คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : Vol.1 Ch.27 ศึกกองทัพปีศาจ
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.27 ศึกกองทัพปีศาจ
ยามเช้ามืดมาเยือน ทั้งห้าคนขึ้นมายังจุดสูงสุดของปราสาท ใช้กล้องส่องทางไกลรูปทรงโบราณซึ่งมีด้ามจับแนวตั้งสอดส่งสถานการณ์รบตรงหน้า โดยมีกลุ่มผู้คุ้มกันและดยุคนั่งบนเก้าอี้หรูหรานั่งยิ้มมั่นใจ
นี่คือเวทีของเขา หลังจากแสดงโชว์สุดตระกานตาให้พวกผู้กล้าดูจนถอดใจ จะมีผู้คนจำนวนมากให้การสนับสนุน ยิ่งเฉพาะขุนนางฝ่ายอื่นที่ไม่ชอบราชาแอนดิสคงไม่ลังเลที่เข้าร่วมยึดบังลังก์ พวกที่อยู่ตรงกลางก็เลือกฝ่ายง่ายขึ้น
เมรินทร์หรี่ตา ความกังวลกัดกินหัวใจ การที่พวกเธอไม่ไปอยู่ข้างล่างนั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่า
“มาแล้ว....” น้ำเสียงกระวนกระวายหลุดลอดผ่านลำคอ ภาพตรงหน้าคือกองทัพนับหมื่นตั้งแถวอย่างเรียง เผชิญหน้ากับเงาทะมึนไกลๆ ที่คืบคลานเข้ามา
สาเหตุที่พวกเขาไม่วางกำลังอยู่บนกำแพงเมืองเพราะสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่โล่งมากกว่า เธอได้นยินมาว่าหากอีกฝ่ายดูตรึงมือ เหล่าทหารจะถอนกำลังกลับมายังหลังกำแพงทันที และนั่นคือจุดที่พวกเธอเข้าร่วมรบโดยไร้การขัดแย้งหรือโต้เถียงใดๆ จากเฮมดัล
“นั่นเหรอกองทัพจอมมารที่ว่า กองทัพที่ทำลายเมืองด่านหน้าที่แข็งแกร่งสุดซึ่งตั้งตระหง่ามาเป็นพันปี” ธีร์รำพึง มองดูจุดดำเล็กเลือนลาง เขารับฟังเรื่องเล่าเมืองหน้าด่านที่ว่าจากพวกคนรับใช้ในปราสาทอีกที นับตั้งแต่ก่อตั้งเมืองนั่น ก็ไม่เคยถูกตีแตกโดยกองทัพจอมมารอีกเลย เหล่าผู้กล้าจะฆ่าจอมมารได้ก่อนเสมอ นี่เป็นความผิดของพวกตนหรือเปล่า เขาตั้งคำถามในใจลึกๆ
“เอ่อ...... พวกมันดูน้อยๆ นะ” คริสเอ่ย พลางทำสีหน้ามึนงง นี่มันปรกติใช่ไหม
เพียงไม่นาน กลุ่มมอนสเตอร์ร่างเล็กคล้ายเรดก็อบลิน แต่สูงกว่าและดูซูปผอม กรูเดินหน้าเข้ามาใกล้ เป็นประเภทที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งนั้น ทว่ารวมแล้วมีประมาณแค่ร้อยกว่าตัว
ด้วยกำลังที่มีห่างกันเกือบหนึ่งร้อยเท่า แม่ทัพทหารซึ่งสวมหมวกเหล็กทรงหรูหราญาติของเฮมดัล พ่นลมหายใจยิ้มเยาะ เขาขี่ม้ามาด้านหน้าสุด กู่ร้องตะโกน “พวกกองทัพจอมมารน่าสงสารใกล้เข้ามาทางนี้ มาเร็ว! เหล่าทหารหาญของข้า! มุ่งหน้านำเกียรติยศมาสู่อาณาจักร! เพื่อท่านดยุค!!!”
