คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Vol.1 Ch.20 งานสังสรรค์
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.20 งานสังสรรค์
ดวงตาของชิลินจ้องมองด้วยความไม่สบอารมณ์ ครู่หนึ่งเธอเบือนหน้าหนี
“เข้าใจแล้วหน่า.....”
สาวน้อยผู้ใสซื่อเอียงหูซ้าย แว่วฟังใกล้ “เอ๋ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะคะ?”
“ก็บอกว่ายอมรับเธอแล้วไง!” หญิงสาวผู้มืดหม่น ชิลินใช้แรงดันสองมือผลักออก “ลุกออกไปสักที มันหนักนะ!”
“ข เข้าใจแล้วค่ะ” เมรินทร์สั่นไหวด้วยความกระสับกระส่าย ลุกขึ้นยืน
ชิลินสัมผัสผิวหนังพุพองของตน มันแสบ ร้อน อีกนานแค่ไหนกว่าจะหาย ตั้งหลักยืนเรียกไม้เท้าของตนเองออกมา
เมรินทร์จับตาไม่กระพริบ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าหนังของตนเอง
“อะไรเล่า บอกว่ายอมรับก็ยอมรับสิ” เธอปัดฝุ่นด้านหลังเสื้อ พลางย้ำคำเดิม
“ขอบคุณมากค่ะ!” เมรินทร์โค้งอ่อน ในที่สุดก็ได้เพื่อนใหม่ในโลกนี้เสียที
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ปริญเขายิ้มมุมปาก หันพูดกับคนด้านหลัง “ท่านราชาเห็นฝีมือของเธอแล้วใช่ไหม?”
แอนดิสก้มตา ไม่อยากยอมรับนัก ทว่านั่นก็เป็นความจริง เขาคือพระราชาที่แบกรับประเทศนี้ไว้ “ข้าเห็นความหวังในตัวเธอนิดหน่อย ทว่าท่านผู้ใช้ดาบ ข้ายังคงเตือนคำเดิมว่าไม่ควรรับซัพพอตเตอร์เอาไว้”
ปริญหัวเราะแห้ง “ขอรับไว้แค่ความหวังดีแล้วกันครับ”
แอนดิสหรี่ตาลง ถึงคราวนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้ ตามน้ำแล้วกัน “ผู้ส่งสาส์น ป่าวประกาศแก่ประชาชนว่ากลุ่มผู้กล้ามาเยือนยังโลกนี้แล้วซะ”
“ครับ!” ทหารนายหนึ่งเดินออกจากห้องโถง
ทั้งห้าคนมองด้วยความประหลาดใจ ค่อยๆ เดินลอดตามเสียงอันดังกึกก้อง รอยรูโหว่ใหญ่จากการฟัน ปรากฎภาพอันยิ่งใหญ่ตระกานตา
เสียงแตรลมดังก้องกังวาล สรรเสิญทั่วทั้งเมือง ภาพของผู้คนแสดงความดีใจยกใหญ่ ประชาราษฎร์ต่างกรีดร้องถึงการมายังเหล่าผู้กอบกู้โลก
“นี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย?” ปริญกล่าวขึ้นด้วยความแปลกตา
“นี่คือธรรมเนียมของเรา” ราชาแอนดิสตอบ พลางมีหมอหลวงมาตรวจเช็คอาการที่ต้นขา
ค่ำคืนนั้นมื้ออาหารชุดใหญ่ถูกจัดเตรียมไว้ งานปาร์ตี้ สังสรรค์สำหรับเหล่าผู้ซึ่งมาเยือนยังโลกนี้ โดยมีเหล่าขุนนางน้อยใหญ่นับพันมาเข้าร่วม โดยเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อตอนเช้าถูกปิดบังเป็นความลับ เฉพาะผู้อยู่ในห้องโถงเท่านั้นถึงรู้ความจริง
ทุกคนที่ถูกอัญเชิญมาต่างสนุกสนานครื้นเครง กระทั่งคนมืดหม่น สันโดษอย่างชิลินยังคึกคักหลังจากกระดกไวน์แดงแก้วหนึ่ง หัวเราะร่าเริงแก้มแดงแจ๋
