คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : SF | I know nothing (30%)
เสียงบรรยายเนื้อหาตามสื่อการสอนที่ดังมาจากทางหน้าห้องเรียน อาจเปรียบได้กับเสียงเพลงคลาสสิกทำนองเชื่องช้าของเหล่านักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเริ่มอธิบายเนื้อหาของความหลากหลายทางวัฒนธรรมไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นักศึกษากว่าครึ่งห้องก็เริ่มพากันนิ่งหลับไปเสียแล้ว
แต่เพราะข้อตกลงระหว่างนักศึกษาและอาจารย์ประจำวิชา ที่ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่ต้นเทอมว่าจะอนุญาตให้นักศึกษาสามารถงีบหลับได้
แต่ต้องหลับให้สมกับมาดว่าที่วิศวกร(?) ดังนั้นการงีบหลับในคาบวิชาพหุวัฒนธรรมนี้จึงไม่ถือว่ามีความผิด
หลังจากนั่งฟังสิ่งที่อาจารย์สอนมาได้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง
สมาธิที่เคยจดจ่ออยู่กับสไลด์หน้าห้องเรียนก็ดูจะกระเจิงไปหมด เขาหันซ้ายหันขวามองเพื่อน
ๆ ร่วมห้อง ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่กับ คังซองมิน เฮดรุ่นแห่งภาควิชาวิศวกรรมโยธา
ที่กำลังนั่งไขว่ห้าง กอดอกหลังเหยียดตรง แต่กำลังนอนหลับตาอ้าปาก จนเขากับแจมินที่เห็นภาพเหตุการณ์กลัวว่าตัวต่อที่ทำรังอยู่ในห้องนี้จะบินเข้าปากเพื่อน
มาร์คลีตัดสินใจเดินออกไปนอกห้องบรรยาย เมื่อเห็นว่าเวลายังคงเดินไปไม่ถึงครึ่งคาบ
และเลือกที่จะตรงไปล้างหน้าล้างตาเรียกสติในห้องน้ำ เพราะเริ่มจะทนไม่ได้กับความง่วง
และอากาศร้อนอบอ้าวของเครื่องปรับอากาศที่ไม่ยอมทำงานในห้องเรียน
ความเย็นของน้ำที่ปะทะเข้ากับใบหน้าเรียกความสดชื่นตื่นตัวให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองกระจก และหยิบผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลอ่อนที่พกอยู่เป็นประจำขึ้นมาซับหยุดน้ำที่เกาะอยู่ตามใบหน้า
ก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อเห็นคนที่กำลังยืนล้างหน้าอยู่ข้าง ๆ
ดูเหมือนว่าคนที่ยืนอยู่ข้างตัวจะรับรู้ได้ถึงการถูกจ้องมอง
เสียงหัวใจที่ไม่เคยเต้นแรงก็เหมือนจะกลับมาเต้นแรงอีกครั้งจนเขากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก
เมื่อใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นหันมามองกันตรง ๆ ไม่ใช่มองผ่านกระจก ก่อนจะขยับปากเชื่องช้าราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง
แต่ก็ต้องหยุดชะงักและรีบเดินหนีไปเมื่อเสียงลั่นของกลอนห้องน้ำด้านในสุดดันดังขึ้นเสียก่อน
“ยืนเอ๋ออะไรวะ?” นาแจมินที่กำลังกดเจลล้างมืออยู่ถามขึ้น
ก่อนจะดันหลังให้เขาเดินออกไปเมื่อจัดการธุระเสร็จ “ไป ๆ กลับห้องเรียน”
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในห้องเรียนอีกครั้งก็พบว่าเนื้อหาการสอนบนสไลด์ยังไม่ไปถึงไหน
และอาจารย์ประจำวิชาจะยังตั้งใจสอนต่อไปถึงแม้จะมีผู้ฟังอยู่ไม่ถึงครึ่งห้องแล้วก็ตาม
“ใครวะ?” มาร์คถามขึ้น
เมื่อเอนตัวไปซบไหล่เพื่อนตัวสูงแล้วเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของมันกำลังแสดงรูปผู้หญิงหน้าตาน่ารักอยู่
“รุ่นพี่ที่กูเคยชอบตอนม.ปลาย” ลูคัสพูด ก่อนจะยื่นหน้าจอมือถือมาให้เขาดูชัด
ๆ พร้อมกับยิ้มเขินอาย “เปิดเข้าเฟชแล้วเจอรูปพี่เขาพอดี เลยส่องหน่อย”
“ไม่ยักรู้ว่ามึงชอบแนวนี้” เขาพูด
ก่อนจะยื่นมือถือไปให้นาแจมินดูด้วย
“แต่ตัวจริงน่ารักนะมึง เรียนอยู่สัตว์แพทย์มอเราเนี่ยแหละ” มันพูด “เออ
ละมีเรื่องจะเล่า”
“อะไร?”
“คือกูอ่ะ เคยหยอดพี่เขาไป ว่าถ้าเรียนจบแล้วมารักษาหมาให้ด้วยนะ แล้วมึงรู้มั้ยพี่เขาว่าไง?”
