ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NCT FICTION | MARKHYUCK MARKCHAN

    ลำดับตอนที่ #11 : For Him

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 61



    Title : For Him

    Pairing : Mark x D.Hyuck

    Genre : Fluff , Thai High School-AU

                 







                 วันนี้ป๊าส่งตรงนี้นะ

    น้ำเสียงนุ่มทุ้มติดไปทางใจดีของผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงคลาสสิกที่ดังคลอเคล้าภายในห้องโดยสาร เรียกให้เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งเหม่อมองความวุ่นวายภายนอกต้องหันกลับมาสนใจภายในรถอีกครั้ง

    ตั้งใจเรียนนะฮิมผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อตีไฟเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบบริเวณฟุตบาทฝั่งตรงข้ามโรงเรียน

    ครับเด็กหนุ่มตอบรับก่อนจะรีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากร่างกาย หันไปยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อแล้วรีบคว้ากระเป๋านักเรียนออกจากตัวรถไป เพราะเกรงว่าถ้าหากจอดเอาไว้นานกว่านี้จะทำให้การจราจรบริเวณนี้ติดขัดไปกันใหญ่

    เป็นกิจวัตรประจำวันของผู้เป็นบิดาหลังจากมาส่งเขาถึงหน้าโรงเรียนเรียบเป็นที่ร้อย พ่อของเขาจะมุ่งหน้าต่อไปยังโรงเรียนหญิงล้วนที่อยู่ห่างออกไปจากโรงเรียนของเขาไม่ไกล ผ่านตลาดค้าดอกไม้ขนาดใหญ่ที่แสนวุ่นวาย เพื่อไปส่งน้องสาวฝาแฝดของเขาให้ถึงรั้วโรงเรียน ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของตน

    เด็กหนุ่มมองตามรถยนต์ของผู้เป็นพ่อที่แล่นไกลออกไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเดินทอดน่องไปยังทางม้าลายเพื่อรอข้ามถนนไปยังโรงเรียนที่อยู่อีกฟากถนน รออยู่สักพักจนสัญญาณไฟคนข้ามถนนเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวจึงออกตัวเดินเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปรั้วในโรงเรียน

    ทำอะไรวะ?”

    เขาถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องเรียนประจำแล้วพบเพื่อนสนิทของตนเองกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างลงไปในสมุดของด้วยท่าทางเร่งรีบ

    เพราะเพิ่งจะเป็นเวลาเพียงแค่หกโมงกว่า ๆ คนที่อยู่ในห้องเรียนตอนนี้จึงมีกันเพียงแค่ไม่กี่คน ส่วนมากก็พากันก้มหน้าก้มตาทำการบ้านหรืองานค้างต่าง ๆ บ้างก็ฟุบหลับกับโต๊ะของตัวเองเพราะต้องแต่ตื่นเช้าเพื่อเดินทางมายังโรงเรียนให้ทันเวลาเข้าแถวหน้าเสาธง

    เลขคนที่กำลังนั่งเขียนงานอย่างขะมักเขม้นเงยหน้าขึ้นมามองกัน ก่อนจะพูดประโยคต่อมา กูเพิ่งนึกออกว่ามีงาน

    อ๋อฮิมพยักหน้าตอบรับให้เพื่อนสนิทเบา ๆ พร้อมกับสอดกระเป๋าหนังสีดำยี่ห้อดังของตนเองไว้ที่ลิ้นชักใต้โต๊ะเรียน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งยังที่นั่งของตนเองที่อยู่ด้านหน้าอีกคน "วันนี้มึงต้องไปเรียนพิเศษป่ะ?"

    "ไปดิ" นนท์เงยหน้าขึ้นมาตอบ แต่มือยังคงง่วนกับการตวัดปากการเขียนคำตอบลงในหน้าสมุด "มึงไปป่ะ?

    "ไป" เขาตอบ "วันนี้ต้องเรียนเคมี"

    "รอบกี่โมง?"