“เฮ้อ—” เมรินทร์ถอนหายใจเดียวดาย ความลับที่เธอคือผู้ใช้กระเป๋าถูกปิดไม่มิด แขกร่วมงานต่างมองเธอด้วยแววตารังเกลียด จนต้องแอบหลบหลังฉากตรงมุมหนึ่งของงานเลี้ยง มีเพียงทหารยามซึ่งคอยดูเชิงให้เธอไม่ห่าง ทว่าพวกเขาดูไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก
แค่พวกแขกไม่เอาแก้วน้ำมาสาดหน้าเธอก็บุญหัวแล้ว
“ทำหน้าเศร้าหมองเชียวนะ”
เธอแหงนหน้ามอง เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนโยนราวพระอาทิตย์ ปริญถือแก้วไวน์มายืนพูดคุยข้างเธอ
หญิงสาวก้มสายตาต่ำลง “เหมือนโลกนี้จะไม่ต้อนรับฉันอยู่คนเดียวเลย
“ฮ่ะ ฮะ คิดมากน่า” เขาหัวเราะปลอบใจ
ดวงตาของเธอตกลง “อยากกลับบ้านแล้วไปขอคืนดีกับเพื่อนจัง ไหนจะแม่อีกคน พอนึกว่ายังมีอะไรหลายอย่างที่ค้างคาอยู่ อดนึกเสียใจภายหลังไม่ได้เลยที่ไม่ได้ทำมัน” เมรินทร์ดื่มอึกหนึ่ง
“ผมเองก็เหมือนกัน รู้งี้เราน่าจะทำมันตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เลยนะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเขาเองก็ดื่มเป็นเพื่อน พลางภาพอดีตอันแสนน่าคิดถึงหวนคืนในห้วงความคิด
เธอหันซ้าย ดวงตาโตจ้องเขม็งสนอกสนใจ “เหรอ นายเองก็ถูกอัญเชิญมาโลกนี้ตอนที่กำลังโดนฆ่าตายเหมือนกันงั้นสิ”
พอฟังคำข้างต้น ปริญแทบสำลักออกมา “เธอเจอเรื่องโหดร้ายมาเหรอเนี่ย” จับคางของตัวเอง “ผมจำไม่ได้หรอก แต่เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุน่ะ”
เมรินทร์คิ้วกระตุก “ของฉันโดนแทงโดยผู้ชายสวมโม่งแปลกๆ ความทรงจำตอนนั้นยังฝังหัวอยู่เลย” พลางกอดอกตัวเองอย่างสั่นขวัญผวา “คงไม่ลืมมันชั่วชีวิตแล้วล่ะ” สัมผัสความตายเย็นเฉียบแล่นเข้าหัว
“ขอโทษที่ทำให้นึกถึงเรื่องแย่ๆ นะ” ใบหน้าเจื่อนของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “แต่ผมอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ รวมทั้งคนอื่นๆ ด้วย” ปริญหัวกว้าง มองเพื่อนๆ ทั้งสี่ที่กระจายตัวกันทั่ว
“หืม” เธอมองอย่างสนอกสนใจ “งั้นฉันขอเล่าก่อนนะ เริ่มตั้งแต่วันที่ฉันออกมาจากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่……”
ทั้งคู่แลกเปลี่ยนความเห็นของกันและกัน ประสบการณ์ที่เคยเจอ หลังจากนั้นพวกเธอก็เรียกคนอื่นๆ มาพูดคุยด้วย เป็นการคุยกันของเหล่าผู้กล้า อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่เมรินทร์คิด
ธีร์เองก็อยากมีส่วนร่วม เขากล่าวเล่าประวัติตัวเอง “……อ้อ ฉันน่ะเหรอ จำได้ลางๆ ว่าพลัดตกจากตึกชั้น 14 น่ะ ถ้าจำไม่ผิดเป็นวันที่ 17 เดือน 5 ปี 2018”
