ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Teach Me, Teacher #ปราบเด็กนรก [Singto x Krist]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทเรียน.02 - ศิล(ป์)ป่ะ?ที่ไม่โปรด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.38K
      304
      23 ม.ค. 62





    “อาจารย์สิงโต”

    ผมกดเสียงต่ำพูดใส่ไมค์ .. 



    .


    .


    ส่งสายตาคมกริบที่มั่นใจว่าทำได้ดีตรงตามหลักการสอนเป๊ะตอนสอบสอนหน้าชั้นเรียน ยามจำลองเพื่อนร่วมห้องเป็นนักเรียนแล้วเขาขุดเอาความรู้ที่มีมาอธิบายและแก้ปัญหาในยามสอนวิชาปฏิบัติ ทฤษฎีการสอน ก่อนจะมาลงสนามฝึกสอนจริงๆ เขาได้คะแนนดีเป็นอันดับต้นๆเป็นที่พึงพอใจของอาจารย์ประจำวิชานั้น



    แล้วคนอย่างเขา ไอ้สิงโตคนนี้
    จะต้องมาโดนเด็กกะโปโลมัธยมปลายมันหยามหน้าเอาแบบนี้ไม่ได้ ..



    อย่าคิดว่าจะลองดี ไม่มีวัน



    เส้นเลือดบนขมับและส่วนสมองรู้สึกปวดตุบ ยิ่งเห็นแววตากลมโตดื้อรั้นวาววับที่มองมายิ่งรู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะเอาไม้เรียวฟาด ถ้าเป็นครูสมัยก่อนล่ะก็นะ

    แต่อย่าลืมสิครับนี่มันยุคอะไรแล้ว ถ้าขืนผมลงโทษโดยใช้กำลังต้องโดนอบรมหนักแน่นอน





    ถึงจะอยากฟาดให้มันเลิกทำหน้าตากวนประสาทแบบนี้ก็เถอะ
    บางที เข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กดื้อถึงควรทำให้เจ็บ มันจะได้จำไงล่ะ

    แต่กับเด็กพวกนี้ก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าต่อให้โดนไม้เรียวฟาด มันจะจำรึเปล่า
    ท่าทางไม่เห็นจะกลัวอะไรเลย เขาดุมันอยู่แท้ๆนะเนี่ย




    .. มองหน้าไอ้เด็กหน้าห้องที่เอาแต่ลอยหน้าลอยตา ยิ้มกวนประสาท ..


    เราต่างจ้องมองเหมือนจะฆ่ากันทางสายตา จนเด็กนั่นเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อนในเกมส์สงครามประสาทครั้งนี้




    “ฮ่าๆๆๆๆ โธ่ ล้อเล่นน่าจารย์ จารย์นี่ตลกจังวะ อ่ะอะ ผมถามก็ได้ .. จารย์มาสอนวิชาไรอ่ะ”

    คำพูดคำจากับน้ำเสียงกวน ล้อๆนั่น เหมือนถามส่งๆไปงั้นราวกับว่าถ้ามันไม่ถามออกมาผมคงเสียใจหนักหนา ..



    ทั้งที่จริงตอนนี้ถ้าจะเสียใจมีอยู่อย่างเดียวเลยครับ

    เสียใจที่เลือกสอนห้องพวกมันเนี่ยแหละ เวรกรรมจริงๆเลย




    ไม่ใช่แค่คำพูดคำจาที่มีปัญหา แต่ไอ้คนพูดดวงตามันไม่ได้มองสบมาอย่างคนที่อยากได้คำตอบของคำถามด้วยซ้ำ ไม่ได้ดูมีท่าทีสนใจ มากเท่ากับการที่มันหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือในมือตัวเองตอนนี้ .. ไอ้พวกเด็กคนอื่นในห้องก็ด้วย



    กวาดตามองรอบๆก็ยิ่งโมโหจนแทบไฟลุก
    ..แต่บทเรียนของการเป็นครูก็พร่ำสอน ให้ใจเย็น ใช้เหตุผล
    พวกเขายังเด็ก ยังเด็ก ท่องไว้ ยังเด็ก