“ “ “เพื่อท่านดยุค!!!” ” ”
เหล่าทหารตะโกนก้องเป็นเสียงเดียว ย่างฝีเท้าเร็วตามรอยเกือกม้าของแม่ทัพ
“เธอคิดว่าไงบ้าง?” ธีร์หันหน้าหาเมรินทร์ ต้องการความเห็น
สีหน้าของเธอบิดลง เศร้าหมอง ส่ายหน้าซ้ายขวาเบา “ฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ตรงนี้มันไกลเกินไป วิเคราะห์อะไรไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอก” ปริญหันยิ้มให้ “พวกเรามาคอยตรงนี้ เฝ้าดูพวกเขาสักพักเถอะ ผมก็จะช่วยดูด้วยอีกแรง”
เธอพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”
ความคิดอันหลากหลายแล่นเข้าหัว ที่ยังย่ามใจถึงตรงนี้ก็เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วการโจมตีของมอนสเตอร์ที่รู้จักจะไม่ยกทัพหลักมาบุกตั้งแต่ทีแรก แค่การทดสอบพลังของเหล่าผู้กล้า ฉะนั้นพวกทหารคงพอรับมือ
ฝุ่นตลบอบอวนท่วนผืนหญ้า แม่ทัพและทหารม้าของเขาเป็นกลุ่มแรกที่เข้าปะทะ
ทันใดนั้นแม่ทัพลดฝีเท้าของตัวเองลง ปล่อยให้องครักษ์เข้าประจันหน้า ไม่มีเหตุผลที่ต้องเอาตัวเองเสี่ยงมากกว่านี้ เขายิ้มมุมปากเตรียมลิ้มรสชัยชนะอันหอมหวาน
“ย๊ากกกกก!!!”
ทหารม้าเกราะหนักปลุกขวัญกำลังใจของตน ชูดาบในมือขึ้น เตรียมฟันมอนสเตอร์รูปร่างเล็ก ลักษณะคล้ายการ์กอยล์
“หา!?” พวกเขาต่างอ้าปากค้าง ปีกค้างคาวสยายกลางหลัง พวกมันบินขึ้นพร้อมกัน ม้าที่วิ่งด้วยความรวดเร็ว เลยผ่านจุดนั้นเอาดื้อๆ
“อ อะไร!!!!” แม่ทัพเหวออก จ้องมองเหล่ามอนสเตอร์การ์กอยล์ลอยล่องเคว้งกลางอากาศ “เฮือก” เขาหน้าซีดเผือกเมื่อพวกรอยยิ้มฟันฉลามกว้างออกบนใบหน้าพวกมัน
กงเล็บยาวใหญ่ง้างออก ปีกพัดโหมกระหน่ำ เคลื่อนตัวยังเบื้องล่าง
“ “ “ฮ๊ากกกก!!!!!!! อ๊ากกกก!! ฮ่าห์!!!!!” ” ”
ทหารในชุดเกราะหนักกรีดร้อง แม้ว่าโลหะที่ห่อหุ้มร่างของพวกเขาจะหนาขนาดไหน เมื่อกรงเล็บอันคมกริบนั่นโฉบผ่าน ก็ตัดผ่านร่างเนื้ออย่างง่ายดายราวกับวุ้น
หมอกเลือดคละคลุ้ง อึดใจเดียวทหารม้าแนวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุด กลายเป็นเพียงแค่กองซากชิ้นส่วนก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก
พวกทหารราบหยุดกึก ปากสั่นหวั่นผวาไม่แม้ย่างกรายเดินต่อ ต้องการหนีซะเดี๋ยวนี้
“ม่ายยย ถอยไปปป!!!”
ทว่าพวกที่มาจากด้านหลังซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งชนกับคนที่หยุดจนล้มละเนระนาด รูปขบวนทัพเสียหายพังพินาศย่อยยับ
“บ้าเอ้ย!!!” แม่ทัพกัดฟันนิ่ว หน้าซีดเผือกไร้เลือด ถ้ามันบินได้ทำไมมันไม่บินแต่แรก หรือว่าเพื่อล่อให้ติดกลับงั้นเหรอ คำถามอันชาญฉลาดผลุดขึ้นในหัว แต่มันก็สายเสียแล้ว ความกล้าเมื่อครู่พลันกระเจิง คนที่ควรเรียกขวัญกำลังใจกองทัพกลับหันหัวหนี “ไม่อยู่แล้วโว้ย!!!”
