ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jigoku shoujo : เสียงขับขานแห่งนิรย

    ลำดับตอนที่ #1 : Hell's on earth

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 53


    Fan fiction: Jigoku shoujo

    Author: Bear killer

    (Act I): Hell’s on earth

     

    ดอกเบญมาศสีแดงสดปลิวไสวไปตามแรงลมอ่อนเฉกเช่นเดียวกับฟางข้าวลู่ลมไปในทิศทางเดียวกัน สายวารีช่างอ่อนโยนผิดไปจากท้องนภาสีโลหิตนัก เปลือกตาบางหลับสนิท ร่างทั้งร่างลอยอยู่บนผิวน้ำ เส้นผมสีดำยาวสยายเป็นวงกว้างตัดกับอาภรณ์นากาจูกันสีขาวพิสุทธิ์

     

    ร่างนั้นนอนนิ่งราวกับเป็นส่วนหนึ่งของสายวารี

     

    ไอ...” ต้นเสียงดังออกมาจากบ้านไม้หลังเล็กท่ามกลางทุ่งเบญจมาศและฟางข้าว เปลือกตาบางลืมขึ้นปรากฏดวงตาสีแดงฉานดวงใหญ่ไร้แวว ร่างของเด็กสาวลุกขึ้นจากสายน้ำอย่างแช่มช้า เนื้อตัวเปียกปอนไปทั้งตัวจนเห็นสีผิวขาวราวกับหิมะใต้ร่มผ้าซึ่งแนบชิดกับเนื้อ

     

    ไอ…” เสียงนั่นเรียกชื่อของเธออีกครา

     

    คะคุณยาย น้ำเสียงเย็นไร้ซึ่งความยินดียินร้ายในสิ่งใดตอบรับเสียงหญิงชรา

     

    มีข้อความมาหาหนูแล้วนะไอรีบไปเถอะ

     

    ค่ะ คุณยาย แม้กระนั้นสีหน้าของเธอก็ยังคงสงบนิ่งเป็นตุ๊กตา หญิงสาวทอดกายไปยังระเบียงไม้พลันหยิบเสื้อนักเรียนญี่ปุ่นสีดำสนิทขึ้นแล้วเดินเข้าบ้านไม้ไป ไม่นานนักเธอก็ออกมานอกบ้านด้วยภาพลักษณ์ซึ่งไม่ต่างกับเด็กนักเรียนภาคปัจจุบัน

     

    กึก

     

    ดวงตาสีแดงฉานมองลงไปที่ดวงตาสีฟ้าโตเหมือนตาแมว มือเล็กของเด็กสาวตัวกะเปี๊ยกดึงชายกระโปรงของเธอพร้อมสายตาอ้อนวอน

     

    ไปด้วยได้ไหม

     

    ไปได้ เพียงคำตอบเดียวทำให้เด็กน้อยคิคุริเต้นเหมือนลิงโลดวิ่งไปมาด้วยความตื่นเต้น แม้กระนั้นการตัดสินใจของหญิงสาวกลับทำให้บริวารทั้งสามซึ่งนั่งอยู่ตรงระเบียงบ้านอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเจ้าเด็กตาแมวนั่นจะเล่นซนอะไรอีก

     

    ชายแก่ถอนหายใจเฮือกพลันสวมหมวกปีกกว้าง เขานึกภาพออกเลยว่าเมื่อลงไปที่ภพของมนุษย์แล้วเขาต้องวุ่นวายวิ่งไล่จับเจ้าลิงซนตัวนี้ในสภาพใด เพราะแกยังเด็กเสมือนผ้าขาวนัก

     

    ฉันไม่อยากดูแลเด็กนั่นนักหรอก สาวสวยภายใต้กิโมโนสีฟ้าทำเสียงอู้อี้

     

    เอาน่ะคุณหนูเขาอนุญาติแล้วนี่นาภูติแห่งดาบหัวเราะร่วนพลันเอามือซุกลงไปในกระเป๋าเสื้อ โดยปรกติเขาไม่ค่อยสนใจเจ้าตัวกะเปี๊ยกนี่อยู่แล้ว หน้าที่ของเขาคือจับตาดูเป้าหมายเท่านั้น

     

    บริวารทั้งสามหันไปมองเธอเตรียมรับคำสั่ง บัดนี้สายลมเริ่มแรงขึ้นไปอีกระดับจนผมสีดำเหยียดตรงยาวปลิวไสว

     

    ไปกันเถอะ…” ไอก้มมองพลันจับมือเจ้าตัวซนคิคุริก่อนจะเดินออกไปจากทุ่งเบญจมาศนั้น

     

    อีกไม่นาน เด็กสาวจากนรกจะพรากวิญญาณลงสู่นิรยขุมอเวจี

     

    ----------- -------------- --------------- ------------ --------------------

     

    อาหารยามเช้าช่างหอมเย้ายวนใจ เสียงเพลงขับขานคลายเหงาช่วยสร้างสีสันแก่ห้องครัวดีเสียจริง น้ำซุปต้มเดือดปุดปุดส่งกลิ่นหอมของเครื่องเทศและเห็ดแชมปิยองรวมถึงกลิ่นน้ำซอสพาสต้าเข้มข้นส่งกลิ่นมะเขือเทศไปทั่วทั้งบ้าน

     

    เข้าที่แล้ว ขั้นตอนการปรุงได้สำเร็จเมื่อชายชาวอเมริกันชิมน้ำซอสและซุปจนพอใจ เขาจัดแจงเตรียมข้าวเช้าบนโต๊ะสำหรับสามที่

     

    เคียวยะยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย ป่านนี้แล้วนะ พ่อครัวหาวหวอดพลันถอดผ้ากันเปื้อนสีขาวตัวเก่งพาดไว้กับโต๊ะ เขารีบแจ้นขึ้นบันไดไปทางห้องของลูกชาย ถ้าเจ้าหนุ่มตื่นช้ากว่านี้ต้องไปโรงเรียนสายแน่นอน

     

    เคียวยะ ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ ร่างสูงเคาะประตูห้องพลางตะเบงเสียงให้ลอดเข้าไปถึงข้างใน แม้ว่าเขาจะถูกสอนมาให้รู้จักรับผิดชอบกับชีวิตของตัวเองตั้งแต่เด็กเล็กแต่เขาไม่อาจปฏิเสธต่อความห่วงใยที่มีอยู่

     

    คงเป็นเพราะเขาซึมซับวัฒนธรรมของที่นี่เข้าสู่กระแสเลือดบ้างแล้วกระมัง?!

     

    คร้าบบบ พ่อ เสียงใสดังออกมาจากข้างในห้องทำให้เขาเริ่มวางใจ พ่อบ้านเริ่มจัดแจงวิ่งลงไปเก็บครัวข้างล่างให้เสร็จทันเวลาข้าวเช้าของเจ้าหนุ่ม

     

    จะว่าไปเขาเองก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าเมื่อเขาตื่นมาภรรยาสุดที่รักก็ได้หายไปจากเตียงเสียแล้วแถมเรียกหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลยเป็นข้อสงสัยเล็กน้อยว่าคุณหมอสุดที่รักของเขาคงถูกเรียกไปเข้าเวรช่วงค่ำเป็นแน่แท้ สงสัยว่าอาหารชุดที่เหลือบนโต๊ะชุดใดชุดหนึ่งจะต้องถูกเก็บเข้าตู้เย็น

     

    ไม่นานนักลูกชายเขาก็ลงมาในชุดไปรเวทเสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสวมเสื้อกั๊กทับสวมหมวกแก๊ปสีแดง เจ้าหนุ่มเดินลงมาโดยไม่รีบร้อน เขานั่งลงกับโต๊ะพลันตักน้ำซุปเข้าปาก

     

    เคียวยะ ถอดหมวกก่อนสิ แซมกล่าวโดยเรียบพลันเดินไปหยิบจดหมายบนเคาเตอร์ขึ้นอ่าน ส่วนใหญ่ล้วนส่งถึงเขา ปัจจุบันแซมทำอาชีพอิสระรับจ้างทำอาหารตามงานต่าง ๆรวมไปถึงการรับจ้างสอนทำอาหารอีกด้วย

     

    จดหมายส่วนใหญ่ล้วนเป็นการจ้างงานแต่กลับมีบางฉบับที่ต่างออกไป

     

    อะไรเหรอพ่อ เคียวยะถอดหมวกแก๊ปอย่างว่าง่ายพลันมองสีหน้าของพ่อ

     

    แองเจิลน้องสาวลูกน่ะ เขาว่าพลางแกะซองจดหมายแล้วไล่อ่านก่อนที่จะเล่าให้อีกฝ่ายฟังโดยสรุป น้องเขาบอกว่าอีกไม่กี่เดือนจะกลับมาอยู่ญี่ปุ่นกับเราแล้วบอกว่าอาการป่วยของคุณย่าดีขึ้นมากเลยล่ะ

     

    งั้นก็ดีสิพ่อ ผมน่ะอยากเจอคุณย่าไว ๆเหมือนกัน น้ำเสียงของเจ้าหนุ่มดูกระตือรือร้นมากขึ้น เขายกชามซุปข้นออกเปลี่ยนมากินพาสต้าแทน

     

    “?!”

