ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #30 : Vol.1 Ch.30 ศึกสุดท้าย

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 67


    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.30 ศึกสุดท้าย

     

     

     

    คลื่นดาบสีทอง ผ่าเส้นแทยงมุมนับไม่ถ้วน ปาดฉีกร่างอีกาใหญเป็นชิ้นดี

     

    “ธีร์!!!” เขาตะโกนเรียกสหายสุดเสียง

     

    “ไม่ต้องห่วง เขาอยู่ในมือฉันแล้ว” คริสเข้าประคองร่าง แสงสีเขียวห่อหุ้ม บาดบาดกลับมาสมานกัน อาการค่อนข้างสาหัสทีเดียว

     

    พอสังเกตุบละเอียด ปริญเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    หมอกตัวสีม่วงลอยจางอ่อน ภาพชิลินถือชูไม้เท้าตัวเองขึ้น

     

    เมื่อครู่ เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเมรินทร์ปาขวดน้ำยาควันพิษออกไป ด้วยสัญชาตญาณชิลินยิงบอลเพลิงเพื่อให้ขวดแตก เกิดหมอกพิษฟุ้งกระจาก มอนสเตอร์อีกานั่นสูดดมเข้า ส่งผลระคายเคืองปอด การลอบโจมตีจึงไคว้เขวจากเป้าจริงเพียงนิด

     

    “ไม่ผิดแน่เป็นเจ้านั่น!” มีคนเดียวเท่านั้นที่ใช้วิธีแบบนี้ “จอมมาร” ปริญกัดฟัดกรอด

     

    ถึงเวลต้องบัญชีกับมันซักที “ย่าห์!!!!”

     

    คลื่นดาบสีทองตกกระทบบานประตูขนาดใหญ่ ระเบิดเศษซากเหล็กหนาลอยทั่ว

     

    “ไหวไหมธีร์?” เขามองเหลียวหลัง

     

    ธีร์จากที่สีหน้าซีดเผือก ผ่านมาซักพักเริ่มผ่อนคลาย “อา— พอได้อยู่ ลุยกันเลย”

     

    ทั้งห้าบุกฝ่าทางเข้า มอนสเตอร์มากมายหลากหลายชนิดกรูกันเข้ามาเผชิญหน้า ด้วยจำนวนมากนับพันของมันทำให้เกิดอาการหวั่นตอนแรก ทว่าหากเทียบความแข็งแกร่งกับพวกการ์กอยล์ที่เคยเจอคราที่แล้ว ยังห่างชั้นกันอยู่มาก

     

    “ถ้าเป็นแบบนี้ต้องฝ่าเข้าไปได้แน่!” ปริญตะโกนปลุกใจ

     

    พวกเขาเกากลุ่มกันไว้ การเสกเวทของชิลินลดจำนวนพวกมันส่วนใหญ่ลงได้ หากเริ่มมีการเข้าถึงระยะกลาง ปริญเก็บกวาดตัวที่เข้ามาด้วยคลื่นดาบสีทองอันร้ายกาจเกือบหมด เหลือแค่หยิบมือที่เข้าใกล้ ธีร์สามารถขจัดพวกมันไม่ยากเย็นนัก โดยที่เมรินทร์ไม่ต้องทำอะไรเลย

     

    การเคลื่อนตัวขยับทีละน้อยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพราะมอนสเตอร์ที่เบียดเสียดแน่นขนัด ทว่าเมรินทร์รับรู้เลย ว่าจอมมารยังไม่ได้เอาจริง นี่แค่การถ่วงเวลาเพื่อให้พวกเธอเหน็ดเหนื่อยเท่านั้น

     

    “จอมมาร!!!!” สายตาของเด็กหนุ่มจ้องอย่างเกรี้ยว เมื่อมาถึงด่านสุดท้ายคือห้องโถงบัลลังก์กว้าง

     

    ร่างสูงกว่าสามเมตร มีเขาสองหัวเป็นเอกลักษณ์ รูปล่างลักษณะคล้ายวัวกระทิงผิวแดงก่ำ ยืนขึ้นจากเก้าอี้เหล็ก แสยะยิ้มมาทางนี้ ไม่ผิดแน่มันคือจอมมาร ภัยพิบัติผู้ทำลายล้างโลก เมรินทร์คิดในใจอย่างหนักแน่น

     

