ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #9 : Vol.1 Ch.9 สองนิ้วชูชัยชนะ

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 67


    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol. 1 สองนิ้วชูชัยชนะ

     

     

    เมรินทร์เดินเตาะแตะด้วยไม้เท้าเหยียบย่ำอย่างเชื่องช้า เดินเข้าใกล้ ชายร่างกายใหญ่โตตรงหน้า ทว่าเมื่ออีกนิดจะถึงตัวเขาก็ถอยห่างหนี แล้วหยุดเว้นช่วงมามองซักระยะ อาจทำเพื่อให้เธอต้องการใช้ลำแข้งของตัวเองในการก้าวย่าง

     

    เธอไม่ยอมแพ้ แม้ร่างกายจะเจ็บปวดแต่ก็กล้ำกลืนฝืนทนขยับข้อต่อกระดูกอย่างฝืดเครือง ฮึด ฮาบ ฮึด ฮาบ เสียงโยเยดังน่าอนาจ กระทั่งมาถึงยังที่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากกระท่อมไม้เก่ามากนัก เพียงแค่ระยะสั้นๆ แต่มันกลับรู้สึกยาวนานจนแทบขาดใจ

     

    เขาหยุดกึกอยู่กับที่ ตรงข้ามมีท่อมไม้ซุงใหญ่ซึ่งมีรอยบุบยับยู่ยี่ แตกร้าวของเปลือกผ่านการกระทำซ้ำๆ ตลอดมา “ดูเคล็ดวิชานี่ไว้” น้ำเสียงอันดังกึกก้อง จากปอดอันใหญ่โตของเขากระแทกทั้น สมกับขนาดตัว หันหลังกลับ ตั้งท่า มือเท้า แขน เหยียดตรง

     

    ตะโกนสุดเสียง “เค่อ(วารี)!” กำหมัดแน่นในมือซ้าย ส่วนมือขวาพุ่งทยานอย่างรวดเร็ว สายน้ำหมุนเคว้งรอบแขน กระทั่งปลายสุดนั้น สายน้ำทั้งหลายรวมเป็นจุดเดียว ทรงกลมยาว บิดเกลียวมุ่งสู่เป่าหมายด้วยความรวดเร็ว ปึ่ง!!! แรงกระแทกมหาศาล อัดมวลน้ำหนาแน่นจนท่อนซุงกลายเป็นรู

     

    เมรินทร์มองเช่นนั้น ปากสั่นหวั่นผวา ภาพสุดแฟนตาซีตรงหน้าช่างตกตะลึงตะลึงงัน คราแรกที่มายังโลกนี้ก็มีเรื่องคล้ายกันอยู่หรอก ทว่าไม่ทันสังเกตเห็น ทุกอย่างมันจบด้วยความรวดเร็วมาก พอมองภาพช้าเช่นนี้ชวนให้อ้าปากค้าง

     

    เหรี๋ยนซาน หันหัวกลับมาทางนี้กล่าวว่า “ทำมันซะ” กอดแขนหนักแน่นค่อยๆ ย่างก้าวมาด้านข้าง ราวกับจะบอกว่าให้เธอมายืนอยู่ตรงจุดเดียวกับที่เขาทำเมื่อครู่ ดวงตาโตของผู้มีร่างกายยักษใหญ่จ้องเขม็ง

     

    “ตะ แต่ว่า.....” เมรินทร์มองสลับไปสลับมาอย่างมุนงงอย่างน้อยก็ช่วยเรียบเรียงคำพูดหน่อยได้ไหม “ให้ทำตามนี่ทำยังไงเหรอคะ?” ชายร่างยักษ์ไม่ตอบ เขาเพียงแค่ใช้สายตาจ้องมองมาทางนี้ เมรินทร์ต้องประติประต่อเรื่องเอาเองเพื่อทำความเข้าใจทั้งหมด คิดสิถ้านี่เป็นหนังกังฟูโคอาล่าควรจะทำยังไง

