คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : For Him
Title : For Him
Pairing : Mark x D.Hyuck
Genre : Fluff , Thai High School-AU
“วันนี้ป๊าส่งตรงนี้นะ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มติดไปทางใจดีของผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงคลาสสิกที่ดังคลอเคล้าภายในห้องโดยสาร เรียกให้เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งเหม่อมองความวุ่นวายภายนอกต้องหันกลับมาสนใจภายในรถอีกครั้ง
“ตั้งใจเรียนนะฮิม” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อตีไฟเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบบริเวณฟุตบาทฝั่งตรงข้ามโรงเรียน
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับก่อนจะรีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากร่างกาย
หันไปยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อแล้วรีบคว้ากระเป๋านักเรียนออกจากตัวรถไป
เพราะเกรงว่าถ้าหากจอดเอาไว้นานกว่านี้จะทำให้การจราจรบริเวณนี้ติดขัดไปกันใหญ่
เป็นกิจวัตรประจำวันของผู้เป็นบิดาหลังจากมาส่งเขาถึงหน้าโรงเรียนเรียบเป็นที่ร้อย
พ่อของเขาจะมุ่งหน้าต่อไปยังโรงเรียนหญิงล้วนที่อยู่ห่างออกไปจากโรงเรียนของเขาไม่ไกล
ผ่านตลาดค้าดอกไม้ขนาดใหญ่ที่แสนวุ่นวาย เพื่อไปส่งน้องสาวฝาแฝดของเขาให้ถึงรั้วโรงเรียน
ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของตน
เด็กหนุ่มมองตามรถยนต์ของผู้เป็นพ่อที่แล่นไกลออกไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเดินทอดน่องไปยังทางม้าลายเพื่อรอข้ามถนนไปยังโรงเรียนที่อยู่อีกฟากถนน
รออยู่สักพักจนสัญญาณไฟคนข้ามถนนเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวจึงออกตัวเดินเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปรั้วในโรงเรียน
“ทำอะไรวะ?”
เขาถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องเรียนประจำแล้วพบเพื่อนสนิทของตนเองกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างลงไปในสมุดของด้วยท่าทางเร่งรีบ
เพราะเพิ่งจะเป็นเวลาเพียงแค่หกโมงกว่า ๆ คนที่อยู่ในห้องเรียนตอนนี้จึงมีกันเพียงแค่ไม่กี่คน
ส่วนมากก็พากันก้มหน้าก้มตาทำการบ้านหรืองานค้างต่าง ๆ
บ้างก็ฟุบหลับกับโต๊ะของตัวเองเพราะต้องแต่ตื่นเช้าเพื่อเดินทางมายังโรงเรียนให้ทันเวลาเข้าแถวหน้าเสาธง
“เลข” คนที่กำลังนั่งเขียนงานอย่างขะมักเขม้นเงยหน้าขึ้นมามองกัน
ก่อนจะพูดประโยคต่อมา “กูเพิ่งนึกออกว่ามีงาน”
“อ๋อ” ฮิมพยักหน้าตอบรับให้เพื่อนสนิทเบา
ๆ พร้อมกับสอดกระเป๋าหนังสีดำยี่ห้อดังของตนเองไว้ที่ลิ้นชักใต้โต๊ะเรียน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งยังที่นั่งของตนเองที่อยู่ด้านหน้าอีกคน
"วันนี้มึงต้องไปเรียนพิเศษป่ะ?"
"ไปดิ" นนท์เงยหน้าขึ้นมาตอบ แต่มือยังคงง่วนกับการตวัดปากการเขียนคำตอบลงในหน้าสมุด
"มึงไปป่ะ?
"ไป" เขาตอบ "วันนี้ต้องเรียนเคมี"
"รอบกี่โมง?"
"หกโมงเย็น" ฮิมตอบกลับไปแบบสบาย ๆ ก่อนจะเหยียดขาออกนั่งในท่าสบาย
ๆ จนกางเกงนักเรียนขาสั้นที่ใส่อยู่เลิกสูงขึ้นอีก "ทำไมวะ?"
