ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NCT FICTION | MARKHYUCK MARKCHAN

    ลำดับตอนที่ #9 : OS | FASCINATED (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 61





    Title : Fascinated

    Genre : High School-AU ,Fluff

    Pairing : Mark Lee X Lee D.Hyuck

    Rating : PG-17


     



    เสียงงับประตูเข้ากับวงกบที่ดังมาจากปลายเตียง เรียกให้ร่างสูงที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงต้องละความสนใจจากหนังสือเล่มเล็กที่อยู่ในมือแล้วเปลี่ยนไปมองตามผู้มาใหม่ที่เดินไปเหวี่ยงกระเป๋าเป้ใบหนาลงยังเตียงนอนของตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป


    เด็กหนุ่มมองตามรูมเมทของตัวเองตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง จนถึงตอนที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับหนังสือที่อยู่ในมือของตัวเองต่อ


    ผ่านไปเพียงประมาณสิบห้านาทีรูมเมทของเขาก็เดินกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งด้วยสภาพเปลือยท่อนบน เส้นผมเปียกชื้นไม่เป็นทรง และมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพาดบ่าเอาไว้


    อา...                               


    ทำไมไม่ชอบเอาเสื้อไปใส่ในห้องน้ำนะ


    มาร์คได้แต่นึกค่อนคอดอีกคนในใจ ถึงจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กผู้ชายก็เถอะ แต่เขาก็ยังไม่ชินกับอะไรแบบนี้สักที


    เด็กหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นสนอกสนใจหนังสือที่อยู่ในมือ ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้น่าสนใจอะไร เมื่อคนเด็กกว่าเดินมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะที่กั้นเตียงของเราสองคนเอาไว้


    “พี่มาร์ค”


    “หือ?”


    “อาบน้ำแล้วหรอ?


    “อือ” มาร์คพยักหน้าพร้อมกับตอบออกไปเบา ๆ ก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออีกคนยื่นผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาให้


    “เช็ดผมให้หน่อย”


    ไม่พูดเปล่าแต่น้องข้างบ้านพ่วงตำแหน่งรูมเมทยังเลือกทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงของเขา และยัดผ้าเช็ดผมมาใส่มือให้กันทันทีเมื่อพูดจบ


    เขารับผ้าเช็ดผมมาถือไว้ในมือแบบงง ๆ พับเก็บหนังสือเล่มเล็กก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะหัวเตียง พยายามเพ่งจุดสนใจไปที่เส้นผมนิ่มของคนน้องในเมื่ออีกคนยังไม่ยอมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย และเริ่มลงมือเช็ดเส้นผมนิ่มอย่างเบามือ


    ใช้เวลาไม่นานเส้นผมที่เคยเปียกชื้นก็เริ่มแห้ง มาร์คเอาผ้าเช็ดผมคลุมไหล่ของคนเป็นน้องที่ตอนแรกก็นั่งหลังตรง แต่หลัง ๆ ก็ไหลมานั่งหันหลังพิงอกกันซะงั้น ก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบเอาหวีเล่มเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงมาจัดทรงให้คนตัวเล็กเหมือนกับที่ทำประจำ


    “เสร็จแล้ว” เขาพูด พร้อมกับดันหลังดงฮยอกเบา ๆ “ไปใส่เสื้อผ้าดี ๆ สิ”


    “อื้อ”


    ตอบรับเสียงยานแต่ก็ยอมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเอาผ้าเช็ดตัวไปตากไว้ราวตากผ้าเล็ก ๆ ในห้อง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเอาเสื้อกล้ามตัวบางออกมาใส่


    เขาส่ายหัวให้คนเด็กกว่าน้อย ๆ เมื่ออีกคนยังมีท่าทีสะลึมสะลือเหมือนพร้อมหลับเต็มที่ขณะที่กำลังสวมใส่เสื้อผ้า ก่อนจะละความสนใจและหยิบเอาไอแพดขึ้นมากดสไลด์เขาหน้าจอ


