คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Vol.1 Ch.8 โจรภูเขาผู้น่าหวาดหวั่น
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.8 โจรภูเขาผู้น่าหวาดหวั่น
ความสะลึมสลือเข้าครอบงำ ดวงตาพร่ามัว แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้าที่ใบหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญ้าฟางเตะเข้าจมูก ลืมตาตื่นขึ้น เช้าแล้ว คิดอย่างสงสัยภายในใจ “อ อูย...” ความเจ็บปวดบนหัวแล่นเข้าที่หน้าผาก เมื่อลองสัมผัสดูกับพบว่ามีผ้าพันแผลพันไว้
พอก้มมองลงดูก็พบกับตัวเองที่ยังสวมใส่เสื้อผ้าแบบเมื่อวาน แต่กลับมีเสื้อฟางเก่าๆ คลุมทับไว้อีกที ดูเหมือนนี่จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ “กะ เกิดอะไรขึ้น” พลันถามอย่างสงสัย ถ้าจำไม่ผิด อึก— แค่คิดถึงก็ปวดแป๊บ รอยแผลเมื่อวาน มีชายสี่คนในตอนกลางคืนกำลังจะ.... แล้วก็โดนทุบเข้าที่กะโหลกศีรษะ
เมรินทร์กอดอกด้วยความเจ็บปวด ปากสั่นผวา ครั้งแรกที่โดนกระทำอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้กับมนุษย์ด้วยกัน ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะโหดร้ายถึงเพียงนี้ แต่ทำไมกันละ ทำไมฉันถึงมานอนอยู่บนเตียงฟางแล้วยังดูเหมือนปลอดภัยได้กัน
“ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่” มือพลางดึงผ้าห่มทอฟางมาคลุมปิดมิดไว้ถึงอก พยายามซ่อนจากความกลัว และความทรมาณ หนาวเหน็บต่อสิ่งที่อาจเกิดขึ้น เรียกว่าต่อจากนี้เธอไม่อาจไว้ใจใครได้อีกแล้ว
ปั่ก—
“ฮิ๊” ร่างกายสะดุ้งเฮือกจากเสียงกระแทกประหลาดที่พลันแว่วเข้าหู ปั่ก ปั่ก ปั่ก ทุกครั้งที่เสียงนั้นดังขึ้นเธอก็กระตุกทุกครั้ง ตอนนี้เธอกลายเป็นเพียงแค่คนที่อกสั่นขวัญผวา ขี้กลัวกับทุกสิ่งไปเสียแล้ว
ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังมาจากข้างนอก เธอเริ่มปรับตัวกับบรรยากาศโดยรอบ ไม่สะดุ้งอีก ทว่ายังคงรู้สึกไม่ดีอยู่เนืองๆ จะทำยังไงได้ล่ะ ให้มานั่งๆ นอนๆ งอตัวแบบนี้ ไม่รู้อะไรกันเสียที จึงเริ่มย่องลุกเดินด้วยความระแวง
บ้านไม้เก่าๆ ลอดเข้าผ่านสายตาย มีหน้าต่างบานใหญ่อยู่ตรงนั้น สองฝีเท้าเล็ก ค่อยๆ รวบลัดทีละก้าว เพื่อมองผ่านยังม่านหน้าต่าง เธอสัมผัสกับขอบ มันไม่ใช่กระจก เพียงแค่ขอบว่างเปล่าที่สามารถดึงม่านฟางอีกชั้นหนึ่งมาปิดไว้ได้ เป็นกลไกง่ายๆ เหมือนสมัยก่อน
“อึก” เมรินทร์แทบกัดฟันสะอึกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ที่แท้เสียง ปัก ปัก เมื่อครู่ก็มาจากการฝ่าฟืน ทว่าสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ส่วนข้างต้น แต่เป็นเจ้าของชายร่างใหญ่ผิวสีเข้ม หัวล้าน ใบหน้ามีรอยแผนเป็นเหมือนโดนฟันตรงดวงตา เขาดูน่ากลัว ไว้ใจไม่ได้ และมีบรรยากาศที่ไม่ควรเข้าใกล้