     

    หากไม่สังเกตคงไม่เห็นเพียงเสี้ยววินาทีที่แซมมองกวาดผ่านมือของลูกชายเขาไป เขาเห็นรอยข่วนเป็นทางยาวอยู่กลางหลังมือ แล้วที่มือเป็นอะไรไปล่ะเคียวยะ

     

    อ้อแมวข้างบ้านข่วนน่ะ เคียวยะตอบทันทีก่อนเอามือข้างนั้นหลบไปข้างหลัง ดวงตาดูล่อกแล่กผิดวิสัย แซมไม่กล่าวอะไรนอกจากส่งสายตาตำหนิ พวกเขาอยู่ด้วยกันเกือบสิบเจ็ดปีมีหรือที่คนเป็นพ่อจะไม่รู้นิสัยลูกตัวเอง แมวไม่มีทางข่วนให้เกิดบาดแผลเพียงรอยเดียวได้อยู่แล้ว

     

    ก็เมื่อวานผมไปฉีดวัคซีนแล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอกพ่อ เจ้าหนุ่มยิ้มกว้างแต่ก็หลอกคนเป็นพ่อไม่ได้อยู่ดี แต่ทำอย่างไรได้ เคียวยะไม่ใช่เด็กที่จะเปิดใจกับเขาเสียทุกเรื่องแล้ว

     

    มันต้องมีอะไรแน่นอน

     

     รีบกินแล้วรีบไปเถอะ เดี๋ยวตกรถ แซมตัดบทพลันวางช้อนลงกับชามซุปแล้วส่งรอยยิ้มให้ลูกชายพ่อเองก็ติดงานแต่คงกลับไม่ดึกนักหรอก แล้วตอนนั้นค่อยมาคุยกัน ดีไหม

     

    ก็ได้ ถ้าพ่อว่างั้นนะ เคียวยะรีบจัดแจงอาหารตรงหน้าแล้วจัดการนำไปไว้ในอ่าง เขาสวมหมวกแก๊ปสีแดงอีกคราแล้วออกรับคำอวยพรจากบิดาก่อนออกจากบ้านไปพร้อมกับเป้ใบใหญ่

     

    ไปดีมาดีล่ะ เคียวยะ…”

     

    เมื่อเสียงประตูปิดลง แซมก็เริ่มจัดแจงกิจวัตรของตน เขาจัดการอาหารของตนเองและนำส่วนของภรรยาเข้าตู้เย็น ตัวของเขาเองก็มีเวลาอยู่ไม่มากแล้วก่อนที่จะออกไปเตรียมของทำอาหารเที่ยงสำหรับงานหมั้นของผู้ว่าจ้าง

     

    เมื่อเขาล้างจานเสร็จ ร่างสูงจึงเดินขึ้นไปบนห้องเปิดตู้เสื้อผ้าคว้าชุดเชฟคอเต่าสีขาวพร้อมผ้าพันคอสีแดงเตรียมพับลงกระเป๋าถือ วันนี้คงงานหนักทั้งวันตั้งแต่เช้ายันงานแต่งงานตอนเย็นเป็นแน่แท้

     

    ด้วยความมั่นใจของตนเมื่อนึกถึงบาดแผลบนมือของลูกชาย เขาฟันธงร้อยทั้งร้อยเลยว่าเคียวยะไม่ได้ถูกแมวข่วนแต่อย่างใดนอกเสียจากไปทะเลาะกับใครสักคนมาซึ่งการันตีกันคงไม่สาหัสหนักหนา

     

    ตึง!!

     

    “!?” เสียงประตูบ้านถูกกระแทกเข้าอย่างจัง ดวงตาสีฟ้าใสหันไปมองทางต้นเสียง แซมไม่รอช้าวิ่งลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว ใครหน้าไหนบุกรุกบ้านกันตั้งแต่หัววัน มันเป็นใคร!!!

     

    “…”เพียงก้าวเท้าลงสู่พื้นไม้ชั้นล่างสุด นัยน์ตาสีฟ้าเบิกโพลงมองภาพตรงข้างหน้า ประตูถูกเปิดคาไว้พร้อมร่างของหญิงสาวผมหยักศกในสภาพทรุดโทรมในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

     

    โยโกะ!” แซมเรียกภรรยาพลันวิ่งเข้าไปประคองร่างบางให้มองหน้าได้อย่างชัดเจน สีหน้าของหล่อนเศร้าหมองเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ เมื่อหล่อนเห็นใบหน้าเขาอย่างชัดเจน ร่างทั้งร่างสั่นเทาไปหมดพลันคว้าปกเสื้อของเขาแน่นเหมือนสัตว์ซึ่งตกอยู่ในภาวะของความหวาดกลัว

     

    โยโกะ...เธอเป็นอะไรยิ่งถามยิ่งเหมือนไปเปิดสลักระเบิด เธอคว้าต้นคอเขาลงมากอดแน่น เสียงสะอึกสะอื้นของหล่อนทำให้เขาใจหายยิ่งขึ้นไปอีก

     

    ใครหน้าไหนมันมาข่มขู่ล่วงเกินจิตใจของหล่อน?!

     

    อ้อมแขนเขากระชับร่างบางแน่น ไร้ซึ่งคำพูดอันใดนอกจากภาษากายซึ่งสื่อถึงกัน มือแกร่งลูบหัวอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนพลันจุมพิตลงที่หน้าผากของหล่อน เมื่อหญิงสาวรู้สึกว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว อาการสั่นก็เริ่มหายไปทีละน้อย

     

    เมื่อสติของหล่อนกลับคืนมาบ้างแล้ว แซมเริ่มประคับประคองร่างของหญิงสาวขึ้นพามานั่งที่โต๊ะ พ่อครัวเดินไปที่ตู้เย็นพลันหยิบซุปเห็ดออกมาอุ่นให้ภรรยา เขาจัดแจงทำทุกอย่างให้หล่อนก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างกาย

     

    โยโกะไม่ได้สนใจซุปร้อนตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ตอนที่เขาจัดแจงโต๊ะให้หล่อน หล่อนได้แต่เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกุมอะไรบางอย่างเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจและสติไว้

     

    โยโกะเธอไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกฉันว่าเธอไปไหนและไปเจออะไร อุ้งมือใหญ่เชยคางหล่อนขึ้น แม้อยากรู้ความเพียงใดแต่หากเร่งรีบอาจทำให้ไม่มีวันเข้าใจหล่อนอีกต่อไป คิ้วสีบลอนด์ขมวดขึ้นเกร็งด้วยความเจ็บแค้นใจ แต่เธอต้องพูดกับฉันนะที่รัก

     

    ดวงตาสีดำสนิทพินิจมองเขาสักครู่พลันชักมือออกจากกระเป๋า หล่อนวางสิ่งนั้นลงกับโต๊ะด้วยความใจเย็น สิ่งนั้นมีรูปร่างเหมือนตุ๊กตาสาปแช่งมีด้ายสีแดงผูกหลวมอยู่ตรงต้นคอของหุ่น

     

    นี่มัน…?”

