คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Vol.1 Ch.5 ก้าวสู่โลกอีกครั้ง
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol. 1 ch.5 ก้าวสู่โลกอีกครั้ง
ภาพของการถูกหามเปล ภาพของเครื่องช่วยหายใจ หมอในชุดสีขาวรุมล้อม แล่นเข้ามาในหัว มันเกิดอะไรขึ้น ความทรงจำของทั้งสองโลกรวมเข้าด้วยกัน ตอนนั้นเธอล้มลงและหัวเขกโต๊ะ จนเลือดไหลซก นั่นเพียงแค่บาดเจ็บดูท่าไม่ถึงตาย
ทว่าความทรงจำเจ็บปวดแล่นเข้าอย่างชัดเจน ถูกฆ่าและจับกินทั้งเป็น
“ฮี๊—” สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาท่ามกลางโรงพยาบาล แม่ของเธอนอนเฝ้าอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง ทันทีที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังพลันมองเห็นสีหน้าของแม่ ทั้งกังวลและเจ็บปวด พ่อก็ป่วยติดเตียง แล้วลูกก็เป็นบ้าอีกอย่างนั้นเหรอ
ในตอนนั้นจึงเลือกโกหกไป เล่าเพียงแค่หัวโขกกับโต๊ะแล้วจำอะไรไม่ได้เลย ดีหน่อยที่หมอช่วยบอกว่าตอนนั้นอาจเป็นอาการชัก ไม่ถึงแก่ชีวิต ทุกอย่างดูเหมือนพ้นวิกฤต แต่เธอรู้ดีแจ่มแจ้งชัดเลย
อย่าบอกนะว่าคำตอบทั้งหมดนั่นคือเกี่ยวกับเจ้าลูกโลกมิตินั่น ตอนแรกก็ว่ามันแปลกๆ แต่ทำไมถึง
“เหลียงเค่อ ปรมาจารย์กู่ ทุกคน” ในช่วงกลางวันที่แม่ออกไปทำงานนั้น เธอซุกผ้าห่ม ร้องไห้หนักเพียงคนเดียว
“เมรินทร์ นี่เธอร้องไห้เหรอ”
มีบางคนเปิดผ้าห่มขึ้นมา เป็นเฟรย์และด้านหลัง มีนากับเหมียวเองก็ด้วย ทุกคนต่างมองด้วยความเป็นห่วง มาเยี่ยมอย่างนั้นเหรอ
“แน่ใจนะว่าไม่เกี่ยวเรื่องในจดหมายนั่น” เฟรย์ถาม
“.....อือ” เมรินทร์โกหกออกไป ยังไงก็คงไม่มีทางเชื่อ ความจริงมันออกเหนือธรรมชาติขนาดนั้น
“…..เหรอ” หนังตาของเฟรย์ตกลง
“ให้ตายสิเธอนี่จริงๆ เลยซุ่มซ่ามแท้น้อ” เหมียวหัวเราะ
“ใช่ๆ พลัดหลงกับคนอื่นแล้วยังล้มหัวฟาดพื้นอีก” มีนากล่าวอย่างล้อเล่น
“ฮ่าฮ่า ขอโทษด้วยนะทุกคน” เมรินทร์หัวเราะกลบเกลื่อน เธอซ่อนความจริงบางอย่างไว้ บางอย่างที่ไม่ควรเล่าออกมา
เพียงสอง-สามวันหลังจากนั้นเธอก็ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักที่ห้อง ถึงแม้อีกไม่นานจะได้ออกจากโรงเรียนอย่างถาวรแล้วก็เถอะ
