครื่องสังเวยต่อเทพเตชัปมีเงื่อนไขอยู่ที่ความบริสุทธิ์ใช่มั้ยพะย่ะค่ะ"

            "แน่นอน" พระราชาเอ่ยตอบ พลางนึกสะกิดใจอย่างไรชอบกลกับคำถามชองลูกชายตัวดี

            "ถ้างั้น... การรู้ว่าเครื่องสังเวยไม่บริสุทธิ์แล้วปกปิดไว้ก็ต้องเป็นบาปน่ะสิ เฮ้อ~ ช่วยไม่ได้ หม่อมฉันคงต้องสารภาพแล้วล่ะ" เจ้าชายคาอิลเอ่ยขึ้น พร้อมกับทำท่าหนักอกหนักใจเหมือนกับทำเรื่องที่ยุ่งยากเอาไว้ ในขณะที่สาวเก๋ก็นึกสงสัยว่าผู้ชายคนนี้คิดจะพูดอะไรกันแน่นะ แต่แล้วเจ้าชายก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันมาก่อน นั่นคือการหันไปคว้าเครื่องสังเวยมาโอบกอดเอาไว้อย่างแนบชิด พร้อมกับตรัสกับพระราชาว่า

            "ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นของหม่อมฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง คือ... หม่อมฉันขโมยความบริสุทธิ์จากเธอโดยไม่ทันรู้ว่าเธอเป็นเครื่องสังเวย"

            "หา!?" สาวเก๋อุทานด้วยความตกใจ ในสิ่งที่ตนเองได้ยินในทันที

            "จะ... จะเป็นไปได้ยังไง!!" ราชินีร้องออกไปด้วยความตกใจกึ่งประหลาดใจ ในขณะที่กำลังนึกว่าตนเพิ่งจะเรียกสาวเก๋มาเมื่อไม่กี่วันนี้แท้ๆ

            "เสด็จแม่? ทำไมท่านถึงแน่พระทัยนักล่ะ? เธอคงไม่ลืมเรื่องที่หลังเงาไม้เมื่อหลายวันก่อนนี้ใช่มั้ย หือ?" เจ้าชายตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางก้มลงมาเอ่ยถามสาวเก๋ที่หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกอย่างคนที่รักเขาทำกัน

           "นะ...นั่น คุณบังคับ" สาวเก๋ตะโกนโต้ซะลั่นจนคนที่นั่งฟังทั้งหมดหน้าเริ่มขึ้นสีบ้างแล้ว ในขณะที่พระราชาและองค์รัชทายาทนั่งฟังอย่างระอาในวีรกรรมของเจ้าชายองค์ที่ 3ได้กระทำในครั้งนี้

            "ถ้าอยากให้หัวกับตัวติดกัน ก็ยอมรับสมอ้างเรื่องที่ฉันแต่งไม่ดีกว่าเหรอ?" เจ้าชายคาอิลกระซิบบอกสาวเก๋เบาๆ เมื่อเห็นเธอโวยวายค้านขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้สาวเก๋ชะงักลงไป พร้อมกับคิดว่าตัวเองยังไม่ได้โดยเจ้าชายล่วงเกินอะไรไปมากกว่าจูบ... แต่เธอก็ไม่อยากตายจึงได้แต่นิ่งไว้ พร้อมกับเริ่มกระซิบตอบไปเบาๆเมื่อเจ้าชายเริ่มไล้มือไปมาให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น

            "นี่! อย่าแต๊ะอั๋งฉันนะ" สาวเก๋กัดฟันพูดเบาๆ

            "อะแฮ่ม...แม่หนู เรื่องที่ลูกข้าพูดเป็นความจริงใช่มั้ย" พระราชาเอ่ยถามสาวเก๋

            สาวเก๋ที่ฟังคำถามนั้นอย่างตกใจก็ได้แต่อึ้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าชายตัวดีที่ไม่ว่ากระไรก็รู้สึกหงุดหงิด ก่อนที่จะพยักหน้ารับอย่างกระดากอาย ซึ่งท่าทีนั้นทำให้ราชินีตกใจเป็นอย่างมากที่ผิดคาดขนาดนี้

            "เพราะงั้น หม่อมฉันจะรับผิดชอบเองที่ทำให้เธอใช้เป็นเครื่องสังเวยไม่ได้ หม่อมฉันขอรับเธอไปเลยนะพะย่ะค่ะ"

           ว้าย!!

