ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NCT FICTION | MARKHYUCK MARKCHAN

    ลำดับตอนที่ #1 : SF | ENQUIRE [1/3]

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 60


    ENQUIRE

    MARK LEE X LEE DONGHYUCK

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            กิจกรรมในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของเหล่าเด็กมัธยมปลายหลาย ๆ คนก็คงจะหนีไม่พ้นการลงเรียนพิเศษ ทั้งการเรียนวิชาการ หรือการเรียนศิลปะต่าง ๆ เพื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และเป็นการเตรียมความพร้อม สำหรับการเปิดภาคเรียนในปีการศึกษาใหม่ที่กำลังจะมาถึง

     

     

    และลีดงฮยอกก็เป็นหนึ่งในนั้น

     

     

    จากการชักชวนของนาแจมิน เพื่อนซี้ของผม ที่อยู่ๆก็เกิดอุดมการณ์อันแรงกล้าว่าเปิดเทอมมอปลายปีสองนี้ มันจะต้องเป็นท็อปของสายชั้นแทนลีเจโน่ให้ได้ หลังจากที่พวกมันผลัดกันเป็นที่หนึ่งที่สองของสายชั้นกันมาตั้งแต่มัธยมต้นที่โรงเรียนเก่า และด้วยความที่ไม่อยากจะขัดใจเพื่อน ก็เลยตอบตกลงกับมันไป

     

     

    “ตกลงมึงลงเรียนกี่วิชา?

     

    นาแจมินถามขึ้น หลังจากที่เอาแต่นั่งทำปากขมุบขมิบ ท่องจำสูตรตรีโกณมิติมาตลอดทางตั้งแต่ขึ้นรถไฟใต้ดินมาจนถึงสถานีที่พวกเราจะต้องไปเรียนพิเศษ

     

     

    นี่มึงจริงจังขนาดนี้เลยหรอวะเพื่อน?

     

     

    “กูก็เรียนเหมือน ๆ มึงอ่ะ”

     

    “ดีมากดงดงเพื่อนรัก” มันพูด ก่อนจะยกยิ้มยิงฟันจนเกือบจะเห็นฟันครบทั้งสามสิบสองซี่ แล้วยกแขนขึ้นมากอดไหล่ของผม ลากให้ผมเดินให้ทันขายาว ๆ ของมัน 



    พูดแล้วก็จะหาว่าน้อยใจแต่ภายในหนึ่งปีแจมินมันสูงขึ้นตั้งหลายเซน ตอนขึ้นม.ปลายปีหนึ่งมันกับผมก็ส่วนสูงใกล้ๆกันแต่ตอนนี้ส่วนสูงมันจะถึงร้อยแปดสิบแล้วอ่ะ พระเจ้าครับนี่ดงฮยอกทำอะไรผิด ทำไมไม่ให้สูงขึ้นเยอะๆแบบแจมินมันบ้าง นมผมก็ดื่มทุกวัน นอนผมก็เข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม นี่ผมทำอะไรผิดไป กรุณาบอกผมที!

     

     

     

    “เออ เพื่อนข้างบ้านกูก็มาเรียนด้วยนะมึง”

    แจมินพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเราเดินข้ามถนนกันมาจนถึงหน้าตึกของสถาบันกวดวิชา ตึกนี้มีทั้งหมดสิบแปดชั้น ภายในตึกก็จะมีสถาบันกวดวิชาต่างๆมากมายกว่ายี่สิบสถาบัน มีทั้งร้านขายอาหารและร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียน บางครั้งก็จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หลงเข้ามาในตึกนี้บ้างเพราะเข้าใจว่ามันคือห้างสรรพสินค้า เนื่องจากมีเด็กวัยรุ่นเดินเข้าเดินออกตึกนี้กันเยอะเหลือเกิน

     

     

    “อยู่นั่นไง โกอึนทางนี้!” มันพูดแล้วโบกมือให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอคนนั้นก็กำลังเดินตรงมาที่พวกผมสองคน

     

    “หวัดดีแจมิน” เธอพูดกับแจมินแล้วหันมามองทางผม "แล้วนี่ใครอ่ะ?