     

    ฉันรู้ว่าคุณต้องโกรธฉันเซมแต่…” ในที่สุดเธอก็เอื้อนเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาซึ่งอัดอั้นมานาน

     

    ฉันทนเขาต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว!”หญิงสาวกุมตุ๊กตาตัวนั้นแน่นพร้อมที่จะดึงด้ายแดงออก แซมรีบคว้ามือหล่อนเพื่อไม่ให้หล่อนทำอะไรมากไปกว่านี้ เขาไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรแต่ตุ๊กตาซึ่งเป็นที่พึ่งของหล่อนมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

     

    อย่าที่รักอย่า เขากระซิบอย่างแผ่วเบาพลางแกะตุ๊กตาฟางสีดำออกจากหล่อนอย่างเบามือ ใครทำอะไรเธอฉันจะไปจัดการมันเอง ขอร้องล่ะอย่าเล่นแบบนี้

     

    คุณไม่เข้าใจแซม เนื้อตัวหล่อนสั่นไปหมด เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อของคนคนนั้นด้วยซ้ำ เธอหวาดกลัวยิ่งกว่ามีภัยอยู่แทบเท้า มันสายเกินแก้แล้วนี่คือสิ่งเดียวเท่านั้น

     

    “…” ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ แซมใส่ตุ๊กตาฟางลงในกระเป๋าเสื้อโค้ทแล้วสวมกอดเธอแน่น โยโกะฟังนะ ฉันจะปกป้องเธอเอง วันนี้เธอหยุดอยู่บ้านแล้วตอนเย็นฉันจะกลับม…”

     

    ไม่นะแซม!! ฉันไม่อยากอยู่ถ้าไม่มีคุณ หล่อนรีบตัดบททันควัน เขาเองก็ลำบากใจที่จะลางานหาคนอื่นไปแทน เขานั่งคุกเข่าลงกับพื้นพลางกุมมือหล่อนอย่างอ่อนโยน

     

    ฉันจะรีบกลับมา งานตอนเย็นฉันจะให้ทัซสึกิทำแทน โอเคไหม

     

    ใบหน้าซีดเผือกของหล่อนเริ่มมีชีวิตมากขึ้น โยโกะพยักหน้าตอบรับแล้วเริ่มให้ความสนใจกับอาหารบนโต๊ะ หญิงสาวเริ่มอุ่นใจที่เขาพูดอย่างนั้น

     

    กลับมาเร็ว ๆนะคะแซม…” เขายิ้มอ่อนโยนให้กับภรรยาซึ่งกระทำตนเหมือนเด็กเล็ก

     

     จะรีบกลับมา

     

    เขาจุมพิตบนหน้าผากหล่อนอีกครั้งแล้วขึ้นไปเอากระเป๋าที่เตรียมไว้ก่อนออกจากบ้านไป ร่างสูงล๊อคประตูบ้านอย่างดีแล้วรีบขึ้นรถ ถ้าออกช้ากว่านี้สักสิบนาทีคงไปไม่ทันเตรียมของสำหรับงานหมั้นเป็นแน่แท้

     

    คว้าง….

     

    ระหว่างที่รถแล่นออกไป ดวงตายักษ์ซึ่งอยู่ตรงประตูหน้าบ้านก็หลับลง

     

    เธอเกือบจะดึงด้ายแล้วเชียว เจ้าหนุ่มภายใต้เสื้อสเวทเตอร์ลืมตาขึ้นพลันถอนหายใจยาว หันไปหาสาวในชุดกิโมโนสีน้ำเงิน แทนที่งานนี้จะจบลงโดยง่ายกลับยากขึ้นไปอีกเพราะผู้ชายคนนั้นแท้ ๆเชียว

     

    มนุษย์น่ะเดาใจยาก ไม่เหมือนพวกสัตว์หรอก หญิงกระดูกว่าเช่นนั้น

     

    อ่าฮะ…” ชายหนุ่มยักไหล่แล้วเอามือซุกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทั้งสองข้างแล้วเอนหลังพิงกำแพง แต่คนที่เดาใจยากที่สุดก็คงจะเป็นคุณหนูนั่นแหละ

     

    นั่นสินะ…” ดวงตาสีนิลหันไปมองกระจกฝั่งร้านค้า กระจกนั่นสะท้อนเงาของเด็กผู้หญิงร่างเล็กในชุดนักเรียนสีดำ เส้นผมยาวสลวยพัดตามแรงลมอ่อนทว่าแววตานั่นของเธอกลับเพิกเฉยต่อทุกสิ่ง

     

    ----------------------- ------------------------ -------------------------------

     

    เตรียมของกันไปถึงไหนแล้ว?!” เชฟใหญ่ตาลีตาเหลือกวิ่งเข้าไปในห้องครัวด้วยความรีบเร่ง เห็นทุกคนกำลังเตรียมของอย่างดี ให้พูดตามตรงว่านี่เป็นงานหมั้นกันเองระหว่างคนในตระกูลใหญ่ ดังนั้นจึงจัดที่บ้านซึ่งแสนจะใหญ่โตมโหราฬ เทียบกับโรงแรมห้าดาวแล้วที่นี่ยังเหนือชั้นกว่ามาก

     

    เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วครับเชฟ!” รองหัวหน้าเชฟอารมณ์ดีเปล่งเสียงดังให้เขารับทราบ ผู้พูดตัวสูงพอ ๆกับตัวเขาและดูกำยำเหมาะกับสายอาชีพ ห้องครัวที่นี่มีทุกอย่างพร้อมแถมมีเครื่องทุ่นแรงมากมายดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับเซฟ

     

    แซมมองไปรอบด้าน มันเป็นจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า ตั้งแต่ตู้เย็นใหญ่โตเก็บของได้หลายอย่าง เครื่องบดเครื่องผสมอะไรต่าง ๆมากมายแต่กระนั้นแล้วก็รอช้าไม่ได้แม้แต่นิดเดียว อาหารพร้อมเสริฟต้องทำให้ทันเวลาที่กำหนดเพื่อให้อาหารมีความร้อนและรสชาติได้ที่

     

    จะรออยู่ทำไมล่ะทัซสิกึ เร่งมือทำเร็วเข้า เรามีเวลาแค่สองชั่วโมงเท่านั้นนะ เซฟใหญ่ไม่ได้พูดกับทัซสึกิเพียงคนเดียว เขาตบมือเรียกขวัญจากลูกมือคนอื่น ๆให้ทำทุกอย่างให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดด้วย

     

    ครับเชฟ!!!”

     

    แม้จะอยู่ในภาวะแสนกดดันแต่ก็ไม่ได้ทำให้ทีมงานเครียดกับเวลาอันเพียงน้อยนิด ทุกคนในห้องนี้ล้วนมีฝีมือจากการคัดสรรของแซมทั้งนั้น ใช้เวลาเพียงไม่นานนักออเดริฟก็พร้อมเสริฟแล้วสำหรับแขกสองร้อยท่านแล้ว

     

    ทว่าทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปเรื่อย ๆมิได้ขาดตอน อาหารจานหลักถูกปรุงแต่งด้วยเครื่องมากมายหลายชนิดซึ่งถูกเลือกสรรมาอย่างดีแล้ว แน่นอนว่าความใส่ใจย่อมถูกใส่ลงไปในทุกจานที่เสริฟ เพราะอย่างนี้แหละถึงไม่มีใครผิดหวังกับตัวเขาสักคน

     

    ทุกอย่างดำเนินการไปตามแผน อาหารและขนมหวานทุกจานถูกเสริฟครบตามเวลาที่กำหนด เริ่มต้นที่ออเดริฟและจบท้ายด้วยพุดดิ้งกับไอศกรีมเชอร์เบทมะนาว การทำงานครั้งนี้ก็เหมือนทุกครั้งจบด้วยความสำเร็จและการชมเชย

     

    ขอบคุณทุกคนมากนะ Good Job!” เซฟใหญ่ปรบมือเรียกเสียงลูกทีมทำตามทุกคนจนเสียงปรบมือดังลั่นครัว โดยสรุปแล้วทั้งหัวหน้าเชฟก็มีลูกทีมที่ดีและลูกทีมก็มีหัวหน้าซึ่งเยี่ยมยอดยิ่งกว่าคนใดเสียอีก

     

    แต่อย่าลืมงานตอนเย็นล่ะ!”