            เสียงสาวเก๋ ร้องอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆตนก็ลอยหวือขึ้นไปอยู่บนบ่าของคนพูดจาแสดงความรับผิดชอบนั้น

            "เจ้าชายคาอิล!! ท่านจะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะ" ราชินีเอ่ยประท้วงขึ้นมาทันที เมื่อเจ้าชายทำท่าจะแบกสาวเก๋ออกไป พร้อมกับนายไมค์ที่ไม่ทราบว่าโดยปล่อยออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เดินตามหลังไปต้อยๆ

            "หม่อมฉันจะส่งวัวตัวเมียและแพะตัวเมียพรหมจารีมาทดแทนให้อย่างละ 100 ตัว ก็แล้วกัน แบบนั้นก็ถูกต้องตามธรรมเนียมแล้วใช่มั้ยเสด็จพ่อ"เจ้าชายคาอิลหันไปถามความเห็นของพระราชา

            "อืม..." พระราชาตอบรับว่าทำแบบก็ใช้ได้อยู่เหมือนกัน

            "ฝ่าบาท" ราชินีร้องอย่างตกใจ ที่จะต้องสูญเสียเหยื่อสังเวยไป

            "คาอิล เรื่องเจ้าชู้น่ะพ่อไม่ว่าหรอกนะ แต่เจ้าควรจะรีบมีมเหสีแล้วทำตัวให้ดีขึ้นซะทีได้แล้วนะ" พระราชาตรัสกับบุตรชายที่กำลังจะก้าวออกไป ซึ่งเจ้าชายก็หันมาตอบด้วยรอยยิ้มว่า

            "เรื่องนั้นหม่อมฉันก็คิดอยู่ แต่ในโลกนี้มีสาวงามมากเหลือเกิน จนตัดสินใจไม่ได้ซักที ขอตัวนะพะย่ะค่ะ" ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินดุ่มๆจากไป ในขณะที่สาวเก๋ก็นึกดีใจที่รอดมาได้ และไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว อยากจะกลับบ้านแล้วนั้น ก็ได้ยินเจ้าชายเอ่ยปากพูดขึ้นกับใครบางคน

            "คิกคูรี!! พิธีบวงสรวงเสร็จแล้วกลับวังได้"

            "ท่านคาอิล อะไรกันครับผู้หญิงคนนั้น!? โอ๊ะ!!" ชายแปลกหน้าอีกคนเอ่ยถาม แต่ก็ต้องตกใจที่เจ้านายของตนโยนร่างที่เอาพาดบ่ามานั้นโยนตุบลงมาให้รับ พร้อมๆกับนายไมค์ผวาเข้าไปหาเจ้านายของตนอย่างตกใจเช่นกัน

            "ดูเหมือนราชินีนาเกียกำลังวางแผนอะไรไม่ดีอยู่ ฉันเลยชิงตัวหล่อนมา" เจ้าชายตอบคำถามของลูกน้อง

            "คุณ... ไม่ใช่พวกเดียวกับราชินีเหรอ" สาวเก๋เอ่ยถามขึ้นมา เมื่อได้ยินว่าเจ้าชายกล่าวว่าราชินีกำลังวางแผนไม่ดี

            "พวกเดียว? คนที่ราชินีคิดว่าเป็นตัวเกะกะเขาที่สุดในโลกนี้ก็คือฉันนี่แหละ"

            "งั้น...งั้น...พาฉันไปหาพวกเพื่อนๆที ฉันหลงทางมาแล้วก็ถูกราชินีจับมานี่แหละ นะๆขอร้องล่ะ"

            "ถูกจับมา... มาจากที่ไหนล่ะ"

            "โรงแรมน่ะสิ บ้านฉันอยู่เมืองไทยแต่ชั้นหลงทางมาแถวนี้ เลยเข้าไปของานทำที่โรงแรมในเมืองนี้ ที่นี่เรียกว่าฮัตตูซาใช่มั้ย มันคือที่ไหนกันแน่!? ฉันไม่รู้จักที่นี่เลย" สาวเก๋กล่าวอย่างต้องการระบายความในใจไปด้วยในตัว

            "เธอนี่เป็นคนบ้านนอกขนาดไม่รู้จักเมืองหลวงของอาณาจักรฮิตไทต์เลยนะ" ชายที่ชื่อคิกคูรีเอ่ยต่อว่า

            "อืม... เธอดูไม่เหมือนพวกกาสกา แล้วก็พวกคิซวัตนาด้วยสิ เธอรู้จักอาณาจักรไมแทนนีมั้ย?" เจ้าชายเอ่ยถามสาวเก๋

            "ไม่รู้จัก" สาวเก๋ตอบออกมาอย่างหนักแน่น

            "งั้นอียิปต์ล่ะ?" เจ้าชายถามต่อ

            "อียิปต์!? ถ้าอียิปต์ล่ะก็ฉันรู้จัก!! อยู่ใกล้ที่นั้นเหรอ!?" สาวเก๋พูด พลางครุ่นคิดว่าอียิปต์นั้นเป็นประเทศที่อยู่ตะวันออกกลางนี่นา เรามาอยู่ที่ไกลถึงขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย?

