ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NCT FICTION | MARKHYUCK MARKCHAN

    ลำดับตอนที่ #6 : SF | I know nothing (30%)

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 61


    I know nothing















     

                  เสียงบรรยายเนื้อหาตามสื่อการสอนที่ดังมาจากทางหน้าห้องเรียน อาจเปรียบได้กับเสียงเพลงคลาสสิกทำนองเชื่องช้าของเหล่านักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเริ่มอธิบายเนื้อหาของความหลากหลายทางวัฒนธรรมไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นักศึกษากว่าครึ่งห้องก็เริ่มพากันนิ่งหลับไปเสียแล้ว


    แต่เพราะข้อตกลงระหว่างนักศึกษาและอาจารย์ประจำวิชา ที่ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่ต้นเทอมว่าจะอนุญาตให้นักศึกษาสามารถงีบหลับได้ แต่ต้องหลับให้สมกับมาดว่าที่วิศวกร(?) ดังนั้นการงีบหลับในคาบวิชาพหุวัฒนธรรมนี้จึงไม่ถือว่ามีความผิด


    หลังจากนั่งฟังสิ่งที่อาจารย์สอนมาได้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง สมาธิที่เคยจดจ่ออยู่กับสไลด์หน้าห้องเรียนก็ดูจะกระเจิงไปหมด เขาหันซ้ายหันขวามองเพื่อน ๆ ร่วมห้อง ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่กับ คังซองมิน เฮดรุ่นแห่งภาควิชาวิศวกรรมโยธา ที่กำลังนั่งไขว่ห้าง กอดอกหลังเหยียดตรง แต่กำลังนอนหลับตาอ้าปาก จนเขากับแจมินที่เห็นภาพเหตุการณ์กลัวว่าตัวต่อที่ทำรังอยู่ในห้องนี้จะบินเข้าปากเพื่อน


    มาร์คลีตัดสินใจเดินออกไปนอกห้องบรรยาย เมื่อเห็นว่าเวลายังคงเดินไปไม่ถึงครึ่งคาบ และเลือกที่จะตรงไปล้างหน้าล้างตาเรียกสติในห้องน้ำ เพราะเริ่มจะทนไม่ได้กับความง่วง และอากาศร้อนอบอ้าวของเครื่องปรับอากาศที่ไม่ยอมทำงานในห้องเรียน


    ความเย็นของน้ำที่ปะทะเข้ากับใบหน้าเรียกความสดชื่นตื่นตัวให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองกระจก และหยิบผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลอ่อนที่พกอยู่เป็นประจำขึ้นมาซับหยุดน้ำที่เกาะอยู่ตามใบหน้า ก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อเห็นคนที่กำลังยืนล้างหน้าอยู่ข้าง ๆ


    ดูเหมือนว่าคนที่ยืนอยู่ข้างตัวจะรับรู้ได้ถึงการถูกจ้องมอง เสียงหัวใจที่ไม่เคยเต้นแรงก็เหมือนจะกลับมาเต้นแรงอีกครั้งจนเขากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก เมื่อใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นหันมามองกันตรง ๆ ไม่ใช่มองผ่านกระจก ก่อนจะขยับปากเชื่องช้าราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องหยุดชะงักและรีบเดินหนีไปเมื่อเสียงลั่นของกลอนห้องน้ำด้านในสุดดันดังขึ้นเสียก่อน


    “ยืนเอ๋ออะไรวะ?” นาแจมินที่กำลังกดเจลล้างมืออยู่ถามขึ้น ก่อนจะดันหลังให้เขาเดินออกไปเมื่อจัดการธุระเสร็จ “ไป ๆ กลับห้องเรียน”

     



    เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในห้องเรียนอีกครั้งก็พบว่าเนื้อหาการสอนบนสไลด์ยังไม่ไปถึงไหน และอาจารย์ประจำวิชาจะยังตั้งใจสอนต่อไปถึงแม้จะมีผู้ฟังอยู่ไม่ถึงครึ่งห้องแล้วก็ตาม


    “ใครวะ?” มาร์คถามขึ้น เมื่อเอนตัวไปซบไหล่เพื่อนตัวสูงแล้วเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของมันกำลังแสดงรูปผู้หญิงหน้าตาน่ารักอยู่


    “รุ่นพี่ที่กูเคยชอบตอนม.ปลาย” ลูคัสพูด ก่อนจะยื่นหน้าจอมือถือมาให้เขาดูชัด ๆ พร้อมกับยิ้มเขินอาย “เปิดเข้าเฟชแล้วเจอรูปพี่เขาพอดี เลยส่องหน่อย”


    “ไม่ยักรู้ว่ามึงชอบแนวนี้” เขาพูด ก่อนจะยื่นมือถือไปให้นาแจมินดูด้วย


    “แต่ตัวจริงน่ารักนะมึง เรียนอยู่สัตว์แพทย์มอเราเนี่ยแหละ” มันพูด “เออ ละมีเรื่องจะเล่า”


    “อะไร?”