     

    เธอหลับตาดึงดันเอาความคิดจากในหัว แม้ผ่านมานานสองสามนาทีก็ยังคงนึกไม่ตก ส่วนจากของร่างใหญ่ก็เอาแต่เงียบงัน ไม่แม้บอกใบ้ สุดท้ายก็ต้องด้นเอาแทบทั้งดุ้น เพื่อหาทางไปต่อ “เอาก็เอาค่ะ” เธอกำหมัดแน่นพลางประคองไม้เท้าตรงจุดที่เหรี๋ยนซานเคยยืนอยู่

     

    คลายแรงที่มือด้านขวา ตึง ไม้เท้าตกกระทบพื้น แค่ยืนเฉยๆ ก็จะไม่ไหวแล้ว ร่างกายโอนเอียนไปมา แต่ก็พอทรงตัวอยู่ เมรินทร์ตั้งท่าแบบชายคนนั้น มือซ้านกำหมัดแน่น เยียดแขนขาตึง แบบนี้ใช่ไหม เธอคิดว่าน่าจะโอเครอยู่

     

    หันสบตาให้กับเหรี๋ยนซาน พยักหน้ารับทำดวงตาตึงเข้ม เอาล่ะ คงหมายถึงให้ทำตามล่ะสิ แต่ทำยังไงถึงจะปล่อยหมัดที่มีสายน้ำหมุดเกลียวได้แบบเขา แค่เลียนแบบท่าทางอย่างเดียวคงไม่พอ เธอลองจินตนาการถึงสายน้ำแบบเดียวกับเหรี๋ยนซาน

     

    พลันที่รับรู้ถึงพลังงานการไหลของบางสิ่งบางอย่างเธอ เดาว่าต้องใช่แน่ มือขวาบิดหมุน ดวงตาโตลืมขึ้น เกร็งใบหน้าจนเหงื่อไหลซก เหรี๋ยนซานที่มองดูอยู่ม่านตาขยาย มองอย่างตั้งอกตั้งใจ เพียงไม่กี่อึดใจ เธออาจกำลังปล่อยหมัดที่มีสายน้ำหมุนวนนั่น สาม สอง หนึ่ง

     

    แกร๊ก เสียงบิดกร๊อบแกร็บของกระดูกจากท่าทางที่ผิดธรรมชาติ “อูย” เมรินทร์หลังงอตัวเป็นกุ้ง จับหลังตัวเองที่ปวดร้าวระทมถึงที่สุด เหมือนคนแก่ที่กระดูกกระดูกเดี้ยวไม่ดีเลย น่าอับอายเหลือเกิน

     

    เหรี๋ยนซานส่ายหน้าถอนหายใจ หันมองทางอื่น ราวกับคนถอดใจ เขาเดินหยิบขวานของตัวเองแล้วกลับไปฝ่าฟืนต่อ เมรินทร์หรี่ตาลง ปากแบนด้วยความหนักใจ อย่าทำเมินกันอย่างนี้สิคะ พลันคิดไม่ตกที่ถูกทิ้งไว้ต่อหน้าต่อตา

     

    ลองหันเอวซ้ายขวาด้วย เสียงดังลั่นกรอบแกรบยังคงไม่หาย ตามมาด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง เธอคงยืนหลังตรงไม่ได้อีกเร็วๆ นี้พลันคิดอีกที เธอไม่อาจทำอะไรต่อได้ บางทีที่เขาเดินหนีคงรู้ผลลัพธ์ดี เธอเองก็รู้เหมือนกันเพราะฉะนั้น หยิบไม้เท้าแล้วกลับไปนอนอยู่ที่เตียงฟางดีกว่า

     

