คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
คืนวันนั้น...
สายฝนกำลังลงเม็ดหนัก แทรกกับเสียงแปลบเปรี้ยงของฟ้าร้องดังอยู่เป็นระยะ ๆ ลมหอบใหญ่กระโชกรุนแรงกวาดต้อนข้าวของให้ปลิวกระจัดกระจายไปทั่ว ท่ามกลางความมืดที่อาบย้อมพื้นที่ทั้งหมด...ท้องฟ้ากว้างเป็นสีแดงเลือดเดือดดาษเหมือนไฟกำลังลุกไหม้โชตโชน อนึ่งเปลวของแผ่นฟ้าสีเพลิงนั้นคือลำแสงแปลบปลาบเหมือนเส้นประสาทที่วาดตัวลงมาเสียงดังเปรี้ยงป้างอยู่หลายครั้ง พายุฝนยังคงตกและทวีความหนักขึ้นเรื่อยๆ เสียงของมันยามกระทบกับหลังคาบ้านสังกะสีดังซู่ซ่าจนน่าหนวกหู...ฝนที่ทำท่าเหมือนจะไม่หยุดตกง่ายๆ มันทิ้งเม็ดลงมาอยู่เนืองๆ แล้วยิ่งสายลมที่พัดหนักไม่แพ้กัน นำพาเม็ดน้ำฟ้าสาดเข้ามาภายในบ้านจนเปียกชื้น
ระยะหนึ่ง...บนความไม่สมดุลของบรรยากาศ พายุฝนยังคงดำเนินอยู่และไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ประกอบกับลำแสงผ่าเปรี้ยงยังคงลงมาอยู่หลายระลอก แสงแวบวับจับอยู่บนท้องฟ้าคำรามเพียงชั่ววินาที...เสียงเปรี้ยงก็ดังขึ้นตามหลังมาติดๆ เส้นเหมือนรอยแตกร้าวทิ้งตัวลงมาครั้งหนึ่งเหมือนฟ้ากำลังจะแตกแหลก...มันดังจนรู้สึกว่าอยู่ไม่ไกล เหมือนอยู่ใกล้ตัวเพียงนิดเดียว ขณะนี้ใบหูทั้งสองข้างจะได้ยินแต่ท่วงเสียงสายฝนกระหน่ำและฟ้าร้องคำรณ หากเมื่อสิ้นเสียงเปรี้ยงเมื่อสักครู่เสียงแกรกๆของอะไรกำลังหักโคล่นก็ตามมาเหมือนกัน
เพลิน คือเด็กหญิงวัยหกขวบกำลังวิ่งวุ่นอยู่กับการเก็บข้าวของหนีฝนในชุดนักเรียนอันเปียกโชกไปทั้งตัว เธอชะงักเมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่าอยู่ใกล้ๆ หันขวับไปตามต้นเสียงนั่นคือหลังบ้าน เห็นเงาทะมึนของบางอย่างซึ่งดูก็รู้ว่ามันคือต้นสารภี* ที่แม่ปลูกไว้ข้างกับสวนแปลงผักหลังบ้านกำลังโอนเอนอย่างไร้สมดุล แล้วทิ้งตัวลงฟาดกับหลังคาบ้านเสียงดังโครมก่อนจะล่วงลงสู่พื้นดิน
ดวงตาสดใสเบิกโพลงอย่างตกใจ...ปากก็อ้าค้างเหมือนพูดไม่ออก สักพักพอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตึงตังขึ้นไปบนบ้านเพื่อบอกเหตุการณ์เมื่อครู่ให้คนเป็นแม่ฟัง ใจหนึ่งก็หวาดกลัวแกมตกใจน้อยๆ แต่ใจหนึ่งก็ชินชากับสิ่งที่เห็น...เท้าเล็กก้าววิ่งสับๆขึ้นไปตามขั้นบันไดด้วยความรวดเร็ว ปากก็พลางตะโกนร้อง
แม่...ฟ้าผ่า...ฟ้าผ่า !
ร่างเล็กของเด็กหญิงมาหยุดกึกตรงหน้าประตูที่ปิดสนิท กำปั้นน้อยๆเคาะเรียกอยู่หลายหนแต่ไม่ได้คำตอบรับมา เสียงฝนนั้นดังซู่ซ่า แต่เสียงบางอย่างในห้องนั้นเหมือนจะดังกว่าฝนอันโชยหนัก
“คุณต้องเข้าใจหน่อยสินภา” น้ำเสียงทุ่มแผดร้องของผู้ชาย
เพลินแน่ใจว่าเจ้าของเสียงนั้นคือ...พ่อ
นายพิศาล รัตนะธำรง !
ด้วยความอยากรู้...เธอเอาใบหูเข้าไปแนบชิดกับบานประตูฟังผ่านเข้าไปข้างใน เสียงเอะอะของคนทะเลาะกันดังแข่งกับฝนอยู่เรื่อยๆ แม้ได้ยินไม่ชัด หากยังพอจับใจความได้ว่า...