    ท่ามกลางพื้นปูอิฐ เหล่ามอนสเตอร์ที่มีออร่าต่างจากห้องที่แล้วมา แผ่รัศมีแห่งความตายตรงหน้าของพวกเขา

     

    “หึหึหึ ในที่สุดเราก็ได้เจอกันตัวเป็นๆ เสียทีนะเหล่าผู้กล้า” ลำคอกว้างพ่นลมหัวเรา ชิ้นิ้วเล็บยาวมาทางนี้ “สังหารพวกมันซะ”

     

    สิ้นคำบัญชาของจอมมาร พวกมอนสเตอร์มากมายทั้งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน ต่างวิ่งเข้ามาอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    “อุ๊—” ปริญสัมผัสได้ถึงความตรึงมือ เจ้าพวกนี้แข็งแกร่งกว่าที่เคยเจอมาลิบลับ

     

    “แต่ก็ไม่เท่าไหร่หรอกน่า!” เขากระโดดตวัดดาบวงกว้าง มอนสเตอร์สามตัวร่างฉีกขาด

     

    “ปริญไปเลย!!!” เสียงลั่นดังจากด้านหลัง

     

    เมรินทร์มองสถานการณ์ “พวกเราสี่คนเข้าไปลึกกว่านี้ไม่ได้แล้ว!” พวกเขาต่างรับมือลำบาก ไหนอีกสี่คนยังต้องคอยปกป้องเธออีก “แต่ถ้านายคนเดียวสามารถทะลวงกลุ่มก้อนพวกนี้ กำจัดจอมมารลงได้แน่!!!”

     

    มีเพียงแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นความหวังสุดท้าย ปริญรู้ดี ต่อให้เขาสามารถรับต่อกรกับพวกมอนสเตอร์ได้ทั้งวัน แต่ถ้าพรรคพวกของเขาต้องล้มตายมันก็เปล่าประโยชน์

     

    “เข้าใจแล้ว!”

     

    เด็กหนุ่มผู้เปรียบดั่งแสงสว่าง กระโจนตัวเองฟาดฟันเหล่าสัตว์ประหลาดแหวกเป็นทางตรง

     

    เพื่อนของเขาที่เห็นโอกาสนั้น พยายามจะไล่ตามไป แต่ก็โดนฝูงสัตว์กระหายเลือดเอาตัวมาปิดทางไว้ทันที

     

    “ฆ่ามันให้ได้ล่ะ” ธีร์กัดฟันพูดอย่างเจ็บใจ เมื่อรับรู้ว่าตัวเองมาได้แค่นี้

     

    เพื่อไม่ให้จอมมารหลบหลีก เพื่อมั่นใจว่าจะสังหารมันลง ต้องทำให้แน่ใจ จอมมารต้องอยู่ใกล้ที่สุด

     

    ร่างสูงใหญ่แสยะยิ้ม ดวงตาสะท้อนภาพนัยเจ้าเลห์

     

    “ฮึ่ยยยยยย ย่า!!!!!!” มือกวัดแก่วงดาบไม่หยุด ปวดข้อมือ ทว่ายังไงก็ห้ามปล่อยเด็ดขาด หากพลาดพลั้งความตายของทุกคนจะมาเยือน ยังไงก็ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด

     

    ปริญกระโดดสูงที่สุดในชีวิต ภาพจอมมารอยู่ตรงหน้า มันอ้าแขนรับ

     

    ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่ผิดแน่ เจ้านี่คือจอมมารตัวจริง ไม่มีทางเป็นตัวปลอม เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นมัน อุปกรณ์ของพวกเขาตอบสนองต่อร่างน่าหวาดหวั่นนี่ตลอดเวลา

     

    “ซอร์ด บีเฮฟบิเออร์!!!(ปริณธานดาบ)”

     

    มวลลมหมุนแรงกดมหาศาลล้อมรอบดาบ เกลียวคลื่นแห่งสีแสงทองทวนกระแส เด็กหนุ่มตวัดเป็นรูปเสี้ยงครึ่งวงรี

     

    มอนสเตอร์ที่เพียงแค่สัมผัสไอแสงต่างร่างแหลกสลายเป็นผุยผง รวมทั้งตัวที่อยู่ด้านหลังด้วย เห็นชัดว่าเขาเองก็เป็นห่วงพรรคพวกขนาดไหน

