คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : OS | Anonymous
Anonymous
มาชอบเราได้ละ เราชอบเธอมานานแล้วเนี่ย
มากกว่า 1 ปีที่ผ่านมา
เช้าวันแรกของสัปดาห์เริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่ายเหมือนเช่นทุกครั้ง
มาร์คลีลุกออกจากเตียงนอนแต่เช้าตรู่เพราะเสียงแจ้งเตือนนาฬิกาปลุกที่ดังมาจากโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็พับเก็บเครื่องนอนของตัวเองให้เป็นระเบียบ
ป้องกันเสียงบ่นของผู้เป็นแม่ที่จะเข้ามาปลุกเขาซ้ำ ก่อนจะเข้าห้องน้ำชำระร่างกายเรียกความสดชื่นพร้อมสู่การไปโรงเรียน
เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตามสองข้างทางที่เขาใช้เดินเข้าโรงเรียนจึงเต็มไปด้วยต้นไม้ที่แข่งกันผลิใบบานสะพรั่ง
มีดอกไม้และใบไม้หลากหลายสีสัน สร้างความสวยงามให้กับผู้พบเห็น นอกจากนี้อากาศยังเย็นสบายไม่หนาวมากเกินไปจนทำให้คนขี้หนาวแบบเขาต้องรู้สึกไม่สบายตัว
ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นสัปดาห์ที่แจ่มใสดีสำหรับเขา
แต่จะไม่ดีก็เพราะไอ้คนที่กำลังเล่นหัวเขาอยู่นี่แหละ
“เลิกยุ่งกับผมฉันได้แล้วหน่า”
มาร์คพูดเสียงเข้ม ก่อนจะปัดมือของอีดงฮยอกที่กำลังยุ่มย่ามออกจากศีรษะตัวเองเบา
ๆ ทั้ง ๆ ที่หมอนั่นเพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องเรียนแท้ ๆ แต่ดันเลือกที่จะมากวนประสาทเขา
แทนที่จะเข้าไปนั่งที่ของตัวเอง
ให้ตายดิ นี่เขาเพิ่งสระผมมาเมื่อคืนเองนะ
“ฉันแค่จะปัดใบไม้ที่ติดผมนาย”
“ขอบใจ” มาร์คบอกปัด ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียน และปล่อยให้หมอนั่นกลับไปนั่งลงยังที่นั่งของตัวเองเงียบ
ๆ เพราะไม่อยากเสวนากับหมอนั่นต่อเท่าไหร่นัก ได้แต่นึกโทษนาแจมินที่กำลังอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ในใจว่าทำไมไอ้เพื่อนตัวดีของเขาถึงไม่ยอมปัดออกให้ก่อนที่ดงฮยอกจะเข้ามาเห็นมัน
ใคร ๆ ก็รู้ว่าเราสองคนน่ะไม่ค่อยจะถูกกัน
และใคร ๆ ก็รุ้ว่าอีดงฮยอกกับมาร์คลีน่ะตีกันบ่อยจะตาย
ก็มันช่วยไม่ได้จริง ๆ และถ้าจะโทษก็คงต้องโทษหมอนั่นที่ดันชอบมากวนใจ
ทั้งพูดจากวนประสาท และชอบหาเรื่องแกล้งเขาอยู่เสมอ ๆ ซึ่งมาร์คเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าสาเหตุที่หมอนั่นชอบมาแกล้งกันแบบนั้นมันเป็นเพราะอะไร
คิดเรื่องลีดงฮยอกคนน่ารำคาญไปแล้วก็จะเสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ
มาร์คจึงเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดเข้าแอพพลิเคชั่นที่ชอบเข้าอยู่เป็นประจำ