    “คือกูอ่ะ เคยหยอดพี่เขาไป ว่าถ้าเรียนจบแล้วมารักษาหมาให้ด้วยนะ แล้วมึงรู้มั้ยพี่เขาว่าไง?”


    “อ่า” นาแจมิส่ายหน้ากลับไป เหมือนจะบอกให้มันเล่าต่อ


    “พี่เขาตอบกูว่า หมาในปากหรอ?”


    เพื่อนตัวสูงพูดปลง ๆ ก่อนจะขำแห้ง ๆ ออกมา เมื่อเห็นว่าเขาและแจมินหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน มันส่ายหน้าให้ตัวเองเบา ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง


    “ไหน ๆ คาบนี้ก็ไม่ฟังละ” ลูคัสเว้นช่วงไว้สักพัก “พวกมึงเคยแอบชอบนานที่สุดกี่ปีวะ?”


    “สองปีมั้ง แต่ตอนนี้เขาเป็นแฟนกูละ” แจมินพูด ก่อนจะยักคิ้วกวนประสาทจนเขาต้องยกมือขึ้นไปผลักหัวมันเบา ๆ “แล้วพวกมึงอ่ะ”


    “กูหรอ ปีกว่า ๆ มั้ง” ลูคัสพูด


    “มึงอ่ะมาร์ค?”


    “อ่า” แอบชอบนานที่สุดงั้นหรอ “น่าจะสี่ปีแล้วมั้ง ตั้งแต่ม.ปลายปีสองจนถึงตอนนี้อ่ะ”


    “ยังเป็นคนนั้นอยู่หรอ?”


    “อือ... คนนั้นแหละ”

     

     

     


    เราหลุดวงโคจรกันแล้วหรือยังนะ?

     



     

    “มึงอยู่ไหนแล้วห้ะ!?


    น้ำเสียงติดจะหงุดหงิดของเพื่อนสนิทที่ถูกส่งมาผ่านปลายสายโทรศัพท์ เร่งให้เด็กหนุ่มพาร่างสูงโปร่งของตัวเองแทรกตัวออกจากกลุ่มผู้คนที่พลุกพล่านในสถานีรถไฟใต้ดิน ก่อนจะต้องรีบสาวเท้าเพื่อไปให้ถึงยังสถานที่นัดหมายโดยเร็ว


    “เออ กูถึงแล้วเนี่ย” มาร์คตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดตัดสายทิ้งแล้ววิ่งไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนหน้าบูดอยู่ไม่ไกล


    หลังจากที่วิ่งกระหืดกระหอบจนมาถึงที่หมาย เด็กหนุ่มสัญชาติแคนาดาก็ทำได้แค่เพียงย่อตัวลงเท้าแขนสองข้างเข้ากับเข่าของตัวเอง ก่อนจะหอบหายใจจนคนที่ยืนรออยู่ก่อนหน้านั้นเห็นแล้วอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ แต่มีหรอที่คนขี้แกล้งอย่างนาแจมินจะปล่อยไปง่าย ๆ


    “มึงสายสิบนาที” แจมินพูดเสียงแข็ง ก่อนจะกอดอกเชิดหน้าแล้วปรายตามองเพื่อนที่กำลังทำหน้าเป็นลูกหมาถูกเจ้าของเมิน


    “ขอโทษที กูตกรถไฟไปรอบนึงอ่ะ” มาร์ครีบอธิบายให้เพื่อนผู้ไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลาเข้าใจ “มึงอย่าทำหน้าแบบนั้นดิ กูกลัวนะเนี่ย”


    “กลัวอะไรครับน้องมาร์ค พี่แจมินออกจะใจดีขนาดนี้” นาแจมินที่สลับโหมดจากคนหน้าบูดกลายมาเป็นคนอารมณ์ดีไม่พูดเปล่า แต่มันยังกอดคอเขาแล้วลากให้เดินตามมันเข้าไปยัง “มึงว่าป่านนี้ฮยอนซึงกับฮวาซองมันจะมารึยังวะ?


    “ยังมั้ง พวกนั้นก็ออกจากบ้านเวลานัดตลอดอ่ะ”

     


     

     

    ภายในห้องเรียนขนาดใหญ่ของสถาบันกวดวิชาชื่อดัง ต่างเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนมัธยมปลายมากหน้าหลายตาจากต่างโรงเรียนที่เข้ามาจับจองที่นั่ง เพื่อรอรับความรู้และสารประโยชน์จากติวเตอร์คนดังที่กำลังตั้งใจถ่ายทอดวิชาอยู่หน้าห้องเรียน จะเว้นก็เสียแต่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา ที่นอกจากจะจดแบบผ่านๆจนอ่านไม่รู้เรื่องแล้ว มันยังเอาแต่นั่งยิ้มกับตัวเองจนเขาอดสงสัยไม่ได้


    “ยิ้มอะไรของมึงวะ?