    เด็กบ้าอะไร มอปลายแล้วโว้ย!
    แล้วนี่ก็เวลาเรียนหนังสือมั้ยล่ะ




    มองไปทางไหนก็เห็นแต่มือถือ หน้ากระดานอยู่นี่! ยืนหัวโด่อยู่นี่ไง!!
    สิงโตขมวดคิ้ว เห็นทีสงสัยต้องดัดนิสัยตั้งแต่คาบแรก



    “นักเรียนทุกคน ผมขอสั่งให้เอามือถือมาวางไว้ในกล่องหน้าห้อง การเล่นโทรศัพท์ในเวลาเรียนทำให้ใจไม่จดจ่อกับเนื้อหาที่เรียน”

    “โห่จารย์”

    “โอ่ยย ไม่เอาน่าา”

    เสียงโอดโอยดังขึ้น ผมยิ้มในใจ รู้อยู่แล้วไม่มีใครทำตามชัวส์





    ตามคาด ... ไม่มีใครมันลุกจากที่นั่งเลยซักคน

    “ผมรู้อยู่แล้วไม่มีใครชอบถูกยึดโทรศัพท์ ตอนผมเรียนผมก็ไม่ชอบ งั้นก็เลือกเอา เลิกเล่นแล้วเก็บมือถือไปซะ หรือไม่งั้นก็เอาออกมาวางหน้าห้อง เวลาเรียนก็เรียน พอเลิกเรียนหรือทำงานที่สั่งในห้องเสร็จเมื่อไหร่ ถ้าให้เวลาพัก เล่นได้ค่อยเล่น โตแล้วแยกแยะด้วยครับ"

    ผมย้ำคำว่าโตแล้ว เหมือนย้ำให้กับตัวเองฟังมากกว่าไอ้เด็กพวกนี้ .. ผมจะมองมันเป็นเด็กเพื่อมองข้ามความผิดไม่ได้ เพราะมัธยมปีที่สี่ ก็อยู่ในวัยที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อีกไม่กี่ปีเด็กพวกนี้ก็ขึ้นมหาลัย ถ้าปล่อยตามใจ ทำตัวเหลวแหลกจะเป็นยังไง



    ที่คิดก็เพราะเป็นห่วงชีวิตพวกมันหรอก

    และที่ห่วงกว่าคือคะแนนฝึกสอนของผมยังไงล่ะ!!






    พวกครูที่นี่อาจจะตามใจเด็กพวกนี้มากเกินไป
    หรือไม่มันก็ดื้อมากเกินไปจนเอาไม่อยู่


    ไม่ว่าจะแบบไหนผมก็ไม่มีทางเลือกทั้งนั้น นอกจากคุมมันให้ได้




    ทั้งห้องเงียบเสียงจ้อกแจ้กจอแจลงเล็กน้อย .. พวกเด็กแสบคงกำลังประเมินบวกลบคูณหารความคุ้มค่าน่าจะเป็นอยู่ในใจ หรือแบบไหนผมไม่สนใจหรอก

    ผมทำท่าจะเดินออกจากจุดที่ยืนหลังไมค์กับโต๊ะตัวยาวหน้าห้อง



    ..ก็แค่แกล้งเร่งรัดให้เด็กมันทำตามเร็วขึ้น แค่ทำเหมือนจะลงไปยึดโทรศัพท์เพราะไม่มีใครเดินเอามือถือมาวางหน้าห้องซักคน..

    เท่านั้นแหละ .. ยังไม่ทันได้ก้าวลงไป

    ได้ผล ไอ้พวกเด็กมีปัญหายอมเก็บมือถือ แต่ไอ้เด็กเก้าอี้หน้าห้อง ถึงจะเก็บมือถือแต่มันยังไม่นั่งดีๆหรอกครับ ให้ตายสิ




    ไม่รู้จะจัดการมันยังไง เหนื่อยแล้ว ปวดหัวด้วย
    ช่างมันไปก่อน แค่นี้ก็พอใจละ

    สำหรับคาบแรก




    “ส่วนที่ถามเรื่องวิชาที่สอน พวกนายรู้อยู่แล้วว่าอาจารย์ที่เข้าสอนคาบนี้วิชาอะไร .. คราวหลังอย่าถามถ้าไม่ได้ต้องการคำตอบ"