ก่อนจะต้องเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ตื่นยางงงงง ประมาณ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ข้อความธรรมดาจากใครสักคนที่ถูกส่งผ่านมาจากแอพพลิเคชั่นถามคำถามไม่ระบุตัวตนนั้นทำให้มาร์ครู้สึกดีขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเป็นคนส่งมาตลอดหนึ่งปีที่คุยกันเลยก็เถอะ
มือเรียวพิมพ์ตอบคนที่มักจะส่งข้อความมาปลุกกันทุกเวลาเจ็ดโมงเช้าผ่านแอพ Ask.fm ก่อนจะกดปิดหน้าจอแล้วเก็บโทรศัพท์ลงใต้โต๊ะเมื่อได้ยินเสียงอาจารย์ที่ปรึกษาเดินเข้ามาในห้องเรียน
เขาเงยหน้าขึ้นจากใต้โต๊ะเรียนเพื่อมองไปยังหน้าห้อง ก่อนที่สายตาจะปะทะเข้ากับอีดงฮยอกที่กำลังหันหลังกลับมาเพื่อหาของในกระเป๋าเป้
“ยิ้มคนเดียวอีกแล้วนะมาร์คลี”
คนตัวเล็กที่พ่วงตำแหน่งหัวหน้าห้องเอ่ยแซ็วออกมาเบา
ๆ พร้อมกับส่งยิ้มกว้างที่แสนน่ารำคาญเหลือเกินในความคิดของมาร์คลีมาให้ ก่อนจะหันกลับไปทางหน้าห้องเรียนตามเดิม
ส่วนเขาก็ทำได้แค่แอบแยกเขี้ยวให้คนตรงหน้าในใจ
หลังสิ้นสุดเสียงออดบอกเวลาพักกลางวัน
เพื่อนร่วมห้องของเขารวมถึงอาจารย์ประจำวิชาต่างพากันเก็บข้าวของของตัวเองก่อนจะทยอยกันออกจากห้องเรียน
เพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเพื่อนบางส่วนที่ยังนั่งอยู่ในห้องเรียน
บ้างก็กินอาหารกลางวันที่เตรียมมาจากที่บ้าน
บ้างก็ทำการบ้านที่ตัวเองยังทำไม่เสร็จ หรือเพื่อนบางคนที่เอาเก้าอี้มาต่อกันแล้วทิ้งตัวลงนอนก็มี
มาร์คลีก็เช่นกัน เขาไม่ได้ลงไปทานข้าวกลางวันแบบคนอื่น
ๆ และทิ้งให้นาแจมินต้องลงไปกินข้าวคนเดียว ส่วนตัวเองก็เลือกที่จะมาก้มหน้าก้มตาทำการบ้านวิชาประวัติศาสตร์ของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย
ก่อนที่จะถึงเวลาส่งในคาบบ่ายนี้
หลังจากใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีในการเขียนสรุปประวัติศาสตร์จีนจากหนังสือเรียนลงในสมุดตามคำสั่งของอาจารย์พัค(ที่เขาลืมจนต้องมาทำเอาตอนกลางวัน)
ในที่สุดมาร์คก็ทำมันจนเสร็จ ถึงแม้ลายมือจะไม่ค่อยเรียบร้อยตามประสาคนรีบเขียนก็ตาม
เขาวางปากกาลงบนโต๊ะแล้วยืดข้อนิ้วคลายความเมื่อย ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่น
ข้อความแจ้งเตือนจากแอพถามคำถามเด้งขึ้นมาทันทีที่มาร์คเปิดหน้าจอ
เมื่อกดเข้ามาดูก็พบกับคำถามที่เพิ่งถูกส่งมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนจากใครบางคน
วันนี้นายไม่กินข้าวกลางวันหรอ? ประมาณ 7 นาทีที่ผ่านมา
มาร์คยิ้มหวานให้กับข้อความนั้น
ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนที่ถามเข้ามาเป็นใครนี้
วันนี้นายไม่กินข้าวกลางวันหรอ?