     

    ครับเชฟ!!”

     

    ก่อนที่ทีมงานทุกคนจะเก็บของเสร็จ แซมเดินไปกดไหล่ของทัซสึกิด้วยความเบามือ

     

    ภรรยาผมป่วยเย็นนี้รบกวนคุณคุมงานทุกอย่างได้ไหม ทัซสึกิ?” รองหัวหน้าเซฟกะพริบตาปริบ ๆได้สักพักเหมือนกำลังลำดับขั้นตอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ในใจเต็มไปด้วยความกังวล เขากำลังเป็นหัวหน้าเชฟในค่ำคืนนี้ เขาจะทำได้อย่างนั้นหรือ

     

    ฝากด้วยนะ ทัซสึกิ มือใหญ่บีบไหล่ของเขาแน่น แซมฝากความหวังไว้กับเขาอย่างเต็มเปี่ยม ริมฝีปากเม้มแน่น เขาจะทำอย่างไรได้ล่ะ หัวหน้าฝากความหวังไว้กับเขาแล้วเขาก็ต้องทำให้มันดีที่สุด!!

     

    ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนหัวหน้า!!” ชายหนุ่มโค้งคำนับคนตรงหน้า แซมเผยรอยยิ้มพลันตบไหล่ทัซสึกึเบา ๆแล้วกล่าวขอบคุณ เขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของผู้ชายคนนี้เกินร้อย ทัซสึกิเรียนกับเขามานานพอสมควรดังนั้นต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน

     

    ว่าแต่ว่าถามอะไรหน่อยได้ไหม ชายชาวฝรั่งเดินไปที่กระเป๋าของตนพลันเปิดค้น เจ้าหนุ่มมองตาแป๋วสงสัยใคร่รู้ว่าเขาจะถามอะไรกันแน่

     

    สวบ

     

    นั่นมัน!!!” ทัซสึกิสะดุ้งเฮือกเพียงเห็นแค่ครึ่งตัวของตุ๊กตาวิ่งเข้าไปแทบจะปิดกระเป๋าแทบไม่ทันการ คิ้วหน้าหมวดขึ้นด้วยความตะหงิดใจกับการกระทำและสีหน้าซีดเผือกของอีกฝ่าย ทำไมเจ้าหนุ่มต้องกลัวขนาดนั้นด้วย ตุ๊กตาตัวนี้มีอะไรอย่างนั้นเหรอ?!

     

    ทัซสึกิ?!”

     

    หัวหน้าเอ้อ ทัซสึกิรีบลากแซมเข้าไปในห้องเก็บสต๊อกของข้างห้องครัวพลันล๊อคประตูแน่นราวกับไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้นอกจากเขาสองคนเท่านั้น ในห้องมีแต่ชั้นวางของเปล่าไร้แสงไฟส่อง ทัซสึกิก้มตัวลงยกกระเป๋าของอีกฝ่ายไปตั้งที่ชั้นวางของซึ่งลึกจากประตูเข้าไปสักสี่เมตรได้

     

    เขากลืนน้ำลายเอื้อกพลันหยิบมันออกมาอย่างแช่มช้า ใบหน้าซีดเผือกนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ บัดนี้เขาได้หยิบตุ๊กตาฟางตัวนั้นพ้นจากกระเป๋ามาทั้งตัวแล้ว

     

    หัวหน้าไปได้มันมาจากไหนครับ….” ผู้ถามถามด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ มือที่กำตุ๊กตาฟางสีดำอยู่บีบมันแน่น

     

    ฉันได้จากภรรยาเมื่อเช้าน่ะ ฉันรู้จักมันคร่าว ๆว่าเป็นตุ๊กตาสาปแช่งเท่านั้นแหละนะ แซมเว้นจังหวะหายไปช่วงหนึ่ง ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี ฉันเห็นเธอทำท่าจะดึงด้ายออกเลยห้ามไว้แล้วยึดมาเนี่ยแหละ

     

    หัวหน้า มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ…” ราวกับฝันร้ายหวนกลับมาหา เจ้าหนุ่มขบกรามแน่นเม้มเปลือกตาสนิทพลางตุ๊กตาลงแล้วแกะกระดุมเสื้อเม็ดบนออกเผยรอยสักรูปไฟสีดำบนแผ่นอก

     

    รอยสักมันเกี่ยวอะไรกับตุ๊กตาล่ะ

     

    ผมเคยขอให้จิโกคุ โชวโจแก้แค้นให้ผม…” ดวงตาสีดำสนิทก้มต่ำลงมองพื้น ขอให้เธอลากคนคนนึงลงสู่นรก…”

     

    นรก!?” แซมสะดุ้งเฮือกขึ้นเสียงถาม แม้สิ่งนี้จะเป็นนามธรรมแต่ไม่มีใครนำมาล้อเล่นกันแน่นอน ยิ่งกับภรรยาของเขาเขาปล่อยให้หล่อนทำอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด!!

     

    เมื่อคนหนึ่งได้รับคำสาป หลุมศพสองหลุมจะถูกขุดขึ้น เมื่อเธอตาย วิญญาณของเธอจะตกลงสู่นรกและถูกจองจำด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณชั่วกัลปาวสาน ไม่มีวันได้ขึ้นสรรค์ตราประทับบนอกคือพันธสัญญาของผมกับเด็กคนนั้น ทัซสึกิย้ำคำพูดขึ้นมา ยิ่งเจ้าหนุ่มเปิดประเด็นให้กว้างขึ้นแซมยิ่งไม่เข้าใจ เหมือนทุกอย่างประดังเข้ามาในหัวในคราวเดียวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว โยโกะต้องการจะแก้แค้นใคร ทำไมเธอจึงยอมตกนรกด้วย?!

     

    ผมรู้ผมไม่อาจห้ามภรรยาของคุณได้ ผมไม่อาจย้อนเวลาได้อีกขอร้องล่ะหัวหน้าทิ้งตุ๊กตาตัวนี้ไปเถอะครับ!!” ทัซสึกิขึ้นเสียงย้ำสติเตือนให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่เข้าใจอะไรทั้งหมด

     

    ฉัน…” แซมเอ่ยแผ่วเบา เจ้าหนุ่มตั้งตารอคำตอบด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม

     

    ฉันจะปกป้องโยโกะไม่ว่าใครที่แค้นเธอ ฉันจะปกป้องเธอจากคนพวกนั้น ทุกอย่างไม่เป็นไปดังใจคิด แซมคว้าตุ๊กตาฟางสีดำจากมือของเขาแล้วหย่อนลงกระเป๋าไป

     

    ทำไมล่ะทำไมถึงไม่ทิ้งมันไป?

     

    ฉันจะไม่ยอมให้ใครตกเป็นเหยื่ออีกฉันจะเก็บมันไว้ในที่ลับไม่ให้ใครหาเจอ แซมปิดกระเป๋าแน่นพลางปลดล๊อคประตูแล้วส่งยิ้มให้เขา ขอบคุณมากที่บอกเรื่องนี้ให้ฉันฟังนะทัซสึกิ ฉันจะระวังให้มากที่สุด

     

    ------------------------- ---------------------- -------------------------- ---------

     

    ในบ้านช่างเงียบสงบนักไม่วุ่นวายเหมือนกับโรงพยาบาล ความสงัดทำให้หล่อนคิดเรื่องต่าง ๆได้เป็นลำดับขั้น หล่อนนั่งกอดอกจนตัวสั่น มันมีบางอย่างที่สามีของหล่อนไม่เข้าใจ หล่อนอยากจะบอกเขาบอกเขาว่าบ้านนี้คือสถานที่ที่อันตรายที่สุดในตอนนี้แล้วหากเวลาค่ำได้มาเยี่ยมเยือน

     

    ขอร้องล่ะกลับมาเร็ว ๆด้วยเถอะ เธอกุมมือภาวนาแน่น

     

    ทำอะไรน่ะ

     

    หญิงสาวสะดุ้งเฮือกมองไปทางต้นเสียงตรงแทบเท้าของเธอ เด็กผู้หญิงตัวเล็กมีดวงตาเหมือนแมวสีฟ้าจ้องมองเธออยู่ เจ้าหนูใส่ชุดกิโมโนสีม่วงเข้มถือดอกเบญจมาศไว้ในมือ