     

    “นี่เพื่อนเราชื่อดงฮยอก อีดงฮยอก”

     

    “สวัสดีดงฮยอก" เธอหันมายิ้ม แล้วโบกมือให้กับผม "เราชื่อโกอึนนะ คิมโกอึนเป็นเพื่อนข้างบ้านของแจมิน” 

     

    “สวัสดีโกอึน” ผมตอบแล้วยกยิ้มให้เธอนิดหน่อย

     

    “เข้าไปข้างในกันเถอะ”

     

    แจมินพูดแล้วดันไหล่ผมให้เดินนำเข้าไปในตึก เมื่อเดินเข้ามาภายในตึกก็เจอกับผู้คนมากมายทั้งเด็กที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผม เด็กมัธยมต้น และเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่น่าจะเกินวัยประถมกำลังสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่

     

    “แล้วนี่เธอเรียนวิชาอะไรอ่ะ ได้เรียนเคมีเหมือนกับพวกเรารึเปล่า?” แจมินหันไปพูดกับโกอึนเมื่อเราเดินเข้ามาในลิฟท์

     

    “เปล่าอ่ะ เราว่าเราจะไปเรียนภาษาอังกฤษก่อนเพราะเคมีเราลงไว้ตอนช่วงบ่าย” เธอพูดพร้อมกับกอดแฟ้มแฮลโหลคิตตี้สีชมพูเอาไว้แนบอก

     

    “อ๋อ ถ้างั้นตอนกลางวันเจอกันที่ฟู้ดคอร์ดนะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “นี่พวกนาย! เราเจอคนนึงน่ารักมากเลยอ่ะ”

     

    ทันทีที่คิมโกอึนมาถึงโต๊ะกินข้าวในศูนย์อาหาร เธอก็พูดประโยคนี้ขึ้นมาทันทีพร้อมกับท่าทางเขินอายและเอาแต่มองซ้ายมองขวาราวกับว่ากำลังมองหาใครสักคน โดยมีผมและแจมินที่นั่งเลิกคิ้วมองเธออย่างงง ๆ

     

    “น่าจะอยู่โรงเรียนเดียวกันกับพวกนายด้วยนะ เราเห็นสมุดตราโรงเรียนนายในกระเป๋าของคนนั้นอ่ะ” โกอึนพูดแล้วเอาแต่เขย่าแขนแจมินไปมา

     

    “แล้วไงอ่ะ?

     

    “โถ่ก็จะให้แจมินช่วยสืบให้หน่อยไง เผื่อจะรู้จักอะไรแบบนี้อ่ะ”

     

    “ไม่เอาด้วยหรอก” แจมินพูดแล้วเอามือผลักหัวของโกอึนออกไปไกลๆตัวพร้อมกับทำหน้าเหม็นเบื่อเต็มที

     

    “เอ้า แจมินอ่ะช่วยเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้” โกอึนเบ้ปากหน่อยๆแล้วหันมามองทางผม “ดงฮยอกจ๋า ดงฮยอกช่วยเราสืบหน่อยดิ”

     

    “เราอ่ะนะ?

     

    “ใช่ ดงฮยอกนั่นแหละ” เธอพูดแล้วยื่นมือออกมาจับแขนผมที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก ก่อนที่จะทำตาโต “นั่นไง! คนนั้นไงดงฮยอก!

     

     

    โกอึนพูดแล้วพยักเพยิดไปทางด้านหลังของผม เมื่อหันไปก็เจอกับคนที่กำลังนั่งกินข้าวโดยหันหน้ามาทางโต๊ะของพวกผม ผู้ชายคนนั้นผิวขาว ปากเรียวบางสีชมพู ใบหน้าค่อนข้างเล็ก เขาสวมแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมสีดำและมีผมสีดำลงมาปรกใบหน้าเล็กน้อย ใบหน้าของเขาดูคุ้นตาอย่างประหลาดเหมือนกับว่าผมเคยเจอเขาจากที่ไหนมาก่อน แต่ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน และดูเหมือนว่าผมจะมองเขานานเกินไปจนทำให้เขาเงยหน้าจากข้าวแล้วมองมาที่ผม

     

     

    แล้วทำไมต้องยิ้มให้กันแบบนั้นด้วยล่ะวะ

     

     

    “นั่นพี่มาร์ค เพื่อนพี่รหัสมึงหนิ”

     

    เสียงของแจมินเหมือนจะเรียกสติของผมให้กลับคืนมา ผมหันกลับไปในทิศทางเดิมและเพิ่งจะคิดได้ว่าเมื่อกี้นี้ผมมองหน้าของผู้ชายคนนั้นนานเกินไป

     