     

    เสี้ยววินาทีที่แสงนั้นกำลังกระทบเข้ากับร่างของจอมมาร มวลก้อนเนื้อน่าขยะแขยงจากด้านหลังเก้าอี้บังลังก์ ห่อหุ้มร่างใหญ่โตนั่นไว้

     

    กระเลือดเนื้อแตกออก

     

    “ย๊าหหหหหหหหหหหหหหหหห!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

    จอมมารกรีดร้องดังลั่น จนทุกต่างต้องเอามือมาอุดหู

     

    “สำเร็จไหม?” ธีร์กลั้นใจมองเบิกตา

     

    ลมฝุ่นเถ้าธุลีค่อยๆ จางหาย ปรากฏร่างบาดเจ็บสาหัสของจอมมาร

     

    “ฮ่ะ ฮะ นี่มันสุดยอดเลย” มันหัวเราะดังลั่น “ข้ายังรอดโว้ย!!!”

     

    ทุกคนอ้าปากค้าง จอมมารสามารถรอดตายจากไม้ตายของพวกเขาอย่างงั้นเหรอ

     

    ปริญจับดาบของตัวเองแน่น หวังโจมตีอีกครั้ง ทว่าเมื่อหันมองดูสภาพดาบของตัวเอง กลับพบว่ามันพังยับบิ่นทื่อไปหมด

     

    “ฮ่าฮ่าฮ่า คราวนี่ถึงตาข้าแล้ว!” จอมมารฉีกยิ้มอย่างน่ากลัว

     

    ทั้งห้ามีสีหน้าซีดเผือก ร่างใหญ่ดีดนิ้ว เป๊าะ— มอนสเตอร์มากมายนับไม่ถ้วงหล่นลงมาจากเพดานข้างซ้ายข้างข้างหลัง ขนาบจากทุกทิศทาง

     

    พวกเขาสัมผัสได้เลยว่า สัตว์ประหลาดพวกนี้แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าที่แล้วมา

     

    เมรินทร์กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ “นี่คือแผนของจอมมารอย่างนั้นเหรอ….”

     

    “ฮ่าฮ่าฮ่า พวกแกจงตกอยู่ใต้ความสิ้นหวังเสียเถอะ!” มันขยับตัว ถือขวานยักษ์ข้างกายขึ้น เข้าปะทะกับปริญ “ดูซิว่าพวกแกจะทำไรได้”

     

    “อึก!!!” เด็กหนุ่มใช้ดาบบิ่นของตัวเองรับ แรงสะท้อนสั่นหนักมาถึงมือเลย กำดาบด้วบความเจ็บปวด

     

    พวกเขาฟาดฟันใส่กัน ทว่า ด้ายดาบที่ไร้คม ไม่อาจทำความเสียหายร้างแรงใดๆ แก่จอมมารได้

     

    เมรินทร์จ้องไม่กระพริบตา “…...ถ้าแค่นี้ล่ะก็ ทำอะไรได้อยู่” ก้มมองกระเป๋าของตัวเอง ระยะที่ไกลเกินไป เลยให้น้ำยาไว้กับเขาไม่ได้

     

    เธอเริ่มออกวิ่งเมื่อเห็นว่าปริญไม่สามารถเคลื่อนออกจากจุดนั้นได้ “ทุกคนฝากป้องกันด้วย” เพราะคนอื่นต้องมือไม่ว่าง ต้องต่อสู้ตลอดเวลา มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารทำมัน

     

    “ทำให้ได้เมรินทร์!!!” ธีร์ตะโกนสุดเสียง

     

    “ฉันจะช่วยพาเธอไปเอง!” คริสพยักหน้ารับ

     

    ด้านจอมมารที่กำลังไล่ต้อนเด็กหนุ่ม ขณะกำลังเพลิดเพลินกับชัยชนะอันแน่นอนที่กำลังมาใกล้เข้ามา เหลือบเห็นสถานการณ์วุ่นวายของกลุ่มผู้กล้าที่เหลือ เขาคิดเหยียดหยาม พวกแมลงนั่นจะทำอะไร มันไม่มีประโยชน์ จากการเฝ้าสังเกตของข้า พลังของพวกมันถูกวิเคราะห์อย่างละถี่ถ้วย ไม่มีทางพลิกสถานการณ์นี้ได้แน่