     

    ธ เธอเข้ามาได้ยังไงน่ะ น้ำเสียงของหล่อนแทบจะขาดตอน ดวงตานั่นไม่ใช่ของมนุษย์

     

    เด็กสาวตัวน้อยหันซ้ายแลขวาพลันชี้นิ้วไปที่หน้าต่างซึ่งถูกเปิดไว้ ทางนั้น! แล้วป้าทำอะไรอยู่ล่ะ

     

    หล่อนไม่ตอบแต่กลับนั่งภาวนาในใจขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี เด็กน้อยมองหล่อนด้วยความสงสัยก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะแล้วทำการวิ่งวนรอบตัวหล่อนด้วยความสงสัยใคร่รู้พร้อมถามเพียงคำถามเดียวว่าหล่อนทำอะไรอยู่ตามประสาเด็ก สุดท้ายเจ้าตัวซนก็หยุดยืนตรงหน้าของหล่อน

     

    จิโกคุ โชวโจอยู่ที่นี่…” บุตรสาวพญายมราชกล่าวเสียงเรียงทำให้บทภาวนาได้หยุดลง ดวงตาสีนิลดูกังวลกับคำพูดของเจ้าตัวน้อย เดาได้ไม่ยากว่าเด็กคนนี้ต้องมีความเกี่ยวพันกับจิโกคุ โชวโจแน่ ๆ แล้วหล่อนจะตอบคำถามแก่คนเหล่านี้อย่างไรว่าตุ๊กตาได้โดนยึดเอาไปแล้ว คิคุริไม่พูดเรื่องอื่นใดอีกนอกจากเผยรอยยิ้มพร้อมยื่นช่อดอกเบญจมาศให้

     

    เบญจมาศ? ? ?”

     

    ฮิ ฮิ…” มีเพียงหัวเราะแหลมพร้อมแววตาแสนสนุก ทำไมเด็กคนนี้ต้องทำหน้าอย่างนั้นล่ะ มีเรื่องอะไรให้เธอรู้สึกสนุกรื่นรมย์อย่างนั้นเหรอ?!

     

    ก๊อก ก๊อก

     

    เสียงประตูยังถูกเคาะอยู่เรื่อย อย่างไรก็ตามหญิงสาวก็ไม่มีท่าทีที่จะไปเปิดแต่อย่างใด เธอได้แต่นั่งคุดคู้กอดเข่าอยู่บนเก้าอี้ เธอไม่กล้าแม้แต่จะออกไปดูด้วยซ้ำว่าใคร

     

    ไม่ไปเปิดประตูเหรอ คิคุริถามต่อ

     

    ไม่เขาเป็นคนไม่ดี เธอตอบ ทำให้เด็กน้อยวิ่งด๊อกแด็กไปมองที่ประตูซึ่งถูกโซฟากันไว้ชั้นหนึ่ง ดูเหมือนว่าผู้มาเยือนจะเพิ่มระดับยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการทุบประตูดังตึงตังจนหญิงสาวเริ่มนั่งคุดคู้ปิดหูเม้มเปลือกตาแน่นบนเก้าอี้

     

    ตึง ตึง !!!!

     

    ไม่…”

     

    ตึง ตึง ตึง ตึง!!!!!

     

    ไม่นะอย่าเข้ามา น้ำเสียงของหล่อนเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยไป คิคุริได้แต่ยืนมองเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก

     

    ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!!!!!!!!

     

    .

    .

    .

     

    ไม่นะ~~~!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

    ---------- ------------------------ ------------------- -------------------

     

    ระหว่างทางกลับบ้านของชาวอเมริกันนี่เต็มไปด้วยสถานการณ์กดดันอย่างสูงสุด เขาเดินจ้ำอ้าวไม่สนใจคนรอบข้างเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้คือภรรยาสุดที่รักซึ่งตกอยู่ในอันตราย เขาควรแจ้งตำรวจเลยดีหรือไม่หรือเขาพาโยโกะไปด้วยกันหลังจากนี้?!

     

    ตรู้ดดดดด

     

    ฮัลโหล?!” เขาคว้ามือถือขึ้นทันควันเห็นชื่อนาทสึกิซึ่งเป็นเพื่อนบ้านปรากฏอยู่บนหน้าจอเลยกดรับทันที เขาได้แต่ภาวนาจากก้นบึ้งของหัวใจว่าเรื่องที่เพื่อนบ้านจะโทรมาแจ้งต้งเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับภรรยาของเขา

     

    . . . . . . .

    . . . .

    . .

    .

     

    ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มือถือในมือร่วงลงสู่พื้นแตกกระจายไปรอบทิศ ดวงตาสีฟ้าใสไร้แววไปโดยปริยาย บัดนี้เขาไม่รู้สึกถึงตัวตนของตัวเองอีกต่อไป

     

    มันไม่จริงใช่ไหมมันแค่ล้อเล่นใช่ไหม!!!

     

    แซมวิ่งเร็วกว่าเดิมเพื่อให้ถึงที่หมายเร็วที่สุด อีกเพียงครึ่งนาทีเขาก็ถึงบ้านแล้ว ทันทีที่เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน เขาเห็นประตูเปิดคาพร้อมกับตำรวจเดินสำรวจอยู่ทั่วบ้านแถมมีกระดาษสีเหลืองอ่อนพันรอบบ้านเหมือนเป็นสถานที่เกิดเหตุอย่างไรอย่างนั้น

     

    นี่มันอะไรกันนี่มันอะไรกันแน่!!!

     

    นัยน์ตาสีฟ้าเทิ้มไปหมด เขายืนตัวสั่น ตลอดทางที่วิ่งมาเขาพยายามโกหกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแท้ ๆถ้าหากนี่เป็นความฝันเขาอยากจะตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้ เขาอยากตื่นขึ้นแล้วเจอหล่อนและลูกชายลูกสาวนั่งอยู่พร้อมหน้า

     

    ค คุณตำรวจครับ….ผม เขาเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ซึ่งคุมอยู่นอกบ้าน ผมเป็นเจ้าของบ้าน…”

     

    ผมเสียใจด้วยครับ…” เขารีบตัดบทพลันบีบไหล่ทั้งสองข้างของเจ้าของบ้านแน่น เธอโดนแทงจนเสียชีวิตครับ…”

     

    ท แทง?!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นแซมแทบจะล้มคุกเข่าลงกับพื้น นาทสึกิบอกกับเขาว่าเห็นผู้ชายใส่หมวกสีแดงพยายามพังประตูเข้าบ้านสุดความสามารถ ทุกอย่างมันดำเนินด้วยเวลาอันสั้นและจบด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาว ตอนแรกแซมพยายามคิดว่านาทสึกิอำเล่นด้วยซ้ำ

     

    เธอมาช้าเพียงก้าวเดียวเท่านั้น…”

     

    เหอ?” เพียงเสียงเย็นอ่อนหวานกลับทำให้กิจกรรมรอบด้านหยุดลงราวกับเวลาซึ่งถูกหยุดไว้ เด็กสาวผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลังภายใต้ชุดนักเรียนสีดำยืนมองเขาด้วยความไม่ยินดียินร้ายอยู่ แซมมองดวงตาสีแดงของเธอพลันลุกขึ้นยืน

     

    เธอเป็นใครกันแน่?”

     

    ฉันชื่อเอมมะ ไอ เธอประกาศชื่อของตนแต่กระนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่สามารถอธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เลย เธอเป็นใครและมาจากไหนแล้วมาหาเขาทำไม

     

    มนุษย์เชื่อแต่ในสิ่งที่เห็นเท่านั้น….” เธอยื่นมือมาให้เขาเพื่อที่จะดึงให้เขาลุกขึ้น กระนั้นเขาก็ไม่กล้าแตะมือเล็กนั่นอยู่ดี หญิงสาวไม่ใช่มนุษย์เธอเหมือนตุ๊กตาซึ่งไร้ชีวิตจนเกินไป ฉันจะทำให้คุณได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง

     

    เธอจะทำอย่างนั้นไปทำไมกัน?!

