คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : Vol.1 Ch.32 ชะตากรรมของผู้กลับมาจากภพโลก ช่างลงเอยด้วยดี(จบ Vol.1)
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.32 ชะตากรรมของผู้กลับมาจากภพโลก ช่างลงเอยด้วยดี
เมรินทร์หยิบนับเหรียญด้วยความยินดี แก้มบาน ดูเหมือนว่าเหรียญพวกนี้จะไหลออกมาจากลูกโลก
“เอ... สองเหรียญเงินกับอีกสี่สองทองแดง.....”
จำนวนไม่ครบตามกฎ นั่นอาจหมายความว่าคิดตามสัดส่วนการสูญเสียของโลก ช่วงกลางๆ ของการเดินทาง เพราะความประมาททำให้เสียประชากรไปเสียเยอะ แต่ได้มากว่าเจ็บสิบเปอร์เซ็นนับว่าดีแล้ว ยังมีที่สำคัญกว่านั้นอีก
เมรินทร์ค่อยๆ หลับตา พลันนึกถึงความรู้สึกตอนที่อยู่ยังโลกนั่น
แสงสว่างปรากฏขึ้นที่มือ ค่อยๆ เลือยลาง กระเป๋าหนังอันคุ้ยเคยโผล่บนฝ่ามือ
“เราได้มันแล้วจริงๆ ด้วย”
เธอกอดกระเป๋าหนังแน่น ด้วยความดีใจเต็มอก
“ดีใจจัง ทุกคนยังมีชีวิตอยู่” มันไม่อะไรน่ายินดีกว่านี้อีกแล้ว กับตอนจบที่เธอพบเจอ
ประสบการณ์อันน่าจดจำ ค่อยๆ เยียวยาวบาดแผลในจิตใจ เหมือนกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง ตัวเธอในโลกนั่น ช่วยทุกคนรอดชีวิต ถึงแม้อดีตอันเลวร้ายจะไม่หวนคืน แต่เธอสมารถแก้ไขตัวเอง
พอหันมาทบทวนก็รู้เลยว่าทำตัวไม่ได้เรื่องแค่ไหน จากนี้เธอจะเปลี่ยนแปลง จะกลับมาเป็นตัวของตัวเอง
อารมณ์กลับมาคงที่ เวลานี้ก็ดึกแล้ว ประมาณสามทุ่มกว่า แต่ยังไงก็อยากพิสูจน์ เธอต้องการไปที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
“พ่อคะ”
เมรินทร์ จ้องใบหน้าเจ็บปวดของพ่อ เขาสวมเครื่องหายใจนอนหลับเป็นเวลากว่าสองปีแล้ว
หวังว่าพลังแห่งปาฏิหาริย์นี้จะช่วยเขา เหมือนตอนที่สร้างปาฏิหาริย์ในโลกแห่งความฝันนั่น
เธอหยิบขวดน้ำยาสีทองไว้บาฝ่ามือ เรืองแสงของมันเปล่งปลั่งดั่งเช่นทุกที อัดแน่นด้วยพลังชีวิตเต็มเปี่ยม
เพล้ง—
ของเหลวสีทองไหลสัมผัสร่างกายของพ่อเธอ มัน ซึมซับผ่านเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
ติ๊ด ติ๊ด—
เมรินทร์มองเสียงของเครื่องวัดชีพจรด้านข้าง ปรกติแล้วหัวใจของพ่อเธอจะเต้นอ่อนๆ ตลอด คล้ายกับคนสิ้นใจทุกเมื่อ ทว่าตอนนี้ทั้งจังหวะและตัวเลข เริ่มกลับมาคงที่
เธอแทบกลั้นหายใจ มองใบหน้าพ่อของเธอที่มีสีหน้าอ่อนลง ความทรมาณคงจางหาย เขาดีขึ้นอย่างเห็นชัด
“พ่อคะ.....”
เมรินทร์สะกิดร่าง
“พ่อคะ พ่อ.....”
แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่ตื่นขึ้นมาการหลับใหล
ผ่านมากว่าครึ่งชั่วโมงเธอก็เริ่มท้อแท้ สิ่งนี้คงช่วยเพียงแค่ฟื้นฟูร่างกายนอก สำหรับน้ำยาสีทอง หากภายในสาหัสหรือสูญเสียมากเกินไปก็ทำอะไรไม่ได้
พ่อของเธอน่าจะอาการหนักถึงเพียงนั้น
หยดน้ำตาไหลกระทบแก้ม
“หนูจะหาทางช่วยพ่อให้ได้”
เมรินทร์หลับตา เบือนหน้าหนี ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่ได้ผล แต่ก็มีความคืบหน้า
มันต้องมี มันต้องมีสักทางที่ต้องช่วยพ่อของเธอ เพื่อให้ครอบครัวของเธอกลับมาอีกครั้ง
ย่างก้าวหนักอึ้ง เดินก้มหน้าออกจากห้องพยาบาลยามดึกดื่น
บรรยากาศเศร้าหมองลอยคลุ้ง ความอันริบหรี่ ถึงอย่างนั้นก็มีหวัง หากแค่ไม่ยอมแพ้เอาดื้อๆ
เธอเหลียวหลัง สังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดกับกลุ่มคนที่เดินสวมเมื่อกี้ ไม่มีเพียงแค่เมรินทร์ แต่คนรอบข้างเองก็คิดเช่นเดียวกัน เสียงซุบซิบบ่น คนอะไรเสียมารยาทถึงเพียงนี้ ในโรงพยาบาลแท้ๆ
“. . . . . . . .สวมหน้ากากอะไรของเขา แปลกจัง”
แสงจันทร์ยามค่ำคืน ส่องกระทบใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กสาวตัวน้อย
มือของเธอค่อยๆ ปลอกผลไม้แอปเปิ้ล ทำอย่างนี้ซ้ำทุกวัน เพื่อเฝ้ารอคนที่อาจตื่นจากการหลับใหลอันยาวนาน ถึงท้ายที่สุด เธอมักต้องกินเองทุกครั้ง
ช่างหน้าเศร้า คนที่เธอรักไม่มีแววถูกปลุกขึ้นจากนินทรานี่เลย จนอดคิดไม่ได้ หรือนี่จะเป็นนิรันดจ์
“. . . . . . .มินนา”
เด็กสาวสะดุ้งเฮือก เธอหันซ้ายหัวขวา มีใครกำลังเรียกชื่อ หู่แว่วงั้นเหรอ
“…..พี่คะ!” เธอปิดปากตัวเอง ตื่นตะลึง คนที่เธอเฝ้าคอยตลอดมาคือต้นเสียง
น้ำตาคลอเบ้า ร่ำไห้ “พี่ปริญ!”
เด็กหนุ่มค่อยๆ ถอดเครื่องช่วยหายใจของตนเองออก เพราะมันสอดเข้าถึงปอดลึกจึงยากนิดหน่อย เขาไอค่อกแค่ก
“พ พี่คะ ใจเย็นๆ สิคะ....” มินนาลนลาน ทำตัวไม่ถูก “ต ต้องเรียกหมอ”
“ไม่เป็นไรพี่อยู่นี่แล้ว” เขาดึงมือน้องสาวขึ้นมากุม
มืออุ่นๆ สองข้างทับกัน น้ำตาของมินนาไหลพราก
“พี่ฟื้นขึ้นมาแล้ว ฟื้นขึ้นมาจริงๆ ด้วย มันไม่ใช่ความฝัน” เธอร้องด้วยความดีใจ
“ใช่ ว่าแต่พี่หลับไปนานแค่ไหนน่ะ?” ปริญหันมองรอบ เขาตะหนักว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาล
“ส สามปีค่ะ”
“นานขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขาเกาหัว แกรก แกรก ถึงว่าพอลูบคลำตัวเอง ทำไมร่างกายซูบผอมนัก “แต่ก่อนอื่นเลย พี่มีเรื่องน่าสนุกอย่างเล่าให้ฟังล่ะ รู้ไหมพี่ไปอีกโลกหนึ่งระหว่างหลับอยู่น่ะ” ทนไม่ไหวแล้วที่จะบอกแก่น้องสาวให้ฟัง
“พี่! อย่าพูดเรื่องเหลวไหลสิคะ!” น้องสาวรีบตวาดหนัก เมื่อเห็นเขากำลังลุกขึ้น “พี่ควรนอนพักอยู่เฉยๆ นะ”
ปริญหน้าเจื่อน เขายอมฟังน้องสาวแต่โดยดี
“เอาหน่า อย่างน้อยก็ฟังเรื่องของพี่หน่อยเถอะ” เด็กหนุ่มยังยืนยันคำเดิม ด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ
มันก็น่าดีใจที่พี่ชายดูแข็งแรงดี แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาขยับตัวโดยไม่เป็น “ไม่ได้นะคะพ—”
ก่อนทันพูดจบ แสงสีขาวสว่างวาบ เจิดจรัสบนมือของเด็กหนุ่ม
เขายิ้มกว้าง ขืนขึ้นบนเตียงด้วยเท้าเปล่า ชักดาบตั้งท่าแก็กๆ เป็นเชิงหยอกล้อ
ดาบสีทองปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา ยกชูขึ้น ทำหน้ายิ้มโอ้อวดเล่นๆ
มินนาอ้าปากค้าง “ม มันคืออะไรกันน่ะคะ?”