    พลันคิดดังนั้นเธอใช้เท้าเขี่ยๆ ไม้บนพื้นด้วยความหนักอกหนักใจ ปวดก็ปวดแค่จะยืนยังลำบากเลย นานสองนานกว่าเธอจะจับมันตั้งได้ รู้งี้ปักมันไว้ตรงเดินเสียก็ดี น่าจะคิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน

     

    หลังจากนั้นก็เดินเหมือนคนแก่ ช้ากว่าทีแรกเป็นเท่าตัว ทรมาณกว่าด้วยซ้ำ รู้งี้ขอร้องว่าฟื้นตัวก่อนซะก็ดี ไม่น่าหาเรื่องเลย จนในที่สุดก็นอนจนถึงตกเย็น

     

    “อ อู เย็นแล้วเหรอ” เมรินทร์รู้สึกตัวจากการ แผลบนหัวเริ่มสมานหายดีแล้วในเวลาอันสั้น ดูเหมือนว่าจะมีสมุนไพรบางอย่างมาแปะไว้ด้วย “ดีจัง” เมรินทร์แตะหน้าผาก แก้มแดงด้วยความยินดี ทุกการประกบรู้สึกถึงความเอาใจใส่เลย

     

    ตึง ตึง ฝีเท้ายักษ์ใหญ่ก้าวเข้ามาทางนี้ ดูเหมือนว่าจะทำกิจวัตรประจำวันเสร็จแล้ว “อ๊ะ” เธอเผลอส่งเสียงร้องประหลาด เขายืนตรงข้างหน้า ถึงจะรู้ว่าเขาช่วยไว้ก็เถอะ แต่อดกลัวกับร่างมหึมาและสายตาอันน่างหวั่นไม่ไหวอยู่ดี พลางจ้องมอง ตัวสั่นไม่รู้ตัว ชายร่างใหญ่ ชี้นิ้วของตนขึ้นยังทิศหนึ่ง พูดด้วยประโยคสั้นๆ “น้ำร้อนอยู่ข้างนอก” หลังจากนั้นเขาก็หายลับจากที่ที่เดินมา หลบอยู่มุมหนึ่งในบ้านไม้

     

    เมรินทร์รับรู้ได้ ว่าเขากำลังทำให้ตัวเธอกลัว เลยเลือกที่จะซ่อนตัวอย่างนั้นเหรอ เขาช่างเป็นคนที่น่าทึ่งและจิตใจดีในเวลาเดียวกัน ต่างกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูป่าเถื่อนโหดร้าย เมื่อคิดได้ ก็รู้ว่าจะเอาแต่ทำตัวกล้าๆ กลัวๆ อยู่แบบนี้ไม่ได้ เธอต้องลุกขึ้นสู้บ้าง

     

    สองขาเหยียดพื้น ไม่ต้องใช้ไม้เท้าประคองอีก อาการดีขึ้นเยอะ ย่างก้าวยังคงไม่มั่นคงแต่พอเดินได้บ้าง เธอมาถึงยังตรงที่เหรี๋ยนซานชี้บอก มีหม้อต้มขนาดใหญ่เอาไว้ กับกองฟืนอ่อนๆ ด้านใต้

     

    “อย่าบอกนะว่าเขาจะให้เราเป็นซุป แล้วไล่มาปรุงตัวเองให้เป็นมื้ออาหารของเขา” ความคิดประหลาดๆ แล่นเข้าหัว สองมือจับหน้าตัวเอง หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ก่อนตั้งสติได้ โดนเขกศีรษะแรงจนเพี้ยนแล้วหรือไง ถึงเขาจะดูเหมือนพวกเผ่ากินคนในหนัง แต่ถ้าอยากจะจับมาต้มปิ้งคงไม่เสียเวลามาปู่เสื่อเลี้ยงดูหรอก

     