"ไอ้มาร์คก็เรียนรอบหกโมง"
ชื่อของเด็กโรงเรียนบ้านใกล้เรือนเคียงนั่นเรียกให้เด็กหนุ่มที่กำลังจดจ่อกับเกมส์ในมือถือต้องตวัดสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มามองหน้าเพื่อนสนิทนิ่ง
ๆ จนอีกคนหัวเราะออกมา
"กูแค่พูดให้ฟังเฉย ๆ"
"เหอะ ๆ " เขากลั้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับโทรศัพท์ของตัวเองต่อ
ปล่อยให้อีกคนยิ้มล้อเลียนต่อไป
“เออ อ้วน มึงจะลงไปซื้อของกินป่ะ?” และก็เป็นชานนท์ที่ถามขึ้นหลังจากทิ้งช่วงไปนั่งเงียบก้มหน้าปั่นงานอยู่นานเกือบสิบนาที
มันเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเขาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะก้มลงสนใจกับการบ้านของตัวเองต่อตามเดิมไม่รู้จะรีบไปทำไม
ส่งตั้งคาบบ่าย (แต่เขาทำแล้วนะ!)
“ไป” เขาหันไปตอบ “จะฝากซื้อไรอ่ะ?”
“เอาแซนวิช” มันพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนักเรียนของตัว
ก่อนจะยื่นแบงค์ยี่สิบออกมาให้กันสองใบ “กับน้ำเปล่า”
“โอเค” เขาพยักหน้ารับให้เพื่อนสนิทตัวขาว
ก้มมองนาฬิกาข้อมือสีดำของตัวเองที่ตอนนี้หน้าปัดบ่งบอกเวลาเจ็ดนาฬิกา
ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองเพื่อมุ่งลงไปยังโรงอาหารของโรงเรียนที่อยู่อีกอาคารหนึ่ง
ดูจากคนในห้องเรียนที่เริ่มมากันเยอะ
ป่านนี้คนในโรงอาหารก็คงจะเริ่มเยอะไม่ต่างกัน
เขาต้องรีบไปซื้อเพื่อกลับมาเข้าแถวให้ทันเพื่อน ๆ
ทันทีที่เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
เหล่าบรรดาสมาชิกในห้องเรียนต่างพากันเก็บข้าวของของตนเองลงกระเป๋า
ก่อนจะแยกย้ายกันออกนอกห้องเรียน บางคนก็มุ่งตรงกลับบ้าน
บางคนก็ต้องเรียนพิเศษเสริม จะมีบ้างบางกลุ่มที่รวมตัวกันลงไปเล่นกีฬาตามสนามกีฬาของโรงเรียน
เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนชายล้วน
นอกจากผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมของเด็กในโรงเรียนแล้ว
ด้านกิจกรรมกีฬาเด็กโรงเรียนเราก็ไม่แพ้เด็กโรงเรียนอื่น ดูได้จากการแข่งขันฟุตบอลประเพณีที่มีการจัดขึ้นทุก
ๆ ปี
ดังนั้นสนามฟุตบอล และสนามบาสเกตบอลในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนนั้นจึงเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาเด็กหนุ่มที่ออกมาโชว์ลวดลายการเล่นของตัวเอง
มีทั้งพวกที่ซ้อมเพื่อไปแข่งเป็นตัวแทนโรงเรียนกันจริง ๆ กับพวกที่เล่น ๆ
เพื่อเรียกเหงื่อในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน
ตัวของเขาเองก็เช่นกัน ทันทีที่เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
เขาและเพื่อนร่วมห้องก็พากันจับกลุ่มลงมาที่สนามฟุตบอลของโรงเรียน เพื่อขับความร้อนให้ร่างกายเล็ก
ๆ น้อย ๆ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไป
หลังจากวิ่งตามเจ้าลูกกลม ๆ นั่นนานอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง
เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะไปล้างหน้าล้างตาชำระล้างหยาดเหงื่อที่ขึ้นชื้นตามขมับและใบหน้า
ก่อนจะเดินออกนอกโรงเรียนไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเพื่อไปรอรถประจำทางก่อนจะต้องไปเรียนพิเศษต่อในช่วงเย็น
ใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงกับการเดินทางจากโรงเรียนมายังสถาบันกวดวิชาในช่วงเวลาเลิกงานและนักเรียนหลายโรงเรียนต่างพากันเลิกเรียนแบบนี้
เมื่อมาถึงตึกของสถาบันติวที่ผู้เป็นพ่อเคยลงเรียนไว้ให้จึงกระชั้นชิดกับเวลาเข้าเรียนเต็มที
เขาและเพื่อนสนิทอีกสามคนจึงเลือกที่จะตรงไปยังห้องเรียนแทนที่จะได้แวะที่ไหนแบบวันอื่น
ๆ
"กูบอกไอ้มาร์คละ ว่ามึงเรียนพร้อมมัน" เมื่อเดินเข้ามาในตัวลิฟท์
เจมส์ เพื่อนสนิทตัวสูงก็หันมาพูดเรื่องเพื่อนต่างโรงเรียนกับเขา
"แล้ว?"