     

    แวบหนึ่งมันเห็นเมรินทร์ เด็กสาวใช้มือหนึ่งล้วงเข้ากระเป๋าหนังของตัวเอง ถ้าจำไม่ผิดเจ้านั่นไร้ประโยชน์สุดในกลุ่มผู้กล้าแล้ว ถ้าไม่พามันมา พวกมันคงมีโอกาสมากกว่านี้ในการโค่นเขา อาวุธที่มีก็แค่น้ำยาไร้ประโยชน์ กับเหล่ามอนสเตอร์ขั้นสุดท้าย สิ่งของพวกนั้นก็เป็นได้แค่ของเล่น

     

    จอมมารดวงตากระตุก หือ ถ้าจำไม่ผิด “หรือว่าน้ำยานั่น.......”

     

    ในมุมมองของจอมมาร ไม่เคยคาดคิดเลยว่าสิ่งนั้นจะสามารถทำอย่างอื่นนอกจากการฟื้นฟูกายเนื้อ

     

    “……เจ้า!!! จะใช้มันฟื้นฟูดาบอย่างงั้นเหรอ!!!!!!!!!!” ร่างใหญ่ตวาดโกรธสุดเสียง

     

    ปริญเดาะลิ้น มันรู้จนได้

     

    “หึ่ย!!!!!! ข้าไม่ยอมหรอก!!!!! อย่าหวังเลย!!!” มันเบือนหน้าหนีจากเด็กหนุ่ม หันพุ่งเป้าไปทางเมรินทร์

     

    “ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่” ปริญจ้วงดาบยังข้อต่อร่างยักษ์

     

    จอมมารกรีดร้องเจ็บปวด มันไม่อาจละความสนใจจากผู้ใช้ดาบอีก

     

    “สมุนของข้า! ฆ่ามันซะ! ฆ่ายัยผู้ผู้หญิงนั่นซะ!!!” จอมมารหันมาใช้ทางเลือกอื่น

     

    เข็มถูกเบนมายังเมรินทร์ที่วิ่งนำ

     

    “แย่แล้ว!” ธีร์ตะเบ็งปากด้วยความตกใจ เมื่อศัตรูรอบๆ เขาหันวิ่งไปทางอื่น “อย่าให้เธอโดนพวกมันโจมตี”

     

    คริสและธีร์ต้านทางพวกมนัโดยมีเวทกำแพงหินของชิลินช่วยอีกแรง ทว่านั่นก็แทบสกัดมอนสเตอร์ไม่ได้เลย หินหนาถูกพังเพียวชั่วพริบตา เธอร่ายมันซ้ำแล้วซ้ำอีกจนแทบหมดแรง

     

    จอมมารบิดหน้านิ่ว เด็กสาวใกล้เข้าเรื่อยๆ แล้ว

     

    “ตายเสียเถอะ!!!!”

     

    มือหนาคว้ามอนสเตอร์ตัวหนึ่งข้างๆ ที่มีผิวหนังเป็นหิน ขว้างออกอย่างรุนแรง เสียงลมเสียดสีหวือ

     

    เด็กหนุ่มเบิกตาค้าง หันเร็ว เขาหยุดมันไว้ไม่ทัน แม้แต่ธีร์และคริสเองก็พัวพันกับการต่อสู้จนขยับไปไหนไม่ได้

     

    เมรินทร์เงยหน้ามอง เหงื่อเย็นไหล มันเร็วมาก หลบไม่ทันแล้ว

     

    “กรี๊ด—” เอามือขึ้นมาป้องด้วยความตกใจ

     

    แผล๊ะ—!!!

     

    ของแข็งกระทบเลือดเนื้อ น้ำเหลวสีแดงข้นแตกทะลัก

     

    “ชิลิน!!” เธอตะโตนเรียกสุดเสียง

     

    เพียงเสี้ยววินาที เด็กสาวผู้มืดหม่นคนนั้น ใช้เวทหินดันเท้ากระโจน เอาตัวมาบังไว้ วิถีการโจมตีถูกเบี่ยง โดนหน้าท้องครึ่งซีก เป็นรูใหญ่กว้าง

     