ประตูห้องเปิดออก ข้าวของที่แม่จัดไว้ให้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“อึก” เมรินทร์มองลูกโลกด้วยสีหน้าซีดเผือก ไร้เลือด แววตาสั่นคลอไร้สีสัน หายใจหอบเหนื่อย จับที่หน้าอก แซ่ด แซ่ด ความทรงจำเมื่อตอนนั้นยังลอยเข้าหัว
เธอค่อยๆ ย่องเดินเข้าไปด้วยความหวั่นวิตก ความคิดพลันกังวัลว่ามันคือเรื่องอะไรเกี่ยวกับลูกโลกอย่างนั้นเหรอ
นั่งลงบนเก้าอี้ คลี่กระดาษที่เหลืออย่างเบามือ
กฎการให้รางวัล
|
เธอเอียงคอสงสัย หมายความว่ายังไงเคลียร์หายน—
“เอ๊” เมรินทร์สะกิดใจ
[ ประเภทหายนะ : จ้าวอสูรกิน ]
นั่นเหรอความหมายที่ว่า เจ้าตัวที่กินปรมาณกู่แล้วงอกดวงตาทั้งห้าขึ้นมา ไม่สิ บางอาจเป็นแค่ตัวธรรมดาที่ยังไม่ใช่จ้าวอสูรกินคนก็ได้
แต่ทำไมกันล่ะ เวลาผ่านมาในโลกนั้นตั้งสองเดือนกว่าแท้ๆ พอกลับมายังที่นี่ แม่บอกหลังจากที่กลับบ้านมา 3 ชั่วโมง
[เวลาในลูกโลกมิติจะจบลงภายใน 3 ชั่วโมง ไม่มากไม่น้อยเกินกว่านั้น]
เมรินทร์เหงื่อไหลเย็น หมายความว่าต่อให้ในลูกโลกมิติเวลาจะผ่านไปยาวนานแค่ไหน ทว่าเวลาในโลกจริงจะผ่านไป 3 ชั่วโมงอย่างนั้นเหรอ
ถ้าเช่นนั้นแล้วช่วงไหนคือจุดจบของโลกกันล่ะ
“อย่าบอกนะว่า..... เมื่อโลกถูกทำลาย” เธอเริ่มประติดประต่อขึ้นมาในหัว ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างจำกัดเพียงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เหมือนบอร์ดเกมที่เธอเคยเล่น เกมจะจบก็ต่อเมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ หากฆ่าจ้าวอสูรนั่นได้เกมก็จะจบลง หรือไม่ก็ทุกคนในโลกตาย
สิ่งที่คิดได้เพียงอย่างเดียวคือเธอล้มเหลว
“ตะ ตะ แต่ว่า โลกนั้นมันก็แค่เกมหนิ แสดงว่ามันไม่มีอยู่จริงใช่ไหม?” เมรินทร์ยิ้มปากเจื่อน สีหน้าซีดเผือก
“ชะ ใช่ มันไม่มีทางมีจริงอยู่แล้ว!” เธอพยายามดับอารมณ์ความหวั่นวิตกภายใน
ถึงความลึกลับและสิ่งที่เกิดขึ้น เธอรู้เหมือนเวลาผ่านไปสองเดือนกว่าทั้งที่โลกจริงพึ่งผ่านไปเพียงแค่สามชั่วโมง “ฮะ หะ มันเป็นแค่ฝันที่ยาวนาน”
มันชักจะเลยเถิดขึ้นไปทุกทีไม่มีทางที่มันจะเกิดจริงถึงเรื่องลูกโลกมิติไร้สาระ ทุกอย่างมันแค่ความเพ้อฝัน
สิ่งที่เธอต้องทำก็แค่เก็บมันกลับเข้ากรึ แล้วปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นตลอดกาล
“มะ ม่าย”