Markmarkk 3 นาทีที่ผ่านมา
ไม่กิน ๆ พอดีเรายังทำการบ้านไม่เสร็จอ่ะ
มือเรียวพิมพ์ออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนกดส่งคำตอบออกไป
หลังจากนั้นก็กดเข้าแอพอื่น ๆ เพื่อกะเล่นฆ่าเวลา
แต่ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาทีก็มีแจ้งเตือนจากแอพเดิม
ที่คาดว่าน่าจะเป็นคนเดิมถามเข้ามาอีกครั้ง
แล้วนายจะไม่หิวหรอ? ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
มาร์คจ้องมองคำถามใหม่ที่เพิ่งถูกส่งเข้ามา ก่อนจะต้องกลั้นยิ้มจนเหมือนเคี้ยวเหงือกหนุบหนับ
เมื่อเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์แล้วเห็นว่าเพื่อนคนไทยที่ชื่อผดุงเกียรติกำลังมองหน้ากันอยู่
เขาก้มหน้าลงมองหน้าจอมือถือของตัวเองอีกครั้งก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
โดยไม่สนใจเสียงเอ่ยแซ็วของเพื่อนร่วมห้องที่ชื่อออกเสียงยากมาก ๆ
แต่รออยู่หลายนาทีก็ยังไม่มีคำถามอะไรส่งกลับมาอีกจึงฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
“อ่ะ” สัมผัสเหมือนมีห่อพลาสติกมาวางอยู่บนแขน รวมถึงน้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
“แจมินฝากมาให้”
ดงฮยอกรีบอธิบายก่อนจะหันหลังกลับไปนั่งลงยังที่นั่งของตัวเองที่อยู่ด้านหน้าเขา
ส่วนเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรคนตัวเล็กกลับไป แต่ก็หยิบห่อขนมปังนั้นมาแกะกินเงียบ ๆ
“ไม่ลงไปกินข้าวนะไอ้หมา” เสียงทุ้ม ๆ
ของนาแจมินที่เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับอีเจโน่ดังขึ้นทันทีเมื่อมันเดินเข้ามาในห้องเรียน
พอดีกับที่เขาเอาขนมปังคำสุดท้ายเข้าปากพอดี “แล้วนี่เอาขนมปังมาจากไหน?”
“มึงฝากให้หัวหน้าเอามาให้กูไม่ใช่หรือไง?” เขาตอบ
คำตอบของเขาทำให้เพื่อนตัวสูงชะงักไปสักพัก
มันเลิกคิ้วขึ้นใส่เขาก่อนจะร้องออกมาเมื่อโดนเจโน่กระซิบและสะกิด(หยิก)เข้าที่หลัง
“กูลืม ๆ” แจมินพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ “กินไป
เดี๋ยวปวดท้องมาแล้วจะมีคนไม่สบายใจอีก”
หน้าปัดนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของเขาบอกเวลาสี่โมงเย็นแป๊ะ
ๆ เหล่าบรรดาเพื่อนในห้องเรียนต่างพากันแยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อน
บ้างก็ไปซ้อมกีฬา และบางคนก็ออกไปเรียนพิเศษต่อ
เหลือแต่พวกที่ต้องอยู่ทำเวรประจำวันที่ยังคงเดินหน้าปัดกวาดห้องเรียนกันอย่างขะมักเขม้นตามคำสั่งของหัวหน้าเวรที่ได้รับมอบหมายโดยคุณครูประจำชั้น
มาร์คไม่ได้เป็นเวรทำความสะอาดประจำวันจันทร์
แต่ที่เขายังต้องนั่งรออยู่หน้าห้องเรียนไม่ได้ออกไปไหน
ก็เพราะต้องรอนาแจมินเพื่อนรักที่กำลังหยิบไม้กวาดมาปัดผ่านพื้นอยู่ในห้องเรียน
ก่อนจะพากันไปเรียนพิเศษต่อจนถึงดึก