    "หกโมงเย็น" ฮิมตอบกลับไปแบบสบาย ๆ ก่อนจะเหยียดขาออกนั่งในท่าสบาย ๆ จนกางเกงนักเรียนขาสั้นที่ใส่อยู่เลิกสูงขึ้นอีก "ทำไมวะ?"

    "ไอ้มาร์คก็เรียนรอบหกโมง"

    ชื่อของเด็กโรงเรียนบ้านใกล้เรือนเคียงนั่นเรียกให้เด็กหนุ่มที่กำลังจดจ่อกับเกมส์ในมือถือต้องตวัดสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มามองหน้าเพื่อนสนิทนิ่ง ๆ จนอีกคนหัวเราะออกมา

    "กูแค่พูดให้ฟังเฉย ๆ"

    "เหอะ ๆ " เขากลั้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับโทรศัพท์ของตัวเองต่อ ปล่อยให้อีกคนยิ้มล้อเลียนต่อไป

    เออ อ้วน มึงจะลงไปซื้อของกินป่ะ?” และก็เป็นชานนท์ที่ถามขึ้นหลังจากทิ้งช่วงไปนั่งเงียบก้มหน้าปั่นงานอยู่นานเกือบสิบนาที มันเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเขาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะก้มลงสนใจกับการบ้านของตัวเองต่อตามเดิมไม่รู้จะรีบไปทำไม ส่งตั้งคาบบ่าย (แต่เขาทำแล้วนะ!)


    ไปเขาหันไปตอบ จะฝากซื้อไรอ่ะ?”

    เอาแซนวิชมันพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนักเรียนของตัว ก่อนจะยื่นแบงค์ยี่สิบออกมาให้กันสองใบ กับน้ำเปล่า

    โอเคเขาพยักหน้ารับให้เพื่อนสนิทตัวขาว ก้มมองนาฬิกาข้อมือสีดำของตัวเองที่ตอนนี้หน้าปัดบ่งบอกเวลาเจ็ดนาฬิกา ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองเพื่อมุ่งลงไปยังโรงอาหารของโรงเรียนที่อยู่อีกอาคารหนึ่ง ดูจากคนในห้องเรียนที่เริ่มมากันเยอะ ป่านนี้คนในโรงอาหารก็คงจะเริ่มเยอะไม่ต่างกัน เขาต้องรีบไปซื้อเพื่อกลับมาเข้าแถวให้ทันเพื่อน ๆ 


     

     

     











     

     

    ทันทีที่เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น เหล่าบรรดาสมาชิกในห้องเรียนต่างพากันเก็บข้าวของของตนเองลงกระเป๋า ก่อนจะแยกย้ายกันออกนอกห้องเรียน บางคนก็มุ่งตรงกลับบ้าน บางคนก็ต้องเรียนพิเศษเสริม จะมีบ้างบางกลุ่มที่รวมตัวกันลงไปเล่นกีฬาตามสนามกีฬาของโรงเรียน

    เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนชายล้วน นอกจากผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมของเด็กในโรงเรียนแล้ว ด้านกิจกรรมกีฬาเด็กโรงเรียนเราก็ไม่แพ้เด็กโรงเรียนอื่น ดูได้จากการแข่งขันฟุตบอลประเพณีที่มีการจัดขึ้นทุก ๆ ปี

    ดังนั้นสนามฟุตบอล และสนามบาสเกตบอลในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนนั้นจึงเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาเด็กหนุ่มที่ออกมาโชว์ลวดลายการเล่นของตัวเอง มีทั้งพวกที่ซ้อมเพื่อไปแข่งเป็นตัวแทนโรงเรียนกันจริง ๆ กับพวกที่เล่น ๆ เพื่อเรียกเหงื่อในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน

    ตัวของเขาเองก็เช่นกัน ทันทีที่เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น เขาและเพื่อนร่วมห้องก็พากันจับกลุ่มลงมาที่สนามฟุตบอลของโรงเรียน เพื่อขับความร้อนให้ร่างกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไป

    หลังจากวิ่งตามเจ้าลูกกลม ๆ นั่นนานอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะไปล้างหน้าล้างตาชำระล้างหยาดเหงื่อที่ขึ้นชื้นตามขมับและใบหน้า ก่อนจะเดินออกนอกโรงเรียนไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเพื่อไปรอรถประจำทางก่อนจะต้องไปเรียนพิเศษต่อในช่วงเย็น



     






     

    ใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงกับการเดินทางจากโรงเรียนมายังสถาบันกวดวิชาในช่วงเวลาเลิกงานและนักเรียนหลายโรงเรียนต่างพากันเลิกเรียนแบบนี้ เมื่อมาถึงตึกของสถาบันติวที่ผู้เป็นพ่อเคยลงเรียนไว้ให้จึงกระชั้นชิดกับเวลาเข้าเรียนเต็มที เขาและเพื่อนสนิทอีกสามคนจึงเลือกที่จะตรงไปยังห้องเรียนแทนที่จะได้แวะที่ไหนแบบวันอื่น ๆ

    "กูบอกไอ้มาร์คละ ว่ามึงเรียนพร้อมมัน" เมื่อเดินเข้ามาในตัวลิฟท์ เจมส์ เพื่อนสนิทตัวสูงก็หันมาพูดเรื่องเพื่อนต่างโรงเรียนกับเขา

    "แล้ว?"

    "ก็แค่บอกเฉยๆ" มันหยักไหล่ ก่อนจะหันมาโบกมือให้กันเมื่อลิฟท์วิ่งมาถึงชั้นที่พวกมันทั้งสองคนต้องลง ทิ้งเขาไว้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนอื่นอีกสองคนในลิฟท์ที่กดขึ้นไปชั้นเดียวกัน

     

     

    เมื่อเปิดเข้ามาในห้องเรียนในสถาบันกวดวิชา ก็พบว่าเริ่มมีเพื่อนบางคนเข้ามาจับจองที่นั่งบ้างแล้ว ทั้งพวกเด็กผู้หญิงจากโรงเรียนอื่น ๆ หลายกลุ่มที่พากันจับกลุ่มพูดคุยเสียงเบา (แต่เมื่อรวมกันแล้วก็ดังอยู่ดี) กับพวกกลุ่มคนสายตาสั้นที่เลือกจองที่นั่งหน้า ๆ เอาไว้ถึงแม้ว่านี่จะเป็นห้องเทปก็ตาม

    เมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งจนแน่ใจว่าเด็กต่างโรงเรียนที่เพื่อนสนิทเขาพูดถึงยังไม่เข้ามาในห้องเรียนนี้ เขาจึงเลือกที่จะไปวางกระเป๋าและทิ้งตัวลงนั่งยังที่นั่งติดผนังที่อยู่แถวกลาง ๆ เยื้องไปทางหลัง เพราะไม่อยากจะสุงสิงกับใคร

     

    “นั่งด้วยดิ”

    น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ดังมาจากคนข้าง ๆ เรียกให้ฮิมต้องละสายตาจากเกมส์ในหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะพบกับใบหน้าขาวใส่ที่คุ้นเคย

    และโดยไม่รีรอให้เขาได้อนุญาต หรือตอบคำถามของอีกฝ่าย คนตัวสูงในชุดนักเรียนกางเกงสีดำก็วางกระเป๋าหนังของตัวเองไว้บนโต๊ะและทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ กัน ท่ามกลางสายตาของคนในห้องเรียนที่เริ่มจับจ้องมา เขาเองก็หันไปมองอีกคนเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนี เมื่ออีกฝ่ายหันมาส่งยิ้มให้กันเบา ๆ อย่างผูกมิตร ก่อนจะถอดเสื้อฮู้ดอดิดาสสีกรมท่าตัวเก่งที่ใส่มาด้วยออกจากตัวจนเห็นเสื้อนักเรียนที่ปักตัวอักษรย่อโรงเรียนด้วยด้ายสีแดง