    ผมเว้นช่วง แกล้งกวนตีนไอ้คนที่มันทำเป็นถามแต่ไม่ฟังคำตอบผมไปที

    หาเรื่องกันชัดๆ .. สาบานเลยว่าถ้าเพื่อนที่มหาลัยมันทำแบบนี้นะ
    พ่อจะชกหน้าหงาย



    .. แต่ไม่ได้ ไม่ได้ นี่เป็นอาจารย์ ท่องไว้ไอ้สิง
    มึงต้องใจเย็นๆ

    นี่เด็ก นี่เด็ก


    แต่เด็กมอปลาย!! มันควรจะมีสติและตั้งใจเรียนได้แล้ว




    ว๊อย ยิ่งคิดก็ยิ่งขัดใจกับเสียงที่ตีกันในหัวตัวเอง
    พยายามจะมองในแง่ดีแล้วนะ

    แต่มันก็ยังเด็กนรกอยู่ดี




    สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หาวิธีการใหม่ในการทำให้พวกนักเรียนกระตือรือร้นขึ้นมาซักหน่อย นี่คาบแรก ผมก็ยังไม่ได้เตรียมการสอนอะไรมาอยู่แล้ว เวลาก็ยังเหลืออีกเยอะแยะกว่าจะหมดคาบ เพราะงั้น เราจะต้องไม่ใช้เวลาไปอย่างสูญเปล่าครับ



    กดดันให้พวกเด็กทำตัวมีสาระ ให้หายง่วงหน่อยดีกว่า




    "ถ้าไม่มีอะไรจะถามผมก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ผมต้องการคำตอบ และผมจะเป็นคนถามเอง ขอให้นักเรียนทุกคนลุกขึ้นแนะนำตัวทีละคน ชื่อจริง นามสกุล ชื่อเล่น .. วิชาที่ชอบ วิชาที่ไม่ชอบ ตอบให้ครบ เริ่มจากโต๊ะตัวแรกไล่ไปเรื่อยๆ เชิญครับ”



    “จารย์จะอยากรู้ไปทำไม” เสียงใครซักคนดังขึ้นทันทีที่พูดจบคำ




    .. มันกวนตีนจริงๆนะครับ ผมเองยังไม่กล้าถามคำถามนี้กับอาจารย์สอนที่มหาลัยเลย
    ถึงหลายๆครั้งอยากจะถามออกไปมากๆก็เถอะ

    หรือเพราะว่าพอเราโตขึ้น
    ความกล้าที่จะโพล่งอะไรในใจเรามันก็ลดน้อยลงไป
    กลายเป็นการเก็บความรู้สึกต่างๆอันแสนอัดอั้นไว้กับตัวเอง

    ไม่ใช่สิ คนละประเด็นแล้ว
    เพราะตอนนี้ไอ้พวกเด็กเวรนี่แหละที่ทำผมประสาทจะกิน




    คำว่า สัมมาคารวะมันอยู่ตรงไหนเนี่ย
    อยากจะตะโกนถามไปว่า
    กูเป็นเพื่อนเล่นเหรอ .. แต่ไม่ได้ อดทนไว้




    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังนึกไม่ออกจะตอบคำถามมันไปว่ายังไง
    ผมอยากรู้ไปทำไมน่ะเหรอ




    “ไม่ทำไม .. ตอบมาก็พอ”

    กวนตีนมาก็กวนกลับ ต้องแบบนี้แล้วแหละ เหนื่อยชะมัด



    นั่นสิ
    ผมอยากรู้ไปทำไมน่ะเหรอ


    ถ้าให้ตอบจริงๆที่คิดไว้ก็คือ .. ถ้าไม่รู้ว่าแต่ละคนเป็นยังไง แล้วจะรู้วิธีปราบเด็กอย่างพวกนายได้ยังไงล่ะ ..