    พี่มาร์คงั้นหรอ? มาร์คไหนวะ? เพื่อนพี่รหัสผมนี่เยอะจะตายไปใครจะไปจำได้ คือกลุ่มผู้ชายของม.ปลายปีสองห้องเอเนี่ยเค้าจะรวมตัวเป็นแก็งค์เดียวกันครับ เนื่องจากจำนวนผู้ชายในห้องมันมีน้อยเลยสนิทกันได้ง่าย เวลาเดินไปกินข้าวตอนพักกลางวันเนี่ยก็ยกกันไปเป็นสิบจนบางครั้งก็แอบตกใจ นึกว่าพวกพี่เค้าจะยกพวกไปตีใครรึเปล่า แต่ดูจากหน้าตาแล้วไม่น่าจะใช่เพราะมีแต่พวกตี๋ๆแว่นๆเนิร์ดๆทั้งนั้น

     

    “มาร์คไหนของมึงวะ?

     

    “ก็คนที่ปะแป้งมึงตอนวันรับน้องไง” แจมินบอกแบบนั้นผมก็ยิ่งงงไปกันใหญ่ ตอนเขาทาแป้งกูก็หลับตาอยู่มั้ยล่ะเพื่อน “นี่มึงจำไม่ได้หรอ?

     

    “ไม่อ่ะ” ผมส่ายหน้า

     

    “นี่กูมีเพื่อนเป็นคนหรือปลาทองวะเนี่ย”

     

    “ดงฮยอกรู้จักพี่คนนั้นด้วยหรอ” โกอึนถามพร้อมกับกระพริบตารัวๆแล้วฉีกยิ้มกว้าง

     

    “เปล่า เราไม่รู้จักอ่ะ” ผมตอบ

     

    “เพื่อนพี่รหัสมัน” แจมินพูดแล้วทำเป็นก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานของตัวเองเหมือนกับนี่คืออาหารมื้อสุดท้ายของชีวิต แหมไอ้เพื่อนเวร!!ก็บอกอยู่ว่าไม่รู้จักไม่รู้จัก

     

    “แบบนี้ดงฮยอกก็ต้องรู้จักกับพี่คนนั้นสิ ดงฮยอกช่วยเราหน่อยสินะๆๆ”  โกอึนพูดแล้วเอื้อมมือมาเขย่าแขนผมพร้อมกับเอาแต่พูดว่าน้าๆดงฮยอกน้า

     

     

    โอ๊ย !! ผมก็บอกอยู่ว่าไม่รู้จักไง ทำไมไม่ฟังกันบ้าง

      

     

    ให้ตายเหอะ ผมยิ่งปฏิเสธคนไม่เป็นซะด้วยสิ!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เมื่อมาถึงช่วงบ่าย ผมกับแจมินก็ตัดสินใจที่จะมาเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ส่วนโกอึนก็ไปเรียนเคมีที่เธอลงคอร์สสดได้ แต่แจมินมันบอกให้ผมไปรอมันก่อน เพราะเดี๋ยวมันจะไปเอาของพรีออเดอร์ที่นัดรับไว้แล้วเดี๋ยวจะตามขึ้นมาทีหลัง ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะไม่อยากจะเดินลงไปข้างล่างแล้วเหมือนกัน

     

     

    นี่ยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง ผมคิดว่าควรจะไปนั่งรอแจมินแถวๆที่เรียนพิเศษเลยดีกว่า ตามสถาบันกวดวิชาต่างๆจะมีการจัดโต๊ะ เก้าอี้ไว้ที่หน้าทางเข้าห้องเรียน เอาไว้สำหรับให้ผู้ปกครองได้มานั่งรอรับบุตรหลาน หรือให้เด็กๆได้นั่งทบทวนบทเรียนกันเองระหว่างรอเข้าห้องเรียน และดูเหมือนกับว่าวันนี้คนจะเยอะมากเป็นพิเศษเพราะเก้าอี้แทบทุกตัวมีคนนั่งจับจองกันเกือบหมด

     

     

    โอ๊ะ !! นั่นมันพี่มาร์คที่ไอ้แจมินบอกนี่หว่า

     

     

    มนุษย์แว่นคนนั้นนั่งอยู่คนเดียวซะด้วย ผมควรจะเดินเข้าไปนั่งกับพี่แกดีมั้ย? จะได้ถือโอกาสเนียนๆถามเรื่องที่โกอึนขอร้องให้ช่วยถามด้วย สิ่งที่คิมโกอึนขอร้องให้ผมช่วยถามก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ขอเบอร์โทรศัพท์ เฟชบุ๊ค ไอจี ทวิตเตอร์ และไอดีคาทกของพี่เขามาให้เธอ

     

     

    แค่นั้นเอ๊งงงงงงงงงงง *เสียงสูง*

     

     

     เห้อ เกิดเป็นคนรักษาคำพูดนี่ใช้ชีวิตยากจังเลยนะครับทุกคน

     

     

    แต่เอาน่าคิดซะว่าถ้าเราช่วยให้คนอื่นสมหวังในความรัก เดี๋ยวผลบุญนี้ก็จะส่งผลให้เราสมหวังบ้างก็แล้วกัน แค่ถามนิดๆหน่อยๆเองพี่เขาคงไม่ว่าอะไรหรอก แล้วอีกอย่างจะได้มีที่นั่งด้วย ลุยเลยลีดงฮยอก!

