คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Vol.1 Ch.25 สัญญาณแห่งสงคราม
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.25 สัญญาณแห่งสงคราม
ภารกิจปราบปรามเรดก็อบลินของพวกเขายังคงดำเนินต่อ ด้วยพลังจากอุปกรณ์เวทและความคุ้นชินกับประสบการณ์ล่า ทำให้การกวาดล้างไม่ยากเย็นอีกต่อไป ทว่าความเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามาเกาะกินกลุ่มทั้งห้าคน พวกเขาอดหลับอดนอนมาหลายคืน ออกเดินทางยังจุดต่างๆ ไม่หยุดหย่อนเพื่อกำจัดมอนสเตอร์ซึ่งเป็นภัยคุกคามของโลก
“นี่พวกเราทำลายหมู่บ้านเรดก็อบลินกี่แห่งแล้วเนี่ย” ธีร์หอบเหนื่อยพูด การพักผ่อนน้อยเล่นงานเขาเสียแล้ว
“มากกว่าสิบสองที่แล้วค่ะ” เมรินทร์ที่รั้งท้ายตอนหลังกล่าวตอบ
“นั่นหมู่บ้านนี่” ปริญชี้ เบื้องหน้าคือหมู่บ้านเล็กๆ ที่ดูไม่ใหญ่มาก
“ในที่สุดก็จะได้พักสักทั เฮ้อ—” คริสบ่นอุบอิบ พลางยืดแขนยืดขา
ทั้งห้าคนเดินเข้าใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง จนผู้คนละแวกนั้นสังเกตเห็นได้
“หือ?” ชายหัวโล้นในชุดมอมแมมชี้มาทางนี้ “นั่นผู้กล้านี่!!” เขาตะโกนขึ้น อีกไม่นานพวกชาวบ้านแถวนั้นก็พลานหันมามองทางเดียวกัน
“จริงเหรอ!?”
“ท่านผู้กล้าจริงๆ ด้วย!”
“ผู้กล้ามาเยือนยังหมู่บ้านเราแล้ว”
เพียงแค่ชั่วครู่เดียวพวกเขาทั้งหลาก็เข้ามารุมล้อมจนแอขนัดแน่น ข่าวลือถูกส่งต่อเป็นทอดๆ ยิ่งทำให้ผู้คนเข้ามากันเยอะขึ้นกว่าเดิมอีก
“พวกเรากลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปซะแล้วสิ” ธีร์หัวเราะเจื่อน พลางยกมือป้องไม่ให้พวกเขาเบียดขนัดแน่นมายังด้านหน้า
“นี่ก็ทำเอาลำบากเหมือนกันนะครับ” ปริญที่โดนยื้อยุดฉุดกระฉากพยายามไม่ให้พวกชาวบ้านคนอื่นๆ กั้นขวางตัวเองไม่ให้พวกเขามายังด้านหลังที่มีพวกผู้หญิงอยู่
“นี่อยู่ในความสงบหน่อยสิ!!!”
เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น เหล่าคนมุงตกใจเสียงอันดังลั่น คลื่นฝูงชนแหวก ออก ปรากฏชายชราคนหนึ่ง เขามีใบเกลี้ยงเกลา ดูมากด้วยประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชน
“ขอโทษด้วยท่านผู้กล้า” รอยยิ้มปรากฏขึ้นมุมปาก “แต่เชื่อเถอะว่าพวกเขาหวังดีจริงๆ”
จากคำพูดนั่น สีหน้าของทุกคนต่างผ่อนคลาย เมรินทร์เดินออกมายังตรงกลาง
“ค่ะฉันเองก็เชื่อแบบนั้น” เธอยิ้มกว้างรับ
“ข้าคือหัวหน้าหมู่บ้านของที่นี่เอง เชิญพักที่หมู่บ้านเราซักคืนเถอะ ถึงจะเป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ แต่พวกเราจะเตรียมอาหาร ที่พักสุดวิเศษให้พวกท่าน” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ด้วยความยินดีค่ะ!” เมรินทร์แม้ยังเกรงใจอยู่บ้าง หากแต่พวกนี่คือน้ำใจของเขา เธอก็ยากที่จะปฏิเสธ
ค่ำคืนนั้นพวกเธอก็ได้พักหมู่บ้าน อันกิจจะลักษณะเสียที ตั้งแต่เริ่มออกจากปราสาทก็ต้องคอยพักค้างแรมตามข้างทาง กับแวะเติมเสบียงนิดหน่อย เพราะงานปราบปรามมอนสเตอร์ยุ่งมากและมีมาไม่ขาดสายทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อนอย่างจริงๆ จัง