คริสมีสีหน้าตกใจ “เห๋ ตกจากตึกเลยเหรอเอาเรื่องนะ แต่ยังมีอะไรชวนตกใจมากกว่าอีก” คำพูดของเธอเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกเอะใจเช่นกัน “ของฉันป่วยเป็นไข้หวัดที่กำลังละบาดใหญ่ตอนปี 2021 ฉันยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลย”
“คนละปีกันเลยนะนั่น” ธีร์ขยับแว่นเหงื่อเย็นไหล
“อืม ของฉันเป็นปี 2020” สีหน้าสงสัยผุดขึ้น ภายในแววตาของปริญ
“ฉัน ปีี 2023 ทุกคนมาจากห้วงเวลาที่แตกต่างกัน ” เมรินทร์กล่าวอย่างสงสัย
“แล้วเธอล่ะ?” ธีร์หันหน้าถามสาวผู้มืดหม่น ทว่าเธอยังคงปิดปากเงียบ เขาเกาหัว แกรก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ร่วมมือกันดี
“โธ่ พวกเราอยากรููู้จักเธอจริงๆ นะชิลิน” เป็นคราวของเมรินทร์ที่ใช้นำเสียงดังกว่าเดิมเล็กน้อย
ชิลินสะดุ้งเฮือก ปาดเหงื่อบนหน้าผาก ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ปี 2022 โดนรุ่นพี่กดหัวตรงอ่างล้างมือ……ที่โรงเรียน”
ทั้งสี่คนต่างมีสีหน้าซีดเผือก คำถามแทงใจดำที่ไม่ควรเอ่ย การโดนคนใกล้ตัวทำร้ายย่อมเป็นอะไรที่เจ็บปวด พวกเขารู้ดีว่าไม่ควรคาดคั้นมากกว่านี้
“พวกเราลองถามราชาแอนดิสเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม?” ปริญปรึกษาทุกคนในกลุ่ม สามคนพยักหน้ารับ
ไม่นานหลังจากเรีียกหากับทหารยามเขาก็เดินมาใกล้ คลายข้อสงสัยยหลายอย่าง
“ท่านผู้กล้าไม่ต้องกังวล” สีหน้าแอนดิสเรียบนิ่งไม่เปลี่ยน “ตามบันทึกโบราณว่าไว้ ผู้กล้าทั้งห้าโอกาสน้อยมากที่มาจากโลกเดียวกัน อาจคล้ายคลึงแต่ก็แตกต่าง ทว่าวงแหวนเวทนั้นสามารถพาทุกคนกลับยังจุดหมายเดิมอย่างแน่นอน”
ถึงฟังข้างต้น ทุกคนยังไม่หายวิตก คำพูดนั่นเชื่อถือได้เพีียงไหนกัน ทำราวกับว่ารู้ชะตากรรมหรือเป้าหมายขของผู้ที่กลับสู่โลกเดิมของตนแล้วยังไงอย่างนั้น
ทว่าให้ทำไงได้ล่ะ ในเมิื่อหนทางกลับบ้านมีเพียงแค่ทางเดียวก็มีแต่ต้องทำใจเชื่อ แม้ว่าจะขัดแย้งกับความรู้สึกของงตัวเองแค่ไหรก็ตาม ปริญมองหน้าอันขมขื่นของอีกสี่คน
“เช่นนั้นแล้วค่ำคืนนี้ เหล่าผู้กล้าขอให้พักผ่อนตามห้องที่จัดเตรียมไว้เถอะ” แอนดิสหันหน้ามองสาวน้อยที่ทำตัวไม่ถูกในเวลานี้ “รวมถึงท่านด้วยผู้ใช้กระเป๋า”
เมรินทร์กระตุก “ค่ะ” มีสีหน้าลำบากใจผลุดขึ้น ก็เมื่อเช้าจะฆ่ากันอยู่เลยนี่นา มาทำดีเอาป่านนี้มันก็…
“เฮ้ รู้ไว้เลยนะ ถ้าพวกแกทำอะไรเธอล่ะก็จบไม่สวยแน่” ปริญเอาตัวมาป้องไว้ ธีร์กับคริสเองก็พยักหน้าตาม
แอนดิสถอนหายใจ “โปรดวางใจผู้ใช้ดาบ ข้าล้มเลิกความคิดไร้สาระนั่นแล้ว” เขามองเข้าไปในแววตาของเมรินทร์ “ข้ารู้สึกได้เลยว่านางแตกต่าง” พลันมีรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าคราวนี้เราจะมีผู้ใช้กระเป๋าสักคนที่พอลบล้างเรื่องในอดีตลงได้”
เมรินทร์เลิกคิ้วขึ้น ตื่นตะลึง “จะพยายามค่ะ!”