“อ่า”
นาแจมิส่ายหน้ากลับไป เหมือนจะบอกให้มันเล่าต่อ
“พี่เขาตอบกูว่า หมาในปากหรอ?”
เพื่อนตัวสูงพูดปลง ๆ ก่อนจะขำแห้ง ๆ ออกมา เมื่อเห็นว่าเขาและแจมินหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
มันส่ายหน้าให้ตัวเองเบา ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไหน ๆ คาบนี้ก็ไม่ฟังละ” ลูคัสเว้นช่วงไว้สักพัก “พวกมึงเคยแอบชอบนานที่สุดกี่ปีวะ?”
“สองปีมั้ง แต่ตอนนี้เขาเป็นแฟนกูละ” แจมินพูด ก่อนจะยักคิ้วกวนประสาทจนเขาต้องยกมือขึ้นไปผลักหัวมันเบา
ๆ “แล้วพวกมึงอ่ะ”
“กูหรอ ปีกว่า ๆ มั้ง” ลูคัสพูด
“มึงอ่ะมาร์ค?”
“อ่า” แอบชอบนานที่สุดงั้นหรอ “น่าจะสี่ปีแล้วมั้ง
ตั้งแต่ม.ปลายปีสองจนถึงตอนนี้อ่ะ”
“ยังเป็นคนนั้นอยู่หรอ?”
“อือ... คนนั้นแหละ”
เราหลุดวงโคจรกันแล้วหรือยังนะ?
“มึงอยู่ไหนแล้วห้ะ!?”
น้ำเสียงติดจะหงุดหงิดของเพื่อนสนิทที่ถูกส่งมาผ่านปลายสายโทรศัพท์
เร่งให้เด็กหนุ่มพาร่างสูงโปร่งของตัวเองแทรกตัวออกจากกลุ่มผู้คนที่พลุกพล่านในสถานีรถไฟใต้ดิน
ก่อนจะต้องรีบสาวเท้าเพื่อไปให้ถึงยังสถานที่นัดหมายโดยเร็ว
“เออ กูถึงแล้วเนี่ย” มาร์คตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะกดตัดสายทิ้งแล้ววิ่งไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนหน้าบูดอยู่ไม่ไกล
หลังจากที่วิ่งกระหืดกระหอบจนมาถึงที่หมาย
เด็กหนุ่มสัญชาติแคนาดาก็ทำได้แค่เพียงย่อตัวลงเท้าแขนสองข้างเข้ากับเข่าของตัวเอง
ก่อนจะหอบหายใจจนคนที่ยืนรออยู่ก่อนหน้านั้นเห็นแล้วอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ แต่มีหรอที่คนขี้แกล้งอย่างนาแจมินจะปล่อยไปง่าย
ๆ
“มึงสายสิบนาที” แจมินพูดเสียงแข็ง
ก่อนจะกอดอกเชิดหน้าแล้วปรายตามองเพื่อนที่กำลังทำหน้าเป็นลูกหมาถูกเจ้าของเมิน
“ขอโทษที กูตกรถไฟไปรอบนึงอ่ะ”
มาร์ครีบอธิบายให้เพื่อนผู้ไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลาเข้าใจ “มึงอย่าทำหน้าแบบนั้นดิ
กูกลัวนะเนี่ย”
“กลัวอะไรครับน้องมาร์ค พี่แจมินออกจะใจดีขนาดนี้” นาแจมินที่สลับโหมดจากคนหน้าบูดกลายมาเป็นคนอารมณ์ดีไม่พูดเปล่า แต่มันยังกอดคอเขาแล้วลากให้เดินตามมันเข้าไปยัง “มึงว่าป่านนี้ฮยอนซึงกับฮวาซองมันจะมารึยังวะ?”
“ยังมั้ง พวกนั้นก็ออกจากบ้านเวลานัดตลอดอ่ะ”
ภายในห้องเรียนขนาดใหญ่ของสถาบันกวดวิชาชื่อดัง
ต่างเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนมัธยมปลายมากหน้าหลายตาจากต่างโรงเรียนที่เข้ามาจับจองที่นั่ง
เพื่อรอรับความรู้และสารประโยชน์จากติวเตอร์คนดังที่กำลังตั้งใจถ่ายทอดวิชาอยู่หน้าห้องเรียน
จะเว้นก็เสียแต่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา ที่นอกจากจะจดแบบผ่านๆจนอ่านไม่รู้เรื่องแล้ว
มันยังเอาแต่นั่งยิ้มกับตัวเองจนเขาอดสงสัยไม่ได้
“ยิ้มอะไรของมึงวะ?”