ตึก สาวน้อยสะดุดล้ม ความตกใจกลัวทำให้เกิดเสียงกระแทกกับพื้นไม้ดังตุบ เสียงฝ่าฟืนหยุดลง ชายร่างใหญ่น่ากลัวหันมาสนใจทางนี้ ทำเอาเธอเริ่มสั่นขวัญผวา กลัวจับใจจริง ไม่นะ ไม่ ฉันทำอะไรลงไป ขะ ขอโทษ กะ กลัวแล้ว ได้โปรด สารพัดคำพูดพานอยากแพ่งออก แต่ก็ทำไม่ได้ มันติดอยู่ในลำคอ ที่กำลังสั่นขึ้นลง
ตึง ตึง เสียงฝีเท้าใหญ่ลั่นเข้ามาทางนี้ เพียงแค่เดินทุกอย่างราวกับแผ่นดินไหว สั่นสะเทือน ไม่นานเขาเข้าใกล้ทางนี้ ดวงตาโตดุดันน่าเกรงขามจ้องมอง เขาสูงสองเมตรกว่าช่างน่าทึ่ง เธอแทบหยุดหายใจเมื่อสบตากับเขา คนอะไรน่ากลัวถึงเพียงนั้น ขอร้องช่วยหยุดจ้องมองมาซักทีเถอะ เธอภาวนาสุดขั้วหัวใจ
ราวกับฟ้าตอบรับคำขอ เขาหันหน้าไป และเดินทางอื่น นี่เธอรอดแล้วใช่ไหม มีเทพองค์ใดประธานพรมาช่วยให้เธอรอดกัน เฮือก— ทว่าแค่ไม่กี่วินาทีที่คิด ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นดั่งที่หวัง ชายร่างยักษ์เดินมาจากทางเข้าต่างหาก ด้วยประตูเล็กๆ นั่นเขาถึงกับต้องก้มตัวลงเพื่อรอดผ่าน ทำเอาเธอต้องถอยกรูดชิดติดกำแพงผนัง “ฮิ๊”
เขาถอดรองเท้าใหญ่โตย่างกายเข้ามาตรงหน้า เธอมองดูทุกการกระทำของเขา ชายน่ากลัวตรงหน้าไม่ได้มุ่งตรงมาที่เธอทันที ทว่ากลับหันเดินไปยังมุมหนึ่งของบ้าน หยิบบางอย่างในจุดลับตาที่เธอมองไม่เห็น ถึงจะสงสัยเพียงไรก็ลุกขึ้นแอบดูไม่ได้
สักพักเขาก็เดินกลับมาพร้อมถืออะไรบางสิ่งมาทางนี้ ราวกับกะลามะพร้าวบางอย่าง “มะ ม่ายนะ” นั่นทำเอาเธอพลันนึกถึงเมื่อวาน เรื่องที่เธอโดนทุบหัว หินก้อนนั่นกับกะลามะพร้าวนี้มีรูปทรงที่คล้ายกัน สาวน้อยหลับตาปรี่— เอามือมาป้องลำตัวไว้ ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ อย่ารุนแรงกับฉันเลย แม้อยากพูดแต่ก็ทำไม่ได้ กลัวเกินกว่าจะทำสิ่งใด
สัมผัสได้เลยว่าร่างกายยักษ์นั่นกำลังขยับ เอียงคอซ้ายทีขวาที เขาผละออกมาเล็กน้อยก่อนเดินเข้าหาต่อ จนมาสิ้นสุดตรงหน้าเธอ เสียงวางกะลามะพร้าวนั่นไว้อย่างเบามือ เธอค่อยๆ มองรอดผ่านร่องนิ้วทีละนิด ไม่กล้าจ้องมาโดยตรงกลัวว่าความตายจะมาถึงอย่างน่ากลัว
กะลามะพร้าวครึ่งซีกถูกวางไว้ตรงหน้า ความแปลกใจเริ่มเข้าสงสัย เขาเกาหัว แกรก แกรก ราวกับคนที่ห่างเหินจากโลกนานจนไม่รู้วิธีการพูดจากับคน ในที่สุดเขาก็ถอดใจเหมือนหาคำพูดดีๆ ไม่ได้
“ซุปเห็ดป่า ข้าต้มมันไว้หน้าบ้าน ถ้าหิวก็ไปกิน” หลังสิ้นคำพูดนั้น เมรินทร์ลอดมองผ่านด้วยความแปลกใจ มันเป็นเพียงคำพูดห้วนๆ แต่กลับมีความหมายอย่างน่าประหลาด กำมือค่อยๆ คลายลงจากใบหน้า แต่ก็ยังไม่ปล่อย จนเขาถอนหายใจ เฮ้อ— เดินออกจากบ้านและกลับไปฝ่าฟืนของตนต่อ