“ก็ยังเหลืือปัญหาอีกหนึ่งที่นอกเหนือจากข้าจะรับมิือ” แอนดิสเหลียวมองชิลิน
“อะไร!?” เธอลุุกลี้ลุก “ไม่เชื่อกันเลยหรือไง ไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นแล้ว” กอดอกพองแก้ม
“ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว” สีหน้าเชิงเป็นห่วงของพระราชาสะท้อนภาพให้เห็น “เสียใจที่ต้องกล่าว แต่พวกเราไม่มีเวลาแล้ว พรุ่งนี้เราจะเริ่มการฝึกต่อสู้ ขอให้พวกท่านพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มในค่ำคืืนนี้”
เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้น หัวใจของธีร์เต้นระรัว ทำไมจู่ๆ ต้องมาแบกรับภาระหนักอึ้งพลันนี้ด้วยนะ พลางมองสีหน้าของคนอื่น ไม่แตกต่างกันเลย กับเรื่องบ้าบอพลันนี้
ดวงจันทร์สาดแสงส่องประกาย สะท้อนห้องนอนรับรองของเมรินทร์ เสื้อถูกเปลี่ยนเป็นผ้าไหมบางเข้ากับสไตล์ของโลกนี้ ส่วนตัวเธอยังไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่
“……..ประมาณนี้สินะ สิ่งที่เราทำได้” เธอใช้เวลาพักผ่อนสั้นๆ ทดสอบความสามารถของตัวเอง กระเป๋านี่สร้างขวดยาที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันได้ ทว่าก็มีขีดจำกัดการเก็บและใช้ระยะเวลาในการสร้างพอสมควร
โดยมีน้ำยาทั้งหมดเก้าชนิด หนึ่งคือน้ำยารักษามีสีเขียว รักษาบาดแผลและอาการผิดปรกติอย่างช้าๆ สองน้ำยาฟื้นฟูพลังกายสีน้ำเงิน ทำให้มีเรี่ยวแรงกลับมา ดูเหมือนว่าจะสามารถใช้กับคริสหรือชิลินเพื่อให้ร่ายเวทต่อเนื่อง แต่ก็ค่อยๆ ฟื้นฟูเหมือนกัน ทั้งสองชนิดต่างเก็บได้ห้าขวด ระยะเวลาสร้างแต่ละขวดคือสามสิบนาที
สามคือควันพิษสีม่วง ใช้ก่อกวนหรือลดประสิทธิภาพของศัตรู สิ่งที่ทำให้เกิดบาดแผลปวดแสบปวดร้อนพุพองบนตัวชิลิน ต้องรับการรักษาจากคริสถึงกลับมาเป็นปรกติ หวังผลลัพธ์สังหารยาก
สี่คือน้ำยาลดแรงเสียดทานสีเทาอ่อน หากปาลงพื้น บริเวณนั้นจะลื่นจนทรงตัวไม่อยู่
ห้าน้ำยาสร้างของแข็งสีฟ้า เมื่อปาลงสิ่งใด สิ่งนั้นจะมีความแข็งแรงในระยะเวลาสั้นๆ แลกกับการที่ข้อต่อหรือส่วนอิื่นๆ ขยับไม่ได้ ขาดความยืดหยุ่น