    มาร์คกดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวที่ใช้ติดต่อสื่อสารเพื่อเข้ามาเช็คตรวจดูว่าวันนี้มีการบ้านอะไรที่เขายังไม่ได้ทำอีกบ้างไหม เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไร และจะก็มีแต่พวกซึงกีและกงชินที่เอาแต่ส่งสติ๊กเกอร์เล่นจนโดนเพื่อนผู้หญิงในห้องบ่น


    เด็กหนุ่มกดออกจากแอพพลิเคชั่นไลน์ เข้าแอพนั้นออกแอพนี้ ก่อนจะมาหยุดที่แอพเฟชบุ๊ค พอดีกับที่ดงฮยอกเลือกมาทิ้งตัวลงบนเตียงของเขาอีกครั้ง


    “เหนื่อยชะมัด พรุ่งนี้พี่ติวฟิสิกส์ให้ผมได้มั้ย” ดงฮยอกพูดขึ้น ก่อนจะซบลงที่ไหล่และกอดเขาเอาไว้แบบอ้อน ๆ เหมือนที่ชอบทำประจำตั้งแต่เด็กจนโต


    “อือ ได้สิ” เขาบอก ก่อนจะเลื่อนมือเอาไอแพดไปไว้ในตำแหน่งที่อีกคนจะมองเห็นได้ด้วย  


    “คนนี้ทักมาอีกแล้วหรอ?” คนตัวเล็กกว่าพูดขึ้นก่อนจะเอื้อมมือมากดเข้าดูห้องแชทของเขาและโอแชฮยอน “พี่ไม่ค่อยตอบแชทเธอเลยอ่ะ”


    “ไม่รู้สิ” มาร์คพูด และปล่อยให้น้องเลื่อนดูห้องแชทได้ตามใจ จะว่าเป็นพวกไม่ค่อยตอบแชทก็ไม่ใช่ แต่ในเมื่อรู้จุดประสงค์ว่าอีกคนทักมาทำไมเขาเลยไม่ค่อยอยากตอบ


    แค่ไม่อยากให้ความหวังอ่ะนะ


    “อือ ช่างเถอะ” ดงฮยอกพูดๆ ก่อนจะซบไหล่ของเขาตามเดิม ”ดูหนังกัน”


    “เราจะดูอะไรล่ะ”


    “ไม่รู้สิ” ดงฮยอกทำท่านึก ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ “อะไรก็ได้ พี่อยากดูอะไรผมก็ดูอันนั้นแหละ”





    เช้าวันต่อมา มาร์คลีจำต้องลืมตาขึ้นเพราะนาฬิกาปลุกที่กำลังแผดเสียงอยู่บนโต๊ะหัวเตียง เด็กหนุ่มเท้าแขนข้างซ้ายไว้กับเตียงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาเพื่อกดปิดแจ้งเตือนอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันจะตื่น


    หลังจากจัดการปิดเสียงแจ้งเตือนของนาฬิกาปลุกทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อย คนโตกว่าจึงค่อย ๆ ลุกออกจากเตียงนอนของตัวเอง ก่อนจะเข้าไปจัดการอาบน้ำอาบท่าทำธุระส่วนตัวของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงค่อยมาปลุกอีกคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียงเหมือนเช่นทุก ๆ วัน


    “ไปอาบน้ำได้แล้ว” มาร์คพูด ก่อนจะเขย่าตัวคนที่กำลังนอนคลุมโปงเบา ๆ ให้รู้สึกตัว


    ดงฮยอกไม่ใช่คนตื่นยาก แค่เรียกไม่กี่ครั้งคนเด็กกว่าก็ตื่นขึ้นอย่างง่ายดาย ผิดกับตอนเด็ก ๆ ที่กว่าจะเรียกคนตัวเล็กให้ลุกจากเตียงเขาได้นั้นต้องยื้อยุดฉุดดึงกันอยู่นาน


    ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีดงฮยอกก็ออกมาจากห้องน้ำ คราวนี้คนเด็กกว่าแต่งตัวออกมาจากในห้องน้ำเรียบร้อย ไม่ได้เดินถอดเสื้อออกมาให้มาร์คใจวูบแบบเมื่อคืน


    “พี่เห็นกางเกงพละขาสั้นของผมมั้ย?” น้องหันมาถามเขาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนรออยู่บนเตียงพร้อมกับเปิดดูตู้เสื้อผ้าไปด้วย


    “ไม่นะ นายจะเอาไปทำอะไร”


    “วันนี้มีเรียนเทนนิส” ดงฮยอกตอบ พร้อมกับเอื้อมมือเข้าไปควานหากางเกงในตู้ “ผมขอยืมไม้เทนนิสของพี่ด้วยนะ”


    “อ่าห้ะ” เขาตอบ


    “เจอแล้ว อยู่ซะลึกเชียว” คนเด็กกว่าพูดขึ้นพร้อมกับชูกางเกงพละขาสั้นสีกรมท่าของเจ้าตัวให้ผมดู “วันนี้พี่ก็เรียนพละไม่ใช่หรอ?


    “ใช่” มาร์คลีตอบ


    “แล้วไม่เอาชุดไปเปลี่ยนหรอ?


    “พี่เอาใส่กระเป๋าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”


    มาร์คพูดขึ้นก่อนจะลุกออกจากเตียง เขาเอากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายบ่า ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าไม้เทนนิสที่วางอยู่บนตู้เสื้อผ้ามาถือไว้ระหว่างรอคนน้องที่ยังพับกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาวใส่กระเป๋า


    เขาและดงฮยอกมักจะเดินไปโรงเรียนด้วยกันในทุก ๆ เช้า เพราะระยะทางจากหอพักถึงโรงเรียนนั้นไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่เพราะเป็นช่วงนี้กำลังเข้าสู่ฤดูร้อน คนเด็กกว่าจึงเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นตามขมับทั้งสองข้าง


    “ร้อนหรอ?


    มาร์คที่เดินนำไปได้สามสี่ก้าวหันกลับมาถามเมื่อเห็นว่าแก้มทั้งสองข้างของคนเด็กกว่าเริ่มขึ้นสี แต่เหมือนอีกคนที่เดินเหม่อจะยังไม่รู้ตัว จึงเดินมาชนเขาเข้าอย่างจัง


    “หยุดเดินทำไมอ่ะ?


    “เรานั้นแหละ เหม่ออะไร?


    “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” ดงฮยอกว่า ก่อนจะดันหลังของเขาให้เดินต่อไป “เดินเร็ว! เดี๋ยวสาย”

     

     



     

    คาบเรียนในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีของนักเรียนมัธยมปลายปีสามห้องบีนั้นเป็นวิชาพลศึกษา หลังจากลงไปรับประทานอาหารกลางวันกันจนเสร็จเรียบร้อย เหล่าบรรดาเพื่อน ๆ ร่วมห้องก็ต่างพากันแยกย้ายไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นชุดกีฬาของโรงเรียน


    มาร์คเองก็เช่นกัน หลังจากที่เก็บแว่นสายตาลงกระเป๋าและเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นชุดพละจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขา แจมิน และลูคัส เพื่อนสนิทอีกสองคนก็เลือกที่จะไปนั่งรอบริเวณอัฐจันทร์ใกล้ ๆ กับสนามบาสเกตบอล ก่อนจะถึงเวลาเข้าเรียน


    โชคดีที่ช่วงบ่ายของวันนี้แดดไม่ได้แรงมากนัก มันออกจะครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตั้งเค้าด้วยซ้ำ แต่นั้นก็ดีแล้ว เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเอาเจลว่านหางจรเข้มาทาแขนที่คงจะแดงเป็นปื้นเพราะถูกแดดเผา พร้อมกับเสียงบ่นจากใครอีกคนที่มีเรียนพลศึกษาในช่วงบ่ายวันนี้เหมือนกัน


    ผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ คนที่มาร์คเพิ่งจะบ่นถึงในใจก็เดินลงมาจากอาคารเรียนวิทยาศาสตร์พร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัวอีกสามคน


    ดงฮยอกและเพื่อน ๆ ที่เขาจำได้ว่าชื่อ อีเจโน่ ฮวังเหรินจวิ้น และคิมเยริม เดินตรงจากอาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ไปยังสนามเทนนิสที่อยู่ติดกับสนามบาสเกตบอลของพวกเขา เด็กนั่นเดินสะพายกระเป๋าไม้เทนนิสของเขาลงมา แถมยังเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักเรียนประจำฤดูร้อนมาเป็นเสื้อยืดสีขาวและกางเกงวอร์มขาสั้นเหนือเข่าแบบเดียวกับคนอื่น ๆ ในห้องเรียบร้อยแล้ว


    เหมือนอีกคนจะรู้ตัวว่ากำลังถูกมองอยู่ ดงฮยอกถึงได้ละสายตาจากกลุ่มเพื่อนของตัวเอง แล้วเปลี่ยนมามองอีกคนที่นั่งอยู่บนชั้นบนสุดของอัฐจันทร์ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะอาจารย์ประจำวิชาบาสเกตบอล หรือปาร์คชานยอลเป่านกหวีดเรียกให้นักเรียนมัธยมปลายปีสามต้องไปตั้งแถวเสียก่อน


    หลังจากฟังคำชี้แจงของอาจารย์ประจำวิชากันจนเสร็จเรียบร้อย สมาชิกในห้องก็ต่างพากันเดินไปหยิบลูกบาสจากในถุงตาข่ายและแยกย้ายกันไปฝึกซ้อมตามแป้นบาสต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ตามสนามกีฬาของโรงเรียน ส่วนอาจารย์ปาร์คนั้นจะคอยเดินไปแนะนำเทคนิคให้ทีละกลุ่ม


    นาแจมินเป็นคนเสนอตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบเจ้าลูกทรงกลมสีส้มมาจากถุงตาข่าย ก่อนจะเดินนำพวกเขาไปยังแป้นบาสที่อยู่ติดกับสนามเทนนิส


    ถึงแม้จะพยายามดึงความสนใจของตัวเองให้อยู่กับลูกสีส้มที่อยู่ในมือ แต่บางครั้งสายตาของเขาก็ดันไปหยุดกับคนเด็กกว่าที่วิ่งตามลูกเทนนิสอยู่ในสนามกีฬาข้าง ๆ ทั้งเสื้อตัวบางที่ยิ่งบางมากขึ้นเมื่ออีกคนมีเหงื่อผุดออกมาบริเวณหลัง ไหนจะกางเกงขาสั้นที่ยิ่งสั้นมากขึ้นเมื่ออีกคนเคลื่อนไหวจนเริ่มรู้สึกอยากจะเอากางเกงตัวนี้ไปเผาเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด


    “เห้ย”


    เสียงตะโกนเรียกพร้อมกับแรงกระแทกเข้ากลางแผ่นหลังทำให้มาร์คต้องละสายตาจากคนที่วิ่งตามลูกเทนนิสอยู่ในสนามข้าง ๆ กัน มามองคนใส่เพื่อนสนิทที่ดันโยนเจ้าลูกสีส้มหนัก ๆ นั้นเข้ามากระทบหลังของเขา


    “มองจนจะพรุนหมดละ” แจมินเอ่ยแซว “มาเล่นบาสนี่ เด็กค่อยเอาไว้เล่นตอนอยู่หอ”


    “สัส” เขาพูดพร้อมกับส่งนิ้วกลางไปให้มัน ก่อนจะวิ่งไปยิ่งลูกบาสมาโยนเข้าห่วงให้มันดู