     

    หรือว่าเธอคือ…” สีหน้าเขาเริ่มตื่นขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่าเส้นทางมันมีให้เลือกอยู่ไม่มากนัก แซมจับมือเธออย่างกล้า ๆกลัว ๆแต่โดยดีแต่กระนั้นเขาก็ยังคงแคลงในการกระทำของเธออยู่ดี

     

    เธอคือจิโกคุ โชวโจ?!”

     

    เหมือนตัวเขาถูกเคลื่อนย้ายกลับเข้าไปในบ้านของตนเองซึ่งดูเรียบร้อยสะอาดตา ร่างสูงหันเหลือบดูนาฬิกาซึ่งตอนนี้บอกเวลาตอนบ่ายครึ่งพอดิบพอดี ช่วงนั้นคงเป็นช่วงเวลาที่เขากลับบ้านอยู่พอดี อาจจะอยู่บนรถหรือลงจากรถแล้วไม่แน่ใจนัก

     

    แซมเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปที่ห้องทานข้าวพร้อมกับจิโกคุ โชวโจ ภรรยาแสนรักของเขายังมีชีวิตอยู่ราวกับข้อเท็จจริง หล่อนไม่ได้จัดการสภาพมอมแมมของตนด้วยซ้ำ ไม่นานหน้าต่างที่ปิดอยู่ก็เปิดออกพร้อมเด็กซนคนหนึ่งในชุดกิโมโนสีม่วงซึ่งมาพร้อมกับช่อดอกเบญมาศสีแดง

     

    นั่นคือคิคุริ…” เด็กสาวจากนรกกล่าวเช่นนั้น ทั้งสองมองบทสนทนาของโยโกะและเด็กน้อยจนกระทั่งมีเสียงเคาะประตู สิ่งเดียวที่แซมสนใจคือภรรยาซึ่งนั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้ด้วยความหวาดวิตก

     

    เสียงประตูดังขึ้นไปเรื่อย ๆจนแทบจะพังอยู่แล้ว ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังนั่งคุดคู้อยู่ตรงนั้นราวกับเสียสติพร่ำพรรณว่าไม่อยู่เรื่อยไป โซฟาที่กันประตูน่าจะป้องกันหล่อนได้

     

    แล้วทำไมล่ะถ้ามันกันได้จริงทำไมหล่อนถึงถูกฆ่า?!

     

    ฮิ….ฮิฮิ สิ่งที่เขาได้ยินคือเสียงหัวเราะแหลมจากเด็กสาวตรงหน้าประตู เธอต้องการทำอะไรกันแน่?!

     

    “!!!” เพียงมือของเจ้าเด็กน้อยตวัดขึ้น ใต้แขนเสื้อกิโมโนก็เผยชิ้นผ้าสีขาวออกมาตวัดรัดกับแขนโซฟาแล้วลากโซฟาให้ถอยออกห่างจากประตู คิคุริทำทุกอย่างด้วยความสนุกสนาน แม้ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วก็ไม่อาจทำให้แซมอยู่เฉยได้ เขาวิ่งไปจะไปเขย่าตัวหล่อนให้หล่อนรู้สึกตัว

     

    ทว่า

     

    โยโกะ หนีไปเร็วเข้า!!” ทันทีที่มือคว้าเข้าที่ไหล่บาง ความรู้สึกของแซมเหมือนกำลังคว้าอากาศ สิ่งที่เขาสัมผัสอยู่คือสิ่งไร้ตัวตน เขากำลังถูกเด็กสาวจากนรกมัดมือชกให้รับรู้ในสิ่งที่เขาไม่พร้อมจะเห็น แซมหันมามองจิโกคุ โชวโจ ทำอะไรสักอย่างสิได้โปรด!”

     

    ฉันไม่สามารถย้อนเวลากลับไปให้ได้หรอก กฏของเวลาคือการเดินหน้าไปเรื่อย ๆเท่านั้น

     

    มันเหมือนตกนรกการที่ต้องมาดูคนรักถูกฆ่าต่อหน้าต่อตามันเหมือนตกนรก ในใจของเขาร้อนรุ่มแทบจะอยู่ไม่ติดกับที่อยู่แล้ว เขาต้องทนดูทั้ง ๆที่ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว!!!

     

    กลับมาแล้ว…” เสียงดูคุ้นหูเหลือเกิน แซมรีบหันไปมองต้นเสียงโดยทันที ดวงตาสีฟ้าถึงกับเบิกโพลงเมื่อเห็นคนตรงหน้า

     

     ว่าไงครับแม่พร้อมที่จะสานต่อจากเรื่องเมื่อวานแล้วหรือยัง?!”

     

    เคียวยะ?!” แซมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเด็กหนุ่มตรงข้างหน้านั้นไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆของเขา ทำไมล่ะ ทำไมเคียวยะถึงเขาจำได้ว่าวันนี้ลูกชายเขาต้องไปทัศนศึกษากับโรงเรียนไม่ใช่เหรอ?!

     

    เคียวยะ…” หล่อนเอื้อนเอ่ยชื่อเขาเบา ๆพลันลุกถอยหลังไปพิงกับเคาเตอร์

     

    ผมตกใจมากเลยนะแม่ที่แม่เล่นหายตัวไปตอนที่ผมจะ…” เคียวยะหัวเราะในลำคอพลันคว้ามีดพกขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อซึ่งตอนนี้เสื้อที่เขานั้นไม่ใช่ชุดเดียวกับเสื้อตอนที่ใส่ออกจากบ้าน ไม่เป็นไรตอนนี้หรือเมื่อคืนก็ยังไม่สาย

     

    ผู้เป็นพ่อยอมรับเลยว่าเขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มอำมหิตจากเด็กคนนั้นมาก่อนเลย ก่อนที่จะได้คิดวิเคราะห์อะไรต่อไปผู้เป็นแม่ก็ได้วิ่งขึ้นบันไดไปแล้ว เจ้าหนุ่มเองก็ไม่รอช้าสาวเท้าตาม เด็กสาวจากนรกหลับตาลงพลันกวาดข้อมือด้วยความอ่อนช้อยไปรอบกายจนฉากที่พวกเขายืนอยู่เปลี่ยนไปอยู่ในห้องนอนของภรรยาซึ่งถูกล๊อคอย่างดีแล้ว

     

    โยโกะยังคงนั่งหลบอยู่ข้างเตียงไม้เพื่อรอความหวังสุดท้าย และเสียงพังประตูก็ดำเนินอยู่เรื่อยไป

     

    ทำไมเคียวยะถึง…” ตัวเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาได้แต่นั่งกอดภรรยาซึ่งเป็นนามธรรมพร้อมน้ำตา ภรรยาโดนฆ่าก็ช้ำใจแทบคลั่งแล้วแต่คนที่ฆ่ากลับไม่ใช่ใครที่ดันเป็นบุตรชายสุดที่รักอีก ทุกอย่างในหัวใจมันถูกทำลายจนป่นปี้ไม่เหลือซาก!!

     

    กระนั้นจิโกคุ โชวโจก็มิได้กล่าวอะไรออกมา เธอนิ่งเฉยเหมือนต้องการให้เขาดูให้จบ ดูให้เต็มตาให้ประจักษ์กับความจริง

     

    โครม!!!

     

    สุดท้ายปราการก็พังลง เจ้าของแววตาฆาตกรเดินเข้ามาอย่างแช่มช้ากำมีดแน่น ดวงตาเลือดเย็นนั่นจดจ้องไปยังร่างของหล่อนพลันพินิจจุดตาย

     

    อย่านะเคียวยะ…” หล่อนเริ่มฮึกเหิมงัดความกล้าเฮือกสุดท้ายออกมาใช้ สิ่งที่ลูกคิดมันผิด ได้โปรดเข้าใจด้วยเถอะ เปลี่ยนทัศนคติเสีย…”

     

    หา…” แววตาอาฆาตของเจ้าหนุ่มยิ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย ยังไงแม่ก็จะขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างแองเจิลกับผมสินะ

     

    แองเจิลเป็นน้องแท้ ๆของลูกน!”

