ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #21 : Vol.1 Ch.21 เรด ก็อบลิน

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 67


    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.21 เรด ก็อบลิน

     

     

    “ห้าวววว~” เสียงหาวนอนฟอดใหญ่ เมรินทร์ปิดปากตัวเอง ดวงตาสลึมสลือ

     

    “เมื่อคืนนอนไม่เต็มอิ่มเหรอ” ธีร์โบกมือทักทาย เบื้องหลังคือคริสและชิลินที่กำลังเดินออกมาจากตัวปราสาท

     

    พระราชานัดพวกเขามายังลานโล่งกว้างหน้าพระราชวังตอนเช้า เพื่อเตรียมตัวพบปะพูดคุยกับผู้นำทาง

     

    ชิลินมองภาพตรงหน้า ก่อนหันซ้ายหนี “ขอโทษทีแล้วกันที่ทำให้กังวล”

     

    เมรินทร์รีบยกมือสองข้างโบกปัดยิ้มเจื่อน “ไม่หรอกที่เป็นแบบนี้เพราะฉันทำตัวเองน่ะ” เมื่อคือมัวแต่ทดสอบการใช้งานกระเป๋าจนลืมดูเวลา เลยเผลอนอนซะดึกดื่น ก็ช่วยไม่ได้นี่นาตัวเองเสียเปรียบกว่าชาวบ้านเขา หากชักช้าเดี๋ยวคนอื่นนำตัวเองหมด

     

    “เหมือนสองคนนี้จะเข้ากันได้ดีกว่าที่คิดนะ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นปัญหาซะแล้ว” ธีร์ยิ้มมุมปาก “แต่ทางนั้นต่างหากที่ดูท่าจะยุ่งยาก” เขาเหลือบมองยังคนสุดท้ายที่มาถึง

     

    ปริญและลูกสาวของพระราชา อีวาร์เกาะแขนเขาไม่ห่าง เจ้าตัวเอาแต่ทำหน้ายิ้มแหยเก เกาหัวพลางเหงื่อไหลซกไม่รู้จะทำตัวแบบไหน

     

    “หือ นายเนี่ยมาถึงที่นี่ก็ควงสาวเลยนะ” คำพูดแนะเหนมของเมรินทร์ทำเอาปริญรีบดึงตััวแขนตัวเองขึึ้นมาบอกปัดทันที

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้นพอดีผมหลงทางน่ะ ได้คุณเอวาร์ช่วยนำทางให้พอดี” เขาทำสีหน้าลุกลี้ลุกลนเกินจริง

     

    “ค่ะ ท่านผู้กล้า หากมีเวลามากกว่านี้ก็อยากทำความรู้จักท่านให้เยอะๆ จังเลยค่ะ เผื่อ บาง ที ท่านอาจตัดสินใจอยู่ที่นี่ตลอดไป…” อีวาร์มือปิดปากพลางหัวเราะ

     

    ปริญทำตัวไม่ถูก เขาเพียงส่งเสียงแหะ แหะ ตอบ

     

    เมรินทร์จ้องทั้งคู่เขม็งไม่วางสายตา ธีร์ส่ายหัวบ่นพึึมพัม “ไม่ไหวเลยนะ”

     

    “อ๊ะ พวกผู้นำทางมากันแล้ว” อีวาร์มองดูชายสามคนที่เข้ามาใกล้ พวกเขาแต่งตัวราวกับนายพรานป่า คนหนึ่งถือธนู คนหนึ่งถือขวาน อีกคนถือหอก

     

    “บุคคลผู้นี้ชื่ออูล เป็นหัวหน้าครูฝึกของเหล่าผู้ล่ามอนสเตอร์” เธอยื่นมือกล่าวแนะนำตัวผู้ที่ยืนถือหอกตรงกลาง

     

    อูลชายร่างสูง ผอมซูบวัยกลางคนโค้งคำนับ “ขอบพระทัยเจ้าหญิง และยินดีที่ได้รู้จัก เหล่าผู้กล้า”

     

    “ส่วนอีกสองคนคือโอก้ากับนอร์ด พวกเขาคือผู้มีประสบการณ์ล่ามอนสเตอร์อย่างช่างชอม” หลังสิ้นประโยค พวกเขาก้มตัวทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง

     

    “ท่านผู้กล้า ในนามตัวแทนของราชวงศ์ข้าคงส่งพวกท่่านได้ถึงตรงนี้ เส้นทางต่อไปค่ือหน้าที่ของพวกเขา ทว่าหากพวกท่านต้องการสิ่งใดสามารถย้อมกลับมายังปราสาททุกเมื่อ พวกเรายินดีต้อนรับเสมอ”

     