    “ท ทำใจดีๆ ไว้นะ” เมรินทร์รีบเข้าประคอง “บ แบบนี้ต้องใช้น้ำยาสีทอง” มือข้างหนึ้งล้วงขวดยาออกมา ถ้าเพียงแค่น้ำยาสีเขียวอาจเอาไม่อยู่ ไม่มีทางเลือก ถ้าเป็นแบบนี้จะเสียชิลินไป

     

    “. . . . . . .ไม่ต้องหรอก” แขนของชิลินปัดขวดน้ำยา

     

    “แต่เธอจะตายนะ!?” น้ำเสียงสั่นเครือไหลผ่านลำคอ

     

    “ข ขอแค่ พวกเธอรอดก็พอแล้ว.....” ทุกคนพูดของชิลินมีเลือดไหลจากภายใน กรอกทะลักล้นปากออกมา “ฉ ฉันจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ....”

     

    “ไม่เอานะ! ฉันไม่อยากเสียใครไป” น้ำตาข้างหนึ่งไหลหยดผ่านแก้ม

     

    ชิลินยิ้มเล็ก “......พวกเธอคือเพื่อนของฉัน”

     

    “ฉันไม่อยากให้พวกเรามาจบลงตรงนี้ ขอบคุณทุกการเดินทางของพวกเรานะ”

     

    “เพราะงั้นไปเถอะ จะเสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้”

     

    เมรินทร์กลั้นสารพัดคำที่พร้อมจะเปล่ง เธอเปลี่ยนจากขวดน้ำยาสีทองเป็นสีเขียว ยื่นมือกรอกเข้าปาก กล้ำกลืนฝันลุกขึ้นวิ่งต่อ

     

    “ข ขอบคุณนะ ขอบคุณพวกเธอจริงๆ ที่.......(มอบความสุขให้ฉันได้ถึงเพียงนี้)” น้ำเสียงแผ่วลง

     

    ดวงตาเลือนลาง มองยังปลายสายตา พวกสัตว์ประหลาดเข้าใกล้เมรินทร์แล้ว ที่ทำมาทุกอย่างกำลังจะเปล่าประโยชน์

     

    ชิลินกัดฟัน ใช้แรงกายเฮือกสุดท้ายหยิบไม้เท้าของตัวเองขึ้น เสกก้อนหินพุ่งรอบทิศแก่ผู้ที่มาเข้าใกล้เพื่อนของเธอ

     

    เธอนอนแผ่หลาลงบนพื้น ทุกครั้งที่ใช้พลังของอุปกรณ์เวท เลือดยิ่งไหลเจิ่งนอง สิ่งนี้กัดกินชีวิตขึ้นเรื่อยๆ

     

    เมรินทร์กลั้นน้ำตา ปากขบฟัน วิ่งสุดชีวิต

     

    ธีร์ที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเฝ้าดูอย่างประหลาดใจ “คริส ผมจะจัดการทางนี้เอง รีบไปช่วยชิลินที”

     

    “นายจะไม่เป็นไรเหรอ?” คริสหันถามพลางเอาคทาของตัวเองทุบมอนสเตอร์

     

    “ไม่ต้องห่วง ฉันทำได้แน่” เขากำทวนในมือแน่น ตวัดปาดกว้าง เอาตัวเองมายืนตรงกลาง “เข้ามา!”

     

    “ฝากด้วยนะ!” คริส รีบวิ่งไปอีกทาง

     

    ธีร์ยิ้มมุมปาก พลางกำหน้าท้องตัวเองที่โดนเล่นงานเมื่อกี้ เขาได้รับบาดเจ็บพอดู หากคนช่วยเหลือหายไป มีอากาสสูงที่เขาจะไม่รอดชีวิตจากกลุ่มฝูงมอนสเตอร์ แต่ว่าเขาไม่สนมันหรอก

     

    สองมือขยำแทงทวนตรงสุดแรง พร้อมกับใจสู้อันหนักแน่น

     

    “พวกเรามาถึงตรงนี้แล้ว มาถึงตรงนี้แล้ว!!!!!” เมรินทร์กู่ร้องปลุกขวัญตัวเอง “จะมายอมแพ้ไม่ได้!!!”

