คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : การขอความช่วยเหลือจากนายนั่น
วันเวลาช่างผ่านเดินไปรวดเร็วเสียเหลือเกินฉันต้องสอบปิดภาคเรียนแล้ว
เหรอเนี่ยเซ็งจริงๆเลย สอบวันแรกก็วิชาภาษาอังกฤษซะแล้วเนี่ย โอ้..พระเจ้าช่วยข้า
น้อยด้วยฉันแย่แน่ ทำไงดีล่ะ เพื่อนฉันทั้งกลุ่มเนี่ย สำหรับวิชานี้แย่กันทั้งกลุ่มเลย
โดยเฉพาะฉันแล้วเนี่ย โอย..ไม่อยากจะคิด แค่พอไปได้อ่ะนะ แล้วแบบทดสอบอัน
แรกก็เป็นบทสนทนากับเจ้าของภาษาซะด้วย ทำไงดีล่ะ เหลือเวลาอีกแค่สอง
อาทิตย์เองเนี่ย ฉันอยากจะบ้าตาย
“นี่พวกแก ทำไงดีล่ะทีนี้ ได้ตายหมู่กันแน่”ฉันพูดกับเพื่อนๆที่โต๊ะประจำ
ของพวกเรา “ก็คงต้องหาคนมาติวให้” มิ้งค์พูดออกมา “แล้วใครที่ไหนเค้าจะมาติว
ให้พวกเราล่ะ หรือว่าจะไปปรึกษาอาจารย์พรรทิพาดีล่ะ” ก้านพูด “จะบ้าเหรอ
ขนาดแค่ตอบคำถามในห้องไม่ได้ก็ว่าซะยังกับไปทำอะไรผิดจนต้องโทษประหาร
ซะงั้นแหละ” ยัย กิมพูดขึ้น มันทำให้ฉันนึกไปถึงตอนที่ยายเจ๊โหดนี่ด่าฉันเละใน
ห้องเรียนคาบวิชาภาษาอังกฤษเพราะฉันแค่ตอบคำถามอันยากแสนยากของเจ๊แกไม่
ได้ก็เท่านั้นเอง ฉันยังจำได้ดีเลยวว่าเจ๊แกด่าฉันว่ายังไง ‘นี่เธอยัยบื้อ..คำถามง่ายๆแค่
นี้ยังตอบไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรกิน หา...ฉันสอนนี่ไม่รู้เรื่องเลยใช่มั้ย ไปเลยเธอ
ไปยืนคาบไม้บรรทัดหน้าห้องจนกว่าจะหมดคาบ’ หลังจากนั้นซักพักฉันก็มีเพื่อน
ยืนคาบไม้บรรทัดเป็นแถวยาวเลยเกือบจะครึ่งห้องโน่น แต่ยัยเชอร์รี่เน่านั่นเก่งภาษา
สุดๆก็เลยไม่ได้มายืนด้วยกัน พวกที่มายืนเนี่ยก็เป็นพวกของฉันแล้วก็พวกที่ซ่าส์ๆ
ประจำห้องอีกเล็กน้อย ฉันยังจำวันนั้นไม่เคยลืมเพราะมันเป็นชั่วโมงที่สองของการ
เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เปิดเทอม
“เออนี่ก็ลองไปขอให้อาร์ทเค้ามาสอนสิ” กิมพูดเสียงหวานๆเหมือนยังกับ
ว่าแอบชอบนายนั่นอยู่แหละ ยัยเนี่ยเวลามีอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมด แล้ว
ตอนนี้ก็กำลังหน้าแดงสุดๆเลยด้วย “น...น..นี่ แก ทำเสียงอย่างนี้ หน้าแดงแบบนี้