    แต่ไม่อธิบายให้ฟังหรอก
    อธิบายไปก็ไม่สนใจอยู่ดี
    เสียเวลาเปล่า




    ผมใช้ความเงียบและสายตาบีบบังคับจนนักเรียนคนที่นั่งอยู่ริมสุดแถวหน้าจำใจต้องลุกขึ้นยืนตามคำสั่ง แนะนำตัว เอ่ยบอกชื่อ นามสกุล วิชาที่ชอบ และไม่ชอบ ไล่ไปทีละคน



    ถ้าถามว่าผมจะจำชื่อเด็กทั้งหมดได้ในตอนนี้ไหม
    บอกเลยว่าไม่ได้ครับ ไม่ใช่เทพเจ้า

    อันที่จริงเด็กทั้งห้องจำชื่ออาจารย์สอนอย่างผมแค่คนเดียวมันง่ายแสนง่าย ดูสิเทียบกับการที่ผมต้องจำชื่อเด็กเป็นสิบๆคน ไม่ใช่แค่ห้องเดียวด้วยนะ ทั้งชั้น

    มันน่าสงสารและเหน็ดเหนื่อยกว่ากันแค่ไหน



    แต่ก็อย่างว่าแหละ เด็กมันไม่ได้สนใจหรอก จำชื่อผมได้รึยังก็ยังไม่รู้เลย
    อยากตัดพ้อชีวิตตัวเอง แต่ก็ไม่ดีกว่า ขี้เกียจ

    ..มีสิ่งที่หนักหนาให้น้ำตาไหลอีกเยอะ..
    โดยเฉพาะไอ้ตัวปัญหา




    ผมมองไอ้เด็กตัววุ่น ตัวปัญหาเจ้าของเก้าอี้กลับด้านที่กำลังค่อยๆลุกขึ้นเพราะถึงเวลาที่อีกฝ่ายจะต้องแนะนำตัวบ้างแล้ว

    รู้แต่อยากได้ยาดมมากเลยตอนนี้
    ฝึกสอนจบเทอมคาดว่าผมคงแก่ขึ้นอีกเป็นสิบปี




    ดูสายตากับการยกยิ้มมุมปากนั่นแล้ว .. เชื่อเลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดี


    “พีรวัส แสงโพธิรัตน์ ชื่อเล่นคริส
    วิชาที่ชอบ ไม่มี


    อีกฝ่ายยังคงจ้องมองมาที่ผมไม่ลดละ ..

    แววตาประกายซุกซน ที่ดูแล้วน่าโมโหมากกว่าน่าเอ็นดู ถึงหน้าตามันจะน่ารักไปหน่อยเมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มในรุ่นราวคราวเดียวกัน ผิวขาวจัดรับกับจมูกโด่งได้รูป ใบหน้าหล่อปนน่ารักมีความเท่ห์ตามวัยแก่นๆแฝงอยู่


    แต่เอาจริง ก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้แสดงถึงความ กวน ส้น ตีน
    ของมันเลยแม้แต่น้อย ยิ่งประโยคต่อไปที่พูดออกมา ทำเอาผมอยากจะเดินลงไปกระชากส่งให้ฝ่ายปกครอง เรียกผู้ปกครองมาพบให้รู้แล้วรู้รอดเผื่อมันจะสำนึกบ้าง



    วิชาที่เกลียด.. ศิลปะ ครับจารย์”



    ไอ้... เด็ก เวร



    ผมขมวดคิ้วมุ่น .. พยายามข่มอารมณ์ นับหนึ่งถึงสิบถึงร้อยในใจ แต่นับถูกๆผิดๆเพราะตอนนี้ได้แต่คิดวนเวียน ไม่รู้มันตอบจริงๆหรือจงใจกวน

    แต่น่าจะเป็นอย่างหลัง เพราะไอ้วิชาที่มันบอกว่าเกลียด

    ก็คือวิชาที่กำลังเรียนอยู่นี่ไงล่ะ และผมก็กำลังยืนสอนมันอยู่เนี่ย




    “เหตุผลล่ะ..”


