คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เข้าร่วมกลุ่ม
ณ ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในตอนกลางคืนที่เงียบสงัด ถนนด้านหน้าของร้านจะเห็นร่าง‘มนุษย์’มากมายที่นอนเกลื่อนสิ่งที่เห็นได้ชัดคือศีรษะของพวกเขาล้วนถูกทำลาย
“เรียบร้อยหรือยัง”
“เรียบร้อยหมดแล้วพี่ใหญ่”
“พี่ใหญ่ในโกดังไม่มีเสบียงเหลืออยู่เลย”
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ”
เสียงพูดคุยเริ่มดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ชายฉกรรจ์สามคนเดินเข้ามาทางหน้าประตูในมือแต่ละคนถืออาวุธที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดยิ่งชวนน่าหวาดกลัว
“พี่ใหญ่เราจะเอายังไงกับคนเหล่านี้ดี” ชายที่ถือขวานในมือชี้นิ้วไปข้างหน้า ด้านหน้าของพวกเขามีคนห้าคนถูกมัดมือมัดเท้าและถูกผ้าปิดปากไว้เพื่อไม่ให้หนีและส่งเสียง
“เอาผ้าปิดปากพวกมันออกก่อน” ชายที่มีแผลเป็นกากบาทบนใบหน้าที่ถูกเรียกพี่ใหญ่สั่งขณะกวาดตามองคนเหล่านั้น ในกลุ่มนั้นมีผู้ชายสามคนและผู้หญิงอีกสอง
ทันทีที่ผ้าปิดปากถูกถอดออกถ้อยคำมากมายก็ลั่วไหลออกมา
“อย่าฆ่าเราเลย ได้โปรด ถ้าพวกคุณต้องการเหยื่อล่อซอมบี้ ก็ … พาเธอไป” ชายร่างผอมกล่าวขึ้นและใช้มือที่ถูกมัดดันหญิงสาวข้างกายออกไปข้างหน้า หญิงสาวมีท่าทีตกใจอละจ้องมองแฟนหนุ่มด้วยสายตาไม่เชื่อก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธ
“นายพูดอย่างนี้ได้ยังไง ฉันไม่น่าคบกับนายตั้งแต่แรกเลยไอ้สารเลว” แฟนสาวพยายามทุบตีแฟนหนุ่มด้วยความโกรธ คนที่ถูกจับคนอื่นพากันถอยหนีการต่อสู้ของคู่รัก
“เงียบ พวกแกต้องการเรียกซอมบี้มาที่นี่หรือไง” คนถือขวานกล่าวด้วยใบหน้าที่น่ากลัวคู่รักพากันหุบปากและตัวสั่นด้วยความกลัว
“พี่ใหญ่หรือเราจะโยนพวกมันออกไปให้ซอมบี้ทั้งหมด” ชายที่สวมหมวกเบสบอลที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่ใหญ่เสนอ คนที่ถูกจับทั้งสี่สั่นกลัวและร้องขอความเมตตา
“พี่ใหญ่คุณยังขาดสมาชิกหรือไม่” เสียงหวานที่ดูร่าเริงผิดปกติดังขึ้นจากมุมหนึ่งทุกสายตาหันไปมองเด็กสาวในชุดนักเรียนม.ปลายที่ดูสะอาดไม่เข้ากับวันสิ้นโลกยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้ม
เด็กสาวมีใบหน้าอ่อนหวานและก้อนไขมันที่แก้มเล็กน้อยดวงตากลมโตจมูกนิดปากหน่อยดูน่ารักน่าชังเหมือนกระต่ายที่ควรได้รับการปกป้อง
แต่ … พวกเขารู้สึกว่ามันแปลก ๆ
“เธอต้องการอะไร” พี่ใหญ่เลิกคิ้วถามเด็กสาวที่สงบอย่างน่าประหลาดใจ
“ฉันอยากจะเข้าร่วมด้วย” เธอยิ้มจนเห็นฟันขาวลักยิ้มข้างแก้มปรากฎขึ้น
“ฉันสามารถพิสูจน์ได้ว่าฉันคู่ควรกับการเป็นครอบครัวของคุณ” น้ำเสียงของเธอหวานและดูขี้เล่น ดวงตาเป็นประกายเหมือนมีดาวอยู่ในนั้นมันทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมองซ้ำ