    ร หรือว่าเขาต้องใจจะขุนเรา ฉาด มือตบหน้าตัวเอง ยังจะคิดอะไรไร้สาระแก่นสารอยู่นั่นแหละ เมรินทร์ดึงคอเสื้อของตัวเอง มันเหม็น มาจากลิ่นกายอันไม่เหมาะสมของเด็กสาววัยสิบหก นี่กระมังที่เขาหมาย “คงต้องอาบน้ำหน่อยแล้ว” เมรินทร์ค่อยๆ ถอดเสื้อของตัวเองทีละชิ้น พลางจ้องมองที่ประตูอย่างระแวง ดูเหมือนว่าเขาไม่มีความคิดที่จะออกมาจ้องมองเลือนร่างของเธอเลย

     

    “ฟู่ว” สาวน้อยร้องหายใจอย่างสบายอารมณ์ น้ำอุ่นนี่มันดีจริงๆ กับบรรยากาศอันหนาวเหน็บตอนกลางคืนมันดีกว่าเป็นไหนๆ พอหัวอุ่นลงแล้วความคิดต่างๆ แล่นขึ้น ถ้าได้กลับไปก็คงดี ป่านนี้เธอก็ยังคงคิดถึงบ้านและพ่อแม่

     

    “เฟรย์ฉันควรขอโทษเธอ” ระบายถึงความเอาแต่ใจของตัวเอง เพื่อนสนิทของฉัน เล่ารำพึงภายใต้แสงจันทร์ ทำไมพอได้อาบน้ำถึงเอาแต่คิดถึงความหลังนะ อยากจะย้อนเวลาได้จริงเชียว

     

    หลังแช่มาซักพักเธอก่อนหย่อนหลังลง พิงพนักยืดแขนขาบนโอ่งใบใหญ่ น้ำอุ่นได้ที่เลย ราวกับแช่อยู่ในสปาร์ สีหน้าผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด หัวสมองโล่งโปร่ง หนังตาเริ่มหย่อนลง เสียงจิ้งหรีด หรีด หรีด ดังแว่วเข้าหู หิ่งห้อยลอยผ่านดวงตา

     

    ประมาณนี้คงพอแล้วกระมัง เธอลุกขึ้น เช็ดตัวด้วยผ้าฟางที่แขวนอยู่ข้างๆ เหมือนเขาเตรียมไว้ให้อย่างดี สวมชุดของตัวเองกลับและเข้านอน โดยที่มุมหนึ่งชายร่างใหญ่หลับอยู่ฝั่งตรงข้ามกำแพงไม้บาง ถึงกระนั้นเธอกลับไม่รู้สึกถึงความกังวลใดๆ ที่มีผู้ชายมาอยู่ใกล้ๆ ตอนเธอนอน ซ้ำยังรู้สึกราวกับมีผู้พิทักษ์คอยของปกป้อง วันนั้นหลับฝันดีเลยทีเดียว

     

     

    “ฮ ฮ้าว” ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เหมือนเขาจะไม่อยู่แถวนี้ พอมองออกด้านนอกก็ไม่เห็นฝ่าฟืนอยู่ด้วยสิ เธอเดินไปมารอบบ้านก็พบกับเขากำลังเตรียมซุปเห็ดป่าแบบเมื่อวาน เขาไม่เบื่อบ้างหรือยังไงกันนะ

     

    เธอคิดอย่างสงสัยแต่ก็ตักซุปใส่ชามเพื่อซดอาหารมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานนักเธอก็กินหมดถ้วย เขาเห็นดังนั้นก็ยืนขึ้น เงาของร่างใหญ่บดบังพระอาทิตย์ซะมิด ช่างน่างเกรงกลัว เขาดูต่างไปจากทุกที เมรินทร์เหงื่อเย็นไหล อะไรกำลังจะเกิดขึ้น

     

