ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Teach Me, Teacher #ปราบเด็กนรก [Singto x Krist]

    ลำดับตอนที่ #11 : บทเรียน.11 - ผลลัพธ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.18K
      298
      27 มิ.ย. 62







    .

    .


    เงียบกริบ

    เป็นผมที่ได้แต่นั่งเงียบกริบในตอนนี้



    ข้างกายเป็นไอ้เด็กแสบที่ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ในขณะที่เราสองคนต่างก็นั่งฟังคำพูดติดจะดุเชิงตำหนิในห้องอันเงียบเชียบที่มีเพียงแต่
    ผม ..
    นักเรียนในปกครอง
    และหัวหน้าหมวด




    มันผิดจากที่ผมพูดตรงไหนล่ะ
    'ลืมมันไปซะ'
    เพราะขนาดว่ายังไม่เริ่มเอ่ยคำนั้น มันก็รู้ถึงจุดจบแล้ว
    จุดจบที่เราต่างต้องมานั่งอยู่ตรงนี้นี่ไงล่ะครับ




    “อาจารย์ฝึกสอนคุณปราชญา คุณพีรวัส.. เป็นเรื่องจริงไหมที่ฉันได้รับคำฟ้องมา”



    พลาดนิดเดียว อาจมีคนเห็นพูดไปใหญ่โต
    เสียหายกันหมด




    “รู้ใช่ไหมว่ามันไม่เหมาะสม คุณเป็นอาจารย์ส่วนคุณเป็นนักเรียน”


    ผมฟังคำพูดตำหนิที่เหมือนตอกย้ำในสิ่งที่ตัวเองย่อมรู้ดีอยู่แล้ว เหมือนย้ำเตือนตัวเองซ้ำไปซ้ำมา




    จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องพักครูวันนั้น แม้ว่าผมกับคริสจะรู้ดีว่าเราต่างไม่ได้ทำอะไรที่ส่อไปในทางที่เกินเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่ามีใครบังเอิญเห็น เข้าใจผิด หรือจงใจปล่อยข่าว

    วันนั้นเราไม่ได้จูบกันด้วยซ้ำ..

    แต่จะโทษใครได้ ต้องโทษตัวเองที่เอาตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ ท่าทางล่อแหลมชวนให้คิด

    เพียงแค่ข้ามวัน ทั้งที่ตั้งใจว่าจะยั้งไว้อย่างที่สุดแล้ว ก็ยังเกิดเรื่องจนได้




    ถ้าจะโทษใคร .. ก็ต้องโทษผมเองนั่นแหละ
    ไม่ควรปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เลย
    แย่ชะมัด


    แย่ ที่ตั้งใจว่าจะไม่ให้เด็กมันต้องมาลำบากกับเรื่องนี้เลย
    ผมไม่น่า..





    “ถ้าพวกคุณยอมรับว่ามันคือเรื่องจริง ขอเตือนเลยนะ อย่าให้เกิดขึ้นอีกซ้ำสอง ไม่งั้นจะไม่จบแค่ตักเตือนแน่”



    “ครับ ผมขอโทษครับ”


    ผมเอ่ยออกไปทั้งมองโต๊ะว่างเปล่าตรงหน้าเหมือนมันมีอะไรน่าสนใจเสียเต็มประดา ในสมองคิดแต่ว่ามันคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้ คือยอมรับ ขอโทษ และอย่าให้มันเกิดขึ้นอีกโดยเด็ดขาด

    ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเถียงว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เพราะถึงแม้เรื่องที่ถูกกล่าวอ้างจะไม่จริงทั้งร้อยเปอร์เซ็น แต่ลึกๆผมก็ยังรู้สึกผิดอย่างมาก..


    รู้สึกผิดในความรู้สึกของตัวเองที่มันไม่ควรจะมาในทิศทางนี้
    รู้ตัวอีกที ผมก็เอ่ยขอโทษกึ่งยอมรับกลายๆ






    “มันผิดกฎข้อไหนครับอาจารย์”

    “คริส!”