“ยังไง”
“ฉันรู้ว่าที่ไหนมีเสบียง ฉันสามารถพาพวกคุณไปได้”
“พี่ใหญ่เธอต้องการหลอกเราหรือเปล่า” ชายถือขวานมองเด็กสาวด้วยสายตาระแวง เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ ยิ่งรอยยิ้มบนหน้าของเธอ … เขารู้สึกอันตราย
“ฉันจะไม่หลอก ถ้าพี่ใหญ่ตกลงรับฉันเข้ากลุ่มฉันจะพาไป”
พี่ใหญ่เลิกคิ้วมุมปากยกยิ้มส่งเสริมใบหน้าของเขาให้ดูเหี้ยม “สาวน้อยเธอมีความกล้าที่จะต่อรอง”
“พี่ใหญ่ตกลงรับฉันใช่ไหม” เด็กสาวยิ้มจนเห็นฟันขาว บริเวณโดยรอบดูสดใสขึ้นมาเพียงยิ้มเดียวของเธอ แต่ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขายิ่งรู้สึกแปลกมากขึ้นในใจ
“อยู่ที่ว่าเสบียงที่คุณหามาจะคู่ควรหรือไม่”
“ถ้ามันไม่พอไม่เป็นไรที่เราจะลิ้มลองรสชาติแปลกใหม่” นิ้วเรียวชี้ไปที่กลุ่มคนที่ถูกจับมัด
“!!!” ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิดใช่ไหม คนที่ถูกจับถอยหนีอย่างหวาดกลัว
“...” ไม่ พวกเขายังไม่ไร้มนุษยธรรมขนาดนั้น ชายฉกรรจ์ทั้งสามกุมอาวุธในมือแน่น
“ฉันทำอาหารอร่อยนะ”
“ไม่ ไม่จำเป็น” พี่ใหญ่รีบปฏิเสธ เขาไม่ต้องการมัน
เด็กสาวมองไปที่คนกลุ่มนั้นด้วยความเสียใจอย่างมาก
“...” คุณเสียใจอะไร!! คนเหล่านั้นตะโกนก้องในใจและอยากจะขอให้ชายฉกรรจ์พาพวกเขาหนีไปจากสาวน้อยคนนี้ ความคิดของเธออันตรายเกินไป
“พี่ใหญ่เราจะเอาพวกเขาไปด้วยหรือไม่” ชายสวมหมวกเบสบอลถามขึ้นมาเขาเมินเฉยต่อเด็กสาวประหลาดคนนั้น
“เราสามารถพาไปได้เพียงสองคนเท่านั้น” ยิ่งคนเยอะมันยิ่งยุ่งยากที่จะพาไป
“สู้กันเองใครชนะฉันจะพาคุณไป” พี่ใหญ่หันไปพูดกับคนที่ถูกจับ พวกเขามองหน้ากันเริ่มต่อสู้กันอย่างยากลำบากทั้งสี่คนที่พยายามตีกันไม่มีใครสนใจเด็กสาวแม้แต่คนเดียว
“ทำไมคุณไม่แก้มัดพวกเขาล่ะแบบนั้นมันสนุกกว่านะ” เด็กสาวออกความเห็นด้วยรอยยิ้ม บรรยากาศหยุดนิ่งไปชั่วครู่
“ถ้าเธอเอาชนะได้หนึ่งคนฉันจะรับคุณเข้ากลุ่ม” พี่ใหญ่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง งั้นก็แก้มัดสิ” เด็กสาวยกมือที่ถูกมัดขึ้นมา พี่ใหญ่หันไปส่งสัญญาณในชายสวมหมวก
ชายคนนั้นเดินเข้ามาแก้มัดเด็กสาวหลังมือและเท้าหลุดพ้นพันธนาการเธอขยับข้อมือสองสามทีและยิ้มให้เขา “ขอบคุณ”
“แก้มัดพวกมัน” ชายใส่หมวกเดินไปแก้มัดคนกลุ่มนั้นจนเสร็จและเดินกลับไปที่เดิม
ไม่ต้องรอให้ใครพูดมากความทั้งสี่คนเริ่มสู้กันเองเพียงพริบตาเดียวแต่ละคนล้วนมีบาดแผลอยู่บนตัว พวกเขามองกันและหอบหายใจหนักราวกับความคิดบางอย่างตรงกันทั้งสี่หันไปมองเด็กสาวที่อยู่ตัวคนเดียวและพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง
ปัง ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนดังขึ้นสี่นัดคนทั้งสี่ล้มลงไปกองกับพื้น
“...”