    “ตามข้ามา” เหรี๋ยนซานยังคงพูดด้วยประโยคกระชับทัดรัด ย่างก้าวอย่างช้าๆ เมรินทร์กลืนน้ำลาย อึก— เธอตัดสินใจตามชายร่างใหญ่ไป เขาผ่อนก้าวแต่ละก้าวเพื่อให้เธอตามทัน ผ่านป่าทึบ เหล่าก้อนไม้ใหญ่แห้งแล้ง มีงูตัวใหญ่น่ากลับโผล่มาข้างทางด้วย “อึ่ย” เพียงแค่เสี้ยววิ กำปั้นใหญ่ของเขาผ่านหน้า หัวของเจ้างูแหลกเละ เป็นพละกำลังและความเร็วที่ช่วนให้ตกใจ

     

    ภาพตรงน่าทำเอาเธอไม่อยากทำให้เขาโกรธ แม้จะรู้อยู่แก่ใจจากการสัมผัสบรรยากาศรอบข้างเขา ว่าต่อให้ทำให้ชายคนนี้กริ้วเพียงใดเขาก็ไม่มีวันร้ายเธอ มันให้อารมณ์ประมาณนั้น

     

    หลังจากพวกเราเดินผ่านมันชั่วโมงกว่า ก็พบเข้ากับลำธารมวลน้ำตกมหาศาล ไหลเชี่ยวกรัง แรงกระแทกของน้ำส่งเสียงซ่าลั่นป่า แว่วมาแต่ไกล ยิ่งกว่าที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้ เธอมีความถามมากมายภายในหัวใจ เรามาทำอะไรกันที่นี่

     

    เมรินทร์มองหน้าเขาด้วยความมึนงง อยากเอ่ยถาม ทว่าเธอพอเดาได้ว่าคำตอบคงออกมาแค่ความเงียบงันราวกับคุยคนละภาษาแม้เขาจะสื่อสารได้ก็ตาม แต่ดูเหมือนเขาคงลืมวิธีการคุยที่ถูกต้องไปนานแล้ว

     

    ชายร่างใหญ่หันสบตา เมริทร์แทบหยุดหายใจ “ทำตามข้า” เขากรุยทางเข้าสู่ม่านน้ำตกเชี่ยว เธอเบิกตาโต แรงดันน้ำขนาดถ้าเป็นเธอคงเจ็บหน้าดู หมายความว่ายังไงให้ทำตาม เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบเธอเนี่ยนะ จะฝ่ามันไปได้

     

    ไม่นานเขาก็หยุดลง ในจุดที่น้ำตกไหลแรงที่สุด นั่งขัดสมาธิ มือสองข้างจีบกัน ราวกับกำลังทำท่ารวบรวมลมปราณ ไม่นานนักมวลน้ำบนหัวของเขาก็กระจายตัวกระออก มันไม่กระทบกันหนักแน่นเหมือนเมื่อตอนแรก เป็นอีกครั้งที่เมรินทร์ตกใจ เขาทำได้ยังไงกัน

     

    “บ แบบนี้สินะคะ ที่ให้ทำตาม” มันค่อนข้างเจ็บเลยที่เดียว ยิ่งมีแผลกว่าบนหัว แรงกระแทกจากจุดบอบบางรับรู้ถึงได้เลย กว่าจะมาถึงยังจุดเชี่ยวสุด ใช้เวลานานพอตัว มันทั้งหนาว แสบ ปวดร้าว แต่เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธเขา เพียงเพราะรับรู้ว่ามันอาจเป็นความหวังดี

     

    เมรินทร์นั่งขัดสมาธิ จีบนิ้วออก สองสามชั่วโมงไม่มีอะไรเกิดขึ้น มวลน้ำมหาศาลกระแทกทั้น จนแทบหมดสติอยู่แล้ว ยังคงประคองต่อไหว แต่อีกไม่นานนี้แหละ เหมือนความตายกำลังมาเยือนเลย

     

    แว่วลำพึงถึงโลกหลังความตาย ราวกับเมื่อตอนนั้น ที่กำลังจะโดนฆ่าจากชายป่าเถื่อนทั้งสี่ ร่างกายเริ่มเบาลง มวลน้ำบนหัวผ่อนคลายแรงกดดัน มันกำลังแหวกออก ไม่ปวดหัวเหมือนตอนแรกแล้ว