“บอกแล้วไง พี่ไปพจญภัยอีกโลกมา” เขาปาดจมูกตัวเอง “แต่ไอ้นี่มันติดมาด้วยแฮะ น่าตกใจจริงๆ”
มินนาสับสน ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ “อ เอ่อ.... ทำไงดีล่ะ ด เดี๋ยวโทรเรียกพ่อกับแม่มาก่อนนะคะ” เธอส่ายหัวซ้ายขวา ก่อนมองยังโทรศัพธ์ของโรงพยาบาลตรงหัวมุมเตียง ควรเรียกหมอเป็นอันดับแรก
เด็กสาวหลบหลังฉากม่านกั้น เพื่อใช้โทรศัพธ์นั่น เธอยกหูขึ้นด้วยความดีใจ คิดอย่างตื่นเต้น พ่อกับแม่มาเห็นต้องตกใจแน่ๆ ทนรอไม่ไหวแล้ว
อีกอย่างต้องบอกพี่เมรินทร์ด้วย ต้องขอบคุณพี่สาวทำให้ไม่หมดหวังไปเสียก่อน
ใช่ ใช่จริงๆ ด้วย ทุกอย่างมันลงเอยด้วยดีแบบที่พี่เขาว่า
“ฮิ ฮี่ รีบหน่อยล่ะ พี่ทนรอเห็นหน้าเธอตอนพี่เล่าเรื่องน่าสนุกงี้ไม่ไหวแล้ว” เขาใช้มือลูบไล้ดาบ
ทว่าเมื่อรอนานเท่าไหร่กลับไม่มีเสียงตอบรับของน้องสาว
“มินนา?”
บรรยากาศอึมครึม เงียบสงัดอย่างน่าแปลก เมื่อครู่มันไม่เงียบขนาดนี้ แถมมีกลิ่นแปลกๆ เตะเข้าจมูกด้วย เหมือนเคยดมมาก่อนเมื่อไม่นาน
“เฮ้? มินนาเป็นอะไรรึเปล่า?” ด้วยความกังวลว่าน้องสาวอาจดีใจจนเผลอลื่นกระแทกขอบพื้นหรือเปล่า เขาจึงกำลังจะตัดสินใจเดินดูม่านหลังฉากเสียหน่อย
ทันใดนั้น ใบหน้าของน้องสาวเอียงคอผ่านพ้นม่าน มองอย่างเลื่อนลอย รอยยิ้มกว้างปนน้ำตายังมีให้เห็นบนแก้มนั่น
“ม๊ะ. . . เปงราย. . .กอกก๊ะ. . .ปี้ก๊ะ. . .”
ปากของเธอขยับขึ้นลงอย่างฝืนๆ ไม่สัมพันธ์กับคำพูดแม้แต่น้อย ทั้งน้ำเสียงที่ไม่ใช่ของน้องสาวของเขายังดังลอดผ่านม่านหนา อย่างกับผู้ชายสูงวัยบีบจมูกดัดเสียง แต่ว่ามันทุเรศกว่านั้นเยอะ
“มิน......นา?”