    แต่ไอ้เด็กตัวปัญหาข้างๆผมคงไม่คิดแบบนั้น ในเมื่อหลังจากผมเอ่ยขอโทษออกไป แทนที่เรื่องราวจะจบและเราถูกปล่อยตัวออกจากห้อง ระวังไม่ให้มันเกิดซ้ำอีกอย่างที่คุณครูหัวหน้าหมวดตักเตือน

    เสียงแข็งกร้าวฉะฉานกลับดังแทรกขึ้นมาในความเงียบงัน ไม่มีซึ่งความลังเล
    และนั่นทำให้ผมเผลอเรียกชื่อเขา กึ่งจะดุออกไปอย่างไม่รู้ตัว



    อย่าทำให้ทุกอย่างยากไปกว่านี้เลย
    อย่าดื้อ.. ก็แค่ยอมรับมัน





    ครูหัวหน้าหมวดได้ยินแบบนั้นก็เปลี่ยนสายตาจากที่มองสิงโตไปมองคริส
    ยังไม่ทันเอ่ยปากอะไร คนเป็นอาจารย์ก็รีบพูดขึ้นก่อน



    “ผมทราบดีครับครู รับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ผมขอโทษแทนนักเรียนด้วยครับ”




    เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้นเหมือนช่วยชีวิตจากสถานการณ์กระอักกระอ่วน ครูหัวหน้าหมวดก้มมองนาฬิกาข้อมือ


    ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้นักเรียนเสียการเรียน
    หรือเหล่าเด็กที่รออาจารย์ฝึกสอนเข้าสอนในคาบนั้น


    ธุระที่เธอพูดหมดลงแล้ว ตรงประเด็น ได้แต่เอ่ยปากย้ำอีกครั้งติดจะไม่พอใจ


    “ถึงเวลาแล้ว ไปเข้าคาบเรียนได้แล้ว จำที่ฉันบอกไว้ให้ดีล่ะ นี่คือการตักเตือนขั้นต้น อ้อ แล้วถ้าคุณพีรวัสยังไม่เข้าใจ.."

    คุณครูหัวหน้าหมวดเหลือบมองคริสเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมายังอาจารย์ฝึกสอน



    "..คุณก็ช่วยบอก นักเรียน คุณด้วยแล้วกันนะ ฉันคิดว่าคุณปราชญาเข้าใจดี”



    .


    .



    ออกมาจากสถานการณ์น่าอึดอัด ไม่มีหัวหน้าหมวดอยู่ตรงนี้แล้ว
    แต่ความเงียบก็ยังไม่จางหายไป แม้เราจะเดินออกมาจากห้อง เตรียมจะแยกไปตามทางเพื่อไปสอนและเข้าเรียน



    คนไม่พอใจในสิ่งที่ยังค้างคาใจ ตัดสินใจเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน

    “อาจารย์ ทำไม..”



    ไม่ต้องรอเด็กมันพูดจบ ผมก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจะถามคืออะไร
    ทำไมน่ะเหรอ.. คริส




    “ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวนายเองคริส”



    “แต่ผมไม่เข้าใจ..คนรักกันมันผิดตรงไหนวะ อาจารย์เองก็คนธรรมดาเหมือนกัน แล้วมันผิดตรงไหน”


    น้ำเสียงหงุดหงิดกึ่งสับสนที่ไม่เบานัก มันทำให้ผมรีบหันมองรอบตัว เกรงว่าจะมีคนได้ยิน ... โชคดีที่รอบข้างว่างเปล่าไม่มีใคร



    สิงโตลอบถอนใจก่อนจะหันกลับมามองคนที่จ้องมาอย่างไม่เข้าใจ
    มองเด็กตัวปัญหาตั้งแต่เจอครั้งแรกอย่างจริงจัง
    ถึงความรู้สึกที่มีมันจะ..ไม่ได้เหมือนตอนแรกที่เจอกันแล้ว




    “คริส .. รักกันน่ะมันไม่ผิดหรอกนะ”


    มองสบตาเขา .. เอ่ยออกไปอย่างจริงจังเหมือนยามสอนหนังสือหน้าห้อง
    เหมือนกับที่อาจารย์คนหนึ่งควรจะสอนเด็กในปกครองของเขา


    หน้าที่อาจารย์




    “นายอาจจะยังเด็ก ถึงได้ใช้ความรู้สึกกับหัวใจเป็นหลัก แต่โตไปนายจะรู้เอง.. ความรักมันไม่ได้มีแค่นั้นหรอกนะ”


    ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึก ..

    ..ไม่ใช่ว่าที่พูดออกไป .. ความรู้สึกตัวเองมันจะทนได้
    ไม่ได้บอกหรอกนะว่าเขาเองไม่เจ็บกับคำพูดตัวเอง

    แต่บอกแล้ว รักมันไม่ได้มีแค่อยากจะรักก็รักง่ายๆเหมือนที่คิดตอนเด็กๆหรอก

    มีปัจจัยอื่นๆอยู่รอบตัวเราอีกมากมาย





    .. รักกันไม่ผิด แต่ผิดถ้าเอาความรักมาเป็นเหตุผลของการทำสิ่งผิด ..




    ผมเอ่ยพูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินผ่านเขาไป
    อีกครั้ง..