     

    ทั้งเมรินทร์และเหรี๋ยนซาน นั่งเพ่งจิตแบบเดียวกันจนกระทั่งฟ้าเลยใกล้ตกเย็น เขายืนขึ้น เธอรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหว ได้เวลากลับบ้านแล้วใช่ไหม ความสงบเยือกเย็นกลับเข้าหัว ย่างก้าวที่นิ่งงันมั่นคงกว่าเดิมก่อกำเนิด ไม่เคยรู้สึกโล่งแบบนี้มาก่อนเลย

     

    จนหัวค่ำพวกเธอก็ถึงบ้านแบบพอดิบพอดี การดำเนินชีวิตเฉกเช่นเดิมเริ่มต้นอีกครา แต่ครั้งนี้แตกต่าง เมรินทร์รับรู้ถึงทางโลก จิตใจแน่วแน่ไม่เหม่อลอยเหมือนเช่นเดิม

     

    วันที่สี่ย่างกรายเข้ามา เหรี๋ยนซานไม่พาเธอไปยังน้ำตก ครั้งนี้เขาย้อนกลับมากระทำเหมือนอย่างวันแรกที่พามายังบ้านไม้เก่าอันโดดเดี่ยว การฝึกใช้เคล็ดวิชาที่แสดงให้เห็น เป็นตัวอย่างให้ในรอบแรก

     

    เมรินทร์ก้าวขึ้นมายังจุดที่เขาเคยยืน หมุนกำหมัดซ้ายแน่น สมาธิมั่นคง ค้างนิ่งอยู่สิบวิ ก่อนประเคนหมัดขวาออก แม้ความเร็วยังไม่ได้เศษเสี้ยวของเหรี๋ยนซาน ทว่าหมัดลมนั่นก็ปล่อยอย่างมั่นคงยิ่งกว่าครั้งใดๆ มือเล็กของเธอยืดออกตึง สัมผัสถึงแรงเสียดสีอากาศ

     

    จบสุดท้ายมันยังคงเป็นเพียงแค่หมัดลม เหรี๋ยนซานส่ายหน้าราวกับหมดหวัง เขาเบือนหน้าหนี ตัดฟืนของตนต่อ เมรินทร์ยังคงไม่ยอมแพ้ เธอทำท่าแบบเดียวกับคราวที่แล้วอีกสองสามรอบ

     

    หวืด— เสียงลมฝ่าเบาเล็กน้อย ครืด— การแหวกของอากาศรุนแรงขึ้น ยังคงใช้การไม่ได้ คิดให้ดีสิ อะไรคือสิ่งที่ทำให้เธอพอยืนหยัดลุกขึ้นสู้ กำลังใจบางอย่างที่เธอต้องการหวนหา เมรินทร์หลับตาลง เธอคือวีรสตรีค่ะ ดวงตาเปิดออกสัมผัสถึงบางสิ่ง

     

    “เค่อ(วารี)!” มวลน้ำหยดแตกออก เหรี๋ยนซานหันกลับมามอง ดวงตากระตุกขึ้นเล็กน้อย เกิดรูที่เล็กกว่าของเก่าอย่างมาก กับแอ่งน้ำบนพื้นที่ให้ความรู้สึกเหมือนมีใครมาสาด ทว่ามันก็สำเร็จ

     

    เมรินทร์หันยิงฟันยิ้มมาทางนี้ พร้อมชูสองนิ้วแห่งชัยชนะ เหมือนว่าความรุนแรงจะสัมพันธ์กับความเร็วของหมัดและการรวบรวมมวลน้ำ แต่นี้ก็เป็นอีกก้าวหนึ่งล่ะนะ

     

     

    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol. 1 สองนิ้วชูชัยชนะ จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×