“คนนี้แม่งแบบ...” คิมฮยอนซึงละสายตาจากอีกมุมของห้องเรียนกลับมามองหน้าเขา
มันเว้นช่วงไว้สักพัก ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง
“โดนใจใช่เลยว่ะมึง”
“มึงก็แบบนี้ทุกรอบอ่ะ” เขาตอบ
ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้แจมินที่บอกว่าจะออกไปเข้าห้องน้ำ หลังจากที่คุณติวเตอร์ปล่อยให้เด็ก
ๆ ในคลาสพักเป็นเวลาสิบนาที
“เห้ย! แต่คนนี้น่ารักจริงๆ
เดี๋ยวกูจะชี้ให้มึงดูมาร์ค” ฮยอนซึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะพยักเพยิดให้เขาหันไปมองทางอีกฝั่งของมุมห้อง
“คนที่ใส่เสื้อฮู้ดสีกรมท่า ที่กำลังก้มหน้าเขียนอยู่อ่ะ”
“อ๋อ ดงฮยอกหรอ?”
“หืม?” ฮยอนซึงตาลุกวาว “มึงรู้จักเขาด้วยหรอ?”
“เปล่าอ่ะ ไม่ได้รู้จัก รู้แค่ชื่อเขาเฉยๆ”
แถมเขายังรู้แค่ฝ่ายเดียวเสียด้วย
“แล้วมึงรู้ชื่อเขาได้ไงวะ?”
“รู้จากเพื่อนอีกทีนึง” มาร์คอธิบาย หลังเห็นท่าทีสนอกสนใจของเพื่อน
“แบบ... เพื่อนเขาเป็นเพื่อนค่ายกูอ่ะ”
ฮยอนซึงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
ก่อนจะหันไปมองทางกลุ่มของดงฮยอกอีกครั้งแล้วพึมพำเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่เขาจะได้ยิน “น่ารักเนอะ”
“งั้นๆอ่ะ” มาร์คแกล้งพูด
ก่อนจะต้องหลุดขำออกมาเพราะฮยอนซึงหันมาค้อนใส่
“วู้ว มึงอ่ะ” มันหันมาผลักไหล่เขาเบา ๆ
ก่อนจะพูดประโยคต่อมา “เออ แต่ไหนๆมึงก็เป็นเพื่อนกับเพื่อนเขาละ
ช่วยกูหาเฟชเขาหน่อยดิ”
“อือ” เขาพูดพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้ากูหาเจอนะ”
ถึงจะทำทีเป็นไม่สนใจและบอกออกไปว่าเขาน่ะงั้นๆ แต่สุดท้ายมาร์คลีก็มานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทันทีหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน
เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการหาเฟชบุ๊คของอีดงฮยอกคนนั้น เพราะเพื่อนค่ายของเขาหรืออีเจโน่มีเพื่อนในเฟชบุ๊คเกือบสี่พันคน
แต่สุดท้ายเขาก็หาเจอจนได้
และหลังจากที่เข้าไปสำรวจในเฟชบุ๊คของดงฮยอกก็พบว่าไม่ได้มีโพสท์อะไรมากมาย
อาจจะเป็นเพราะยังไม่ได้เป็นเพื่อนกันด้วยล่ะมั้ง ซึ่งถ้าจะให้แอดเฟรนด์ไปเขาก็ไม่กล้าอีก
“มึงได้หาเฟชดงฮยอกให้กูมั้ยวะ?” ฮยอนซึงถามขึ้นทันทีที่เข้ามานั่งในห้องเรียนพิเศษ
มันทิ้งตัวนั่งลงบนที่นั่งข้างๆเขา ตามมาด้วยคิมจงชินเพื่อนห้องเดียวกันกับมัน
ถึงแม้ว่าจะอยู่โรงเรียนเดียวกัน
แต่เขาและฮยอนซึงก็เรียนอยู่คนละห้อง
นานๆทีจะเจอกันในโรงเรียนเพราะห้องเรียนก็ดันมาอยู่กันคนละตึก
จะมีวันเสาร์ที่ต้องเรียนพิเศษนี่ล่ะถึงได้เจอกันแบบเต็มๆแบบนี้
“เออ เพิ่งหาเจอเมื่อคืนเลยเนี่ย” ซะที่ไหนล่ะ
จริงๆหาเจอตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วนู่น “เดี๋ยวกูหาแป็บ”
“แหม จำชื่อเฟชเขาได้ด้วย” แจมินที่กำลังนั่งฟังบทสนทนาอยู่เอ่ยขึ้น
ก่อนจะส่งยิ้มล้อเลียนมาให้เขา
“กูเพิ่งดูไปเมื่อคืนไง เลยจำได้”
เขาตอบก่อนจะได้รับการเบ้ปากกลับมาจากมัน
ซึ่งเขาก็พยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาล้อเลียนนั่นแล้วยื่นโทรศัพท์ไปให้ฮยอนซึงแทน
“เจอแล้ว”
“พวกมึงแอดไปกับกูหน่อยดิ” ฮยอนซึงพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ง่วนกับมือถือของเขาอยู่นานสองนาน
“มึงด้วยนะแจมิน เดี๋ยวเขาสงสัยอ่ะ”
“เออ ๆ แอดก็แอด” แจมินตอบ “แต่พวกมึงหันหน้าไปเรียนได้ละ
พี่เขาเข้ามาสอนแล้วเนี่ย!”
ความคิดเห็น