ทันใดที่กำลังจะเอาทุกสิ่งเกี่ยวกับลูกโลกนั่นใส่ลิ้นชัก ความทรงจำพลันหวนคืนอีกรอบ ฟันแหลมคม ความรู้สึกถูกกดทับ น้ำตาเริ่มไหลลิน เสียงสะเอื้อนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้การ หากยังคงร้องไห้เสียงดังเช่นนี้แม่คงได้ยินแน่
‘เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร เชื่อข้าสิ’
น้ำเสียงของเหลียงเค่อพลีนแล่นเข้าหัว ความผ่อนคลายจากความทรงจำอันโหดร้ายเริ่มบรรเทาลง ภาพเงาลางๆ ของเหลียงเค่ออยู่ตรงหน้า รอยยิ้มของเขายังคงสดสัยเหมือนเดิน ทั้งปรมาณจารย์กู่ ถิงถิง เนี่ยนเจินและซีฮันยิ้มให้
“ทะ ทุกคน” ก่อนพลันจะถามอะไรเข้า มือที่คว้าภาพของทุกคนกลับสัมผัสเพียงความว่างเปล่า
มันเป็นเพียงแค่ภาพหลอนภายในหัว น้ำตาของเมรินทร์ร่ำไห้อย่างทุรนทุลาย เพียงแค่สามชั่วโมง สามชั่วโมงเท่านั้นมันกลับหลอกหลอนเธอได้ถึงขนาดนี้ ค่ำคืนนั้นเธอแทบข่มตานอนไม่หลับ ไปโรงเรียนทั้งอย่างนั้น
“เมรินทร์ เธอ....” เฟรย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังจะสะกิดเรียก แต่ก็ชักมือออก เพราะบรรยากาศหนักอึ้งรอบๆ ตัวที่ลอยอยู่
เมรินทร์ในห้วงแห่งความเจ็บปวด ก้นหน้าขอบตาดำ ดวงตาแดงก่ำ คลอเบ้าตลอดเวลา ราวกับกำลังจะเป็นจะตาย
“ฮะ เฮ้” ครูหนุ่มที่รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี พูดทักด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “นักเรียนตรงนั้นน่ะ ไปพักที่ห้องพยาบาลสักหน่อยไหม” เขาเกาหัว แกรก แกรก ด้วความลำบากใจ
“ค่ะ” เมรินทร์ยืนขึ้นตอบด้วยน้ำเสียงเหม่อลอยราวกับไร้วี่แววชีวิต
“ให้ฉันพาไปที่ห้องพยาบาลเถอะ” เฟรย์ยื่นมือเข้าใกล้ประคองบ่า
แป๊ะ! เมรินทร์และเฟรย์ตาเบิกโพลง มือที่เข้ามาจับนั้นถูกปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี
“ขอโทษ” เธอไม่ได้ตั้งใจทำจริง มันเพียงปฏิกิริยาตอบสนอง ทว่าก็บอกขอโทษด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยด้วยเช่นกัน
“ไม่เป็นไร ฉันคงยุ่งเรื่องของเธอมากเกินไปจริงๆ” เฟรย์หันหลังและกลับนั่งที่เดิม
“นะ นี่ แบบนั้นเธอปกติเหรอนั่น” มีนามีน้ำเสียงปนกังวล
“อืม ฉันสงสัยว่าวันนั้นเธอคงไปเจออะไรมากกว่าแค่ล้มหัวฟาดพื้น” กลุ่มเพื่อนสนิทต่างรู้สึกได้ถึงตัวตนที่แปลกไปของเมรินทร์