ปริญหน้าตรง เขายังคงสับสนอยู่ ความผิดปรกตินี่มันอะไรกัน
ทั้งร่างแข็งค้างราวกับคนช็อค มันไม่ควรเป็นอย่างนี้สิ ร่างกายของเขาสัมผัสได้ก่อนความคิดอย่างนั้นเหรอ
“สวัสดีครับ”
ปริญเอียงศีรษะสงสัย ชายหนุ่มในหน้ากากครึ่งซีกล่างคล้ายทศกัณฐ์มีฟันเขี้ยวใหญ่ แต่มีช่องเผยให้เห็นปาก โผล่หัวออกมาจากด้านบนน้องสาวของเธอ เขายิ้มยิงฟันอย่างเป็นมิตร
“เอ๋….. คุณเป็นใคร?”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณปริญ” เขาพูดต่อโดยไม่สนใจคำถาม
“เฮ้ ผมถามว่าคุณเป็นใค—”
หัวของมินนาถูกโยน กระทบตกผนังอีกฝั่ง รอยเลือดหกตามพื้น
ชายแปลกประหลาดเดินออกมาตรงกลาง เผยให้เห็นร่างผอมสูง สวมชุดสูทสุภาพเต็มตัว เขาหัวเราะเบา
“อะ— อะไร” ก็เมื่อกี้มินนายังคุยกับเขาอยู่เลยนี่นาแล้วทำไมเธอถึง
ม ไม่สิ ปริญมองนิ้วมือเปื้อนเลือดของชายสวมหน้ากากครึ่งซีกล่างในชุดสูท ดวงตาเหลืบขวา ลำคอขาดแหว่งของน้องสาว เขาจินตนาการถึงสภาพอันเลวร้าย เมื่อกี้ไอ้หมอนี้มันจับล้วงคอเธอให้พูดเหมือนพวกหุ่นกระบอกอย่างงั้นเหรอ
“ตามบทคัมภีร์วรรคสิบห้า จะมีแต่วิบากกรรมหรือพลังกรรมเท่านั้น ที่ถูกส่งข้ามภพข้ามชาติ” ตามบัญญติของศาสนาพราม-ฮินดู ล้วนแล้วแต่เป็นเจตจำนงศ์ของพระพรหม
“เพราะงั้นความผิดของคุณคือไม่ควรกลับมายังไงล่ะครับ”
“ห๊ะ!? หา—???????” ปริญอ้าปากเหวอเต่ง ไม่อาจทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทสนทนา “ล แล้วมันทำไม” ฟันกันกรอด บีบเค้นจนเลือดไหล
“ก็บอกว่าความผิดของคุณคื—”
“ฉันไม่ถามเรื่องนั้นเว้ย!!!—” ปริญตัดคำพูด ตะโกนร้องกรีดลั่นสุดเสียง น้ำตาไหลเจ็บปวดทรมาณ
“อ๊า กกกกกกกกกก อร้า!!!!!!!!!!!!!!!!!! ฮ้า————!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ฮ๊า!!!!!!!!!!!!!!! ฮือออออออออออออออออ ฮ้า——————!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“แกทำบ้าอะไรกับกับน้องสาวของฉันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน—————”
ชายในหน้ากากยิ้ม มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า
“ก็เห็นๆ อยู่ ตัดหัวประจานไงครับ”
พ่นลมหายใจขำขัน
“ซอร์ด บีเฮฟบิเอออออออออออออออออออออออออร์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!(ปณิธานดาบ)”
มือบีบดาบสีทองแน่น เลือดไหลตามซอกเล็บ กวัดแกว่งความโกรธ ฟาดฟันใส่ชายตรงหน้า เขาไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว ขอแค่ฆ่าไอ้วิปริตตรงหน้าเท่านั้น
ชายชุดสูทยืนยิ้มนิ่งเฉย ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสถานการณ์ตรงหน้า เห็นราวกับมันแค่เรื่องสนุกๆ เรื่องหนึ่ง
“ฮื้ออออ อ้า!!!!!!!!!!!!!! มินนนนนนนนนนนนนนนนนนา—”
เกลียวลมสีทองฟาดกระทบ ครึ่งซีกของชายชุดสูทฉีกออก ท่อนบนปลิวหายราวกับฝุ่นผง เหลือเพียงท่อนล่างที่ยืนตั้งตรงไม่ขยับเขยื้อน
แซ่ด—
เกลียวลมสีทองฟาดกระทบ ครึ่งซีกของชายชุดสูทฉีกออก ท่อนบนปลิวหายราวกับฝุ่นผง เหลือเพียงท่อนล่างที่ยืนตั้งตรงไ— แซ่ด— แซ่ด—
เกลียวลมสีทองฟาดกระทบ ครึ่งซีกของชายชุดสูทฉีกออ— แซ่ด—แซ่ด— แซ่ด—
เกลียวล— แซ่ด— แซ่ดดดดดดด— แซ่ดดดดดดดดดดดดดดดดด—
แซ่ด— แซ่ดดดดดดด— แซ่ดดดดดดดดดดดดดดดดด— แซ่ดดดดดดดดดดดดดดดดดด—
ชายในชุดสูทยกนิ้วปื้นเลือดขึ้นมาสองนิ้ว ปัดเกลียวลมสีทองที่พวยพุ่งเข้ามายังทิศทางอื่น เกิดเสียงแรงกระแทกดังลั่น กระจกแตกกระจาย กำแพงห้องพยาบาลโดยรอบกร้าวล้มพัง ลมเย็นจากชั้นสูงตีเข้าหน้า
“หา— เมื่อกี้น่าจะฟันโดนแล้ว” ปริญตาแข็งค้าง
โดยไม่ทันตอบโต้ ชายหน้ากากครึ่งซึกโผลพุ่งกระโจนเข้ามา เพียงพริบตาปรากฏอยู่ตรงหน้า
“เอ๊ะ—”
เสียงสุดท้ายของปริญลอดเล็ดลำคอ ก่อนโดนสองนิ้วนั่นตัดผ่านร่างราวกับมีดคัตเตอร์ปาดกระดาษ
มวลเลือดฟุ้งกระจาย ไหลทะลักตกผ่านหน้าต่าง
ชายในชุดสูทคนนั้นแสยะยิ้ม ค่อยๆ เดินออกมาสูดลมเย็นๆ ตรงหน้า ที่ถูกพังเปิดกว้าง
“ค่ำคืนนี้สวยงามจริงๆ นะครับ” เขาล้วงกระเป๋ามองร่างอีกครึ่งหนึ่งตกสู่เบื้องล่าง “ใช่ไหมล่ะครับ?” เขาพ่นลมสนุก
“กรี๊ด—!!”