    หลังการบอกร่ำลากับอีวาร์ เธอกลับเข้ายังปราสาท สายตาของทั้งสามคน กิริยามารยาทของพวกเขาดูต่างจากเดิม ดวงตาหรี่ลงจ้องมองอย่่างเหยียดหยาม

     

    “เห้อ จะไหวเร้อเจ้าเด็กพวกนี้” หลังจากเดินพ้นเขตตัวเมือง นอร์ดเหลียวหลังเริ่มซุุบซิบนินทวา ทว่าเสียงอันดังลั่นนั่น ทั้งห้าคนต่างได้ยินชัดเจน ราวกับจงใจให้ได้ยิน

     

    “นั่นสิ ตำนานโบราณจะเชื่อได้แค่ไหนก็ไม่รู้ มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเนี่ย ซวยชะมัด” โอก้าเห็นด้วยกับเพื่อนข้างๆ

     

    ธีร์ชักไม่สบอารมณ์ พึมพำเสียงเบา “อะไรของพวกนั้น” เขามั่นใจว่าคนอื่นคงคิดแบบเดียวกัน

     

    หัวกลุ่มอูล พ่นลมหายใจ “เฮ้ย งานก็คืองาน พวกแกเงียบหน่อยยังไงข้างหลังนั่นก็คือนายจ้างเรานะ” ชายตัวสูงหยุดเดิน หันหลังกลับมา “ว่าก็ว่าเถอะ พวกแกก็อย่ามาจุ้นจ้านให้มันมากนัก การล่ามอนสเตอร์ไม่ใช่เรื่องของเด็กๆ” น้ำเสียงเบื่อหน่าย หากนี่ไม่ใช่คำสั่งของพระราชาเขาคงไม่มีวันยอมทำ

     

    “รู้แล้วน่า” ธีร์ตอบกลับเสียงดัง ประชดประชัน

     

    เมรินทร์รับรู้ว่านี่ไม่ใช่การต้อนรับที่ดีนัก เธอคาดการณ์ หากลองเปรียบเทียบกับคนในเมือง พวกที่สู้อยู่แต่ภายนอกตลอดเวลาคงไม่ค่อยอินกับเรื่องเพ้อฝันนัก นี่ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่

     

    “เป่าพวกนี้ทิ้งซะเลยดีไหม” ชิลินขมวดคิ้ว สีหน้าตึงเครียด ชูดไม้เท้าของตัวเองขึ้น

     

    วินาทีเดียวกันทำเอาทั้งคริส ธีร์และปริญที่เห็นตาเบิกโพลง เด็กคนนี้จะเอาแต่ใช้อารมณ์เกินไปแล้ว ต้องรีบหยุดเธอ

     

    “โอ้ย” หน้าผากของชิลินถูกดีด การร่ายเวทถูกหยุดไว้ ห้าสี่ต่างจ้องหน้าคนที่ดีดอย่างตกตะลึง

     

    “นี่ ทำอย่างนั้นไม่ดีรู้ไหม ต้องค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันสิ” เมรินทร์ตวาดยกใหญ่แก่เด็กสาวมืดหม่น

     

    เธอก้มหน้ายอมรับผิด “เข้าใจแล้ว”

     

    อูลแลหลังมอง เขาให้ความสนใจเสียงเอะอะจากกลุ่มผู้กล้าซักพัก ก่อนเบือนหน้ากลับ มันคงเป็นเรื่องไร้สาระสักเรื่อง

     

    พวกเขาพายังป่าลึกห่างไกลจากตัวปราสาท

     

    “เอาล่ะ เรามาถึงยังจุดหมายแล้ว” อููลกล่าวเบื้องหน้าแก่ทั้งห้าคน โดยมีนอร์ดและโอก้าประกบซ้ายขวา “พวกเราได้รับรายงานจากชาวบ้านว่ามีก็อบลินมาตั้งรกรากบริเวณนี้ ทั้งยังจับหญิงสาวจากหมู่บ้านข้างเคียงมาเพิ่มเผ่าพันธุ์ เป้าหมายคือกำจัดก็อบลิน ช่วยเหลือผู้คนที่ถูกจับมาเข้าใจไหม”

     

    ทั้งห้าคนพยักหน้ารับ เหงื่อเย็นไหล เพียงแค่วันแรก พวกเขาต้องมารับภารกิจอันตรายเสียแล้ว

     

    “แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ก็อบลินมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมือใหม่ เพราะฉะนั้นพวกแกเพียงแค่ยืนดูเฉยๆ ก็พอ” อูลกล่าวด้วยน้ำเสียงน่ารำคาญ

     

    “อะไรกัน!?” ปริญมีสีหน้าตกใจ “อย่างน้อยให้พวกผมช่วยสู้ด้วยเถอะครับ”

     