    นับตั้งแต่ที่อีกคนเดินมานั่งลงข้าง ๆ กัน ตลอดเวลาที่เสียงบรรยายเนื้อหาวิชาเคมีในห้องเรียนแห่งนี้ดังขึ้น จนถึงตอนที่เทปวิดีโอหยุดลง เขาและคนข้าง ๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก นอกจากจังหวะที่ขยับขาแล้วบังเอิญเข่าชนกันเท่านั้น อีกฝ่ายถึงจะหันมาขอโทษกันบ้าง นอกนั้นก็มีแต่เสียงซุบซิบจากเพื่อนของหมอนั่นที่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าชื่อยุกต์หรือหยก หรืออะไรสักอย่าง ที่ชวนอีกคนคุยแล้วขำกันสองคน

    เขาแยกตัวออกมาจากห้องเรียนทันทีที่หมดเวลาเรียนของวันนี้ ก่อนจะรีบตรงออกมาจากตึกของสถาบันกวดวิชาแล้วข้ามมายังอีกฟากถนนเพื่อรอรถประจำทางสายประจำ เพื่อจะได้กลับบ้านหลังจากที่กิจกรรมทุก ๆ อย่างของวันนี้จบลง

    ยืนรออยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ารถประจำทางสายที่ขึ้นเป็นประจำจะแล่นผ่านมาทางนี้เสียทีจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองถนนอีกครั้งก็พบว่ารถโดยสารประจำทางสายที่ตนเองยืนรอนั้นมาถึงพอดี

    เมื่อต่อแถวจนขึ้นมาอยู่บนรถเมล์ได้เป็นที่เรียบร้อย เด็กหนุ่มจึงเริ่มมองหาที่นั่งว่าง ๆ เพื่อที่จะได้ย้ายตัวเองไปนั่งหลังจากต้องยืนรอตรงป้ายอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง โชคดีที่บนรถเมล์คันนี้ยังพอมีที่ว่างเหลืออีกสองที่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งลงดี ๆ ก็มีใครอีกคนที่เดินลงมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กันเสียก่อน


     

    ไอ้หน้าขาวนี่อีกละ...

     


     

     เด็กหนุ่มคิดในใจเมื่อหันไปเจอคนข้าง ๆ และอีกฝ่ายคงจะรู้ตัวว่ากำลังโดนมองอยู่จึงหันมาเลิกคิ้วใส่กันเบา ๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ป้ากระเป๋ารถเมล์ก็เดินมาถึงพวกเราเสียก่อน


    ลงไหนกันจ๊ะ?” ป้ากระเป๋ารถร่างอวบท่าทางใจดีถามขึ้น 

    ลงพระมงกุฎสองคนครับคนที่นั่งอยู่ด้านในตัวรถเอ่ยตอบ ก่อนจะยื่นเงินไปให้ป้ากระเป๋ารถเมล์ซึ่งป้าก็รีบรับเอาไว้ก่อนจะให้เงินทอนพร้อมกับตั๋วรถเมล์กลับมาสองใบแล้วเดินต่อไปเก็บเงินผู้โดยสารคนอื่น ๆ

    อ่ะ เงิน” 

    เขาพูดขึ้นก่อนจะยื่นเหรียญที่เตรียมไว้จ่ายค่ารถเมล์ไปให้คนที่นั่งข้าง ๆ กัน เมื่อป้ากระเป๋ารถเดินไปเก็บเงินผู้โดยสารคนอื่น ๆ แล้ว  ซึ่งแน่นอนว่าต้องได้ปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบเดิมแทบทุกวัน

    ไม่ต้องอ่ะมาร์คตอบ ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา ก็จ่ายให้อยู่แทบทุกวัน








    ---20%---


     

    ฮิมคนแมน โดนแซวอ้วนไม่โกรธ

    แต่ถ้าแซวว่าชอบไอ้มาร์คหน้าขาวโรงเรียนนั้นจะโกรธมาก

     

     

      

    ฟิคเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการเห็นทวิตประมานว่า

    'ถ้าอซท.เป็นเด็กไทยจะเรียนที่ไหน'

    แล้วเราบังเอิญเจอทวิตอันนึงที่น่ารักดี

     

    ขอเอามาเขียนนะคะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×