     

     

    “ขอโทษนะครับ ขอผมนั่งด้วยได้มั้ย?

     

     

    “ห๊ะ อ..อ๋อ” พี่แว่นเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะทำหน้าเหรอหรา แล้วรีบกวาดหนังสือทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะให้มารวมกันเป็นตั้งเดียว และเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่ที่เก้าอี้อีกตัวมาไว้ที่ตักของตัวเอง “นั่งเลยๆ”

     

     

    และก็ไม่ต้องรอให้เสียเวลามากไปกว่านี้ ผมก็นั่งลงตรงข้ามกับพี่แว่นทันทีพร้อมกับเอาแก้วชาเขียวขึ้นมาดื่ม ส่วนพี่แว่นก็เอาแต่นั่งกอดกระเป๋าแล้วส่งยิ้มให้ผม

     

     

     

    แล้วไงต่ออ่ะ

     

     

    นี่พี่เขาชื่อพี่มาร์คอย่างที่แจมินมันบอกจริงๆใช่มั้ย? ไม่ใช่ว่ามันหลอกผมหรอกนะ ถ้าผมเรียกพี่เขาว่าพี่มาร์คแล้วพี่แกดันไม่ได้ชื่อมาร์คนี่ผมไม่ขายหน้าแย่เลยหรอ คนตั้งเยอะแยะ แล้วอีกหนึ่งอย่างที่กำลังค้างคาใจผมสุดๆเลยคือพี่เค้าเป็นเพื่อนกับพี่รหัสผมจริงๆหรอ ทำไมผมถึงจำหน้าไม่ได้อ่ะ คือแบบมันก็แค่คุ้นๆแค่นั้นอ่ะ

     

     

    แล้วนี่ผมควรจะเริ่มคุยกับพี่เค้ายังไงดี สวัสดีครับพี่มาร์ค พี่มาเรียนกับใคร? วันนี้พี่เรียนกี่วิชา? หนังสือในกระเป๋านั่นหนักมากมั้ยหอบมาทำไมเยอะแยะ? แล้วจะกลับบ้านยังไง? ผมขอเบอร์พี่ได้รึเปล่า?

     

     

    เดี๋ยวนะ จะขอเบอร์โทรศัพท์พี่แกตั้งแต่คุยกันครั้งแรกเลยหรอวะ 

     

     

    โอ๊ยนี่ผมควรทำตัวยังไง ใครก็ได้ช่วยดงฮยอกที!!

     

     

    “ดงฮยอกก็เรียนพิเศษที่นี่เหมือนกันหรอ?” และก็เป็นพี่มาร์คที่เริ่มพูดขึ้นก่อน นี่พี่รู้จักชื่อผมด้วยหรอ ขนาดผมยังจำหน้าพี่ไม่ได้เลยอ่ะ

     

    “ครับ” ผมพูดพร้อมกับพยักหน้า

     

    “แล้วเพื่อนเราไปไหนแล้วอ่ะ?

     

    “แจมินมันลงไปเอาของข้างล่างอ่ะครับ” ผมตอบแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอีกรอบ

     

     

    และก็เกิดความเงียบขึ้นที่โต๊ะของพวกเราอีกครั้ง ดูเหมือนพี่มาร์คก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะชวนผมคุยเรื่องอะไรดีถึงได้เอาแต่นั่งกอดกระเป๋ามองซ้ายมองขวา ส่วนผมเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันเลยได้แต่กัดหลอดน้ำเล่นแบบนี้ นี่ดงฮยอกคนพูดมากมันหายไปไหน ทำไมวันนี้ถึงได้เอาแต่เงียบ ทำไมคิดเรื่องที่จะพูดไม่ออก   

     

     

    เอาวะ เพื่อไม่ให้บรรยากาศในโต๊ะเงียบจนเกินไป ผมจะลองชวนคุยก็ได้

     

     