เกียรติยศหรือศักดิ์ศรีใดเล่าจะเป็นมีค่ากว่าชีวิตของตัวเขาเอง เสียงกรุบกรับของตีนม้าแม่ทัพเตลิดเปิดเปิง เหล่าหัวหน้านายกองเห็นเช่นนั้นต่างละทิ้งดาบอาวุธของตน หนีเอาชีวิตรอดตามกันโดยไม่คิดอธิบายสิ่งใดแก่ผู้ใต้บัญชา
“เอืออ—!” ก่อนที่แม่ทัพจะไปไกลกว่านี้ มอนสเตอร์การ์กอยล์ตัวหนึ่งบินโฉบไล่ มันไม่ปล่อยให้เขาหนี โชคดีเอื้องตัวหลบทัน ทว่าแต่ก็ตกม้า
“อุ๊” พอเงยหน้าขึ้นมองปรากฏภาพกับม้าของตนที่วิ่งนำโดนฉีกกระชากครึ่งร่าง “ค ใครก็ได้ ช่วยข้าที” เขาไม่มีทางออกจากนรกนี่ด้วยตนเอง จนเริ่มส่งเสียงเรียกหาทหารองครักษ์ ทว่าลืมไปเลยว่าเมื่อครู่เป็นตัวเขาเองที่ปล่อยให้ไปตายทั้งอย่างนั้น
“ม ไม่! อย่าทำข้า!!!” แม่ทัพคลานหนี เหลือบมองหลังสถานการณ์น่าสิ้นหวัง การ์กอยล์ตัวที่โจมตีเมื่อครู่พอสังเกตดูดีๆ ต่างจากตัวอื่น มันตัวสูงและมีออร่าอำมหิตย์แผ่โดยรอบ
ปีกกางออกกว้าง พุ่งโฉบอย่างรวดเร็วดั่งศรธนูเข้าใกล้ เขาเบิกตากว้าง มือป้องหน้า ร้องหวยหวนปฏิเสธความตาย “ฮ๊ากกกกกกกกกกกกกกก—!!!!!!!”
กรงเล็บแหลมคน เฉือนศีรษะอ้วนทุ้ย มวลเลือดมหาศาลฟุ้งกระจาย แม่ทัพสิ้นแล้ว
“เฮือก—” ดยุคเฮมดัลมีสีหน้าบิดเบี้ยว มือที่ถือก้องทางไกลสั่นพับๆ ด้วยความหวาดกลัว “น น้องชายข้า” บัดนี้กองทัพอันเกรียงไกรของเขาพลันมลายหมดสิ้น ไม่หลงเหลือสิ่งใด
“แย่แล้วธีร์! เมรินทร์!” ปริญรีบตะโกนเรียกทั้งคู่ที่ร่างค้างเต่งแข็งทื่อ “ผมรู้ว่าพวกเธอเสียใจกับตัวเองที่คาดการณ์ผิด แต่เราต้องไปช่วยพวกเขา! เดียวนี้!!” ไม่มีเวลาให้ลังเลอีก ชีวิตของผู้คนกำลังดับสิ้น
“อ อ่า” ธีร์ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่ว ริมฝีปากไร้เลือด
“เมรินทร์เร็วเข้า!” ปริญหันหาเด็กสาวซึ่งยังคงมือแข็งทื่อจ้องมองผ่านเลนส์ส่องทางไกลด้วยดวงตาวิตก
“......นั่นมัน”
ปริญเลิกคิ้ว หยิบกล้องของตัวเองมาดูเพื่อหาสิ่งที่เธอพำพัม
ภาพสะท้อนเผ่าเงากระจกปรากฏ สีหน้าของเด็กหนุ่มเคร่งเครียด คนอื่นที่เห็นเช่นนั้นต่างแปลกใจ และหยิบกล้องขึ้นมาส่องบ้าง
ควันโหมพวยพุ่งมาจากด้านประตูเหล็ก เหล่าทหารหนีทัพจากแนวหน้าต่างดันร่างเบียดเสียดพากันหลบเข้าเมือง ทว่ากลับฝ่าไม่ได้ กรงโลหะยักษ์ที่ควรเปิดออก ชั้นในสุดซึ่งกั้นระหว่างเมืองถูกปิดลง ไม่นาน เชือกที่รั้งกรงด้านนอกไว้ถูกตัดออก
“อ๊ากกกกก!!!!”