“เฮ้อ— น้ำร้อนนี่ดีจังเลย” คริสที่แช่น้ำร้อนอยู่ในห้องข้างๆ สูดอากาศอย่างผ่อนคลาย “เข้าใจเลยว่าทำไมโรงแรมหรูๆ ถึงต้องเตรียมอ่างน้ำอุ่นให้ฝรั่ง มันสบายอย่างนี้นี่เอง” เธอบิดผมเปียที่เปียกน้ำ พฃางคิดว่าช่วงนี้สีที่ย้อมผมกำลังแตกปลายขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามียาย้อมผมคงดีไม่น้อย
“บ่นเหมือนคนแก่เลยนะคะ” เมรินทร์ที่แช่น้ำห้องข้างๆ โดยมีกำแพงไม้บางกั้นขวางเผลอได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้
“น่าอายจัง เมรินทร์ได้ยินด้วยเหรอเนี่ย” คริสบิดตัวด้วยความเขิดเล็กน้อย
“อุบ ขอโทษด้วยนะคะมันบังเอิญจริงๆ” เธอรีบปิดปากของตัวเอง
“ไม่เป็นไรหรอกๆ มีเพื่อนคุยด้วยก็ไม่เลวเหมือนกัน” คริสโบกมืดสะบัด “ว่าก็ว่าเถอะ ห้องน้ำหญิงสามห้องมันติดกันไม่ใช่เหรอ?” ดวงตาเอียงซ้าย “ไม่ใช่ว่าชิลินก็ได้ยินที่พวกเราพูดอยู่นี่เหรอ?” ถามขึ้นด้วยเสียงสงสัย
“. . . . . . .อืม” เสียงขานรับเบาๆ โพล่งออกมาจากอีกฝั่ง
“ใช่จริงๆ ด้วย” คริสระเบิดหัวเราะ เมรินทร์พลางหัวเราะเบาตาม
“ให้ตายสิคนพวกนี้” ชิลินจุ่มครึ่งใบหน้าลงน้ำ
“น่าๆ ยังไงนานๆ ที่พวกเราไม่ค่อยมีโอกาสพูดคุยกันเลย เธอเอาแต่เงียบตลอดเลยนี่นะ?” น้ำเสียงของคริสเอ่ยด้วยความสนอกสนใจ “ไม่อยากแลกเปลี่ยนบทสนทนากันสักหน่อยเหรอชิลิน?”
“.......ไม่ล่ะ ขอผ่าน” ชิลินตอบกลับมาด้วยเสียงสั้นๆ
“แป่ว” คริสคอตกด้วยความผิดหวังเนืองๆ
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคริส” เมรินทร์ปลอบใจ “ยังไงก็แล้วแต่ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” เธอเงยหน้ามองไอควันที่ลอยขึ้น “ยังไงเราทุกคนก็มีพื้นที่ของตัวเอง รักษามันไว้ดีกว่านะคะ”
คริสที่นั่งแช่อีกฝั่ง แม้มองไม่เห็นแต่ก็เดาสีหน้าได้ เธอยักไหล่ด้วยเบา “เปล่าหรอก ก็แค่เล่นมุกขำๆ เอง อย่าจริงจังนักซี่”
“โธ่ คุณคริสอย่าแกล้งเล่นแบบสิคะ” เมรินทร์พยายามทำน้ำเสียงให้ดูโกรธ แต่ก็โดนคริสจับได้ เธอหัวเราะเยาะใส่เบาๆ
ชิลินที่นอนแช่น้ำฟังอยู่ห่างๆ แหงนหน้ามอง “ไม่ไหวเลยคนพวกนี้” น้ำเสียงเอือมระอาเบาๆ
เป็นค่ำคืนที่ทั้งห้าคนรู้สึกว่าได้พักผ่อนอย่างจริงจัง พวกเธอหลับลึกสนิท แถมยังรู้สึกปลอดภัยเพราะไล่จัดการเรดก็อบลินจนสิ้น ตอนนี้เพียงแค่รายงายผลกับพระราชาว่าจะให้ภารกิจต่อแบบไหน แต่คงยังไม่น่ากังวลในเร็ววัน ทว่าความคิดนั่นกลับผิดถนัด ผิดกับที่คาด ไม่มีเวลาให้พักมากนักดั่งที่คิด
เพียงเช้าวันถัดมา มื้ออาหารแรกเป็นดั่งที่หัวหน้าหมู่บ้านว่าไว้ หรูหราเกินกว่าที่หมู่บ้านเล็กๆ และดูยากจนจะเตรียมไหว ถึงจะไม่เท่ากับที่ปราสาท แต่รู้สึกได้ถึงการประณีต ความเสียสละ จนเกือบไม่อยากรับไว้ แต่ก็นั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อรู้ว่านี่คือส่วนเกินจากการเก็บเกี่ยวเพราะอาณาจักรลดภาษีลง
ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับการรับประทานนั้นมีชายคนหนึ่งวิ่งมา สีหน้าเขาร้อนรน ดูผิดธรรมชาติ เมรินทร์รับรู้ถึงความผิดปรกติ ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ท่านผู้กล้าครับ มีผู้ส่งสาสน์จากราชาขี่ม้าเร็วมาถึงที่นี่ครับ!”