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไถหน้าจอเล่นไปเรื่อยอย่างคนไม่มีอะไรทำ
เข้าแอพนั้นออกแอพนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีแจ้งเตือนจากแอพถามคำถามที่เขาเฝ้ารอมาทั้งวัน
นั่งหน้าหงอยเชียว ประมาณ 1 นาทีที่ผ่านมา
มาร์คมองคำถามที่เพิ่งถูกส่งมาเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน
ก่อนจะยิ้มออกมาน้อย ๆ แล้วกดเข้าไปตอบคำถามที่ถูกส่งมาจากบุคคลนิรนามนั้น เหลียวมองซ้ายมองขวาหาคนที่น่าจะเป็นคนส่งคำถามมาแต่ก็ไม่เห็นมีใครที่นั่งอยู่ริมระเบียงนอกจากผดุงเกียรติที่กำลังนั่งอ่านนารูโตะอยู่บล็อกถัดไป
เอาจริง ๆ ก็พอจะรู้อยู่แหละ
ว่าคนที่ส่งคำถามมาหาเขาทุกวันแบบวินาทีต่อวินาที รวมถึงส่งข้อความมาปลุกกันทุกเช้าน่าจะเป็นคนที่อยู่โรงเรียนนี้
แต่เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าคนคนนั้นเป็นใครทั้ง ๆ ที่คุยกันมาเกือบปี
จนคำถามในอาส์กของเขาเป็นหมื่นแล้วก็เถอะ
“ยิ้มให้โทรศัพท์อีกแล้ว”
เสียงปิดประตูห้องเรียนพร้อมกับคำเอ่ยทักของหัวหน้าห้องทำให้มาร์คต้องเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ
คนตัวเล็กเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับกองสมุดที่อยู่ในอ้อมแขน
คิดว่าคงจะต้องเอาไปเก็บที่ห้องพักครูแหง ๆ
“คุยกับแฟนหรอมาร์คลี?” หมอนั่นถามขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าเขา
“อือ” เขาตอบออกไปเสียงดังฟังชัดเมื่อเห็นรอยยิ้มซื่อ
ๆ กับคำถามของอีกคน ก็เห็นชอบพูดว่าคนแบบเขาใครจะโง่มาหลงชอบดีนัก
ขออวดว่าที่แฟนหน่อยก็แล้วกัน(?)
“งั้นหรอ” ดงฮยอกพูดเสียงเบา แต่เขาก็พอจะได้ยินอยู่ดี
“กับคนในแอพไร้ตัวตนนั่นนะ?”
“ใช่”
“เขายอมเป็นแฟนนายแล้วหรอ?”
“แล้วนายยุ่งอะไรด้วยล่ะ? เดี๋ยวเราก็ได้เป็นแฟนกันแล้ว
นายคอยดูเถอะ”
“มั่นใจจังเลยนะ”
“แน่นอนสิ อีกไม่นานนี้แหละ”
เขายื่นคำขาดออกไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนคนตัวเล็กต้องผงะถอยหลังออกไป
เมื่อเขาเห็นว่าเพื่อนสนิทของเขาออกมาจากห้องเรียนพอดี
แอบชำเลืองมองหัวหน้าห้องคนเก่งที่หันหลังกลับไปมองแจมินกับเจโน่
ก็พบว่าอีกคนมีเหงื่อออกตามไรผม แถมหน้าก็ขึ้นสีนิด ๆ
ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากเท่าไหร่ ไม่สบายหรือยังไง?
“ทำอะไร!?!”
หมอนั่นแหวขึ้นหลังจากที่ผมเอาหลังมือไปแตะหน้าผากเขา จนเพื่อนอีกสองคนตกใจ
เขาแอบเห็นว่าผดุงเกียรติสะดุ้งจนทำหนังสือการ์ตูนหลุดมือด้วย
“ก็เห็นหน้าแดง ๆ ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่” เขาตอบ
“ช่างเหอะ”
ดงฮยอกพูดก่อนจะคว้าแขนเจโน่แล้วลากกันออกไป “เจโน่ไปกันได้แล้ว!”
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยตอบเราเลยนะ
Markmarkk ประมาณ 1 วันที่ผ่านมา
ก็มาเจอกันสักทีสิ
“มาร์ค”
“มาร์คลี”
“ไอ่! เชี่ย! มาร์ค!”