“ฉันชนะ!” น้ำเสียงของเธอร่าเริงอย่างผิดปกติ
“เธอใช้อาวุธ” ชายถือขวานมองอย่างระวัง เธอฆ่าคนโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ!
“ไม่มีกฎว่าห้ามใช้อาวุธนี่” เด็กสาวโบกปืนในมือไปมาก่อนยิ้มให้พี่ใหญ่
“แต่ยังไงก็ตาม ตอนนี้ฉันชนะ พี่ใหญ่รับฉันเข้ากลุ่มแล้วใช่ไหม”
“เธอเอาอาวุธมาจากไหน” เขาไม่ต้องการตอบเธอแต่มองเเธอด้วยความสงสัยพวกเขาไม่เคยสังเกตมาก่อนด้วยซ้ำว่ามีอาวุธในมือของเธอ
“จากเขา” เด็กสาวชี้ไปที่ชายสวมหมวก ชายคนนั้นก้มมองที่เอวและพบว่าปืนกระบอกหนึ่งของเขาหายไป
“ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“หลังคุณแก้มัดฉัน” เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสา
“ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ฉันจะพาพวกคุณไปหาเสบียง” เด็กสาวเดินนำออกไปจากร้าน พวกเขามองตามหลังเธออย่างไม่สามารถทำอะไรได้ ชายถือขวานเดินเข้าไปตรวจศพทั้งสี่มีความประหลาดใจวาบผ่านตา
“มันเข้ากลางหน้าผากหมด”
พี่ใหญ่ก้มลงมองเขามีความสนใจเล็กน้อย “สี่นัดติดต่อกันไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ”
“มือของเธอไม่เหมือนคนที่เคยจับอาวุธมาก่อน” ชายสวมหมวกพูดขึ้นมา
ทั้งสามมองหน้ากันทุกคนมีความคิดในใจก่อนจะพากันออกไปขึ้นรถ
“พี่ใหญ่!” พี่ใหญ่หันไปมองตามเสียงเห็นเด็กสาวยืนเท้าเอวอยู่ข้างหน้าคนในกลุ่มของเขา
“เกิดอะไรขึ้น”
“ผู้หญิงคนนี้อยู่ ๆ ก็วิ่งมาบอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอป่วยหรือเปล่า” หนึ่งในน้องชายของกลุ่มถามขึ้นมาดวงตาที่มองไปที่เด็กสาวเหมือนมองคนบ้า
“พี่ใหญ่รับฉันเป็นครอบครัวแล้ว ใช่ไหมพี่ใหญ่!” เด็กสาวรีบวิ่งมาประกบ
“...” ใครเป็นครอบครัวของคุณ! พี่ใหญ่ขลึงขมับด้วยความปวดหัว
“เธอจะไปกับเรา เธอรู้ว่าเสบียงอยู่ที่ไหน” หลังเขาพูดจบก็เดินขึ้นรถคันหลังไปเด็กสาวเชิดหน้ายิ้มอย่างภาคภูมิใจและตามพี่ใหญ่ขึ้นรถไป
“...”