ทหารซึ่งต่อแถวกันขนัดแน่นไร้ระเบียบบางส่วนโดนเหล็กหนักทับ ร่างแหลกเละ น้ำมันเดือดถูกราดลงมาจากด้านบนเพดานสูง “อ๊า!!! ร้อนนนน!!! อ๊ากกกกก!!!” พวกเขาดิ้นพล่านเมื่อของเหลวอุณหภูมิสูงไหลกระทบร่าง แผดเผาจนถึงกระดูก ไม่เรี่ยวแรงหมดลง เหลือเพียงร่างนอนไร้วิญญาณ
พวกทหารที่อยู่ด้านหน้าตัวประตูซึ่งมองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างต่างพากันฉงนสงสัย ทำไมถึงโจมตีใส่กันเอง เมื่อแหงนหน้ามองผ่านลอดช่องเทน้ำมันเดือด ความจริงพลันปรากฏ
เหล่าคนในชุดคลุมสีดำปกปิดร่างกายมิดชิด ก้มต่ำมองดูพวกเขาอย่างเย้ยหยัน ถึงจะเหมือนมนุษย์ทว่าด้วยมือกับเล็บบางส่วนที่เผยให้เห็นเพียงเล็กน้อย กลับเป็นเครื่องยืนยันว่าพวกเขาไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน นั่นคือมอนสเตอร์ไม่ผิดแน่ นี่พวกมันยึดป้อมประตูได้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“แฝงตัว......” เมรินทร์ขยับปากหมุบหมิบ “พวกมันแฝงตัวเข้ามาก่อนหน้านี้” เธอคิดผิดถนัด นี่ไม่ใช่การโจมตีระลอกแรก พวกมันทดสอบพวกเธอไปแล้ว นั่นคือเรดก็อบลินต่างหาก พวกที่โจมตีเมืองอยู่ตอนนี้คือของจริง
“โธ่เอ้ย! เมืองมัน.....” ธีร์หันซ้ายตวาม กัดฟันด้วยความโกรธเกรี้ยว ควันไฟเริ่มพวกพุ่งออกมาจากทุกสารทิศตามบ้านเรือน ไม่นานเสียงกรีดร้องทรมาณของพวกชาวเมืองดังระงมแว่วเข้าหู การสังหารหมู่เริ่มต้นขึ้นก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเมืองเสียอีก
“เห็นชัดเลยว่าพวกมันเตรียมการมาก่อนหน้านั้น!!!” ธีร์ทุบกำปั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ การมาถึงก่อนศึกรบวันเดียวคือแผนการณ์ของพวกมัน เหล่ามอนสเตอร์ที่แฝงตัวอยู่สามารถทำลายเมืองได้ทุกเมื่อ ทว่าที่รอคอยเวลาก็เพื่อให้ผู้กล้าอย่างพวกเขาต้องตกอยู่ในวงล้อม โดยมีชีวิตคนคอยปั่นประสาท เป้าหมายคือกลุ่มผู้กล้าแต่แรก
ปริญคิ้วตก เขาพยายามเก็บงันแรงปะทุไว้ให้มากที่สุด “เราจะเต้นตามมันไม่ได้”
เมรินทร์เป็นคนแรกที่หันควับหาต้นเสียง
“ไปกันเถอะ นี่คือศึกของพวกเราแล้ว” เขาเดินเข้าหาดยุคเฮมดัลที่เข่าตก พำพัมดั่งคนไร้บ้า
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ม เมืองของข้า” สัมผัสโดนแตะไหล่เบา แหงนหน้ามองผู้กล้าอาวุธดาบ
“ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณด้วย เนื่องจากคุณคือผู้ที่รู้จักเมืองนี้ดีที่สุด บอกพวกเราทีว่าจุดที่ควรยึดคืนตามลำดับความสำคัญคือที่ไหน” น้ำเสียงนั่นไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ทำเอาผู้ฟังเริ่มปลุกขวัญกำลังใจของตนกลับมาทีละน้อย
เฮมดัลทำสีหน้าเคร่งเครียด เขากล่าวอย่างช้าๆ “......พ พ่อบ้านข้างหลังท่านผู้กล้าคนนั้น สามารถนำทางพวกท่านได้”
ทั้งห้าหันหลังมองยังปลายสายตา ชายชราสูงหนวดเฟิ้มพยักหน้าให้
“ตามกระผมมาเลยครับ”
เริ่มจากศูนย์การค้าใจการเมือง สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่โดยรอบ แข็งแรงทนทาน หาพื้นที่ปลอดภัยสำหรับอพยพผู้คนก่อนอันดับแรก
เมื่อลงมาถึงชั้นล่างไม่นาน เงาเลือนลางของร่างเล็กผิดมนุษย์เลือนเข้ามาใกล้ มันคือการ์กอยล์
“ย่าห์!!!!!” ปริญถีบพื้นพุ่งตัวเร็วสูง เฉือนคมดาบสีทองตวัดแยกออกมอนสเตอร์กลุ่มนั้นเป็นสองซีก
ทุกคนเบิกตา รับรู้เลยว่าเขาแข็งแกร่งกว่าตอนมาที่นี่ใหม่ๆ มาก ไม่หยุดพัฒนาตัวเองแม้แต่น้อย
“น่ากลัวจังนะ” ธีร์ดันแว่นตัวเอง สายตาของเขาจ้องเขม็งยิ้มชื่นชม
ความว่องไวของปริญ ทำเอาทุกย่างก้าวที่พบเจอศัตรู เขากระโดดเข้าหาศัตรูและปลิดชีพก่อนที่คนอื่นจะมาถึงเสียอีก
“ทางนี้ครับ!” เด็กหนุ่มผู้ใช้ดาบสีทองโบกมือเรียกฝูงชนกลุ่มใหญ่ ประชาชนผู้กำลังตื่นตระหนกหันมองเขาเป็นตาเดียว ราวกับพบเจอกับฮีโร่ในตำนาน
ระหว่างทางที่เดินผ่าน ทั้งห้าคนนำผู้ประสบภัยและรักษาคนบาดเจ็บด้วยอุปกรณ์ของเมรินทร์และคริส นำพามายังลานใจกว้างเมือง
ที่นั่นมีมอนสเตอร์เยอะเกินกว่าปริญจัดการคนเดียวหมด ชิลินกับธีร์จึงเข้าร่วมการต่อสูด้วย แสงสีขาวแห่งการทะลวงของธีร์ส่องเจิดจ้า ประกอบกับเวทมนตร์เพลิงโหมกระหน่ำ
“ปลอดภัยแล้วครับ!” ปริญปาดเหงื่อบนหน้าผาก ตะโกนเรียกดังลั่น
เพียงไม่นานลานศูนย์การค้าที่มีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ก็ถูกเคลียร์ ซากศพของมอนสเตอร์กองเกลื่อนกระจาย
เมื่อมองยังอาคารที่ใหญ่โตสุด พบว่าประตูเหล็กเริ่มเปิดกลอนออกจากด้านในอย่างช้าๆ
“ท ท่านผู้กล้า” กลุ่มพ่อค้าซึ่งเป็นเจ้าของพากันกรูออกมาขอความช่วยเหลือ ดูเหมือนว่าแม้ที่นี่จะถูกล้อมกรอบ ทว่าก็ยังกันไว้ได้นานขนาดนี้
“ดีล่ะ พาพวกเขามาไว้ที่นี่กันเถอะ” เมรินทร์แสดงความเห็น “ถ้าเป็นตึกนี่ พวกเราไม่ต้องทิ้งใครไว้สักคนเพื่อคุ้มกัน อาคารเหล่านี้แข็งแรงทนทานพอค่ะ!”