เมรินทร์ที่นั่งนิ่งเงียบ หอบหายใจ แฮก แฮก สั่นผวาไม่ไหวติงมาหลายนาที ความผ่อนคลายมาเยือน ปอดกลับมาเป็นปรกติ สูดลมคล่องขึ้น มือไม้กลับมายังท่าทางเดิม ก่อนใช้สายตาจ้องมองกะลามะพร้าวนั่นอย่างสงสัย หรือว่าสิ่งนี้คือชามข้าวอย่างนั้นเหรอ
พอสติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วน เธอค่อยๆ ใช้ความคิดติตรองช้าๆ ที่ว่าซุปเห็ดอยู่หน้าบ้านนี่หมายความว่ายังไง อ๊อดดด— ทันใดที่ยังคิดไม่จบ เสียงท้องร้องดังลั่น เมื่อความเครียดและกดดันลดทอนลง เธอเริ่มกลับมาหิวอีกครา จะว่าไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้กินอะไรเลย
หรือว่าที่พูดเมื่อครู่นั่น คือคำเชิญชวนให้ไปกินอย่างนั้นเหรอ ควรตอบรับหรือปฏิเสธดี แต่จะไว้ใจได้ไหมนะ อ๊อดดดดดดดด— เสียงท้องร้องอย่างน่าอายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันช่างน่าขายหน้าเป็นเสียแท้กิริยามารยาทอันไม่สมเป็นกุลสตรี แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ก็ตัวเธอหิวจริงๆ
ด้วยความช่วยไม่ได้ เธอใช้สองมือเหยียดขึ้นจากพื้น ความเจ็บปวดร้าวแล่นทั่วร่าง เมื่อวานผ่านอะไรมาเยอะจนร่างกายรับไม่ไหว แต่ก็หิวเหลือเกิน กระทั่งความหิวโหยเอาชนะทุกสิ่ง แม้กระทั่งความกลัว ลุกเดินขึ้น
“อ โอ๊ะ” ร่างกายโงนเงนด้วยความระทม ทรงตัวไม่อยู่ ขาซ้ายขวามันปวดร้าวเหลือเกิน “โอ้ย” ร่องรอยและบาดแผลจากการเอาตัวรอดเมื่อวานยังคงอยู่ ทุกอย่างยังคงเป็นความจริงแน่แท้ไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน
ใช้มือซ้ายหยิบกะลามะพร้าวหรือชามไว้ มือข้างหนึ่งจับกำแพงไม้ ประคองตัวเองจากริมข้าง ค่อยๆ เดินทีละก้าว ทีละก้าวอย่างแสนทรมาณ เพื่อออกทางประตู ค่อนข้างอ้อมพอสมควร แต่หากไม่ทำเช่นนี้คงต้องคลานกับพื้นเสียกระมัง สติเลือนรางเหมือนจะล้มลงทุกเมื่อ
บาดแผลที่หัว รอยที่เท้าแสบเหลือเกิน แต่ก็ทนหิวไม่ไหว เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น จนมาออกยังหน้าบ้านไม้เก่า แสงพระอาทิตย์แยงตา เธอหรี่เปลือกรูม่านมองเห็นลง ให้บรรยากาศราวบ้านกลางหุบเขา มีเพียงแค่พื้นที่รอบๆ ที่โดน ไถจนเหี้ยนเกา ทว่ารอบข้างยังคงเป็นป่าไม้ธรรมชาติ
ข้างล่างเธอมีรองเท้าฟางคู่นึง บางทีคงสวมใส่สิ่งนี้ได้กระมัง หรือควรถามเจ้าของดี เมรินทร์หันเหลือบมองชายร่างใหญ่ ที่ยังคงฝ่าฟืนอย่างแข็งขันไม่หยุดหย่อน บรรยากาศโดยรอบทำเอาไม่น่าเข้าใกล้เลย ที่วางไว้อย่างนี้คงตั้งใจให้สวมล่ะสิ คงต้องขอถือวิสาสะ ไม่อยากรบกวนด้วยสิ