    ผ่านไปได้สักครึ่งชั่วโมงกับการแข่งกันโยนลูกบาสให้เข้าห่วงตามเทคนิคที่อาจารย์ปาร์คเดินมาอธิบาย พวกเขาสามคนจึงเริ่มหันไปชวนกลุ่มเพื่อนที่เล่นอยู่แป้นตรงข้ามกันให้มาดวลกันสักเกมส์


    จากเกมส์ที่ดำเนินไปอย่างเอ่ยเฉื่อยในคราวแรก แปรเปลี่ยนมาเป็นเกมส์ที่เริ่มดุเดือดและเอาจริงเอาจังกันมากขึ้น เมื่อพวกเพื่อนผู้ชายคนอื่น ๆ ในห้องเข้ามาร่วมทีม ส่วนกรรมการในการตัดสินเกมส์นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากอาจารย์ปาร์คของพวกเรา


    มาร์คมองลูคัสที่กำลังจับเจ้าลูกสีส้มอยู่ในมือ เด็กหนุ่มส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้เพื่อนสนิทส่งมันข้ามหัวคิมมินยองมาให้กับตัวเอง ก่อนจะโยนลูกบาสเข้าห่วงทำแต้มที่สิบให้กับทีมได้อย่างง่ายดาย


    เกมส์ระหว่างนักเรียนชายมัธยมปลายปีสามห้องบียังคงดำเนินไปยังต่อเนื่อง เมื่อมาถึงควอเตอร์สุดท้ายที่จองจินฮแวสามารถแย่งลูกบาสออกไปจากมือของนาแจมินได้ มาร์ควิ่งดักไปยังอีกฝากของสนาม เพื่อมองดูท่าทีของกลุ่มวงในที่ดักหมอนั่นเอาไว้จนต้องเปลี่ยนทิศทางการโยน จากที่จะโยนลูกบาสเข้าห่วงกลายเป็นต้องเหวี่ยงมันมาทางลีซึงกวาน ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขา


    แต่เหมือนการกะทิศทางของจินฮแวจะผิดพลาด เมื่อลูกบาสไม่ได้ถูกส่งมาทางซึงกวาน แต่มันกลับถูกเบี่ยงออกไปทางด้านขวาของมาร์คลี ซึ่งด้านหลังนั้นเป็นกลุ่มของเด็กมอปลายปีสองทียังคงเล่นเทนนิสกันอยู่


    ไวเท่าความคิด มาร์คลีรีบออกตัววิ่งไปปัดเจ้าลูกกลม ๆ สีส้มที่กำลังพุ่งออกจากสนามไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วเพื่อไม่ให้มันไปโดนอีกคนที่อยู่ในสนามเทนนิสจนได้รับบาดเจ็บ เพราะแรงที่ถูกส่งผ่านลูกบาสไปนั้นไม่ใช่น้อย ๆ


    มาร์คปัดลูกบาสออกไปจากทิศทางที่มันตรงมาได้สำเร็จพร้อมกับเสียงนกหวีดที่ดังขึ้นจากอาจารย์ปาร์คเป็นสัญญาณสิ้นสุดเกมส์


    “พี่มาทำอะไรในสนามเทนนิสอ่ะ?” เสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเรียกให้มาร์คต้องหันกลับไปมอง


    เป็นดงฮยอกที่ยังคงไม่รู้ตัวว่าเกือบจะโดนเหวี่ยงลูกบาสใส่เต็ม ๆ ถ้าเขาไม่มาปัดมันออกให้ คนเด็กกว่าเลิกคิ้วมองหน้าเขาอย่างงุนงง ก่อนจะพูดซ้ำขึ้นอีกครั้ง


    “พวกเพื่อนพี่ไปนู่นหมดแล้ว” คนตัวเล็กพูด พร้อมกับชี้ไปทางกลุ่มเพื่อนของเขาที่พากันเดินไปรวมตัวตามสัญญาณนกหวีดของอาจารย์ปาร์ค