    “ไม่จำเป็นไอ้หนู” อูลส่ายหน้า ไม่ใยดี “มันน่ารำคาญรู้ไหม รีบๆ ทำ รีบๆ ให้มันจบเสียที” เขาทราบดีว่าการไม่ให้พวกเด็กเข้าร่วมการต่อสู้จะเป็นการขัดขวางพัฒนาทักษะ ทว่าอูลไม่สนใจมัน และอยากทำงานให้เสร็จแล้วกลับไปทำหน้าที่เดิมของตนต่อ คือล่ามอนสเตอร์

     

    ปริญกัดฟัน พวกพรานเหล่านี้คือคนที่ต้องรับฟัง ที่นี่ยังมีปริศนาเกินกว่าเมินพวกเขา

     

    “คอยดูให้ดีล่ะ” อูลส่งสัญญาณก้มต่ำลง ทั้งกลุ่มย่องหมอบหลบตามพุ่มไม้

     

    เจอเงาดำหนึ่งห่างไกล เลือนลางร่างเล็กราวกับเด็ก “นั่นคือก็อบลิน” เขาเงียบเสียงเบาลง

     

    “พวกนี้มันไม่ค่อยระวังตัวหรอก หากเราสามารถจู่โจมมันจากด้านหลัง ก็อบลินจะทำการเรียกพรรคพวกไม่ได้” เขายกมือห้ามคนอื่นหยุด “พวกมันหากปราศจากฝูงก็ไม่มีความน่ากลัว” ย่องเบาเงียบเชียบไร้เสียง ชักมีดเล่มเล็ก เข้าใกล้ร่างเล็ก

     

    “หึ นี่ล่ะหัวหน้าเรา นักล่ามือชมัง ก่อเกิดความเสียหายน้อยที่่สุดทุกการกระทำ” โอก้าแสยะยิ้ม

     

    ทั้งสี่คนแทบกลั้นหายใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

     

    เมรินทร์มองซ้าย-ขวา หันควับ ทำไมเธอตงิดใจอย่างนี้ บางสิ่งแปลกๆ รอบตัว เส้นทางเดิน พรมหญ้า ยังตำแหน่งลอบสังหารอันเหมาะเจาะ ช่างพอดีเหลือเกิน เป็นปรกติเหรอ ดูจงใจชอบกล

     

    นอร์ดเลิกคิ้วขึ้น “อะไรกันก็อบลินนั่น” หรี่ตาลงจ้องสังเกตุ “มันมีสีแดง ทุกทีตัวมันสีเขียวนี่”

     

    “จริงด้วย เราไม่เคยเห็นมันมาก่อน กลายพันธุ์งั้นเหรอเนี่ย” โอก้าเห็นด้วย กับหัวหน้าอูลเขาคงเห็นชัดกว่า เขาคงรับรู้ถึงความผิดปรกติก่อนใคร คงคิดว่าแค่ตัวสีแดงคงไม่เป็นอะไรกระมัง

     

    เมรินทร์สะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินบทสนทนาของชายฉกรรณ์ทั้งคู่ มันไม่ใช่สถานการณ์ปรกติ “แย่แล้ว!” ตะโกนเสียงดังลั่น “ออกมาจากตรงนั้นเร็วค่ะ!”

     

    “ทำอะไรของยัยเด็กนั่น?” อูลเหลียวหลังกลับมา เขายังคงคิดว่ายังคุมอยู่ ต่อให้ทั้งป่าแตกตื่น พวกเขาสามคนสามารถรับมือได้ แต่ก็ไม่สบอารมณ์

     

    วินาทีเดียวกันกับที่กำลังจะต่อว่า ขาข้างหนึ่งสะดุดกับด้ายเส้นเล็ก “ห๊าาาา!?” กับดักบ่วงเชือกทำงาน คล้องขาดึงขึ้นข้างบนต้นไม้ท่ากลับหัว “เฮ้ยเกิดอะไ—”

     

    ก่อนทันพูดจบ ลูกศรธนูพุ่งมาด้วยความเร็วจากด้านข้างมุมอับ ปักเข้าขมับแม่นยำ จนเขาตาค้างสิ้นใจในท่าห้อยโหนกลางอากาศ

     

    เหล่าผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ตาค้าง มึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า เขาคือผู้มีประสบการณ์ช่ำชองหลายสิบปีไม่ใช่หรือ

     

    “กับดักค่ะ!” เมรินทร์ตะโกนเสียงดังลุกขึ้นยืน

     

    “ทำอะไรยัยเด็กบ้า เดี๋ยวพวกมันรู้ตัว—” นอร์ดแทบหยุดกลั้นหายใจ ใบไม้เสียดสีดัง แซ่ด แซด ทั่วรอบบริเวณ จากนั้นไม่นาน ฝูงมอนสเตอร์ร่างเล็กรูปร่างน่ารังเกลียด ผิวแดงฉาน ปรากฎตัวยืนรุมล้อมรอบพวก แลบลิ้นด้วยความหิวกระหาย คำตอบเดียวคือพวกมันรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาอยู่ตรงนี้