พอมองยังเบื้องหน้าก็พบเข้ากับหม้อหนึ่งถูกผิงด้วยฟืนไว้อยู่ ด้านบนมีพนักเพิงฟางร่มกั้นไม่ให้ฝนหรืออะไรก็ตามตกลงหม้อ อ๊อดดดด— เสียงท้องดั่งลั่นอีกเป็นหนสาม จนชายร่างใหญ่ หันมองมาทางนี้ เมรินทร์สะดุ้งเฮือก ทั้งสองคนจ้องกันชั่วระยะเวลาหนึ่ง ในที่สุดเขาก็หันกลับไปทำงานของตนต่อ
สาวน้อยที่คิดว่าตนเกือบไม่รอดแล้ว ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฮ้อ— แรงกดดันมหาศาลที่น่าหวาดเสียวอะไรเช่นนี้ เพียงแค่จ้องมองกันทำเอาแทบตาย กับรอยแผลเป็นใหญ่บาดลึกนั่นยิ่งเพิ่มความน่าเกรงกลัวอย่างถึงที่สุด
เมรินทร์ค่อยๆ สวมรองเท้านั่นทีละข้าง อย่างช้าๆ มันระบมจนขยับอะไรก็ลำบาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าร่างกายคนเราจะเป็นอะไรที่บอบบางเช่นนี้ อึก— เท้าเปล่าเหยียบย่ำ ไม่ได้การจะล้มอยู่แล้ว ต้องหาอะไรมาประคองร่างเอาไว้
เมรินทร์มองหาสิ่งของรอบข้าง จะร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่กล้าด้วยสิ ทว่าปลายสายตาพลันพบเข้ากับสิ่งหนึ่ง ไม้แท่งยาวที่รูปทรงพอประมาณ เธอมีความคิดดีๆ เกิดขึ้น เอามันมายันกับพื้นไว้ ค่อยๆ เดินด้วยไม้เท้า น่าจะพอช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการระบม
ครืด— ครืด— เสียงเสียดสีกับพื้นหญ้าดังระงม จนเขาหันมาสนใจทางนี้อีกรอบ หยุดมือลง แต่เธอไม่สนใจมันหรอก เธอหิวจนจะแย่อยู่แล้ว เหมือนท้องไส้กำลังจะขาดเลย ชายร่างใหญ่จ้องมองทุกการกระทำของเด็กสาวอย่างไม่วางตา ความเร็วที่เหมือนเต่าคลานของเธอทำให้กาลเวลาไหลผ่านอย่างเชื่องช้า
อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว เมรินทร์ท่องคำเหล่านั้นในใจ กลิ่นหอมของซุปลอยเตะจมูก ตอนนี้เสียงท้องไส้บิดปั่นป่วนอย่างน่าเกลียด น้ำลายเริ่มไหลย้อย ขอแค่ซักนิดเดียว เอามาประทังความทรมาณนี่อย่างน้อยก็ดี
วินาทีต่อมาที่ความคิดเริ่มไม่มั่นคงทำเอาฝ่าเท่าพันกัน “โอ้ย” เธอสะดุดล้มทำเอาชามกะลามะพร้าวตกลงกลิ้งกับพื้นไปไกล มะ ไม่นะ หิวจนแทบทนไม่ไหวยังต้องเดินอีกตั้งไกลเพื่อหยิบชามอีก หรือว่าเธอจะใช้มือนี่ตักกินซุปเลยดีนะ
พลันสายต้องมองหม้อเหล็กอันมีน้ำเดือดระอุ กะ ก็รู้อยู่หรอกว่าไม่สมควร แต่ใครจะไปสนเรื่องมารยาทกันตอนนี้ละ ไม่สิ ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่ามารยาทอยู่อีก หากจุ่มมือลงหม้อที่น้ำอุณหภูมิสูงแบบนั้นจะเป็นอะไรไหมนะ ความคิดสับสนอลหม่านลอยวนแล่นอยู่ในหัว ไม่สนใจอีกแล้ว แค่จะกินมัน จะกินมันเพียงเท่านั้น
เมรินทร์ คลานมือยาว หยิบไม้เท้าประคองลุกขึ้นอย่างไม่มั่นคง เคลื่อนตัวหาหม้อน้ำเดือดตรงหน้า ที่ใช้คำพูดว่ากระโดดยังเข้าเสียกว่า โดยไม่ทันคาดคิด ไอน้ำเดือดมาอยู่ตรงหน้า เธอกำลังชนเข้ากับมัน ในหม้อที่มีน้ำร้อนกว่าร้อยองศา สีหน้าของเธอพลันซีดลงเมื่อสัมผัสได้ถึงไอระเหยอุ่น