    “อ๋อ” มาร์ครับในลำคอ ก่อนจะหันมาพูดกับคนเด็กกว่าอีกครั้งพร้อมกับก้าวถอยหลังไปด้วย “ตอนเย็นพี่รอที่เดิมนะ” 


    “อ่าห้ะ” คนเด็กกว่าตอบกลับมาเสียงใส ก่อนจะวิ่งไปรวมแถวกับเพื่อนในห้องตามสัญญาณนกหวีดของจากอาจารย์ของตัวเองบ้าง

     

     



     

    หลังจากเลิกเรียนพิเศษเสริม เขาและดงฮยอกก็เดินกลับมาจากโรงเรียนพร้อมกัน พวกเราแวะทานอาหารมื้อเย็นกันก่อนจะเข้ามาถึงหอพัก ก่อนที่ดงฮยอกก็รบเร้าขอให้เขาช่วยทบทวนเนื้อหาวิชาฟิสิกส์ให้กับเจ้าตัว เพราะจะมีสอบเก็บคะแนนในวันพรุ่งนี้ คนเด็กกว่าเอาเบาะรองนั่งออกมาจากตู้สองใบพร้อมกับกางโต๊ะญี่ปุ่นไว้กลางห้องแทนที่จะไปนั่งบนโต๊ะอ่านหนังสือที่หอจัดไว้ให้ ก่อนจะดึงให้เขานั่งลงข้าง ๆ กัน


    แค่ทบทวนให้เพียงนิดหน่อย คนเด็กกว่าก็เข้าใจในสิ่งที่เขาอธิบายให้ฟังได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าจริง ๆ นั้นก็เข้าใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการให้เขาช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กันก็เท่านั้น


    “ไปอาบน้ำไป”

     

    มาร์คพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทีเหมือนคนง่วงนอนของคนตัวเล็ก เขาละสายตาจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของตัวเองที่นำมาเปิดเล่นระหว่างปล่อยให้อีกคนทบทวนเนื้อหาด้วยตนเอง ก่อนจะเอื้อมมือสะกิดไหล่ของอีกคนเบา ๆ ซึ่งคนเด็กกว่าทำเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะยอมลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไปแต่โดยดี


    เมื่อได้ยินเสียงน้ำกระทบกับพื้นที่ดังออกมาจากห้องน้ำ มาร์คลีจึงเก็บรวบรวมหนังสือของคนเด็กกว่าแล้วนำมันไปวางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือหัวเตียง พับเก็บโต๊ะญี่ปุ่นและเบาะรองนั่งของอีกคนก่อนจะนำมันไปเก็บไว้ตามที่ที่นำออกมา แล้วย้ายตัวเองขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง


    ผ่านไปประมาณสิบนาที ดงฮยอกก็เดินกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง แต่วันนี้แต่งตัวออกมาจากห้องน้ำเรียบร้อย แถมผมก็ไม่ได้เปียกชื้นผิดกับเมื่อวาน


    “ทำอะไร?” คนเด็กกว่าถามขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของเขา


    “หาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อย”


    “งั้นดูหนังกัน” ดงฮยอกว่า ก่อนจะเบียดตัวลงมานอนอยู่ข้าง ๆ เขา แบบที่ทำทุกวัน


    “พรุ่งนี้สอบเก็บคะแนนไม่ใช่หรอ?


    “คนเราก็ต้องผ่อนคลายบ้างสิ”


    ไม่พูดเปล่า แต่คนเด็กกว่ายังดันหลังของเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะจัดหมอนให้เข้าที่เข้าทางจนสามารถนั่งพิงหลังได้แบบสบาย ๆ นอกจากนั้นยังเอาผ้าห่มมาคลุมหลังของตัวเองและเขาเอาไว้อีกด้วย


    “เราอยากดูอะไร”


    “อืม...” คนเด็กกว่าออกเสียงฮึมฮัมในลำคอ ก่อนจะเว้นช่วงเอาไว้สักพักแล้วพูดต่อ “อยากดูหนังที่ดูแล้วจะลุ้น ๆ ”


    “พวกหนังผีหรอ?