อย่าบอกนะว่า ...เธอชอบนายอาร์ทเหรอ” มิ้งค์พูดพลางตกใจเล็กน้อย ฉันก็คิดว่า
เป็นอย่างนั้นแหละเพราะยัยกิ้มนั่งอมยิ้มหน้าแดงจนจะละลายหายไปจากโลกอยู่
แล้ว “เฮ้ยแกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ยัยก้านถามขึ้นมา “ก็...ก็...ตอนที่ซ้อมเต้นรำนั่น
แหละ” ยัยกิมพูดขึ้นอย่างเขินๆ “โหย แกนี่ใช่ย่อยเลยนะนี่ แต่ตาต่ำไปนิดว่ะ ชอบ
เข้าไปได้ยังไง นายนั่นกวนประสาทจะตาย ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษซักกะนิดนึง”
ฉันพูดออกไป มันทำให้เพื่อนทั้งกลุ่มมองหน้าฉันอย่างประหลาดใจ “ฉันก็ไม่เห็น
ว่าอาร์ทเค้าจะเป็นอย่างที่เธอพูดเลย เพราะเค้าน่ะ สุภาพมากเลยนะ”ยัยกิมแย้งขึ้นมา
ทันที “ก็...”.... “หยุดเลยนี่พวกแกฉันให้คุยเรื่องการสอบนะ” ฉันกำลังจะพูดแต่ยัย
ก้านก็มาขัดซะงั้น “ตกลงเอาเป็นว่าให้นายอาร์ทติวให้แล้วกันนะ เห็นว่านายนั่นเก่ง
มากไม่ใช่เหรอ เอาเป็นว่าให้เธอแล้วกันนะยัยจิ๊บ ไปขอนายอาร์ทมาติวให้พวก
เราแล้วกัน” ยัยก้านจอมเจ้ากี้เจ้าการพูดขึ้น “แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะ” “ก็เห็นเธอ
น่าจะสนิทกับนายอาร์ทนี่”ยัยก้านตัดบท แล้วทุกคนก็เดินหนีฉันไปดื้อๆซะงั้น
โอย..แล้วฉันจะไปบอกนายบ้านั่นยังไงเนี่ย หรือจะเดินไปคุกเข่าขอร้อง
โอ๊ะไม่ไม่เหมือนจะไปขอแต่งงานงั้นแหละ เอ...หรือว่าเอาดอกไม้ไปให้ ไม่เอา เอา
การ์ดดีกว่า เอ๊ะแต่ไม่น่าจะเวิร์ค พูดไปตรงๆก็คงจะดีกว่านะ
ในที่สุดตอนเย็นหลังเลิกเรียน ฉันก็ตัดสินใจที่จะเดินไปขอให้นายนั่นช่วย
แต่ว่าผู้หญิงทั้งหลายแหล่รวมทั้งพวกคุณหนูไฮโซนั่นด้วย ต่างมารุมนั่งมุงแล้วฟัง
นายนั่นสอนภาษาอังกฤษอยู่นั่นแหละ ทั้งที่บางคนก็เก่งอยู่แล้วนะ ฉันละไม่เข้าใจ
แม่พวกนั้นเลย หรือว่าฉันจะขอให้คนอื่นช่วยดี แต่จะไปขอให้ใครติวให้ล่ะเอาเป็น
ว่านายนั่นหละ แต่คงต้องรอให้ติวให้พวกนั้นติวเสร็จก่อน ดู๊ ดูซินั่งทำตาหยาดเยิ้ม
เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด
ในที่สุดฉันก็อดทนรอ 2 ชั่วโมงเต็มๆ ฉันนี่สมควรจะได้รับรางวัลนางเอกดี
เด่นนะเนี่ย ดูซิตอนนี้เวลาปาเข้าไปหกโมงกว่าแล้วเนี่ย รีบๆไปบอกดีกว่า
“นี่นาย ฉันมีเรื่องจะให้นายช่วยหน่อย” ฉันเดินไปบอกนายนั่นที่นั่งอยู่ที่
โต๊ะม้าหินอ่อนข้างอาคารที่ฉันเรียน นายนั่นมองหน้าฉันแบบกวนๆแล้วก็ไม่พูด
อะไร มัวแต่ขะมักเขม้นกับการทำการบ้านภาษาอังกฤษอยู่ ความจริงแล้วฉันก็ยังไม่
ได้ทำหรอกนะ “คือว่านาย...นาย...ช่วย...ช่วย” ฉันพูดแบบติดๆขัดๆยังไงบอกไม่
ถูก “ช่วยอะไร” นายนั่นพูด “ช่วยติวให้พวกฉันได้มั้ย?” เฮ้อในที่สุดฉันก็พูดออกมา
ได้ซักทีนึง “ติว?”นายนั่นพูดพร้อมกับทำหน้างงๆ “พูดใหม่อีกทีซิ” นายนั่นบอก
ฉัน “ก็อยากจะให้นายช่วยติวภาษาอังกฤษให้ฉันแล้วก็ยัยมิ้งค์ ยัยกิมและยัยก้าน
ด้วย” ฉันพูดออกไป “นี่เธอจะมาขอให้ฉันช่วยแล้วมาพูดอย่างนี้เนี่ยนะ ฟังแล้วไม่
ปลื้ม” ให้ตายสิฉันอยากจะกระโดดไปชกหน้าซะเดี๋ยวนี้เลย อดทนไว้ จิ๊บ อดทน
ไว้ “แล้วจะให้ฉันพูดยังไงล่ะยะ นี่ฉันพูดดีที่สุดแล้วย่ะ” ฉันโวยออกไป “เธอก็”
นายนั่นหันมามองฉันแบบมีเลศนัย “ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน” อะไรกันนายนี่เคี่ยว
เป็นบ้าเลย “นี่นายหมายถึงเงินใช่ป่ะ เอาเท่าไหร่ล่ะ”ฉันพูดเป็นเชิงรู้ทัน “โอ๊ยนี่ ยัย
เอ๋อ จะเอ๋อไปถึงไหนกัน ฉันไม่ได้หมายถึงเงินซะหน่อย” นายนั่นพูด “แล้วนาย
หมายถึงอะไรล่ะ” ฉันพูดพลางทำหน้าไร้เดียวสาสุดๆ “เธอต้องเป็นแฟนฉันจนกว่า
3 เดือน” หานายนั่นพูดอะไรออกมาน่ะ บ้ารึป่าว ฉันได้แต่ยืนมองอ้าปากค้าง ดูนาย
นั่นหัวเราะอย่างพอใจ ไม่น่า ฉันฝันไปแน่ๆไหนลองดูซิ เผี้ย!...ฉันเอื้อมมือไปตบ
นายนั่นดังเผี้ย “นายเจ็บมั้ย” นายนั่นหันมองหน้าฉันด้วยสายตางุนงงแล้วตอบว่า
“ไม่เจ็บ แล้วเธอมาตบหน้าฉันทำไม?” นายนั่นไม่เจ็บนี่ ฉันฝันแน่ๆ นี่ฉันฝันไป
แน่ๆ โอ๊ย..ทำไมมันงงไปหมดอย่างนี้เนี่ยมันมืดไปหมด ฉันคงกำลังจะตื่นแน่
เลยอย่าเพิ่งตื่นสิ ฉันยังไม่ได้ตอบนายนั่นเลยนี่ โอ๊ย..ปวดหัว ทำไมในฝันมันถึงปวด
หัวล่ะ ไม่ไหวแล้ว วูบ........