    ผมพยายามหยิบทุกข้อดีของตัวเองยามเรียนในห้องตามคติเด็กท็อปวิชา ที่จริงผมไม่ได้เป็นคนที่มีลุคภายนอกเหมาะกับเป็นครูนักหรอก แต่ด้วยความที่ผมอาจจะเก่งด้านการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และหาทางออก มันเลยทำให้คะแนนปฏิบัติขึ้นพรวดๆยิ่งกว่าเลเวลเกมส์ออนไลน์ที่เก็บเวลอยู่ทุกวี่วันหลังกลับจากมหาลัย



    และครั้งนี้ผมจะต้องจัดการไอ้ตัวปัญหา ที่เป็นปัญหาใหญ่กว่าที่เคยเรียนในห้องเรียนมากนัก


    ปัญหาที่เป็นนักเรียนจริงๆ ไม่อิงตัวแสดงแทนเนี่ยแหละ
    มันยากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย



    แต่ก็คงไม่ยากเกินความสามารถหรอก มั้งนะ




    ผมเรียกร้องถามหาเหตุผลกับไอ้เด็กนี่ ดูเป็นวิธีที่ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ยังอยากรู้ทัศนคติของเด็กที่มันบอกว่าชื่อคริสอยู่ดี

    ไม่ใช่แค่มันหรอกนะที่เขาถาม.. กับคนอื่นก็ถามทุกคน ทุกอย่างต้องมีเหตุผลสิ เอะอะจะมาไม่ชอบ ไม่อยากเรียน..



    มันไม่ได้โว้ยครับ
    อินเนอร์ครูสอนศิลปะเข้าสิง อยู่ๆคุณจะมาไม่ชอบศิลปะไม่ได้ ผมไม่ยอม

    จริงๆมันได้แหละ .. แต่ว่าก็อยากรู้ว่าไอ้เด็กนี่มันจะทำยังไง
    ถ้าโดนผมถามออกไปแบบนี้




    เหตุผลล่ะ เหตุผล

    หึ เอาสิ ตอบมาสิ
    ไม่ชอบเพราะอะไร
    วาดรูปไม่สวย หัวไม่ศิลป์ เรียนแล้วเบื่อ .. ยาก ไม่เข้าใจ ทำไม่ได้

    บอกมาเลย ผมคิดวิธีจะสั่งสอนมันกับทุกคำตอบที่คิดว่ามันจะตอบหมดแล้ว





    .. ถ้ามันตอบเกี่ยวกับศิลปะ ไม่ชอบ ไม่อยากเรียน ผมจะทำเป็นพูดสอนให้มันฝึกให้หนักก็คงจะเก่ง ใช้ให้มันไปค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม ทำเป็นย้ำให้มันลองพยายาม เปิดใจซักหน่อยเดี๋ยวก็เป็นเอง ดูซิจะทำหน้ายังไง

    .. ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก .. หรือแบบนี้ดีมั้ย เท่ๆ ประโยคเดียวเด็ดดวงไปเลย




    “ไม่มี ไม่ชอบก็คือไม่ชอบต้องมีเหตุผลเหรอจารย์”



    .

    .


    ไม่มี .. มันพูดออกมาว่าไม่มีเหตุผล?
    มันกล้าตอบว่าไงนะ ไม่ชอบคือไม่ชอบ
    จะบอกว่าไม่มีเหตุผลที่ไม่ชอบงั้นสิ


    ผมอ้าปากจะโต้เถียงกับเด็กนรกนี่อีกรอบ เพื่อค้นหาเหตุผลอะไรก็ได้ที่จะได้สอนอะไรบางอย่างให้มันจำเข้าหัวบ้าง


    แต่ทันทีที่เห็นแววตาท้าทายที่ส่งมาให้ราวกับสื่อถึงสิ่งที่พูด





    ผมก็เหมือนจะรู้ทันที .. รู้แบบที่ไม่ต้องถาม

    ไม่ใช่วิชาแล้วล่ะที่มันไม่ชอบ!



    “นั่งลง”



    ได้แต่หลับหูหลับตาปล่อยผ่านไปก่อน
    เดี๋ยวเราได้เห็นดีกันแน่





    ไอ้ เด็ก กวนประสาท






    แล้วคิดว่าฉันต้องชอบนายมั้ยล่ะ

    !!!!!!








    ---- TBC

    #ปราบเด็กนรก


    ใครอยากโดเนทยาดมให้จารย์บ้าง 55555  เจอกันตอนหน้าค้าบ เลิ้บๆ <3




    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×