“ฉันเข้าใจคุณดี คุณศาล”
นั่นเสียงของแม่เธอ...น้ำเสียงสั่นสะอื้นเหมือนกำลังร้องไห้
“แล้วคุณจะมารั้งผมไว้ทำไม”
“ฉันรักคุณนะคุณศาล อย่าทิ้งฉันไปเลยนะ”
“ผมมีคนรักใหม่แล้ว ตอนนี้ผมไม่ได้รักคุณ...” เสียงหายไปสักพัก “ผมมีคุณสายแล้ว”
“คุณก็รู้ว่ามันมาทีหลัง”
“แต่ผมรักเธอ...ปล่อยผมเถอะภา...ปล่อยผม”
“ฉันไม่ปล่อย ยังไงฉันก็ไม่ปล่อย” สะอื้น “คุณต้องอยู่กับฉัน ฉันมาก่อน คุณต้องอยู่กับฉันสิ ฮือๆ”
“ผมบอกให้ปล่อยไง”
โอ๊ย !
เพลินตกใจแวบ เมื่อได้ยินเสียงโอดโอยของมารดาดังขึ้น...
ข้างในเกิดอะไรกันแน่ ?
ใครทำอะไรแม่เธอ ?
คำถามหลายคำถามตั้งถามทวนอยู่หลายรอบ ใจคอเริ่มไม่ดี...เธออยากมีตาทิพย์มองทะลุผ่านประตูหนาๆนี่เข้าไปดูเหตุการณ์ข้างในว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงของคนข้างในกำลังแข่งกับพายุฝนรุนแรงอยู่ขณะนี้ ฟ้ากำลังร้องครืนๆติดต่อกัน ฝนก็เริ่มลงเม็ดหนักขึ้น...หนักขึ้น
ทุกอย่างเงียบไประยะหนึ่ง เพลินยังแอบฟังอยู่ข้างนอก ครั้นพอรู้สึกเหมือนลูกบิดของประตูดังแครกๆเหมือนมีคนมาบิด เธอก็รีบปรี่เข้าไปหลบตรงมุมหนึ่งของบ้าน แอบดูอยู่ตรงนั้นไม่นาน ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของคนเป็นพ่อเดินออกมา เคียงข้างกับผู้หญิงวัยคราวเดียวกันเดินคู่ออกมาด้วย เธอเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นชัดเจน...
หล่อนเป็นใครกัน ?
หลังจากที่ร่างของสองคนเคลื่อนหายลงไปทางบันได เพลินก็รีบปราดเข้าไปในห้องอย่างร้อนร้น ประตูบานเฟี้ยมแง้มออกเสียงดังแอด เผยให้เห็นภายในห้องเล็กๆอันเปียกชื้นและข้าวของที่กระจัดกระจาย คนอายุน้อยกวาดสายตามองหามารดารอบๆห้องแล้วสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าก็ทำให้หัวใจเหมือนหยุดเต้นในฉับพลัน มันแน่นอยู่ในอกอย่างกับมีหินก้อนใหญ่มาทับไว้ จุกอยู่ข้างใน น้ำตาเริ่มไหลรินออกมา
ร่างบอบบางของนภานั้นห้อยโต่งเต่งอยู่ริมขอบหน้าต่างในสภาพผูกคอตายสดๆหมาดๆ ใบหน้านวลซีดเผือดลงนั้นพอสังเกตเห็นคราบน้ำตาเอ่อล้นออกมา สันนิษฐานว่าปัจจัยในการฆ่าตัวตายคงเกิดจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ หล่อนคงเสียใจมากจึงคิดลงมือทำร้ายตัวเองเช่นนี้
และเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำให้เพลินกลายเป็นเด็กกำพร้า ตำรวจลงบันทึกว่าการตายของแม่เธอนั้นเป็นอัตวินิบาตกรรมอย่างที่คิดไว้ เด็กหญิงได้แต่นอนร้องไห้หนักอยู่หลายคืน มือก็พลางกอดตุ๊กตาตัวเดียวที่แม่ซื้อให้อย่างแน่นหนา เหมือนกำลังอยู่ในโลกอันเคว้งคว้างลำพังคนเดียว...โลกอันมืดมิด...หมดหนทาง
ภาพสองคนสุดท้ายที่อยู่กับแม่ เพลินยังจำติดตา นี่ขนาดในงานเผาศพแม่...คุณพิศาลกับผู้หญิงคนนั้นยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นสักแอะ เด็กหญิงเจ็บใจจริง...สองคนนั้นทำให้แม่ต้องตาย เธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า เพราะคนพวกนี้ !
พอเสร็จสิ้นพิธีงานศพแม่เรียบร้อย น้ำหวาน น้องสาวแท้ๆของนภาก็มารับเพลินไปอยู่ด้วย ด้วยความที่เป็นสาวโสดทำให้เธอมีอิสระในการเลี้ยงดูหลานอย่างเต็มที่ คอยอบรมเลี้ยงดูมาตลอด เพราะรักและเทิดทูนนภาพี่สาวเสมอมา เพราะความสนิทชิดเชื้อกันมาแต่เด็กทำให้หล่อนรู้สึกว่าเพลินก็ไม่ต่างจากลูกคนหนึ่งเหมือนกัน และยิ่งเจ็บใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าการตายของพี่สาวมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร...น้ำหวานปลูกฝังเพลินเสมอๆมาว่า
“อีนั่น มันเป็นเมียน้อยพ่อแก...พ่อแกมีเมียใหม่ ทำให้แม่แกต้องตาย”
“แกต้องเอาคืนแทนแม่นะเพลิน ไม่อย่างนั้นแกมันก็อกตัญญู!”