            "ไม่ใกล้หรอก ถ้านั่งรถแบบนี้ก็ใช้เวลาซัก 15-16 วัน แต่ที่อียิปต์มีเมืองชื่อ 'ไทย' ด้วยเหรอ?" เจ้าชายเอ่ยอย่างสงสัย

            สาวเก๋ก้มลงมองรถที่โดยสารอยู่ มันเป็นรถแบบโบราณมากๆ มากจนเธอหรือคนในยุคของเธออาจจะเกิดไม่ทัน มันเป็นรถขนาดไม่ใหญ่โตนัก แค่สามารถให้ผู้ชายตัวโตๆยืนได้ซัก 3 คนเป็นอย่างมาก มีล้อด้านข้าง 2 ล้อ ที่ต้องใช้ม้าวิ่งลากไปแทนเครื่องยนต์ ซึ่งดูๆไปก็น่าอัศจรรย์ที่พาไหนะรูปร่างประหลาดเช่นนี้สามารถวิ่งได้

            "เออ...ไม่ใช่อย่างนั้น" สาวเก๋รีบปฏิเสธทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้าชายถามอะไรตน

            "แต่ท่านคาอิลครับ อาณาจักรนั้นยุ่งเหยิงมาตั้งแต่สมัยกษัตริย์องค์ก่อนแล้ว อาจจะมีเรื่องใหม่เกิดขึ้นก็ได้" คิกคูรีเอ่ยขัดขึ้น

            "นั่นสิ กษัตริย์ตุตันคาเมนในตอนนี้ก็กำลังลำบากซะด้วย" เจ้าชายกล่าว

            "ตุตัน...คาเมน?" สาวเก๋อุทานอย่างตกตะลึง (โอ้เวร and กรรม หลงมายุคนี้เชียว: สาวเก๋)

            "เธอรู้จักเหรอ ได้ยินว่าเค้าเป็นยุวกษัตริย์ที่อายุน้อยกว่าฉันซะอีก"

            สาวเก๋ได้แต่อึ้งตะลึงอยู่อย่างนั้น เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเคยอ่านจากหนังสือแนวประวัติศาสตร์แบบที่เธอชอบ ตุตันคาเมน... ฟาโรห์ของอียิปต์สมัยโบราณ!! งั้นที่เธออยู่ในตอนนี้ก็คือยุคตะวันออกกลางยุคโบราณน่ะสิ!! เมื่อคิดได้ดังนั้นสาวเก๋ก็เกิดอาการเข่าอ่อน หมดแรงทรุดลงไปดื้อๆ(น่าน...ซวยแล้วไง: สาวเก๋/ ใช่ แบบนี้เรียกว่าซวยขนานแท้เลยครับ: นายไมค์)

            "อ้าว... ไหวหรือเปล่า!? เธอชื่ออะไร?" เจ้าชายเอ่ยถามชื่อ ในขณะที่เข้ามาประคองสาวเก๋ที่ทรุดลงไป

            "กะ...เก๋... ส่วนอีกคนชื่อไมค์" สาวเก๋ตอบ

            "เหรอ... เก๋เธอบอกว่าถูกราชินีพามา แล้วเขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร?"

            "รา... ราชินีบอกว่าอยากให้ลูกชายตัวเองขึ้นครองราชย์ เขาจึงต้องสาปแช่งโอรสองค์อื่นให้ตาย ถึงต้องการตัวฉันมาทำคุณไสย" สาวเก๋ตอบออกมา แต่คำตอบนั้นทำให้เจ้าชาย และคิกคูรีตกใจมาก

            ในขณะที่สาวเก๋กับนายไมค์มองท่าทางของพวกเขาอย่างแปลกใจ พลางคิดว่าคนในยุคโบราณเป็นแบบนี้ทุกคนรึเปล่านะ แค่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับไสยศาสตร์เข้าหน่อยกก็หน้าซีดตัวสั่นแล้ว โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามันงมงายนั้น สำหรับโลกของที่นี่แล้วมันมีจริงและได้ผลอย่างที่สุด แล้วพวกเขาจะเข้าใจมันในไม่ช้านี้...

    โปรดติดตามตอนต่อไป

             

    June, 12, 2006: Jaja Writer and Rewrite

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×