     

    “พวกมันเป็นแค่สัตว์เดรัชฉานไม่ใช่เหรอ!” โอก้าเผลอตะโกนเสียงสั่น ก็อบลินคือมอนสเตอร์ตัวเล็ก สติปัญญาต่ำ ทว่าที่เจอตรงหน้า พวกมันกลับมีการวางแผน รวมกลุ่ม สร้างกับดัก มีผิวสีแดง ไม่ใช่ตัวตนที่พวกเขารู้จัก

     

    ปริญเหลียวมองพวกนักล่ามอนสเตอร์ขาสั่นผวาตรงหน้าอย่างสมเพซ เพียงแค่เจอสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นกลับทำอะไรไม่ถูกเสียแล้ว “พวกเราคงต้องลงมือเองซะแล้วล่ะ” ดาบสีทองเรืองแสงสว่าง ปรากฎบนกำมือเขา

     

    “อ่า” ธีร์เรียกทวนออกมา เพราะก่อนหน้านี้อาวุธของทั้งสองคนเด่นเกินไปจึงไม่เตรียมไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน

     

    คริสถือคฑาของตัวเองปาดเหงื่อเย็นไหลซก ผวากับภาพคนตายด้านหลัง ความคิดประเดประดังแล่นเข้าหัว เธออาจเป็นรายถัดมา ส่วนฝั่งชิลินที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมเก็บไม้เท้า ตั้งท่าระมัดระวังตัว สีหน้าเดาไม่ถูกว่าคิดอะไรอยู่ในหัว

     

    “ว่าแต่เธอรู้ได้ยังไงนะ” ธีร์เหลือบสายตามองซ้าย เมรินทร์ที่กำลังทำใบหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ความสงสัยแล่นเข้าหัว ทว่าเวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล กับศัตรูที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ปวดกบาลจะแย่

     

    “จะทำยังไงดี” เมรินทร์ขบฟันแน่น เจ้าพวกนี้คือเรดก็อบลินไม่ผิดแน่ ถึงพลังการโจมตีจะต่ำรั้งท้ายมอนสเตอร์ทั้งมวล แต่ประมาทไม่ได้เลย มันมีสติปัญญามาก หากพลาดพลั้งแม้เพียงนิดเดียวจบเห่กันหมดตั้งแต่เริ่มแน่

     

    “ทุกคนขอร้อง อย่าพึ่งตั้งคำถามอะไรนะคะ!” เธอหันหลังพูดด้วยความรวดเร็ว “ปริญช่วยอยู่แนวหน้ากับธีร์ สองคนดึงความสนใจกับกลุ่มใหญ่ให้หน่อย ส่วนคริสรั้งท้ายพวกเราไว้ ถ้ามีใครบาดเจ็บรักษาทันที ชิลินให้เน้นการสร้างกำแพงหิน ปิดส่วนช่องโหว่ด้านหลังของพวกเราไว้ ไม่ให้โดนล้อมกรอบนะคะ!”

     

    เมรินทร์สบตากับชิลิน

     

    “ทำไมต้องทำตามที่เธอสั่งด้วยล่ะ” ชิลินแย้ง ให้หัวเธอมีความคิดที่แตกต่าง ตั้งสมาธิกับการโจมตีเพื่อลดจำนวนศัตรูเร็วที่สุดน่าจะดีกว่า

     

    เมรินทร์ขมวดคิ้ว หันหลังหาคู่กรณี มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ขวดน้ำยาสีฟ้าในกำมือ ง้างขึ้นแล้วขว้างมันด้วยความรุนแรงใส่เจ้าตัว “ก็บอกว่าอย่าพึ่งตั้งคำถามยังไงล่ะคะ!”

     

    ชิลินอ้าปากค้าง ด้วยการกระทำที่ไม่ทันคาดคิด เธอป้องกันตัวเองไม่ทัน ขวดนั่นแตกกระทบหัว “ทำอะไรของเธอ!?” ตะคอกกลับด้วยความโมโห พร้อมชูไม้เท้าขึ้น

     

    เป็นช่วงเดียวกับที่รู้สึกว่ามีอะไรมากระทบหัว พอแหงนหน้าลงมองก็พบกับลูกศรที่หักครึ่ง มันกระทบกับบางสิ่งที่แข็งมากจนแตกออก อย่าบอกนะว่าไอ้นี่มันพุ่งมาใส่หัวน่ะ ชิลินหน้าซีดเผือกคิดอย่างวิตก หากไม่ได้น้ำยานั่น คงตายเช่นเดียวกับคนที่ชื่ออูล

     

     

     

    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.21 เรด ก็อบลิน จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×