    “ไม่ ๆ Love, Rosie


    What? นั่นมันหนังรักไม่ใช่รึไง” เขาถามขึ้น “มันลุ้นตรงไหน?


    “ไม่รู้อ่ะ เจโน่บอกมาว่าลุ้น” ดงฮยอกพูด แต่มือก็ยังเลื่อนหาหนังที่ตัวเองต้องการดูไปด้วย


    หาอยู่สักพักก็เจอภาพยนตร์ที่อีกคนอยากดู คนตัวเล็กจัดการกดเข้าไปตามลิ้งค์ จัดแจงตั้งค่าหน้าจอเปิดเป็นหน้าจอใหญ่ รอจนหนังเริ่มเล่น ก่อนจะซบลงบนไหล่ของเขา


    เนื้อหาของเรื่องเริ่มจากการที่เพื่อนสนิทสองคนแอบมีใจให้กัน แต่แล้วอะไรหลาย ๆ อย่างก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่มีถึงกันและกันได้ เมื่อชำเลืองมองคนเด็กกว่าที่ตั้งใจจดจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องจนขนาดที่เขาเอาศีรษะตัวเองไปซบกับอีกคนก็ยังไม่บ่น


    เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงช่วงท้าย ในงานแต่งงานของอเล็กซ์ ลูกสาวของโรซี่ดันวิ่งออกมาจากงานเพราะเพื่อนชายคนสนิทเธอ มาร์คก็สัมผัสได้ว่าคนที่ซบกันอยู่กำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง


    “เป็นอะไรรึเปล่า?” เขาถามขึ้น พลางขยับตัวให้อีกคนที่เริ่มเปลี่ยนท่าทางจากที่ซบอิงเขามานั่งหลังเหยียดตรง


    “เปล่าหรอก”


    “แน่ใจนะ?


    มาร์คถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดของอีกคนถึงปากจะพูดออกมาว่าไม่ได้กำลังคิดอะไร แต่ท่าทางกัดปากเหมือนคนกำลังคิดอะไรอยู่นั้นทำให้มาร์คต้องถามออกไปอีกครั้ง เพื่อมันจะทำให้น้องสบายใจขึ้นได้


    “พี่เคยจูบมั้ย?


    “ห้ะ!


    คราวนี้เป็นเขาเองที่ตกใจจนร้องเสียงหลง เมื่อจบประโยคคำถามของคนเด็กกว่า มาร์คลีดันเอาแลปท็อปออกจากหน้าตักของตัวเองก่อนจะหันมามองหน้าคนเด็กกว่าตรง ๆ


    “ไม่เคยดิ ท.. ทำไมถามงั้นอ่ะ” มาร์คพยายามจะเปล่งเสียงออกมาให้นิ่งที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังตะกุกตะกักของความประหม่าอยู่ดี


    “คือ...” คนเด็กกว่าพูดเสียงเบาจนเกือบจะไม่ได้ยิน “เจโน่เล่าให้ผมฟังว่ามันเสียจูบแรกไปแล้ว”


    “แล้ว.. ยังไงต่อ” มาร์คพยายามคุมเสียงตัวเองให้นิ่งที่สุด นึกก่นด่านาแจมินในใจว่าคงจะต้องเป็นเพราะมันแน่ ๆ


    “ผมแค่อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง”  


    คนเด็กกว่าพูดเสียงเบาก่อนจะหยุดเว้นช่วงไปสักพักเมื่อเราสบตากัน แต่ก่อนที่ผมจะทันตั้งตัว คนเด็กกว่าก็เขยิบเข้ามาใกล้ คราวนี้เราอยู่ใกล้กันเกินไป ใกล้เหมือนตอนที่ผมก้มลงไปจูบจมูกเพื่อปลอบเขาเขาเหมือนตอนที่เรายังเป็นเด็ก


    ไม่มีใครพูดอะไรต่อ เราแค่เพียงซบตากันในเวลาสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากอีกคนที่ประทับลงมาบนริมฝีปากของเขา มันเป็นเพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาก่อนที่เราจะผละออกจากกันในไม่กี่วินาทีต่อมา


    “เป็นยังไง?