เฟรย์หน้านิ้วด้วยความเศร้าหมอง คิ้วตกลง ดวงตาแข็งกร้าวขึ้น หรืออาจเป็นเรื่องเป็นตุเป็นตะที่วันนั้นเมรินทร์เล่าให้เธอ มันก็แค่เรื่องแต่งไม่ใช่เหรอ หรือว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น.... จะคาดคั้นถามต่อเธอก็ปิดปากเงียบซะด้วยสิ โธ่เอ้ย รู้งี้น่าจะคุยตั้งแต่แรกให้มันจบไปเลยยังจะดีเสียกว่าปล่อยให้มันค้างคาเช่นนี้ เฟรย์กลัดกลุ่มอย่างสุดจริง
บ่ายวันนั้น เมรินทร์ยังคงนอนอยู่ในเตียงของห้องพยาบาลด้วยความเหม่อลอย เธอรู้ตัวว่าคายต่อไปกำลังจะเริ่มต้นขึ้น อย่างนี้มันไม่ดีแล้ว หากขืนยังนอนอยู่ตรงนี้ต่อไปมีหวัง ครูโทรเรียกผู้ปกครองมาแน่ แม่คงต้องเสียใจอีก ต้องรีบลุกขึ้นแล้ว
“เฟรย์?” เมรินทร์สบตาเข้ากับคนที่เปิดประตูเข้ามา
“รู้สึกสบายดีขึ้นแล้วเหรอถึงลุกขึ้นน่ะ” หญิงสาวผู้มีแววตาแข็งกร้าวเดินเข้ามาใกล้ทางนี้
“เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว” เมรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ แสดงถึงความเป็นกังวล และคนรอบข้างต่างรู้สึกได้ถึงบริบทนั้นอย่างรู้แจ้ง เพียงแค่ได้ฟัง
“งั้นก็ควรนอนต่อสิ เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกครูห้องปกครองมาให้” เฟรย์เดินไปทางโทรศัพธ์ตั้งโต๊ะและกำลังยกหูขึ้น
“เฟรย์ฉันสบายดีเธอไม่ต้องยุ่งนะ!” เมรินทร์แย่งหูโทรศัพธ์นั้น และวางกระแทกมันลง
เฟรย์ดวงตาค้างแต่ง “เธอ..... เปลี่ยนไปนะ”
“ขอโทษ” เมรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย เธอรู้ตัวว่าไม่ควรทำกับเพื่อนอย่างนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องพยาบาล เฟรย์ก็มาเดินจับมือไว้
“ยังไงก็เถอะฉันว่าเธอควรจะพักผ่อนนะ สภาพนี้เธอไปเรียนไม่ไหวหรอก” ความหวังดีของเพื่อนสนิทที่สุดยังไงก็เป็นหัวอยู่วันยังต่ำไม่ว่าจะทำตัวห่างเหินเพียงใด
“ปล่อยนะ!” น้ำเสียงตวาดอันดังลั่นโพล่งออกมาจากปาก “ถ้าในวันนั้นเธอไม่พาฉันไปที่ตรอกนั่น!.......” ก่อนที่จะพลันหลุดเรื่องทั้งหมดไป เธอหุบปากลง รู้สึกตัวเสียทีว่ากำลังทำเรื่องผิดพลาดใหญ่ขึ้น
แววตาของเฟรย์คลายความสงสัย พลันมีรอยยิ้มมุมปากที่อ่อนลง “งั้นเหรอ เป็นเพราะฉันเองอย่างนั้นสินะ”
เฟรย์หันหลังกลับมายังทิศทางตรงกันข้าม “ขอโทษด้วยที่ทำตัวยุ่งยากแสร่ไม่เข้าเรื่อง” น้ำเสียงนั่นทุ่มต่ำลง “แต่ถ้าเธอยังไม่พูดมันออกมาทั้งหมด ฉันคงช่วยเธอไม่ได้และไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เธอจะสื่อด้วย แต่ว่า.....”