ใช่...เพลินเอาคืนแน่ และจะเอาคืนให้สาสม ใบหน้าของคนเป็นพ่อกับผู้หญิงที่น้าหวานบอกว่าเป็นเมียน้อยพ่อมันได้บันทึกเป็นเมมโมรี่ไว้เรียบร้อยแล้ว...เธอจะไม่มีวันลืม ใจของเธอรุ่มร้อนไปด้วยความแค้นที่แผดเผา แค้นที่สะสมอยู่ลึกรอวันระเบิดออกมา...เธอต้องเอาคืนคนพวกนั้น
แค้นนี่ต้องสะสาง !
15 ปีผ่านไป
รถเบนซ์เปิดประทุนรุ่นใหม่ล่าสุดสีดำวิ่งมาตามถนนด้วยความเร็วยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากคนขับคือหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆกำลังนั่งสัปหงกด้วยความเมาอยู่หน้าพวงมาลัย ใบหน้าเข้ารูปแดงก่ำไม่ต่างจากสีพริก เธอกำลังบังคับรถให้เคลื่อนตัวไปบนถนนอย่างไม่ละสายตาแต่ละสติ ท่ามกลางความมืดของกลางคืนที่ไม่มีพระจันทร์ส่องแสงมีเพียงแสงไฟจากหน้ารถนำทางนั้น หล่อนกำลังจะเผลอหลับไปอยู่หลายครั้ง แต่ก็ตั้งสติได้
แต่เหมือนจะไม่ไหว หล่อนหมดสติไปสักพัก หากรถก็ยังวิ่งอยู่ปกติ มารู้สึกตัวขึ้นอีกที...ก็จนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกเจ้าหล่อนให้ลืมตาขึ้นมา พยายามปรับสายตาที่พร่ามัวให้เข้ารูป และแล้วความตกใจก็พุ่งเข้ามาสู่เธอสุดขีด ดวงตานั้นเบิกโพลง...แสงไฟหน้ารถที่สาดสะท้อนไปยังถนนตรงหน้า เผยให้เห็นเงาร่างของใครบางคนวิ่งตัดหน้ารถมา หล่อนพยามบีบแตรเป็นทางยาวด้วยความตกใจ ฝ่ายนั้นก็คงตกใจเช่นกันเพราะใบหน้านั้นหันขวับมาทางต้นเสียงอ้าปากเหมือนกรีดร้อง...เท้าของหล่อนเหยียบเบรกเต็มพิกัด มือก็พลันจับพวงมาลัยกำแน่นแล้วหมุนมันวนไปมาหลายรอบจนรถหักเลี้ยวออกข้างทาง
ปี๊ดดดดดดดดดดดด
เสียงแตรรถลากยาวแทรกกับเสียงแอ๊ดของรถที่ไถลเป็นทางยาวเหมือนกัน รถคันงามพุ่งเข้าชนต้นไม้ใหญ่อย่างเต็มเปาเสียงดังตุ้มเหมือนระเบิด สภาพรถย่อยยับแทบไม่เหลือเค้าโครงอย่างเก่า คนบนรถรู้สึกเจ็บแปลบๆที่บนหัวที่มีเลือดไหลสาดออกมา สายตาอันพร่ามัวมองผ่านออกมาข้างนอก...ร่างบางของใครบางคนนอนเกลือกอยู่ตรงนั้น หล่อนพยายามจะดูว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรหรือเปล่าแต่แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงไป !
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาในกลางดึกที่น้ำหวานกำลังนอนอยู่อย่างสบาย หล่อนงัวเงียตื่นขึ้นมาแล้วเอื้อมเอาโทรศัพท์เครื่องเล็กรุ่นเก่าที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆขึ้นมารับ กรอกเสียงทักทายคนปลายสายอย่างหงุดหงิด
“มีไรโว้ย...โทร.มาตอนดึกๆดื่น คนกำลังหลับกำลังนอน”
ฝ่ายนั้นโดนค้อนวงลูกใหญ่ก็เงียบอยู่สักพักก่อนจะตอบ
“คุณน้ำหวานใช่ไหมคะ”
“เออ...”
“คุณเพลินประสบอุบัติเหตุค่ะ”
เพล้งงงงงงงงง !
โทรศัพท์หลุดออกจากมือหล่นลงกระทบพื้นเสียงดัง คนฟังเหมือนอึ้งไปครู่ใหญ่ คำพูดของปลายสายกรอกเข้าหูวนไปวนมาอยู่หลายรอบ...คุณเพลินประสบอุบัติเหตุ...คุณเพลินประสบอุบัติเหตุ...คุณเพลินประสบอุบัติเหตุ..!
ไม่จริงงงงงงงงงงง..!
.............................................
ความคิดเห็น