เสียงตะโกนใส่หูจากไอ้เพื่อนตัวสูงที่นั่งเรียนอยู่ข้าง
ๆ กันทำให้เขาต้องยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองเพราะความตกใจ
แต่เมื่อตั้งสติได้ก็ฟาดลงไปที่แขนมันเต็ม ๆ
“ตะโกนทำเชี่ยไร”
“กูเรียกมึงหลายรอบละ เหม่อๆ” แจมินพูด
ก่อนจะยกมือขึ้นมาผลักหัวเขาเบา ๆ “เอาการบ้านออกไปส่งหน้าห้อง ดงฮยอกจะรวบรวมแล้ว”
“เออ ๆ”
เขาพูดตอบพลางหยิบสมุดวิชาเคมีที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะเรียนออกมา
ก่อนจะเดินไปวางมันไว้บนโต๊ะอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องเรียนโดยมีอีดงฮยอกที่กำลังนับจำนวนสมุดอยู่
เมื่อได้สมุดของเขาแล้วหมอนั่นก็รับเอาไว้และเดินออกไปส่ง ส่วนเขาก็เดินกลับมายังที่นั่งของตัวเอง
“เป็นไรจ๊ะ? วันนี้เหม่อ ๆ” แจมินถามขึ้นอีกครั้งก่อนจะกระทุ้งแขนเขาเบา
ๆ ส่วนอีเจโน่ที่หันหลังมาเล่นไพ่สลาฟทางโต๊ะพวกเขาก็มองหน้าเขาอย่างสงสัยด้วย
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
“แน่ใจนะ?” แจมินถามย้ำอีกครั้ง “ไม่ได้คิดเรื่องคนที่อยู่ในอาส์กหรอ?”
“เออ” ก็คิดแหละ พอขอเจอหน้าก็หายเงียบไปเลยอ่ะ
ถึงจะเคยขอเจอไปหลายครั้งแล้วไม่เคยได้เจอเลยก็เถอะ แต่คราวนี้จะน้อยใจจริง ๆ
แล้วนะ
“เขาเป็นอะไรล่ะ?” เจโน่ถามขึ้นบ้าง
“ไม่รู้ดิ” มาร์คพูด “พอเราขอเจอเขาทีไรก็ชอบหายเงียบ
ไม่ก็เบี่ยงประเด็นทุกทีเลยอ่ะ ตกลงเขาชอบเราจริงป่ะวะ?”
นี่ไม่ได้พูดแบบมั่นหน้านะ
แต่คนนั้นเคยบอกชอบเขาจริง ๆ นี่หว่า
แล้วนี่ยิ่งไปโม้ใส่หัวหน้าห้องไว้อีกว่าจะเปิดตัวแฟนเร็ว ๆ นี้
“อย่าคิดมากเลยมาร์ค คนคนนั้นคงจะเขินนายมาก ๆ จนไม่กล้ามาเจอหน้าก็ได้”
เจโน่พูดอย่างใจเย็น เหมือนจะพยายามช่วยไม่ให้เขาฟุ้งซ่าน
พอดีกับที่ดงฮยอกเดินกลับมานั่งที่ของตัวเองพอดี
“ไม่งั้นนายก็บอกคนคนนั้นไปเลย ว่าถ้าไม่มาให้เจอหน้า
จะลบบัญชีอาส์ค” เจโน่เสนอแนวทาง ก่อนจะหันไปถามดงฮยอก “นายว่าแบบนั้นดีไหมดงฮยอก”
“ห้ะ?” ดงฮยอกเลิกคิ้วขึ้น
ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเขา
“มาร์คบอกว่าคนที่มาร์คชอบในอาส์กไม่ยอมมาให้เจอหน้า
ถ้าให้มาร์คลบบัญชีแลกกับการมาเจอหน้ากันนายว่าดีมั้ย?”
“แบบนั้นมันบังคับกันนี่!”