นี่ฉันฝันไปไม่ใช่เหรอเนี่ยทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ นี่ไม่ใช้ห้องนอนฉันนี่ มันไม่
คุ้นเลยแฮะ อ้าว ทำไมนายนั่นมาอยู่ข้างฉันล่ะ “นี่นายที่นี่ที่ไหนอ่ะ” “ห้องพยาบาล
น่ะ เธอเป็นยังไงบ้าง” นายนั่นถามฉัน “ไม่เป็นไรนี่” ฉันตอบไปอย่างงงๆ “ก็ดีแล้ว
ที่เธอไม่เป็นอะไร ว่าแต่เรื่องนั้นเธอว่ายังไง” หานายนั่นพูดเรื่องอะไรไม่เห็นจะรู้
เรื่องเลย “นี่นายหมายถึงเรื่องอะไรน่ะ”ฉันถามนายนั่นไป “ก็เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้”
“เรื่องเมื่อกี้ นี่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันฝันอะไร” ฉันถามนายนั่นออกไป “นี่เธอนี่เอ๋อสุดๆ
ฝันเหรอ สงสัยเป็นลมจนเซ่อ ฮ่าๆๆ” นายนั่นพูดออกมา มันทำให้ฉันงงไปหมด
“เมื่อกี้นี้มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?” ฉันถามนายนั่นด้วยเสียงอ่อยๆเพราะรู้ว่าตัวเองต้อง
หน้าแตกแน่ๆ “ก็ใช่น่ะสิ ตกลงเธอว่าไง”นายนั่นถามฉันเรื่องนั้น “นี่นายจะบ้าเหรอ
เกิดพิสวาสฉันขึ้นมาล่ะสิ” ฉันพูดออกมาอย่างภูมิใจ “นี่เธอนี่ตลกเก่งนะ ฉันไม่เคย
พิสวาสเธอเลยล่ะแต่”นายนั่นพูดพลางหันมองซ้ายมองขวา “ฉันจะให้เธอเล่นละคร
เท่านั้นแหละ” “เล่นละคร?”ฉันถามเพราะไม่เข้าใจ “ก็แค่ทำให้คนอื่นเค้าเห็นว่า
เราเป็นแฟนกัน แล้วก็ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นเลิกยุ่งกับฉันไงล่ะ” ฟังจากคำพูดของ
นายนั่นแล้ว รู้สึกว่ามันเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อยนะ แล้วเรื่องอะไรฉันจะไป
ยอมนายล่ะ ฉันน่ะเป็นกุลสตรีศรีกบาลนะ เอ้ยไม่ใช่ต้องเป็นกุลสตรีศรีสยามต่าง
หาก “ไม่ตกลง”ฉันพูดไปโดยแบบไม่ต้องคิด “งั้นเรื่องติวน่ะ ฉันไม่ตกลง” หาได้
ไงนายนี่มันน่าเกลียดจริงๆ เลย ทำไงดีล่ะ คิดออกแล้ว “ถ้าฉันไม่ตกลง แต่ให้คน
อื่นเป็นแฟนนายแทนฉันได้มั้ย ยัยกิมเพื่อนฉันไงหน้าตาดีกว่าฉันตั้งเยอะ”ใช่ๆฉัน
ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเอาอย่างนี้แหละ “ไม่ตกลง”นายนั่นตอบ “ทำไม
ล่ะ”ฉันถามด้วยอารมณ์โมโห “ก็ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่สนุกสิ” นายนั่นตอบ นายนี่พิลึก
พิกลแฮะ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ ทั้งหน้าด้าน ปากน้องหมา แถมกวนประสาทอีก
ไม่รู้นายคิดอะไรของนายฉันล่ะงง “ยังไงฉันก็ไม่”ฉันพูดแล้วก็ลุกออกไปทันที
“ฉันมีเรื่องจะบอกพวกแกว่ะ”ฉันเดินมาถึงฉันก็ลากไปพวกนั้นออกจาก
ห้องนอนไปยังที่ลับตาคน แล้วก็เล่าเรื่องที่นายนั่นพูดทั้งหมดให้ฟัง ทุกคนต่างพา
กันทำตาลุกวาวไปหมด
“นี่ เธอคงจะไม่ได้ฝันกลางวันไปใช่มั้ย” ยัยมิ้งค์พูดพร้อมกับทำหน้าไม่เชื่อ
อย่างเต็มที่ “นี่ฉันไม่ได้ฝันนะเว้ย” ฉันพูดออกไป และสังเกตได้ถึงสีหน้าผิดปกติ
ของยัยกิม และฉันก็เลยพูดต่อว่า “แต่ฉันปฏิเสธไปแล้วนะ” ฉันรีบพูดขึ้นทันที “ยัง
ไงฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้นหรอก” “ไม่โง่เหรอ อย่างนี้เค้าเรียกว่าโง่”ยัยกิมหันมาพูดกับ
ฉันทันที “ก็..แกชอบอีตานั่นไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างฉันเกลียดอีตานั่นเข้าไส้เลย”
ฉันพูดออกไปตามความรู้สึก “ถึงฉันจะชอบอาร์ท แต่แกไม่ได้คบกันจริงๆซัก
หน่อย” ฉันกำลังจะอ้าปากพูดแย้งออกไปกับความคิดนี้ ยัยกิมก็ทำเหมือนกับจะรู้
ทันเลยพูดดักออกมา “นี่ไปบอกตกลงวันพรุ่งนี้เลย” ยัยกิมพูดจบทุกคนก็สลายตัว
กลับห้องใครห้องมันเพราะว่าห้องที่ฉันนอนน่ะ มีฉันกับยัยมิ้งค์และเพื่อนคนอื่นๆ
ส่วนยัยกิมกับยัยก้าน นอนที่ห้องข้างๆฉันเองแหละ
เฮ้อ...ไม่อยากให้เช้าเลย ฉันต้องไปตกลงกับนายนั่นวันนี้แล้วสินะ โอย..ฉัน
ยังไม่อยากลุกจากที่นอนตอนนี้นะ อย่าเพิ่งขึ้นมาสิดวงอาทิตย์จ๋า........ ฉันนึกไป
ต่างๆนาๆสารพัด ขณะยังนอนอยู่บนที่นอนมองดูพระอาทิตย์ขึ้นมายามเช้า และใน
ที่สุดฉันก็ต้องลุกขึ้นมาตามระเบียบแหละ
“นี่..ไปเลยไปเลย อย่ามาทำโอดโอย” พวกเพื่อนบ้ามันกำลังผลักใสไล่ส่ง
ฉันเป็นการใหญ่ ฉันล่ะ เบื่อพวกนี้จริงๆเลย
“นี่นาย”ฉันพูดกับนายนั่นที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว “เรื่องเมื่อ
วาน” ฉันพูดติดๆขัดๆ แต่ฉันยังไม่ทันได้พูด หมอนั่นก็ดันมารู้ทันฉันซะได้ “ตกลง
ใช่มั้ย”นายนั่นพูด “เออ ฉันตกลง”ฉันพูดไป “แต่เพราะเพื่อนฉันนะ ไม่ใช่ว่าฉันเกิด
หน้ามืดหลงรักนายขึ้นมา” ฉันรีบพูดออกไป “แล้วฉันต้องทำยังไง ฉันไม่เคยมี
แฟน” ฉันพูดออกไป “ก็...ไม่ต้องทำอะไรมากแค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” แล้วนาย
นั่นก็ลุกเดินไปเฉยเลย เฮ้อ...ฉันล่ะหนักใจกับนายบ้านี่จริงๆคิดจะไปก็ไปคิดจะมาก็
มา คิดอะไรก็ทำปุบปับนายบ้านี่มันช่างขัดตาขัดใจฉันจริงๆให้ตายสิ ฉันอยากจะ
เหยียบ เหยียบนาย เหยียบให้จมดิน แล้วปั้นใส่ถังขยะ โยนต่อให้คนเก็บขยะเอาไป
เผาซะให้เข็ด
ก็เลยสรุปว่า นายนั่นสอนฉันได้ดีมากแล้วก็เข้าใจดีด้วย ฉันและเพื่อนๆต่าง
อึ้งไปตามๆกันเลยทีเดียว มันช่างน่าอัศจรรย์ที่นายนี่เก่งขนาดนี้
แล้วเรื่องที่ตกลงกันไว้ว่าจะเล่นละครเป็นแฟนนายนั่นอ่ะนะ ก็เห็นนายนั่น
บอกว่าหลังสอบเสร็จก็คงจะอะไรประมาณนั้นแหละ เพราะฉันก็ไม่ค่อยสนใจเท่า
ไหร่.......................................................................................................................................
และแล้วการสอบก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผลสอบของฉันก็เป็นที่น่าพอใจ คือ
เกรด 3.88 นะ แล้วยัยมิ้งค์ก็ 3.96 ส่วนยัยกิมก็ 3.96 แล้วยัยก้านจอมแก่นก็ 3.88
เหมือนกับฉันเลย ส่วนนายนั่นอ่ะนะ แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็น 4.00 แต่ที่น่า
หมั่นไส้ที่สุดคือยัยเชอร์รี่เน่านั่น แค่ได้เกรด4.00 ทำเป็นคุยว่าคุณพ่อจะซื้อรถคัน
ใหม่ให้ เชอะ!หมั่นไส้
เฮ้อ...ไปได้อีกตอน แล้วติดตามชมต่อไปนะคะ
ความคิดเห็น