    อีกครั้งที่ข่มใจ ไม่อยากจะคิดว่าเด็กมันจะเข้าใจไหม
    มันจะรู้สึกอะไรในตอนนี้ .. ไม่อยากคิด



    และครั้งนี้ ผมจะต้องทำให้ได้อย่างที่พูด
    อย่างน้อย ก็เพื่อ.. นักเรียนของผมเอง






    ----------




    หลังจากเรื่องราววันนั้น สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คือไอ้เด็กกวนประสาทมันตีเนียนไม่ยอมมาที่ห้องพักครูอีกเลย



    จริงๆวันนั้นเขาเองก็ผิดในฐานะอาจารย์
    แต่ตอนนี้ในฐานะนักเรียน ..
    มันก็ไม่มีสิทธิ์หนีโทษที่ยังไม่ได้สั่งให้เลิกบทลงโทษ



    เหนื่อยใจจริงๆ
    นอกจากเรื่องที่ต้องพยายามข่มความรู้สึกแล้ว .. ถึงส่วนหนึ่งจะเข้าใจ
    แต่เรื่องลงโทษมันก็คนละเรื่องกัน



    สิงโตถอนใจในขณะแบกหนังสือที่จะใช้สอนออกมาจากห้องพักครู

    เอาวะ ยังไงวันนี้ก็มีสอนห้องสี่พอดี
    ต้องคุยกับมันซะหน่อยแล้ว ถึงไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดีก็เถอะ



    ถ้าเฉพาะแค่เรื่องเรียนกับเตือนมันเรื่องบทลงโทษก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง



    .

    .



    ระหว่างทาง ในขณะที่กำลังก้าวเดินไปยังห้องสอน พอดีที่เขาดันได้ยินบทสนทนาที่ไม่เบานักจากนักเรียนกลุ่มหนึ่ง




    “มึงๆมึงว่าจารย์กิ๊กกะไอ้คริสห้องสี่จริงปะวะ”


    “กูว่าจริงว่ะ ก็ที่วันนั้นใครบังเอิญขึ้นตึกไปเห็นไง”

    “เห็นไรวะ”



    “ก็เห็นช็อตที่กำลัง..”



    ผมได้ยินแบบนั้น ไวเท่าความคิด ตั้งท่าจะเดินเข้าไปหาเด็กกลุ่มนั้นที่ไม่เคยสอน ไม่รู้หรอกว่าจะไปบอกพวกมันว่ายังไง .. แต่ที่แน่ๆ ก็ให้พวกเด็กมันรู้ตัวว่าคนที่กำลังอยู่ในหัวข้อสนทนาน่ะอยู่ตรงนี้


    แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงตัว..



    “ห้องพวกมึงว่างเหรอวะ! ไม่มีเรียนไง ถึงได้เอาเวลามาสอดเรื่องคนอื่น”


    น้ำเสียงหาเรื่องดังแทรกขึ้นจากคนมาใหม่ .. ผมหยุดชะงักขาที่กำลังก้าวเดิน อยู่ห่างออกไป แต่ผมก็มองเห็นได้ชัด คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาสอนมาก็หลายครั้ง .. ผมจำได้

    พวกเด็กห้องสี่?!



    “ถ้าไม่รู้เรื่องจริงก็อย่าเสือกพูดให้คนอื่นเสียหาย”



    “ทำไมวะ แค่สงสัยเด็กห้องพวกมึงมันคิดอยากจะได้เกรดทางลัดเหรอ เอาตัวเข้าแลกงี้ ก็ได้เหรอวะ ฮ่าๆ”



    ประโยคที่ได้ยิน ทำเอาผมได้แต่กำหมัดแน่น .. ก่อนจะคลายออกช้าๆ มองสถานการณ์ตรงหน้านิ่งงัน




    “ไอ้..”

    เด็กห้องสี่ สองในสามคนตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปชกไอ้คนปากหมา จังหวะเดียวกันกับที่ใครอีกคนในห้องลุกออกมากันตัวเพื่อนไว้ได้ทันก่อนจะมีการปะทะ




    ... ทำไม .. แล้วถ้ากูบอกใช่ แล้วจะทำไมวะ”


    “ไอ้คริส!”



    พวกเพื่อนที่ถูกคนมาใหม่กันไว้ยืนอยู่ด้านหลังร้องท้วง เจ้าของบทสนทนาที่โดนพาดพิงจ้องมองฝั่งตรงข้ามอย่างหาเรื่อง แต่น้ำเสียงก็ยังถูกควบคุมให้เรียบนิ่งมากกว่าจะโมโหที่โดนว่าด้วยถ้อยคำดูถูก



    “แล้วถ้ากูบอกไม่ใช่ มันจะทำให้มึงเรียนเก่งขึ้นเหรอ”



    !!