“ถ้าไม่บังคับแล้วมาร์คจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ? ” เจโน่พูด ก่อนจะมองหน้าดงฮยอก “ไหนบอกมาสิ”
“จะไปรู้กับคนนั้นหรอ” ดงฮยอกแหว
ก่อนจะหันมาพูดกับเขา “คนคนนั้นอาจจะยังไม่พร้อมก็ได้”
“ไม่รู้ดิ แต่ลองเก็บวิธีนี้ไปคิดดูได้นะมาร์ค”
เจโน่พูดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งแจมินก็พยักหน้าสนับสนุน ส่วนหัวหน้าห้องคนเก่งก็หันกลับไปทางหน้ากระดานแล้ว
เมื่อขัดเจโน่ไม่ได้
โกรธไรป่าวอ่ะ? ประมาณ 13 นาทีที่ผ่านมา
มาร์คจ้องมองข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเงียบ
ๆ ในขณะที่กำลังตัดสินใจกับตัวเองอยู่ว่าควรจะทำแบบที่เจโน่พูดเลยดีมั้ย
หลังจากที่คิดมาทั้งวันจนถึงขึ้นเปิดกูเกิลเพื่อหาวิธีลบบัญชีแอพพลิเคชั่นนี้ไปแล้วก็เถอะ
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว
เพื่อนร่วมห้องหลายคนก็พากันกลับบ้านไปหมดจนตอนนี้เหลือเพียงแต่เวรประจำวันศุกร์เท่านั้นที่ยังอยู่ในห้องเรียนนี้
ซึ่งตอนนี้ก็เหลืออยู่แค่สามคนเท่านั้น คือ เขา ดงฮยอก และจินฮยอน เพราะคนอื่น ๆ
ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จหมดแล้ว
“เราไปซ้อมบอลแล้วนะฮยอกกี้”
คิมจินฮยอนพูดขึ้นกับหัวหน้าห้องตัวเล็ก
หลังจากกวาดห้องด้านหน้าและเก็บไม้กวาดเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งดงฮยอกก็ทำเพียงพยักหน้าและส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมห้องเท่านั้น
ก่อนจะกลับมาจัดโต๊ะต่อ
เขาชำเลืองมองคนตัวเล็กหลังจากทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อย
แต่ดูเหมือนดงฮยอกจะยังต้องเก็บรวบรวมสมุดไปส่งยังห้องพักครูอีก
หมอนั่นยังคงนับและเรียงสมุดอยู่หน้าห้องด้วยท่าทางขะมักเขม้นจนเขานึกเอ็นดู
เอาล่ะ จะเริ่มขู่คนคนนั้นแล้วนะ
โกรธไรป่าวอ่ะ?
Markmarkk ประมาณ 1 นาทีที่ผ่านมา
ถ้าเธอไม่มาเจอเรา เราจะลบบัญชีแล้วนะ
มาร์คเลือกที่จะมาหลบอยู่มุมห้องและหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง
ก่อนจะพิมพ์ข้อความนั้นและส่งออกไปอย่างรวดเร็ว และรอเพียงไม่นานคำถามใหม่ก็ถูกส่งเข้ามาหลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที
ตลกหรอ? ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
อย่าเพิ่งลบนะ ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
มาร์คอ่าาาาา ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
เรายังไม่พร้อมๆๆๆ ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
“นี่ดงฮยอกอ่า” เขาเอ่ยเรียกคนที่กำลังก้มหน้ากดโทรศัพท์ยุกยิกอยู่หน้าห้องเรียน
ก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย และยื่นหน้าจอให้ดู “นายพอจะรู้วิธีลบบัญชีแอพนี้มั้ย?”
“ไม่ ๆ ไม่รู้”
“ถ้าลองกดมั่ว ๆ ตรงนี้จะเป็นยังไงนะ?”
เขาพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะชี้ไปที่ช่องลบแอคเคาท์ แอบชำเลืองมองอีกคนก็เห็นว่าเหงื่อกำลังออกมาตามไรผม
ทั้ง ๆ ที่เครื่องปรับอากาศในห้องก็ยังทำงานอยู่
“นี่!”