ไม่แปลกที่พระราชาแอนดิสหรือทางอาณาจักรจะรับรู้การเคลื่อนไหวของพวกเธอ เนื่องจากตามแต่ละหมู่บ้านมีคนขี่ม้าเร็วคอยส่งข่าวและสอดส่องตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่พวกเขาจะไม่ใช้เส้นทางที่เสี่ยงอันตรายเหมือนกับพวกผู้กล้า เป็นทางที่อ้อมโค้งไกล หรือใช้การผลัดส่งต่อสาสน์ในกระดาษระหว่างหมู่บ้าน ข่าวคราวล่าสุดจึงถูกส่งมาทางคนส่งสาสน์เสมอ
เมรินทร์กับอีกสี่คนที่เหลือ รีบรุดตรงหน้าหมู่บ้าน พบกับชายที่สวมชุดเกราะเหล็ก และขี่ม้าสีนำตาล ท่าทางหอบเหนื่อยของทั้งคนทั้งม้าทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าเขารีบแค่ไหน
“ท่านผู้กล้า มีคำสั่งด่วนจากพระราชาแอนดิสครับ!” ทหารนายนั้นลงจากม้า คุกเข่าโค้งคำนับ
“มีอะไร? จะให้พวกเราไปกำจัดเรดก็อบลินที่ไหนอีก?” ธีร์กล่าวหัวเสีย ดันแว่นขึ้นคิด กะจะไม่ให้พักกันเลยหรือไง
“ไม่ใช่ครับ!” ทหารส่ายหัวปฏิเสธ
ทั้งห้าคนต่างแปลกใจกับคำตอบ หากไม่ใช่เรดก็อบลินแล้วจะเป็นเรื่องอะไรได้ หรือว่านั่นคือเรื่องที่ใหญ่กว่า
หลังจากได้ยินคำถัดมาของทหารพวกเธอแทบหยุดหายใจ
“โอเกอร์บุกมาเมืองหน้าด่านจนแตกแล้วครับ” น้ำเสียงสิ้วหวังดังลั่น “ตอนนี้มีคำสั่งให้พวกท่านปกป้องเมืองใหญ่รองเป็นอันสองจากเมื่อหลวงที่ทิศตะวันออกโดยทันที!”
“พูดบ้าอะไรกัน จู่ๆ มาก็มาสั่งให้ทำนู่นนี่.....”ธีร์กลืนน้ำลาย เฮือก— เขาชักเริ่มทนไม่ไหวกับการสั่งการที่ไม่คิดถึงหัวอกคนอื่นนี่แล้ว
เมรินทร์ไม่สนใจต่อเสียงรบกวนเอะอะของสี่คนด้านหลัง เธอก้าวเดินไปยังทหารผู้ส่งสาสน์ หยิบน้ำจากกระบอกไม่ไผ่
“นี่น้ำค่ะ” เธอยืนกระบอกที่บรรจุน้ำเต็มให้ เขากระดก อึก อึก รีบร้อนจนแทบสำลัก เธอรอให้เขาหายใจสะดวกขึ้นก่อนกล่าว “ขอรายละเอียดด้วยค่ะ”
ชายทหารผู้ส่งสาสน์พยักหน้าด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง “ครับ!”