“ความเป็นเพื่อนของเราคงจบลงที่ตรงนี้” เธอค่อยเดินหนีถอยห่าง “เพื่อพวกเราทั้งฝ่าย อย่ายุ่งกันอีกเถอะ” เฟรย์ก้าวย่างอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้านั่นหนักอึ้ง
“ดะ รอเดี๋ยวก่อน” เมรินทร์พยายามกวักมือเรียก แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เงาภาพของเฟรย์ เพื่อนสนิทที่สุดของเธอจางหายไปตรงหน้า เธอร่ำไห้ออกมาด้วยน้ำตาท่วม ฉันทำมันพังเสียแล้ว เพื่อนเพียงไม่กี่คนของฉัน คนที่ฉันเข้าใจที่สุด
เย็นวันนั้นเธอก็ไม่ได้เรียนต่อ นอนในห้องพยาบาลทั้งน้ำตาอาบแก้ม และดูเหมือนว่าด้วยเหตุการณ์อะไรบางอย่าง จะลืมหรืออะไรก็ตามแต่ ครูห้องพยาบาลไม่ได้โทรแจ้งผู้ปกครองนะวันนั้น เธอโชคดีเป็นอย่างมากที่ยังคงเป็นบังเรื่องนี้แก่แม่ได้อยู่
ประตูห้องเปิดออกถึงวันที่ดำมือตื๊อของห้องนอนตัวเอง
“เพราะเจ้าลูกโลกบ้านี่!” เมรินทร์ระบายอารมณ์เสียงดัง หยิบลูกโลกในลิ้นชักออกมาตั้งบนโต๊ะอย่างหัวเสีย
“ถ้าฉันช่วยทุกคนได้ เรื่องนี้มันจะหายไปจากหัวของฉัน ฮึก—” น้ำตาไหลนองหน้า
เหลียงเค่อ ปรมาจารย์กู่ ถิงถิง เนี่ยนเจิน ซีฮัน เพื่อนในสำนักเก๋อเหลาทุกคน คราวนี้ฉันจะช่วยให้ได้ จะทำให้ได้เลยคอยดู และเพื่อทดสอบด้วยว่าเจ้าลูกโลกมิตินี่มันเป็นความจริงหรือแค่ความฝัน
เมรินทร์ใส่รูปแบบทุกอย่างเหมือนตอนแรกไม่ผิดเพี้ยน ลูกโลกเรืองแสงสว่างขึ้น สีเขียวของทวีปโลกปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เธอจำไม่ได้ว่าแผนที่ทวีปเหมือนกับตอนแรกรึเปล่า เพียงแต่ว่าครั้งนี้เธอบันทึกของความคำพูดที่แตกต่างออกไป ด้วยความบังเอิญนั่นทำให้ตัวเธอในตอนนั้นสูญเสียกำลังใจและเกิดความลังเลที่ไม่อาจฝึกลมปราณต่อได้ แต่คราวนี้ข้อความที่มีประโยชน์จะถูกส่งให้แทน
“สวัสดีค่ะผู้มา........”
เรียบร้อยแล้ว เธอหมุนปรับไปที่เฟส 5 หมุนนาฬิกาทราบกาลเวล เหลือเพียงแค่เข้าสู่โลก ถ้าจะไม่ผิด เธอเพียงแค่แตะความทรงจำทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนไป เธอคงต้องทำแบบตอนนั้นอีกสินะ
เมรินทรสูดหายใจลึก กล้าๆ กลัวๆ จมมองดูทรายที่ลดเกือบถึง 10 นาที ไม่มีเวลาแล้ว ยังไงก็ต้องทำ อยากช่วยทุกคนไม่ใช่หรือไง
“เอาล่ะ จะไปล่ะนะคะ ขอให้ครั้งนี้ช่วยทุกคนได้สำเร็จ” เมรินทร์กล่าวปลอบใจตัวเอง หากไม่ได้ทำสิ่งนี้เธอคงไม่อาจก้าวพ้นข้ามเรื่องเลวร้าย และอาจสูญเสียสิ่งสำคัญในอนาคตไปอีก เพื่อให้กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง กลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
เธอจับที่ลูกโลกมิติ และสติของเธอค่อยๆ หมดลงอย่างช้าๆ ภาพทุกอย่างดำมืดลง ทว่าครั้งนี้เธอนั่งในท่าที่ถูกต้อง หนังตาหลับลง ราวกับคนที่นั่งสัปหงกนอนหลับในที่นั่ง บัดนี้จิตของเธอได้ก้าวไปสู่โลกอื่นเป็นที่เรียบร้อย
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol. 1 ch.5 ก้าวสู่โลกอีกครั้ง จบ
ความคิดเห็น