    “คนนี้แม่งแบบ...” คิมฮยอนซึงละสายตาจากอีกมุมของห้องเรียนกลับมามองหน้าเขา มันเว้นช่วงไว้สักพัก ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง “โดนใจใช่เลยว่ะมึง”


    “มึงก็แบบนี้ทุกรอบอ่ะ” เขาตอบ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้แจมินที่บอกว่าจะออกไปเข้าห้องน้ำ หลังจากที่คุณติวเตอร์ปล่อยให้เด็ก ๆ ในคลาสพักเป็นเวลาสิบนาที


    “เห้ย! แต่คนนี้น่ารักจริงๆ เดี๋ยวกูจะชี้ให้มึงดูมาร์ค” ฮยอนซึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะพยักเพยิดให้เขาหันไปมองทางอีกฝั่งของมุมห้อง “คนที่ใส่เสื้อฮู้ดสีกรมท่า ที่กำลังก้มหน้าเขียนอยู่อ่ะ”


    “อ๋อ ดงฮยอกหรอ?


    “หืม?” ฮยอนซึงตาลุกวาว “มึงรู้จักเขาด้วยหรอ?


    “เปล่าอ่ะ ไม่ได้รู้จัก รู้แค่ชื่อเขาเฉยๆ” แถมเขายังรู้แค่ฝ่ายเดียวเสียด้วย


    “แล้วมึงรู้ชื่อเขาได้ไงวะ?”


    “รู้จากเพื่อนอีกทีนึง” มาร์คอธิบาย หลังเห็นท่าทีสนอกสนใจของเพื่อน “แบบ... เพื่อนเขาเป็นเพื่อนค่ายกูอ่ะ”


    ฮยอนซึงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะหันไปมองทางกลุ่มของดงฮยอกอีกครั้งแล้วพึมพำเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่เขาจะได้ยิน “น่ารักเนอะ”


    “งั้นๆอ่ะ” มาร์คแกล้งพูด ก่อนจะต้องหลุดขำออกมาเพราะฮยอนซึงหันมาค้อนใส่


    “วู้ว มึงอ่ะ” มันหันมาผลักไหล่เขาเบา ๆ ก่อนจะพูดประโยคต่อมา “เออ แต่ไหนๆมึงก็เป็นเพื่อนกับเพื่อนเขาละ ช่วยกูหาเฟชเขาหน่อยดิ”


    “อือ เขาพูดพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ถ้ากูหาเจอนะ”

     

     

     


    ถึงจะทำทีเป็นไม่สนใจและบอกออกไปว่าเขาน่ะงั้นๆ แต่สุดท้ายมาร์คลีก็มานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทันทีหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการหาเฟชบุ๊คของอีดงฮยอกคนนั้น เพราะเพื่อนค่ายของเขาหรืออีเจโน่มีเพื่อนในเฟชบุ๊คเกือบสี่พันคน แต่สุดท้ายเขาก็หาเจอจนได้


    และหลังจากที่เข้าไปสำรวจในเฟชบุ๊คของดงฮยอกก็พบว่าไม่ได้มีโพสท์อะไรมากมาย อาจจะเป็นเพราะยังไม่ได้เป็นเพื่อนกันด้วยล่ะมั้ง ซึ่งถ้าจะให้แอดเฟรนด์ไปเขาก็ไม่กล้าอีก


    “มึงได้หาเฟชดงฮยอกให้กูมั้ยวะ?” ฮยอนซึงถามขึ้นทันทีที่เข้ามานั่งในห้องเรียนพิเศษ มันทิ้งตัวนั่งลงบนที่นั่งข้างๆเขา ตามมาด้วยคิมจงชินเพื่อนห้องเดียวกันกับมัน


    ถึงแม้ว่าจะอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่เขาและฮยอนซึงก็เรียนอยู่คนละห้อง นานๆทีจะเจอกันในโรงเรียนเพราะห้องเรียนก็ดันมาอยู่กันคนละตึก จะมีวันเสาร์ที่ต้องเรียนพิเศษนี่ล่ะถึงได้เจอกันแบบเต็มๆแบบนี้


    “เออ เพิ่งหาเจอเมื่อคืนเลยเนี่ย” ซะที่ไหนล่ะ จริงๆหาเจอตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วนู่น “เดี๋ยวกูหาแป็บ”


    “แหม จำชื่อเฟชเขาได้ด้วย” แจมินที่กำลังนั่งฟังบทสนทนาอยู่เอ่ยขึ้น ก่อนจะส่งยิ้มล้อเลียนมาให้เขา


    “กูเพิ่งดูไปเมื่อคืนไง เลยจำได้” เขาตอบก่อนจะได้รับการเบ้ปากกลับมาจากมัน ซึ่งเขาก็พยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาล้อเลียนนั่นแล้วยื่นโทรศัพท์ไปให้ฮยอนซึงแทน “เจอแล้ว”


    “พวกมึงแอดไปกับกูหน่อยดิ” ฮยอนซึงพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ง่วนกับมือถือของเขาอยู่นานสองนาน  “มึงด้วยนะแจมิน เดี๋ยวเขาสงสัยอ่ะ”


    “เออ ๆ แอดก็แอด” แจมินตอบ “แต่พวกมึงหันหน้าไปเรียนได้ละ พี่เขาเข้ามาสอนแล้วเนี่ย!







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×