     

    เวทของชิลินอ่อนลง การคุ้มกันเริ่มลดน้อย

     

    ถึงเวลาใช้ขวดยาที่เก็บมาจนถึงตอนนี้ น้ำยากาว ปามอนสเตอร์มากมายติดกับพื้น น้ำยาลดแรงเสียดทาน พวกสัตว์ประหลาดพากันล้มระเนระนาด น้ำยาของแข็ง ปาตรงที่ข้อต่อ มอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่เข้าใกล้เธอมากที่สุด สะดุดขาตัวเองล้มกับพื้น

     

    เมรินทร์กลืนบาสีฟ้า เพื่อให้แรงกายของตัวเองกลับคืนมา เธอดื่มและใช้งานพวกมันจนเกือบหมด

     

    อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น

     

    “แก!!!!! เจ้าพวกมนุษย์!!!!!!!!!! จองหองนัก!!!!!!!!!!!!”

     

    จอมมารเกรี้ยวกราด ใช้แรงมหาศาลเหวี่ยงขวานยักษ์ ปริญรับมันไว้ ทว่าทรงตัวไม่อยู่ กระเด็นไกล

     

    “มาเจอกับข้าหน่อยเป็นไง!!!!!!!”

     

    ร่างใหญ่โตสีแดงก่ำ ขยับเท้าสองข้างดังตึงตัง มันหวังสังหารเมรินทร์ก่อนที่เธอจะไปถึงดาบ

     

    เธอขมวดคิ้มเข้ม หยุดวิ่ง

     

    หน้าตรง เผชิญกับสัตว์ประหลาดน่าเกรง ทั้งคู่สบตากัน

     

    มือหนึ่งล้วงกระเป๋าออกมา ปาขวดน้ำยากลมดำจากมือ

     

    ตู้ม—!!!

     

    เสียงระเบิดสั่นไหว แรงทำลายนั่นไม่ละเคืองผิวมันซักนิด ทว่ากลับต้องหลับตาลงชั่วนาทีจากเศษผงฝุ่นเข้าใบหน้า

     

    เพล้ง—

     

    ทันใดนั้นพื้นที่เหยียบย่ำอยู่กับพาร่างไถลไกล “อว๊ากกกกก!!!!!!!”  มันกรู่ร้องสุดเสียงเจ็บใจ เมื่อก้นกระแทกตึงกับพื้น

     

    พอแหงนหน้าขึ้นมา ปริญและเมรินทร์ทั้งคู่กลับอยู่ใกล้กันเพียงแค่เอื้อม

     

    “อย่าบังอาจ!!!!!!”

     

    มีทางเลือกเดียวให้แก่จอมมาร คือหนีให้ไกลที่สุด ถ้าระยะห่างพอต้องรอดจากท่านั้นได้แน่

     

    ต้องแลกด้วยทุกสิ่งก็ต้องทำให้ได้

     

    “เมรินทร์!!!!” เด็กหนุ่มยื่นมือขวาที่ถือดาบเข้ารับ

     

    ขวดน้ำยาสีทองชูขึ้น จะใช้การปาไม่ได้เด็ดขาด ต้องส่งให้กับมือเท่านั้น

     

    เพล้ง—!!!

     

    เธอเหวี่ยงมันเข้ากระแทกสุดแรง ขวดแก้วแตกกระจาย ของเหลวสีทองสว่างสัมผัสกับปลายดาบ เศษเสี้ยวโลหะค่อยๆ ก่อตัวผสานคืนรูปร่างเดิมของมัน

     

    “ดีล่ะ!!!” เขาง้างดาบเหนือหัว แต่มือข้างหนึ่งของเมรินทร์กลับไม่ปล่อยจากฝีกดาบ

     

    เธอพยักหน้าให้

     

    “เข้าใจแล้ว พวกเรามันจบเรื่องนี้ลงด้วยกันเถอะ”

     

    ทั้งคู่ผสานมือง้างดาบขึ้นเหนือหัว เกลียวลมสีทองหมุนวนราวกับพายุโหมกระหน่ำ เมรินทร์และปริญมองดูเป้าหมาย

     

    จอมมารอยู่ไกลมาก แต่ว่า หากพวกเราร่วมมือกันต้องไปถึงแน่

     

    ““ซอร์ด ออฟ บีเฮฟวิเออร์—!!!!!!!!!!!!!!!!!(ปณิธาน แห่ง ดาบ)””

     

    การผสานกันของน้ำยาและดาบสีทอง เกิดแสงรุ่งอรุณสว่างสไวของพระทิตย์ กระบวนท่ารุนแรงที่สุด เปล่งประกายเจิดจ้า สิ่งมีชีวิตทุกสรรพสิ่งโดยรอบสะท้อนภาพนั่น ผ่านดวงตา