     

    สวบ

     

    ทันทีที่หล่อนลุกจากพื้นเขาก็วิ่งเข้าประชิดตัวแทงของมีคมเข้าไปตรงกลางท้องโดยไม่ลังเล แซมไม่ได้มองเหตุการณ์ตรงหน้า เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทางไม่รับความจริงที่จะเกิดทั้ง ๆที่รู้อยู่แก่ใจ เขาได้แต่นั่งคุกเข่าคงท่าสวมกอดอากาศอยู่ตรงนั้น

     

     

    แองเจิลต้องเป็นของผม…” เคียวยะหอบพลันพับมีดเก็บ ของผมคนเดียวเท่านั้น…”

     

    แซมรู้สึกเหมือนตนเองจมดิ่งลงสู่ความมืด บัดนี้หัวใจของเขาแหลกสลายไม่มีชิ้นดี เขาเงยหน้ามองเด็กสาวผู้มาจากแดนนิรย

     

    ฉันควรทำอะไรต่อไปเหรอ เอมมะ ไอ…” ไม่อาจกลั้นได้อีกแล้ว ร่างสูงเงยหน้าขึ้นฟ้าบีบน้ำตาจนไหลนองหน้า ไอหันไปมองกระเป๋าถือของเขาก่อนที่จะยื่นแขนออกไป บนอุ้งมือเล็กที่ว่างปล่าวนั่นปรากฏตุ๊กตาฟางสีดำมีด้ายผูกที่คอเป็นปมหลวม ๆ

     

    รับนี่ไป…” เธอเดินมาหาเขาพลางยื่นตุ๊กตาเข้ามาใกล้กับใบหน้า แซมไม่ปฏิเสธเธอโดยการรับมันมาอย่างว่าง่ายด้วยความแคลงใจ

     

    ถ้าเธอมีความตั้งใจจริงที่จะแก้แค้น เพียงแค่ดึงด้ายแดงออก เธอและฉันจะผูกพันด้วยพันธสัญญา ผู้ใดสร้างความแค้นแก่เธอจะถูกนำไปสู่นรก

     

    เขาได้สิ่งนี้มาจากภรรยาของเขา โยโกะต้องการแก้แค้นเคียวยะอย่างนั้นเหรอแล้วเธอจะทำไปทำไมกันล่ะ?!

     

    แต่ว่าเมื่อคนหนึ่งได้รับคำสาป หลุมศพสองหลุมจะถูกขุดขึ้น เมื่อเธอตาย วิญญาณของเธอจะตกลงสู่นรกและถูกจองจำด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณชั่วกัลปาวสาน ไม่มีวันได้ขึ้นสรรค์

     

    ดวงตาสีฟ้าใสเบิกโพลงมองไปที่เด็กสาว เขาจำได้ว่าทัซสึกิเคยพูดประโยคนี้กับเขามาก่อน ทัซสึกิไม่ต้องการให้ภรรยาเขาหรือใครคนอื่นต้องมารับเคราะห์เพราะสิ่งนี้หลังจากที่เขาอย่างนั้นใช่หรือไม่?!

     

    ทำไมเธอต้องมาบอกฉันด้วย เอมมะ ไอ…” เขากระซิบแผ่วเบาแฝงความหวาดกลัวลงไปในน้ำเสียง

     

    หญิงสาวยังคงความเงียบไว้เป็นที่ตั้ง

     

    ทั้งฉันและเธอใครกันล่ะที่ไปตัดสินความผิดของคนเหล่านั้น?” ต่อให้ภรรยาเขาต้องการที่จะดึงด้ายสีแดงนี่เขาก็ไม่อาจทำให้ได้ มันไร้เหตุผลเกินไป!!

     

    ฉันไม่มีหน้าที่ไปตัดสินความถูกต้อง…” เด็กสาวหันหลังกลับแล้วเดินทะลุหน้าต่างออกไป

     

    ต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ

     

    แซมรู้ตัวอีกทีเขาก็นั่งอยู่ที่ม้านั่งห่างจากหน้าบ้านไปไม่กี่เมตรเท่านั้น ในมือเขายังกำตุ๊กตาฟางแน่น บัดนี้พวกเจ้าหน้าที่ได้ถอนอุปกรณ์ออกไปจนหมดสิ้น บ้านแห่งนี้กลับมาสู่ความเงียบเหงาอีกครา

     

    ร่างสูงเดินเหมือนไร้ชีวิตเข้าไปในบ้านพลันหันไปมองความพินาศรอบบ้านก่อนที่จะล้มตัวลงนั่งลงบนพื้นซึ่งกระจัดกระจายไปด้วยดอกเบญจมาศสีแดงสด เขาได้แต่จ้องมองตุ๊กตาฟางบนมือว่าควรทำอะไรกับมันดี

     

    เธอคิดดีแล้วอย่างนั้นเหรอ โยโกะ…” ดั้งจมูกโด่งฝังลงกับหัวเข่าทั้งสองข้าง เขาได้ลั่นบทสรุปภายในใจแล้ว ร่างสูงลุกขึ้นพลันเดินไปเก็บตุ๊กตาฟางสีดำนั่นไว้ในห้องก็บของมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดึงด้ายสีแดงออก

     

    ประตูห้องเก็บของยังไม่ปิดดีนัก แซมยังนึกภาพมือเปื้อนเลือดสีแดงสดของหญิงสาวได้ติดตา ริมฝีปากหนาเม้มแน่น เขาตัดสินใจแล้วที่จะไม่ใช้มัน การยืมมือคนอื่นฆ่าก็ไม่ต่างกับการเป็นฆาตกรเสียเอง

    มันไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้ว แซมตัดสินใจโทรหาตำรวจโดยทันที เขาไม่รอช้าที่จะเดินตรงรี่ไปที่โต๊ะไม้ทรงสูงข้างบันไดแล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้น

     

    ทว่าเสียงโทรศัพท์กลับหายไปเหมือนเป็นเพียงของเด็กเล่นธรรมดา

     

    พ่อทำอะไรอยู่เหรอครับ ต้นเสียงจากทางด้านหลังดังชัดเจนเต็มสองรูหู เมื่อสายโทรศัพท์โดนตัดเขาจึงวางมันลงอย่างช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วหันไปมองเจ้าลูกชายด้วยความระแวดระวัง จากที่ดูชุดตัวเก่งที่เคียวยะสวมทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาได้จัดเตรียมไปสองชุด ชุดหนึ่งมีไว้หลอกตาคนเป็นพ่อและอีกชุดหนึ่งการชุดที่ใช้ลงมือฆ่า

     

    กลับมาเร็วจังนะเคียวยะ เมื่อเจ้าหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาข่มขวัญเขา เขาเองก็ไม่ยอมแพ้ด้วยการทำใจแข็งกดเสียงให้เย็นลงในระดับเดียวกันพร้อมทั้งสังเกตความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน เป้หายไปไหนแล้วล่ะ เห็นเมื่อเช้ายังสะพายออกจากบ้านอยู่เลย

     

    ผมฝากไว้กับเพื่อนน่ะพ่อ เดี๋ยวผมจะออกไปดินเนอร์ข้างนอก เจ้าหนุ่มกระชับคอเสื้อแต่กลับปิดคราบโลหิตข้นไม่มิด

     

    ไม่ไว้ใจเชฟมือหนึ่งคนนี้แล้วเหรอไง?”

     

    ผมเสียใจพ่อ มือหนาซุกเข้าไปในกระเป๋ากางแกงพลางคว้ามีดพกออกมา ผมชอบอาหารที่พ่อทำที่สุดแต่คงไม่ได้กินมันอีกแล้ว

     

    สิ้นสุดคำประกาศ ฆาตกรชี้ปลายมีดมายังเขาในทันที นัยน์ตาสีนิลนั่นบอกกับเขาว่าเขาจะถูกแทงโดยที่อีกฝ่ายจะไม่ลังเลต่อความผิดที่จะเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    โยโกะทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ

     

    ใครที่ขัดขวางผมกับแองเจิลต้องถูกขจัด แผนการกำจัดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าหนุ่มถลาตัวหวังจะแทงผู้เป็นพ่ออย่างง่ายดายแต่กลับพลาดไปฝังใบมีดลงบนโต๊ะโทรศัพท์

     

    ผั๊วะ!!