"ก็แค่บอกเฉยๆ" มันหยักไหล่ ก่อนจะหันมาโบกมือให้กันเมื่อลิฟท์วิ่งมาถึงชั้นที่พวกมันทั้งสองคนต้องลง
ทิ้งเขาไว้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนอื่นอีกสองคนในลิฟท์ที่กดขึ้นไปชั้นเดียวกัน
เมื่อเปิดเข้ามาในห้องเรียนในสถาบันกวดวิชา ก็พบว่าเริ่มมีเพื่อนบางคนเข้ามาจับจองที่นั่งบ้างแล้ว
ทั้งพวกเด็กผู้หญิงจากโรงเรียนอื่น ๆ หลายกลุ่มที่พากันจับกลุ่มพูดคุยเสียงเบา (แต่เมื่อรวมกันแล้วก็ดังอยู่ดี)
กับพวกกลุ่มคนสายตาสั้นที่เลือกจองที่นั่งหน้า ๆ
เอาไว้ถึงแม้ว่านี่จะเป็นห้องเทปก็ตาม
เมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งจนแน่ใจว่าเด็กต่างโรงเรียนที่เพื่อนสนิทเขาพูดถึงยังไม่เข้ามาในห้องเรียนนี้
เขาจึงเลือกที่จะไปวางกระเป๋าและทิ้งตัวลงนั่งยังที่นั่งติดผนังที่อยู่แถวกลาง ๆ
เยื้องไปทางหลัง เพราะไม่อยากจะสุงสิงกับใคร
“นั่งด้วยดิ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ดังมาจากคนข้าง ๆ
เรียกให้ฮิมต้องละสายตาจากเกมส์ในหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะพบกับใบหน้าขาวใส่ที่คุ้นเคย
และโดยไม่รีรอให้เขาได้อนุญาต หรือตอบคำถามของอีกฝ่าย คนตัวสูงในชุดนักเรียนกางเกงสีดำก็วางกระเป๋าหนังของตัวเองไว้บนโต๊ะและทิ้งตัวนั่งลงข้าง
ๆ กัน ท่ามกลางสายตาของคนในห้องเรียนที่เริ่มจับจ้องมา เขาเองก็หันไปมองอีกคนเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนี
เมื่ออีกฝ่ายหันมาส่งยิ้มให้กันเบา ๆ อย่างผูกมิตร ก่อนจะถอดเสื้อฮู้ดอดิดาสสีกรมท่าตัวเก่งที่ใส่มาด้วยออกจากตัวจนเห็นเสื้อนักเรียนที่ปักตัวอักษรย่อโรงเรียนด้วยด้ายสีแดง
นับตั้งแต่ที่อีกคนเดินมานั่งลงข้าง ๆ กัน
ตลอดเวลาที่เสียงบรรยายเนื้อหาวิชาเคมีในห้องเรียนแห่งนี้ดังขึ้น จนถึงตอนที่เทปวิดีโอหยุดลง
เขาและคนข้าง ๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก นอกจากจังหวะที่ขยับขาแล้วบังเอิญเข่าชนกันเท่านั้น
อีกฝ่ายถึงจะหันมาขอโทษกันบ้าง
นอกนั้นก็มีแต่เสียงซุบซิบจากเพื่อนของหมอนั่นที่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าชื่อยุกต์หรือหยก
หรืออะไรสักอย่าง ที่ชวนอีกคนคุยแล้วขำกันสองคน