ทุกคนพากันขึ้นรถและออกเดินทางเพื่อตามหาเสบียงโดยมีเด็กสาวคอยเป็นคนนำทาง
ระหว่างทางทุกคนก็ได้(โดนบังคับ)แนะนำตัวกันและกัน
กลุ่มของพี่ใหญ่มีคนทั้งหมดเจ็ดคน ทุกคนเรียกชื่อกันตามเลขลำดับ พี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่ คนถือขวานคือพี่รอง คนสวมหมวกเบสบอลคือพี่สาม คนที่มีเรื่องกับเธอก่อนหน้าคือพี่ห้า คนที่ดูเงียบขรึมคือพี่หก และคนที่ใจดีคือพี่เจ็ด ส่วนเธอคือน้องเล็กสุดถูกเรียกว่า ฮวาฮวา
“แล้วพี่สี่ล่ะ” แม้จะรู้แล้วว่าคนในกลุ่มมีแต่ชายที่สามารถเป็นพ่อเธอได้เธอก็ยังคงเรียกพี่อย่างไม่รู้สึกละอายใจ
“เขาออกไปสำรวจพื้นที่ยังไม่กลับมา”
“พี่สี่ขยันมาก!”
จากนั้นทุกคนก็เงียบลง ในกลุ่มของพี่ใหญ่มีรถด้วยกันสองคัน คันแรกมีพี่สาม พี่ห้า และพี่เจ็ด ส่วนคันหลังมี พี่รองเป็นคนขับ ข้างคนขับคือพี่ใหญ่ และเบาะหลังถูกจับจองโดยพี่หกกับฮวาฮวา
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรเด็กสาวจึงเอนพิงเบาะและไม่นานก็หลับไป
“...” ชายทั้งสามมองตากันและกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ในใจพวกเขามีแต่ความสงสัยว่าคิดถูกหรือผิดที่พาเธอมาด้วย
กลุ่มของพี่ใหญ่ใช้เวลาตามหาเสบียงตามร้านค้าและบ้านเรือนต่าง ๆ อยู่สามวัน เสบียงที่พวกเขาได้มาไม่นับว่ามากแต่ก็พอให้มีชีวิตอยู่รอดได้เกือบอาทิตย์ พวกเขาวางแผนที่จะไปเมืองต่อไปก่อนออกเดินทางชายในชุดทหารก็ปรากฎตัว
“สวัสดีพี่สี่!” ฮวาฮวากล่าวทักทายชายตรงหน้าอย่างเป็นมิตร พี่สี่หันไปมองพี่ใหญ่ราวกับขอคำอธิบาย
“เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันเป็นน้องสาวคนเล็กของคุณ!” พี่ใหญ่ไม่ทันพูดก็ถูกพูดแทรกเสียก่อน
“... อ๋อ” เขามีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไหร่? พี่สี่มีความสงสัยในใจ
“...” ใครเป็นครอบครัวของคุณ! คนอื่นไม่เต็มใจที่จะยอมรับ
หลังพบปะพูดคุยวางแผนกันเสร็จทุกคนก็พากันขึ้นรถเพื่อออกเดินทาง
“พี่ใหญ่เราจะไปที่ไหนกัน”
พี่ใหญ่เงียบก่อนจะชี้นิ้วไปที่แผนที่ “เราจะไปทางเหนือ ที่นั่นมีฐานตั้งอยู่”
“เราผ่านเมืองนี้ใช่ไหม” ฮวาฮวาถามขณะชี้ไปยังสถานที่หนึ่ง พี่ใหญ่พยักหน้าตอบ
รอยยิ้มเจิดจ้าเผยออกมาทุกคนในรถมีความรู้สึกไม่ดีในใจ
“ฉันได้ข่าวว่าที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อน ฉันอยากแช่น้ำ!”
“...” นี่มันวันสิ้นโลกเธอยังมีใจอยากจะแช่น้ำ!?
“ไม่” พี่ใหญ่ปฏิเสธเสียงแข็ง เด็กสาวพองลมในแก้มกลับไปนั่งที่ดี ๆ อย่างแง่งอน
“...” พี่ใหญ่เริ่มวิตกกับการตัดสินใจที่รับเธอเข้ามา ใครก็ได้บอกเขาทีว่าเขาคิดถูกใช่ไหม?
ความคิดเห็น