เพราะเป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติของเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลาย จึงถูกสร้างมาแข็งแรงเป็นพิเศษ
“โอเคร! พวกเราไปยังจุดต่อไปกันเถอะ” ปริญเหลือบมองพ่อบ้าน
ความชราภาพทำให้เขาเหนื่อยกว่าใคร แต่หากทำเพื่อบ้านเกิดเมืองนอนถ้าต้องตายก็ยอม เขาวิ่งนำ ชี้ค่ายฝึกทหาร
เมื่อยึดพื้นที่นั้นคืนได้ สายบัญชาการของทหารยามเมืองจะกลับคืนมา
บรรยากาศการสู้รบคละคลุ้งทั่ว เลือดไหลเจิ่งนองของมอนสเตอร์อาบพื้น พวกการ์กอยล์แข็งแกร่งกว่าเรดก็อบลิน ทว่าก็ยังไม่เทียบกับพวกเขาไม่ได้
“......ดีล่ะ! ต่อไป!” ปริญยิ้มมุกปากหอบเหนื่อย เขากับธีร์ ชิลิน สามารถจัดการกับฝูงมอนสเตอร์ที่ไล่สังหารกับกองกำลังยามเมือง
การปรากฏตัวของทั้งห้า ทำให้แสงแห่งความหวังฉายบนดวงตาของพวกเขาอีกครั้ง พ่อบ้านถ่ายทอดคำสั่ง จากนี้ทหารจะจัดขบวนทัพใหม่ เน้นช่วยเหลือผู้กล้าอพยพชาวเมืองแทน
“ต่อไป!”
เป้าหมายซึ่งเป็นโกดังเก็บเสบียง กำลังโหมไฟลุกจากการลอบเผาของการ์กอยล์ โดนมวลน้ำมหาศาลที่เสกขึ้นมาจากเวทมนตร์ของชิลินดับ ส่วนมอนสเตอร์ที่แอบใกล้ๆ ปริญกับธีร์ขจัดพวกมันจนสิ้นซาก
“ที่ไหนอีก!”
ย่านถิ่นอาศัยหนาแน่น ที่ตอนนี้เสียงกรีดร้องโหยหวนของชาวเมืองดังระงม ค่อยๆ หยุดลง เสียงปลดมือเข้ามาแทน ผู้คนโห่ร้องสรรเสิญเมื่อผู้ใช้ดาบสีทองปรากฏกาย
“ยังมีที่ไหนต่อไหม?” ปริญเดินเข้าห้าชายชราหนวดเฟิ้มถาม พลางหรี่ตาลง มุมสายตามีภาพบาดจิตใจให้เห็น แม่ลูกที่กอดกันนอนจมกองเลือดใกล้ๆ กระทั่งการฟื้นฟูของคริสก็ไม่ได้ผล พวกเขาตายแล้ว
เขาแหงนหน้ามองจุดที่ควันเพลิงลุกโถมหนักสุด “เหลือเพียงแค่ทางเข้าเมือง และกองทัพด้านนอกนั่นครับ”
ปริญมีสีหน้าหนักใจ จุดนี้ใกล้พอจะเห็นประตูเมืองได้ ป่านนี้พวกทหารนับหมื่นจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ถ้าผู้ตายกันมากขนาดนั้น ครอบครัวของพวกเขาจะอยู่กันยังไง่ล่ะ
“เอ๊ะ!? ประตูมันกำลังเปิด” คริสอ้าปากค้าง ทุกคนให้ความสนใจกับเสียงนั่น
โลหะเสียดสีกระทบกันดัง กรงเหล็กยักษ์แง้มขึ้น ผู้คนที่เห็นภาพตรงหน้าต่างตกตะลึก สีหน้าซีดเผือก แทนอาเจียน
มวลเลือดเนื้อมหาศาลไหลทะลัก เหล่าการ์กอยล์พากันแห่กรู เหยียบย่ำทะเลเลือด
“นี่พวกมันสังหารทหารจนหมดแล้วเหรอ!?” ธีร์ชักหน้า “คนเป็นหมื่นเนี่ยนะ!!?”
เมรินทร์จ้องด้วยความสิ้นหวัง การ์กอยล์พวกนั้นดูแข็งแกร่งกว่าตัวที่บุกเข้าในเมืองอย่างมาก พวกเธอจะเอาชนะมันได้จริงๆ เหรอ
“ทุกคน....” ปริญกัดฟันกรอด จับดาบของตัวเองขึ้นมา “มาสะสางปัญหาที่เหลือของเรากันเถอะ”
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.27 ศึกกองทัพปีศาจ จบ
ความคิดเห็น