     

    กระทั่งมวลคลื่นออร่าพวกพุ่งผ่านร่างอันชั่วร้าย ปีศาจหายนะพลันมลายหายล้มจาก ไม่เหลือแม้กระทั่งฝุ่นผง

     

    จอมมารผู้น่าเกรงขามเหลือบมองหลังอย่างสิ้นหวัง แสงสีทองนั่นช่างอบอุ่นและอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าอะไรเช่นนี้ แตกต่างจากตัวตนอันยากให้อภัยเช่นเขาเหลือเกิน

     

    ร่างของผู้เป็นหายนะ เลือนรางหาย กลับสู่ธรรมชาติอันนิรันดร์

     


     

    ถนนลูกรัง ทอดยาวผ่านก้อนขี้เถ้าปราสาท บรรยากาศของท้องฟ้าไม่อึมครึมดังเช่นเมื่อวานคราวก่อน ภัยพิบัติจักล่องลอยดังก้อนเมฆนั่น

     

    ธีร์แหงนหน้ามองขึ้นท้องฟ้า เขาอมยิ้ม บาดแผลเต็มทั่วร่างกาย

     

    “ในที่สุดพวกเราก็ทำได้นะคะ”

     

    เขาสดับฟังเสียงเมรินทร์ที่ยิ้มอย่างดีใจ

     

    “นั่นเพราะเธอเลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าขวดน้ำยาสีทองกับดาบของผมพอผสานกันจะเป็นท่าใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิม” ปริญหัวเราะ

     

    “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอหน้าแดงเขินอายตอบ

     

    ธีร์หายใจด้วยความปลอดโปร่ง ไม่เคยโล่งอกเท่านี้มาก่อนในชีวิต

     

    “แต่ขากลับนี่แย่จังเนอะ ทางก็ไกลด้วยสิ” คริสบ่นอุบอิบ หอบแห้งเหนื่อ เธอใช้แรงกายหมดจนไม่สามารถรักษาเขาได้ แม้กระทั่งยาของเมรินทร์ก็ไม่เหลือ สภาพของผู้กล้าในตอนนี้แม้แต่ปริญก็จับได้ดาบไม่ไหว อุปกรณ์ของเขาเองก็พังเละ เหลือเพียงเศษซากด้ามเล็กๆ

     

    กลุ่มผู้กล้าในตอนนี้ แม้กระทั่งเรดก็อบลินพวกเขายังรับมือไม่ได้ แต่คงไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะเหล่ามอนสเตอร์เองก็สูญสลายพร้อมกับจอมมมาร ธีร์คิดในใจ

     

    “เอาน่า ยังทุกคนก็รอดกันหมด” เขาปลอบใจ พลางเหลียวมองหลังเด็กสาวที่อยู่บนหลังของเขา

     

    ชิลินถูกฟื้นฟูจนกลับสู่สภาวะปลอดภัย แต่อาการยังน่าห่วง ต้องพาเธอกลับไปรักษายังเมืองหลวงให้เร็วที่สุด นี่คือเหตุผลที่ไม่สามารถหยุดพักได้

     

    “เอ๋.....”

     

    ธีร์หันมองยังปลายเสียงตกใจของเมรินทร์

     

    “. . . . . . .พระราชาแอนดิส”

     

    ในจิตใจของเด็กสาวเกิดความหวั่นวิตก หัวใจเต้นระรัว เมื่อเห็นภาพต้องหน้า

     

    พระราชาสวมเครื่องป้องกันหนักอยู่บนหลังม้า กับลูกสาวของเขาที่แต่งกายเต็มยศไม่ห่าง และเหล่ากองทัพทหารในชุดเกราะโลหะ ถืออาวุธเต็มมือติดตามจากด้านหลัง

     

    ในมือของแอนดิส ถือกระบอกยาวทรงรีบางอย่าง มันคืออะไรกัน

     

    ความสงสัยผุดเข้ามาในหัวของเมรินทร์ ล้วงมือเข้ากระเป๋าโดยไม่ตั้งใจ

     

    แต่ก็พบกับแค่เพียงความว่างเปล่า

     

     

    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.30 ศึกสุดท้าย จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×