    “นี่พี่มาร์คมาเรียนคนเดียวหรอครับ?” ถามออกไปด้วยใจที่เต้นแรง ได้โปรดให้พี่เขาชื่อมาร์คจริงๆด้วยเถอะ ดงฮยอกยังไม่อยากขายหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกับพี่เขานะ

     

    “ใช่ๆ” พี่มาร์คตอบ รอดตายแล้วครับพี่เขาชื่อมาร์คจริงๆ “เพื่อนคนอื่นยังไม่มาเรียนกันวันนี้อ่ะ”

     

    “อ๋อ” ผมแสร้งพยักหน้าแล้วลากเสียงยาวๆให้เหมือนกับว่ากำลังสนใจเรื่องที่พี่แกกำลังพูด ก่อนจะเหลือบไปเห็นกองหนังสือของพี่มาร์ค ก็พบว่าหนังสือเล่มแรกในกองนั้นคือหนังสือความถนัดทางวิชาชีพแพทย์ “พี่มาร์คอยากเป็นหมอหรอ?

     

    “ห๊ะ” พี่มาร์คมองมาหน้าผมก่อนจะก้มลงไปมองหนังสือของตัวเอง ทำไมหมอนี่ถึงได้ทำแต่ท่าทางเด๋อด๋าแบบนี้ตลอดเลยอ่ะ อยากจะขำแต่ก็เกรงใจ “อ๋อ ใช่ๆ พี่อยากเรียนหมออ่ะ”

     

    “หูววว! ถ้างั้นก็สู้ๆนะครับ” ผมบอก แล้วยกกำปั้นขึ้นเป็นท่าทางประกอบ

     

    “ขอบใจนะดงฮยอก แล้วนี่เราเรียนพิเศษวิชาอะไรบ้างหรอ”

     

    “ก็เลข อังกฤษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะอ่ะแหละพี่” ผมบอก ส่วนพี่มาร์คก็เอาแต่พยักหน้าแล้วส่งยิ้มกลับมาให้

     

    “ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจอ่ะ ดงฮยอกก็ถามพี่ได้เลยนะ”

     

    “คครับ”

     

     

    ที่นี่เค้าไม่ได้เปิดแอร์หรอครับ ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าอากาศมันร้อนๆ นี่ร้อนตั้งแต่หน้าลามไปจนถึงหูแล้วนะเนี่ย! เหงื่อก็ยังจะออกมืออีก แล้วไอ้พี่มาร์คนี่จะยิ้มอีกนานมั้ย จะยิ้มอะไรกันหนักกันหนาเกิดมาไม่เคยยิ้มหรือไง

     

    “เออ นี่จะบ่ายแล้วนะเราจะไปเข้าห้องเรียนเลยมั้ย?

     

    พี่มาร์คก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองแล้วพูดขึ้น ผมจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาแล้วก็พบว่านี่มันใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนช่วงบ่ายแล้วจริงๆ แล้วทำไมป่านนี้แจมินถึงยังไม่ขึ้นมาอีก นี่ไปเอาของที่เยาวราชหรือยังไง

     

    “ว่าไง เราจะเข้าไปพร้อมพี่เลยมั้ย?” พี่มาร์คถามขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับที่ผมเหลือบไปเห็นแจมินที่กำลังเดินเข้ามาที่หน้าทางเข้าของสถาบันกวดวิชาพอดี

     

     

    ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมนึกถึงภารกิจสำคัญของผมขึ้นมาได้

     

     

    ขอเบอร์พี่มาร์คไปให้โกอึนไง!! จะลืมอีกแล้วหรอวะดงฮยอก!!

     

     

    “คือพี่มาร์คครับ

     

     

    ผมพูดแล้วกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อหันไปมองพี่มาร์คก็พบว่าพี่เขากำลังมองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว ให้ตายเหอะ!ทำไมเหงื่อมันถึงได้ออกมือมากขนาดนี้วะ แล้วทำไมใจมันจะต้องเต้นแรงแบบนี้ด้วย ก็แค่ขอเบอร์พี่เขาเองนะเว้ยดงฮยอก ตั้งสติไว้แล้วขอเลย!!  

     

     

     

    “ผมขอเบอร์โทรศัพท์พี่ได้มั้ยครับ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC.

    ฝากด้วยนะคะ

    เหตุเกิดจากการประกาศผลลกสพท.แล้วอยู่ ๆ ก็อยากลั่นฟิคขึ้นมาค่ะ 55555

     

     

    CR.SQW
     
    CR.SQW
     
    CR.SQW
    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×