“อุก” มือข้างหนึ่งพลันรัดเธอไว้อย่างเบามือ ยั้งไม่ให้เคลื่อนตัวมากกว่านี้ เมรินทร์เงยหน้าขึ้นสบสายตา ชายร่างใหญ่ในใบหน้าบากช่วยเธอไว้ เขาถอดมือออก และประคองร่างเธอไว้ด้วยการจับไหล่ และกดให้นั่งลงอย่างช้าๆ เมรินทร์มองอย่างงุนงวย ตาไม่กระพริบ
จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบชามที่ตกลงกับพื้นเมื่อครู่ ปัดฝุ่น พร้อมกับใช้ช้อนกลางใหญ่ในหม้อน้ำซุปตักน้ำแกงบางอย่างมา ย่างก้าวเข้ามาทางนี้ แม้สีหน้าจะยังคงตึงอยู่แต่ก็ดูผ่อนคลายลง เขาวางชามนั่นไว้กับพื้น และมีช้อนตักที่ทำจากไม้วางไว้ให้ด้วย
ราวกับลูกแมวน้อย เธอสลับมองชามกับชายคนนั้นรัวๆ ช่างน่าพิศวงและน่ากลัว ไม่น่าไว้วางใจ จนเขาเดินถอยห่างออก เธอจึงรีบหยิบชามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซดน้ำซุป เห็ด และเครื่องสมุนไพรต่างๆ นาๆ เข้าปากอย่างตะกละ มูมมาม
“ระ ร้อน” กว่าจะรู้ตัวก็นานพอดู ความร้อนแสบลิ้นติดปลายปาก เธอแลบลิ้นออกมา พองบวมเปล่ง ทำตัวเองแท้ๆ ซุ่มซ่ามเสียเหลือเกิน
กึก เธอแทบหยุดหายใจเมื่อมีเสียงแล่นเข้าหู ชายคนนั้นขยับ เขาทำอะไรบางอย่าง หยิบชามที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันออกมา ตักซุปเห็ดนั่นใส่ถ้วย นั่งตรงข้ามกัน นั่นทำเอาเธอสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง เมื่อเขาล้มตัวก้นถูกพื้นอย่างรวดเร็ว
เขาหันมาสบตาก่อนครู่หนึ่ง ก่อนใช้ช้อนน้ำซุปของตนตักอาหารเข้าปาก อย่างไม่สนใจฝ่ายตรงข้าม ความเงียบงันก่อนตัวขึ้นอย่างน่าประหลาด มีเพียงเสียงซดน้ำซุปอย่างน่าเอร็ดอร่อยดังลั่นกลบความวงบจนมิด ทันใดนั้นพลันเธอน้ำลายไหล เสียงท้องร้องดังอีกรอบ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
คราวนี้เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ใช้น้ำช้อนตักน้ำซุปเข้าปาก อย่างระมัดระวัง ขณะที่ลิ้นยังชาจากอาการพองร้อนในเมื่อครู่ ซู๊ด ซู๊ด
เมื่อกินได้สักระยะหนึ่งจนเริ่มบรรเทาความหิวลง ปรากฏว่าซุปน้ำเห็นนั่นหมด มองสังเกตฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนว่าเขาเองก็กินหมดเหมือนกัน น่าแปลกที่อาหารหมดในเวลาแทบพร้อมเพียงกัน แต่ช่วยไม่ได้นี่นะ เธอน่าจะหิวเสียขนาดนั้นเลยล่ะ
ไม่นานเขาก็ไปตักใหม่เพื่อกินอีกชาม ดูเหมือนว่าทั้งหม้อใหญ่นี่จะเป็นของเขาในวันเดียวเลยถ้าดูจากขนาดตัว เธอเองก็อยากกินเพิ่มเหมือนกัน ควรทำอย่างไรดี
“ข ขอเติมเพิ่มได้ไหมคะ” เมรินทร์กล่าวเสียงสั่นผวา เป็นคำแรกที่พูดออกไป พอม้วนตัวคิดดูแล้วมันช่างน่าอายและขัน ที่ผู้หญิงอย่างเธอเปิดปากก็พูดถึงเรื่องกินเสียแล้ว