     

    แซมไม่รอช้าคว้าหูโทรศัพท์ฟาดเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจังหวังให้เกิดอาการมึนสักระยะ ระหว่างนี้เขารีบวิ่งไปที่ประตูบ้านหวังจากหนีออกไปแจ้งตำรวจข้างนอกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    “!!” สายไปเสียแล้ว ลูกบิดประตูถูกผูกด้วยเส้นลวดในสภาพของปมตาย ตลอดมาที่เขานั่งอยู่ในครัวทำไมเขาถึงไม่รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าหรือกิจกรรมของลูกชายซึ่งเข้ามาในบ้านเลยล่ะ?!

     

    ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะ ฆาตกรเดินโซซัดโซเซพิงตัวกับกำแพงพลางกำอาวุธแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและหยดเลือดซึ่งไหลลงนองมาจากศีรษะ เอาล่ะทำตัวว่าง่าย เรื่องจะได้จบไว ๆนะพ่อ

     

    อย่างนั้นหรือแกยังกล้าเรียกฉันว่าพ่ออยู่อีกเหรอ?” เหมือนสิ่งที่คิดพิจรณามาตั้งแต่ต้นมันย้อนกลับไปที่ศูนย์ใหม่อีกครั้ง เพราะเขาเลี้ยงดูไม่ดีเองใช่หรือไม่ลูกชายถึงโฉดชั่วเช่นนี้ แม้แต่แองเจิลน้องสาวแท้ ๆของแกแกยังคิดไม่ซื่อ

     

    ใจเขาเข้าสู่ภาวะของการสงบนิ่ง เขาเดินผ่านตัวลูกชายไปยังห้องเก็บของ มือนั่นเปิดประตูห้องโดยไม่ลังเลอีกต่อไป ตุ๊กตาฟางสีดำนั่นยังคงตั้งอยู่บนชั้น

     

    จะทำอะไรน่ะ!!” แม้จะหันหลังให้ฆาตกรเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงของอีกฝ่าย เขาสัมผัสถึงความเจ็บปวดหลังจากที่โดนแทงทะลุเข้ามาตรงแถบสะโพกถึงสี่ครั้งด้วยกัน กระนั้นเขาก็มิอาจที่จะพ่ายแพ้

     

    อึ๊ก!!” ทันทีที่เขาเคลื่อนตัวเข้าไป ใบมีดนั่นก็ถูกกระชากออกมาด้วยมือของลูกชาย หากเขาจะต้องตายตรงนี้ก็ขอได้ทำหน้าที่สุดท้ายของพ่อที่ควรจะกระทำด้วยเถอะ!!

     

    จับตุ๊กตาฟางได้แล้ว เขาใกล้บรรลุผลแล้ว

     

    บาดแผลที่แกทำเนี่ยยังไม่เจ็บเท่ากับตอนที่รู้ว่าแกฆ่าโยโกะหรอกรู้ไหม คำพูดของเขาเหมือนเรียกความหวั่นเกรงของอีกฝ่ายได้ แซมไม่กลัวที่จะต้องตาย เขากลับหลังหันมามองหน้าของอีกฝ่าย

     

    ขอมองหน้าให้ชัดเป็นครั้งสุดท้ายหน่อยก็ดี

     

    ตุ๊กตาฟาง?” เปลือกตาบางหรี่ลงพินิจสิ่งที่อยู่ในมืองของร่างสูงแล้วทำสีหน้าเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก จิโกคุโชวโจ??”

     

    ดูเหมือนทั้งตัวเขาและอีกฝ่ายรู้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่อยู่ในมือคืออะไรและมันทำอะไรได้บ้าง สถานการณ์ได้กลับลำแล้ว เพียงเขาดึงด้ายเส้นนี้ออกคนที่พ่ายแพ้จะเป็นตัวของเคียวยะเอง แต่กระนั้นคำพูดต่าง ๆของเด็กสาวจากนรกก็ยังสะท้อนอยู่ในหัวแทบทุกคำ

     

    แต่เขาได้ตัดสินใจแล้ว

     

    ต่อให้พ่อส่งผมลงนรก พ่อก็ต้องตกนรกไปด้วย มันคุ้มแล้วเหรอ!!”  เจ้าหนุ่มหัวเราะร่วน สำหรับพ่อที่เขารู้จักคงไม่ทำอะไรโง่เง่าแบบนี้หรอก ส่งตุ๊กตามาให้ผม แล้วผมจะไปมอบตัวกับตำรวจก็ได้

     

    ไม่ฉันว่ามันคุ้มสุด ๆเลยล่ะ

     

    “?!”

     

    นี่เป็นบทลงโทษที่ฉันควรจะได้รับกับการได้ลูกอย่างแกมา มีเพียงเสียงเส้นด้ายถูกกระชาก ทันทีที่ปลายด้ายพ้นจากลำคอ ร่างของลูกชายผู้ได้รับการลงโทษจากบิดาก็ได้หายออกไปจากตรงนั้น

     

     สลายไปราวกับธุลี

     

    การร้องขอ ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

     

    ………………..

    ………………

    …………

    …….

    ..

    ฉันอยู่ที่ไหน?!” ทุกอย่างดำมืดไปหมดมันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนนอนอยู่บนเรือโคลงเคลงลอยไปตามสายน้ำอย่างแช่มช้า เย็นเหลือเกินรู้สึกชาไปทั่วร่างเหมือนคนเป็นอัมพาต

     

    อยากเห็นเหรอว่าอยู่ที่ไหน?” เมื่อน้ำเสียงเย็นกล่าวจบ ภาพต่าง ๆในความมืดเริ่มผุดขึ้นลาง ๆจนชัดขึ้นไปอีกระดับ เจ้าหนุ่มเห็นตัวเขานอนอยู่บนเรือเล็ก ดวงตาทั้งสองบอดสนิทและมีมีดปักอยู่ตรงกลางหัวใจ ผู้ซึ่งขับแล่นเรืออย่างนั้นคือเด็กผู้หญิงภายใต้กิโมโนสีดำปักด้วยลายดอกไม้สวยงามราวกับตุ๊กตาญี่ปุ่น

     

    จ จ จิโกคุ โชวโจ?!” เดาได้ไม่ยากเมื่อเห็นดวงตาสีแดงฉานนั่น เธอกำลังนำพาเขาลงสู่นรก!!!

     

    บุตรนั้นเสมือนกับแก้วตาดวงใจของบิดามารดา…” ดวงตาสีแดงนั่นมองตรงไปข้างหน้า มองไปทางประตูนรกสูงตระหง่านท่ามกลางสายน้ำสงบนิ่ง

     

    ถ้าลูกโฉดชั่วพ่อแม่ก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นเธอทำลายกล่องดวงใจของพ่อแม่จนแหลกสลาย…”

     

    สิ้นเสียงของนาง ภาพเลือนลางก็ได้ดับวูบ นี่คือจุดเริ่มต้นของความทรมานแสนสาหัสนี่คือจุดเริ่มต้นสู่ปฐมบทแดนนิรยไม่มีบาปใดหนักเท่าการอกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดอีกแล้ว

     

    สำนึกผิดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เธอได้ยินแต่เสียงสะอึกสะอึ้นตะกุกตะกักของความหวาดกลัว หัวเรือกำลังขับแล่นผ่านประตูนรกไปด้วยความสงบเงียบ

     

    ความแค้นนี้จะถูกล่องลงสู่นรก

     

    ตุ๊กตาฟางนั่นหายไปพร้อมกับร่างของบุตรชาย มีเพียงมีดที่ปักคาพื้นและเส้นด้ายซึ่งพันค้างอยู่กับนิ้ว สิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้วมิอาจแก้ไขได้ดั่งสายน้ำอันไม่อาจจะย้อนกลับ

     

    ร่างสูงลุกขึ้นพลันเดินไปเปิดประตูระเบียงรับแดดยามเย็นและสายลมพัด มือใหญ่ปลดกระดุมลงมาสามเม็ดพลันแหวกเนื้อผ้าออกจนเห็นตราวงกลมรูปไฟสีดำสนิทตราประทับตรงอกนั่นมันคือตราบาปของชายผู้ไม่มีวันได้ขึ้นสู่สวรรค์อีกต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×