    คนเด็กกว่าถามขึ้นเมื่อเราผละออกจากกัน มาร์คไม่ได้ตอบออกไปในทันที เขาเพียงแต่มองดูริมฝีปากที่เพิ่งจะได้สัมผัสเมื่อครู่ก่อนจะไล่สายตาขึ้นมาจากจมูกรั้น ๆ จนถึงดวงตากลมโตราวกับลูกกวางของอีกคน  


    “ไม่รู้สิ แบบนั้นมันเรียกว่าจูบรึเปล่า?


    “หรือเราจะลองทำมันอีกที?


    มาร์คลีไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่ยื่นหน้าเข้าไปหาและแนบริมฝีปากลงบนอวัยวะเดียวกันกับอีกคนแทนคำตอบ


    จากที่แค่สัมผัสกันเฉย ๆ ในคราแรก มาร์คจึงเป็นฝ่ายเริ่มละเลียดความอ่อนนุ่มของริมฝีปากอีกคน เขาจูบซับตามมุมปากและดูดดึงริมฝีปากล่างของคนเด็กกว่าจนเผยอออก เราผละออกอจากกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เขาจะดึงเอาแว่นที่เริ่มจะเกะกะออกจากใบหน้าตัวเองและดึงดูดเข้าหากันอีกครั้ง ลืมตามองคนเด็กกว่าที่ตอนนี้กำลังหลับตาพริ้มกับสัมผัสที่เขามอบให้ ปรับเปลี่ยนองศาให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะดึงรั้งให้อีกคนเข้ามาใกล้กันมากยิ่งขึ้น


    ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณของมาร์คลี จากที่แค่สัมผัสกันเพียงภายนอก คนโตกว่าก็เริ่มนำเกมส์ บังคับให้ดงฮยอกต้องเปิดริมฝีปากด้วยการดูดดึงริมฝีปากล่างย้ำ ๆ มือที่วางไว้บนแผงอกของอีกคนในคราวแรกนั้นเปลี่ยนมาขย้ำลงบริเวณคอเสื้อของอีกฝ่ายเมื่ออีกคนเริ่มสอดเรียวลิ้นเข้ามา มือของอีกฝ่ายประคองใบหน้าของดงฮยอกเอาไว้ ก่อนจะกดจูบย้ำ ๆ แล้วผละออก


    “คราวนี้เป็นไง?” ไม่ถามเปล่า แต่มาร์คยังยืนมือมาลูบที่กลีบปากของคนน้องเบา ๆ อีกด้วย


    “ก็...” ดงฮยอกเว้นช่วงไว้สักพัก จำต้องหลบสายตาก้มมองไหปลาร้าของคนโตกว่าที่บอกว่าจูบไม่เป็น แต่ตอนนี้กำลังทำให้เขานั้นทำตัวไม่ถูก นึกก่นด่าตัวเองอยู่ในใจว่าไม่น่าไปหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่ออีกคนยื่นหน้าเข้ามากดจูบที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ


     “คราวนี้ก็รู้แล้วนะว่าจูบเป็นยังไง” มาร์คแกล้งพูดแหย่ ก่อนจะต้องหลุดหัวเราะออกมาเมื่อโดนฟาดเข้าที่ไหล่





    --END or TBC.--




    ฮัลโหลวววว มาต่อแล้วน้าาาาา

    อาจจะไม่เหมือนกับที่ทุกคนคาดหวังไว้ 

    เขียนๆลบๆเพราะเครียดเรื่องเรียนด้วยมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ แง 

    ต้องขอโทษด้วย น้องทำดีที่สุดแล้ว ;-;

    หวังว่าจะชอบกันนะคะ เยิ้บบบ <3





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×