ชายในชุดสูท เหลียวมองหลังหาปลายเสียงกรีดร้อง นางพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาดูด้วยอาการตกใจสุดขีด เห็นเขากับเด็กสาวหัวขาดนอนจอมกองเลือดเต็มตา
เขาเบ้ปาก ชักยุ่งยากแล้วซี่
นางพยาบาลคนนั้นวิ่งหนี
ปัง—
ขณะที่กำลังจะไล่ตาม เกิดเสียงปืนดังลั่นจากอีกฝั่งโถงทางเดิน หัวกระสุนเจาะเข้าทะลุกะโหลกศีรษะ
ปัง— ปัง— ปัง—
กระสุนอีกสามนัด ลั่นเข้าลำตัว ยืนยันถึงการรอดชีวิต
“ไม่ดีเลยคุณภิภัสกดี ปล่อยให้เอิกเกริกแบบนี้” ชายหัวโล้นผิวดำ สวมชุดสูทเดินออกมา มือข้างหนึ่งเล็งปืนยังร่างที่ไร้ชีวิตของพยาบาล
เขาลั่นขำ “ว่าก็ว่าเถอะครับ ทางคุณเองก็เล่นไม่ใส่ไซเรนเซอร์(กระบอกเก็บเสียง)ยิงกันในโรงพยาบาล ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีกเนอะ”
ชายหัวโล้นถอนหายใจ เฮ้อ— “ช่วยทำให้เงียบหน่อย”
ภิภัสกดียักไหล่ขอไปที “ก็พยายามแล้วนี่ครับ”
ชายหัวโล้นหยิบโทรศัพธ์ของตัวเองมาดู “คืนนี้ยังเหลืออีกตั้งสามคน” พูดอย่างเหนื่อยหน่าย “เห็นไหมดูสิ คนอื่นต้องออกโรงเลย”
ชายหนุ่มก้มมองยังเบื้องล่าง ไม่เพียงแค่นั้นรอบๆ ด้านต่างก็มากันแล้ว กลุ่มคนในชุดสวาทดำเข้มเข้าประชิด กรูกันเข้าปิดล้อมพื้นที่
“ท่านครับ ให้ทำยังไงกับคนที่นอนอยู่ตรงนี้ครับ”
คนในชุดเกราะกันกระสุน ใช้ปืนจ่อชายที่นอนหลับไม่ไหวติง ยังห้องฝั่งตรงข้าม
“ไม่ต้อง…… รู้ไหมองค์กรของเราต้องเสียงบประมาณเท่าไหร่ในการลบตัวตนของคนคนหนึ่ง” ชายหัวโล้นกล่าวหัวเสีย หลังจากตรวจสอบว่าคนป่วยที่นอนอยู่อาจไม่มีวันฟื้นขึ้น “หัดรักองค์กกันซะบ้าง รวมถึงคุณด้วย”
“รู้แล้วน่าๆ ผมพยายามอยู่นี่ไงครับ” ชายสวมหน้ากากครึ่งซีกล่าง ใช้นิ้วก้อยแคะหู
“ผมไม่ลืมหรอกว่างานของเราคือกำจัดผู้ที่ผ่านภพโลกมา รวมทั้งคนที่รู้เรื่องนั้นด้วย แต่ก็นะ”
เขาเดินเหยียบกองเลือดบนพื้น กางแขนออก ปากที่มองเห็นผ่านรูหน้ากาก เผยอฟันขึ้นลง ขมวดคิ้วสมเพซ กลั้นขำไม่อยู่
“ชะตากรรมของผู้กลับมาจากภพโลกนี่มันช่าง........... ลงเอยด้วยดี............... อะไรอย่างนี้!!!”
“หึหึฮึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!”
Vol.1 Ch.32 ชะตากรรมของผู้กลับมาจากภพโลก ช่างลงเอยด้วยดี (จบ Vol.1)
ความคิดเห็น