    ก่อนที่เรื่องจะลุกลามบานปลาย สิงโตตั้งสติได้ ตรงเข้าไปเอ่ยห้ามการวิวาทของเด็กต่างห้อง ที่เริ่มจะผลักกัน ถกเถียงกันไปมา


    พอเห็นอาจารย์มาเท่านั้นแหละ ไอ้พวกหาเรื่องก็แตกฮือ ด้วยไม่อยากเข้าห้องปกครอง

    ยังไงสู้กับอาจารย์ก็มีแต่แพ้กับแพ้ ไม่คุ้ม



    ยังไม่วายส่งเสียงนินทาก่อนไป ให้ได้ยิน

    “แม่ง ลำเอียงชัวส์ รีบไปเหอะว่ะ”





    ทุกการกระทำย่อมส่งผลตามมาทั้งนั้น เขารู้ดี


    สิงโตทอดถอนใจ.. หันมองเด็กห้องสี่ต่างคนต่างเสื้อผ้าหลุดลุ่ย สภาพดูไม่ได้ เหมือนไปก่อเรื่องมา



    “พวกมันเริ่มก่อนนะจารย์”


    “รู้แล้ว ผมเห็นแล้ว แต่คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก แต่งตัวให้เรียบร้อย เดี๋ยวโดนโทษวิวาทหรอก”

    สิงโตเอ่ยเตือนเหมือนจะดุ แต่ก็รู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองอ่อนลงมากจนเกือบจะเป็นความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ


    .. ถ้าพวกเด็กนี่โดนโทษอะไร ..
    นั่นก็เพราะเกิดจากเรื่องของเขาเป็นสาเหตุด้วยเหมือนกัน



    “แต่มันว่าอาจารย์”

    “ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยเค้าไป พวกนายก็เหมือนกัน เรื่องบางเรื่องปล่อยให้มันผ่านหูไป ไม่โต้ตอบเดี๋ยวมันก็หยุดพูดไปเอง”


    ถึงจะเอ่ยสั่งสอนไปแบบนั้น .. แต่ก็รู้
    ลึกๆแล้วผมไม่ได้อยากจะพูดเรื่องพวกนี้หรอก



    “..แต่ยังไงก็ ขอบใจนะ”




    .


    .



    พวกเด็กกวนตีนยิ้มให้ผม จับเสื้อยัดลวกๆเข้าในกางเกงนักเรียนก่อนจะเดินเข้าห้องไป

    เหลือก็แต่คริส ... ยังคงยืนนิ่ง ไม่พูดอะไรกับผมแม้ซักคำ




    “ทำไมไม่ไปเขียนสรุปหนังสือ นายยังไม่ได้โดนละโทษนะ”

    ถ้าต้องมีใครซักคนพูด ในฐานะอาจารย์ ก็ต้องเป็นผมนั่นแหละ


    ใช่..เรื่องโทษ เรื่องที่จะตักเตือน
    เรื่องที่ทำไมมันถึงหายหัวไป .. ที่ไม่สบายใจนั่นก็อีกเรื่อง




    “... ผมยังนึกไม่ออก ช่วงนี้ยุ่งๆงานละครห้องด้วย ไว้เดี๋ยวผมไป”

    อีกฝ่ายพูดออกมาเพียงเท่านั้น ไม่สบตา ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องไปเลย






    ทั้งตลอดคาบเรียน เด็กหน้าห้องคนเคยกวนตีนวุ่นวายวันนี้นั่งก้มหน้าก้มตาจดเงียบๆ
    เรียบร้อยเกินกว่าปกติ

    แม้เพื่อนจะแซว ตบมุข พูดคุยหัวเราะขำกันเป็นปกติ

    ก็มีแค่คนคนเดียวที่อาจารย์อย่างเขาเผลอมอง
    .. คนที่พยายามไม่สบตามองกลับมา ..

    เด็กนรกที่วันนี้ไม่พูดคุย นั่งซึม ไม่ตอบคำถาม
    ไม่แม้แต่จะกวนตีน ทะเล้นยกมือลองภูมิเขาเหมือนเคย




    ก็แค่ต้องใช้เวลา .. อะไรๆมันคงจะดีขึ้น
    เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่

    ..นี่มันถูกต้องแล้ว.. รึเปล่า..


    คำถามที่เขาถามและตอบตัวเองว่า 'ใช่แน่นอน'
    ยังคงวนลูปซ้ำไปซ้ำมาในใจ











    ---- TBC

    #ปราบเด็กนรก



    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×