“What?” มาร์คหันไปมองหน้าอีกคน
ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเบา ๆ “ทำไมอ่ะ แค่ลบบัญชีเอง”
“แล้วคนคนนั้นจะรู้สึกยังไงล่ะ ถ้าอยู่ ๆ
นายก็หายไปเสียดื้อ ๆ อ่ะ”
“แล้วทำไมคนคนนั้นไม่คิดถึงใจฉันบ้างล่ะ?” มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังก้มหน้ามองโต๊ะอาจารย์
ตอนนี้นอกจากไรผมจะเปียกแล้วหูยังแดงมากอีกต่างหาก “มาทำให้ชอบ แต่ไม่ยอมให้เข้าใกล้แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลยนะ”
"..."
"..."
“ก็ได้...”
“ก็ได้อะไร?”
เขาพูดเอื่อย ๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะอาจารย์จนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับอีกคนพอดี
กอดอกมองหน้าคนตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้ามองสมุดการบ้านของเพื่อนร่วมห้องทั้ง ๆ
ที่มันไม่ได้น่าสนใจตรงไหน ยิ่งตอนยื่นมือไปกำรอบแขนอีกคนจนผงะยิ่งนึกขำ
“ไอคนที่อาส์คไปถามนายทุกวันก็ฉันเองแหละ พอใจยัง?”
คนตัวเล็กพูดรัวเร็วจนเขาเกือบจะฟังไม่รู้เรื่อง
ส่วนมืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกเกาะกุมก็กำลังพยายามแกะมือของเขาออก ซึ่งก็ดูไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่
“ยังไม่พอใจ”
“อะไรอีกอ่ะ” คนตรงหน้าบะปากน้อย ๆ
ก่อนจะช้อนตามองกัน “มาร์ค หายโกรธเถอะน้า”
“ให้หอมแก้มก่อน แล้วจะหาย”
“ตลกหรอ!!”
ดงฮยอกเหวขึ้นก่อนจะพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม
แต่แรงที่มีแค่นิดเดียวเมื่อเทียบกับเขา ทำให้ไม่สามารถหนีจากแรงของเขาได้ สุดท้ายมาร์คลีเลยต้องรวบข้อมือของเด็กดื้อเอาไว้ทั้งสองข้าง
ก่อนจะยื่นหน้าไปสัมผัสความนุ่มนิ่มที่แก้มของนักเลงคีย์บอร์ดที่ปั่นหัวเขามาตั้งนาน
“ก็แค่เนี้ย”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!”
ดงฮยอกโวยวายก่อนจะเอามือมาถูแก้มตัวเองแรง ๆ
หลังจากที่เขาปล่อยมือออก ก่อนจะต้องตกใจจนตาโตอีกครั้งเมื่อได้รับสัมผัสหนุ่มยุ่นที่ริมฝีปาก
“ไอ้เชี่ยมาร์ค!!”
ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่ดันน่ามันเขี้ยวจนอดจะแกล้งไม่ได้แบบนี้
และเอาจริง ๆ เขาก็รู้ตั้งนานแล้วแหละครับว่าคนที่อาส์คมาทุก ๆ วันเป็นใคร ก็ใครล่ะที่ดันมาฝากมือถือไว้กับเขาในคาบพละแล้วไม่ยอมล็อกรหัสอ่ะ
แต่ก็นั่นแหละครับ เขาแค่อยากแกล้งเด็กดื้อเฉย ๆ แค่นั้นเอง
-END-
แถม
“เมื่อไหร่จะกลับสักที่อ่า?”