เธอรวบรวมม้วนกระดาษปาปิรุสของผู้ส่งข่าวม้าเร็วทั้งหมดมากางบนโต๊ะใหญ่ ในนั้นมีทั้งแผนที่ซึ่งวาดด้วยสีน้ำจากเลือดสัตว์ รายละเอียดต่างๆ เท่าที่จำเป็นเขียนอยู่มากมาย เธอหวังแค่ว่าพวกเขาจะไม่โกหกกับข้อมูลตรงหน้าเพื่อให้พวกเธอตายใจรับภารกิจปกป้องเมือง
“.......เราต้องเดินทางจากถัดจากที่นี่สองวันค่ะ คาดว่านี่เร็วที่สุดแล้ว” เมรินทร์สรุปคร่าวๆ ที่พอเห็นได้
ธีร์เดาะลิ้น พิจารณาแผนที่ “เมืองหน้าด่านที่ว่านั่นคือตรงนี้เองเรอะ” เขาจ้องยังจุดกากบาทสีแดง มันไม่ไกลเท่าไหร่เลยกับเมืองใหญ่ที่ว่า
“อ่า จากที่ฟังเขาเล่ามาเมื่อตอนอยู่ปราสาท ที่นี่มีกำแพงสูงใหญ่คั่นกลางภูเขา เป็นชัยภูมิป้องกันที่ดีมากเมื่อเผชิญกับกองทัพจอมมาร” ปริญจับคางคิดหนักใจ “แต่ข้อความนี่มันอะไร ต้านทานได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ”
“แล้วเจ้าเมืองรองที่ว่านี่เป็นพื้นที่โล่งๆ เอง!!!” ธีร์ขยุมหัวเองร้อนรน “ถ้าให้พวกเราป้องกันในที่เสียเปรียบแบบนี้ สู้ปกป้องเมืองหลวงเลยไม่ดีกว่าเหรอ”
“หวา— หยั่งงี้ยากซะแล้วสิ” คริสบ่นอุบอิบ เธอทำความเข้าใจยากซะยิ่งกว่าอีกสี่คน ซึ่งชิลินแม้จะเห็นเงียบๆ ไม่แสดงความเห็น แต่ก็พยักหน้าราวกับตามทันคำพูดตลอด ผิดกับเธอที่เข้าใจบางส่วน แต่ก็เท่าที่ฟังดูเป็นการถกเถียงเกี่ยวกับการรับหรือไม่รับภารกิจ
“แต่ที่เมืองนั่นก็มีผู้คนอยู่เยอะไม่ใช่เหรอคะ?” เมื่อเมรินทร์เอ่ยคำที่สะกิดใจทุกคน พวกเขาต่างจ้องมองหน้าเธอเป็นตาเดียว
“พวกเขาสามารถอพยพได้กี่คนกันคะ?” เธอหันถามผู้ส่งสาสน์
เขาส่ายหน้า “มีหลายครัวเรือนที่ปฏิเสธการย้ายถิ่นฐาน ทั้งเมืองหลวงตอนนี้ก็แออัดแน่นด้วยผู้คนที่ลี้ภัยเรดก็อบลินมาก่อนหน้า พวกคนเมืองไม่เคยเห็นภัยจากมอนสเตอร์โดยตรง และตกอยู่ใต้ความประมาท คาดว่าคนส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะไม่ทำการหนีครับ”
ดวงตาของเมรินทร์มีความคิดสับสนอันมากมายแล่นเข้ามา แต่เธอก็มีการตัดสินใจ “เราไปช่วยกันเถอะค่ะ”
ธีร์ดันแว่น ครั้งนี้เขาอยากปฏิเสธอย่างสุดใจ แต่พอเห็นสีหน้ามุ่งมั่นของปริญครั้งนี้คงเปล่าประโยชน์อีกตามเคย
“อย่างที่เมรินทร์พูดเลย” ปริญยิ้มมุมปาก “เรามาทำเท่าที่ทำได้กันเถอะ”
ผู้ส่งสาสน์และหัวหน้าหมู่บ้านที่ฟังอยู่ห่างๆ พวกเขาทำสีหน้าราวกับตกตะลึง นี่หรือคือผู้กอบกู้ที่พระเจ้าทรงส่งมา ความใจกว้างของคนเหล่านี้ช่างน่าตกตะลึง ต่างกับอีกสามคนที่ทำหน้าแทบไม่ไหวติงอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมกันพอสองคนนี้ออกความเห็นทีไรมักเป็นเอกฉันท์ทุกที ทั้งข้อโต้แย้ง เหตุผล หรือกระทั่งความหวาดกลัวพลันหายหมด หนึ่งในพวกเราเคยเกือบตายกันแล้วแท้ๆ
แต่ทำไมถึงน่าเชื่ออย่างน่าประหลาดกันนะ
“งั้นมาลุยกันต่อเถอะ” ธีร์ใช้นิ้วดันแว่น “สนามรบของพวกเรายังไม่จบสักหน่อย”
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.25 สัญญาณแห่งสงคราม จบ
ความคิดเห็น