ชายคนนั้นไม่พูดตอบ เพียงแค่พยักหน้ารับ พอทันทีที่ได้สัญญาณเธอลุกขึ้น “อ อูย—” ขาเจ็บแปล๊บแล่นแปลี๊ยะ เพราะนั่งผิดท่าจนขาเธอชาเสียแล้ว ไม่อาจลุกขึ้นได้อีก น่าเสียดาย เธอคงไม่ได้เติมเพิ่มอีกนาน
พอเห็นดังนั้นอีกฝั่งหยุดกิน ลุกขึ้นเดินมาทางนี้ ยื่นมือใหญ่มาให้ “อ เอ๊ะ อะไรเหรอคะ?” เธอถามด้วยความสงสัย แต่เขาไม่ตอบ เพียงแค่ชี้หน้าขึ้นลงหาตรงชาม หรือเขาต้องการมัน เธอยื่นชามกะลามะพร้าวให้เขา
เขารับมันไว้ และเดินไปยังหม้อ ตักน้ำซุปถ้วยใหม่มาให้ วางลงไว้ตรงหน้า ทำเหมือนเดิมกับเมื่อครั้งที่แล้ว ดวงตาเธอเปล่งประกาย จับถ้วยซุปนั่นด้วยความหิวกระหาย กินอึก อักเพียงสามรอบก็หมด มือเธอสั่นเครือ ดวงตาคล้ำหมองจ้องตรงยังชายร่างใหญ่ตรงหน้า
“ขะ ขออีกถ้วยได้ไหมคะ” พลันพูดด้วยคำอันแสนน่าอับอายที่ไม่สมควรออกมาจากปากเด็กผู้หญิงแบบเธอ ทว่าก็ออกมาจากใจจริง
ชายคนนั้นลุกขึ้นยืน เพียงรู้ว่ารับฟัง เขาหยิบชามจากมือเธอออก แล้วตักซุปชามใบใหม่มาให้ทันที เธอกินวนซ้ำจนอิ่ม แน่นท้องด้วยความเจ็บปวด ดูท่าจะกินเกินไปเสียแล้วกระมัง
ถ้วยชามอันว่างเปล่า พลางเงยดวงตา จ้องมาชายตรงหน้า เหมือนเขาจะไม่ใช่คนไม่ดีผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก ดูอ่อนโยน มีความสุภาพ ต่างกับคนที่เคยเจอมาลึกลับ ชายคนนี้ราวกับเพชรในก้อนกรวด
แต่จะติดสินในทันทีได้เหรอ บางทีอาจมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่ เมรินทร์กุมมือด้วยความเจ็บปวด คิดบ้าอะไรของเธอ เขาพึ่งช่วยชีวิตเอาไว้นะ ไม่แน่ว่าเสียงความโกลาหลก่อนที่จะสลบไปอาจเป็นฝีมือของเขา ฉะนั้นควรขอบคุณสิถึงจะถูก
“คะ คือว่าคุณชื่ออะไรเหรอคะ” เมรินทร์ใช้น้ำเสียงกล้าๆ กลัว ยอมรับเลยว่ายังไม่ไว้ใจใคร
เขาเงยหน้าหันมาทางนี้ แววตาดูอาฆาต ฮิ๊— เมรินทร์สะดุ้งร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ หลับตาปรือ “ขะ ขะขอโทษนะคะ” บางทีคงทำอะไรไม่ถูกใจเข้า
“ข้าคือเหรี๋ยนซาน” แว่วคำพูดดังเข้าหู เธอค่อยๆ ลืมตามองดูเขาอย่างขวัญอ่อนผวา พลันคำพูดต่อมาแพล่มออก “เจ้าจำเป็นต้องได้รับการฝึกเพื่อเอาตัวรอด มิเช่นนั้นเจ้าจะตายในสักวันหนึ่ง”
เขาลุกขึ้นยืน เงาร่างสูงกว่าสองเมตรบดบังทับ ช่างน่าเกรงขามหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน เขาลุกขึ้นยืน เดินห่างออกไป เมื่อได้ระยะก็หยุดลง หันมาทางนี้ ส่งสายตาดุเดือดบางอย่างให้
เมรินทร์คิดในอีกแง่ บางทีเขาคงสื่อว่าให้ตามมา เธอรีบหยิบไม้เท้าข้างๆ ประคองตัวเดินออก เขาจะพาไปที่ไหนกันแน่
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.8 โจรภูเขาผู้น่าหวาดหวั่น จบ
ความคิดเห็น