เขาแยกตัวออกมาจากห้องเรียนทันทีที่หมดเวลาเรียนของวันนี้ ก่อนจะรีบตรงออกมาจากตึกของสถาบันกวดวิชาแล้วข้ามมายังอีกฟากถนนเพื่อรอรถประจำทางสายประจำ
เพื่อจะได้กลับบ้านหลังจากที่กิจกรรมทุก ๆ อย่างของวันนี้จบลง
ยืนรออยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ารถประจำทางสายที่ขึ้นเป็นประจำจะแล่นผ่านมาทางนี้เสียทีจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองถนนอีกครั้งก็พบว่ารถโดยสารประจำทางสายที่ตนเองยืนรอนั้นมาถึงพอดี
เมื่อต่อแถวจนขึ้นมาอยู่บนรถเมล์ได้เป็นที่เรียบร้อย
เด็กหนุ่มจึงเริ่มมองหาที่นั่งว่าง ๆ
เพื่อที่จะได้ย้ายตัวเองไปนั่งหลังจากต้องยืนรอตรงป้ายอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง
โชคดีที่บนรถเมล์คันนี้ยังพอมีที่ว่างเหลืออีกสองที่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งลงดี ๆ
ก็มีใครอีกคนที่เดินลงมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กันเสียก่อน
ไอ้หน้าขาวนี่อีกละ...
เด็กหนุ่มคิดในใจเมื่อหันไปเจอคนข้าง
ๆ และอีกฝ่ายคงจะรู้ตัวว่ากำลังโดนมองอยู่จึงหันมาเลิกคิ้วใส่กันเบา ๆ
แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ป้ากระเป๋ารถเมล์ก็เดินมาถึงพวกเราเสียก่อน
“ลงไหนกันจ๊ะ?” ป้ากระเป๋ารถร่างอวบท่าทางใจดีถามขึ้น
“ลงพระมงกุฎสองคนครับ” คนที่นั่งอยู่ด้านในตัวรถเอ่ยตอบ
ก่อนจะยื่นเงินไปให้ป้ากระเป๋ารถเมล์ซึ่งป้าก็รีบรับเอาไว้ก่อนจะให้เงินทอนพร้อมกับตั๋วรถเมล์กลับมาสองใบแล้วเดินต่อไปเก็บเงินผู้โดยสารคนอื่น
ๆ
“อ่ะ เงิน”
เขาพูดขึ้นก่อนจะยื่นเหรียญที่เตรียมไว้จ่ายค่ารถเมล์ไปให้คนที่นั่งข้าง
ๆ กัน เมื่อป้ากระเป๋ารถเดินไปเก็บเงินผู้โดยสารคนอื่น ๆ แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าต้องได้ปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบเดิมแทบทุกวัน
“ไม่ต้องอ่ะ” มาร์คตอบ
ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา “ก็จ่ายให้อยู่แทบทุกวัน”
---20%---
ฮิมคนแมน
โดนแซวอ้วนไม่โกรธ
แต่ถ้าแซวว่าชอบไอ้มาร์คหน้าขาวโรงเรียนนั้นจะโกรธมาก
ฟิคเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการเห็นทวิตประมานว่า
'ถ้าอซท.เป็นเด็กไทยจะเรียนที่ไหน'
แล้วเราบังเอิญเจอทวิตอันนึงที่น่ารักดี
ขอเอามาเขียนนะคะ♡
ความคิดเห็น