หกคือควันขาวสีขาวขุ่น มีไว้เพียงเพื่อบดบังทัศนวิสัย เจ็ดคือน้ำยาวกาวสีน้ำตาลเข้ม มีความเหนียวอย่่างมาก ทั้งห้าชนิดเก็บได้สี่ขวด ระยะเวลาการสร้างสิบห้านาที
แปดคือขวดน้ำยาระเบิดสีดำเข้ม ขวดรูปร่างทรงกลมมีเกลียวสลัก สร้างแรงระเบิดรุนแรง หากตอนนั้นไม่กะเวลาระเบิดก่อนถึงตัวชิลิน เธอคงบาดเจ็บหนักกว่านี้ นี่เป็นการโจมตีเดียวที่ของเธอ เก็บได้สามขวดและใช้เวลาการสร้างหนึ่งชั่วโมง
สุดท้ายชนิดที่เก้า น้ำยาสารพัดประโยชน์ รักษาบาดแผล รักษาพิษ ฟื้นฟูพลังกายทันทีมีสีทอง เก็บได้หนึ่งขวด ใช้ระยะเวลาสร้างถึงหนึ่งวัน
ดูเหมือนว่าเศษแก้วที่แตกกระจายหลังจากใช้งานจะจางหายไปเองในเวลาไม่ช้า เก็บไว้ด้านนอกได้ ทว่าหากไกลเกินไปขวดน้ำยาจะแตกสลายเป็นแสงสีขาวแล้วกลับมายังกระเป๋าของเธอ ประโยชน์อีกอย่างที่แตกต่างจากอุปกรณ์ของคนอื่นคือใครก็ใช้งานขวดยานี่ได้ ขอแค่ไม่ออกห่างจากตัวเธอเกินไป บางโอกาสสามารถให้คนอื่นพกไว้เองเพื่อง่ายต่อการใช้
“เข้าใจเลยทำไมผู้ใช้กระเป๋าถึงไม่เป็นที่นิยมนัก” เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานยากลำบาก ต้องใช้ทักษะสูงทั้งหากพลาดพลั้งอาจก่อความเสียหายให้กลุ่มด้วย สำคัญเลยคือไม่ได้รับพลังเหนือมนุษย์ ทั้งสี่คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตัวเองมีพละกำลัง ประสาทสัมผัสที่มากกว่าเดิม ราวกับพวกนักกีฬาโอลิมปิก ไม่สิเหนือยิ่งกว่าขีดจำกัดของมนุษย์ด้วยซ้ำ แค่คิดว่าต้องสู้ร่วมกับสัตว์ประหลาดพวกนั้นก็เหนื่อยแล้ว
เฮ้อ— เสียงถอนหายใจยาวเยียด ดังลอดมาผ่านปอดแหบเล็ก ถ้าชิลินคุ้นชินกับพลังตัวเองมากกว่าเมื่อวันนี้ ตัวเองจะยังเอาชนะได้อยู่รึเปล่านะ “ไม่ ไม่” เธอสะบัดหัวตัวเอง ก่อนนึกในใจ ตอนนี้เธอคือมิตรของเรา ต้องหัดไว้ใจให้มากกว่านี้
“ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ลงเรือลำเดียวกัน” เมรินทร์ตัดสินใจแล้ว ว่าจะเพิ่มความสัมพันธ์กับคนในกลุ่มเพื่อให้ตัวเองไม่ถูกทอดทิ้ง “ต้องสู้” กำสองมือสู้ตาย
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.20 งานสังสรรค์ จบ
ความคิดเห็น