น้ำเสียงติดจะงอแงของคนตัวสูงที่กำลังนั่งกอดอกหน้างออยู่บนโต๊ะอาจารย์ยังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างรอเขานับสมุดบันทึกการอ่านของเพื่อนร่วมห้องก่อนที่จะต้องเอาไปส่งยังห้องพักครูที่ปรึกษา
เพราะเป็นวันศุกร์หรรษา เพื่อน ๆ ในห้องจึงพากันกลับบ้านไปหมดอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เหลือคนอยู่ในห้องแค่สามคน
คือ เขา มาร์คลี และผดุงเกียรติ(ที่มีชื่อเล่นว่าฟาโรห์ แต่เพื่อนไม่ยอมเรียกกัน)เพื่อนคนไทยสุดหล่อที่เป็นเวรประจำวันนี้เหมือนกัน
“ดงฮยอก
เราฝากเอาสมุกฟิสิกส์ไปส่งด้วยได้มั้ย” สำเนียงภาษาเกาหลีแบบแปล่ง ๆ ของฟาโรห์ทำให้ดงฮยอกต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
“เห็นว่านายจะไปห้องพักครูหมวดวิทย์พอดี”
“ไม่รับฝาก”
“ห้ะ ทำไมอ่ะ?”
“เป็นคำสั่งของแฟนหัวหน้าห้อง ห้ามใช้งานหัวหน้าห้องโดยไม่จำเป็น”
“โถ่ มาร์คลี” ผดุงเกียรติถอนหายใจก่อนจะกลอกตามองบนหลังจากได้ฟังประโยคของมาร์คลี
ซึ่งเขาเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน
“เอามาเหอะ เดี๋ยวเอาไปส่งให้” เขาบอกก่อนจะยื่นมือไปรับสมุดวิชาฟิสิกส์จากเพื่อนร่วมชั้นตัวสูง
ก่อนจะโบกมือลาอีกฝ่ายที่เดินออกจากห้องเรียนไป
“อย่าไปยิ้มให้คนอื่นพร่ำเพื่อดิ” มาร์คลีพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ขี้หวงว่ะ”
“ก็อยากน่ารักเองทำไมอ่ะ?”
พูดจบหมอนั่นก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผละออกไปยิ้มหน้าบ้านจนจะเป็นกระด้งจนคนเห็นแบบเขารู้สึกหมั่นไส้จนต้องฟาดลงไปที่แขนแรง
ๆ
“ไอ้เห...”
“จะพูดว่าอะไรนะ!?”
มาร์คลีพูดเสียงเข้มก่อนจะล็อกแขนและรวบเอวเขาเข้าหาตัวเองเมื่อเห็นว่าเขาจะพ่นคำหยาบใส่
ยิ่งพยายามดิ้นออกหมอนั่นก็ยิ่งรวบเอวเขาไว้มากขึ้น
“อย่าาาาาาา” เผลอร้องเสียงหลงก่อนจะเอามือข้างที่ไม่ถูกเกาะกุมดันหน้าอีกฝ่ายเอาไว้
เมื่อเห็นว่ามาร์คลีทำท่าจะยื่นหน้าเข้ามา
“บอกกี่รอบแล้วว่าอย่าพูดคำหยาบใส่กัน” คนตัวโตพูดก่อนจะมองหน้ากันนิ่ง
ๆ “เรายังไม่พูดคำหยาบใส่นายเลยนะ”
“ขอโทษ ก็มันยังไม่ชินไง” เขาพูดเสียงอ่อยก็คนมันลืมตัวนี่หว่า
พยายามยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าแต่มาร์คลีก็ยังทำหน้านิ่งใส่ “มาร์คไม่โกรธน้า ดีกันๆ”
“ให้จูบก่อนจะหายโกรธ”
“บ้าเหอะ!”
“ไม่บ้า”
“ไอ้ อื้อ”
-20180214-
สุขสันต์วาเลนไทน์นะคะ
อัพฟิคเนื่องในวันเกิดแจฮยอนนี่
คุณหมูหัวหน้าชิปเป้อมัคดงของเรานั่นเอง
(ไม่เกี่ยวกันเล้ย)
เป็นกำลังใจให้สัปดาห์นรกที่จะมาถึงของไรท์เตอร์ด้วยค่ะ สาธุ
ความคิดเห็น