คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Vol.1 Ch.18 ผู้กล้า.......แบรนด์หลุยส์?
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.18 ผู้กล้า.......แบรนด์หลุยส์?
เมรินทร์ขยี้ตา มันไม่ใช่ความฝัน เธอค่อยๆ ใช้มือประคองตัวเองยืนขึ้นจากข้างหลัง เหล่านักเรียนที่แต่งตัวคนละแบบกันหันมองยังบังลังก์พระราชา เขาอ้าปากเผยอกำลังจะพูดบางอย่าง
“สวัสดีเหล่าผู้กล้าเอ่ย” พลันสีหน้าเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน ความตึงเข้มมลายหาย
“ที่นี่มันที่ไหน!? เกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา!” หนุ่มที่สวมแว่น ผมสั้นสีน้ำเงินโผลงพลางโหวกแหวกคนแรก ใบหน้าแสดงถึงความฉลาดสุขขุมแตกต่างจากกกระทำที่ตื่นตะหนกของตน
ขอบคุณพระเจ้า ทั้งห้าคนเองก็อยากถามแบบเดียวกัน แต่แรงกดดันมันค่อนข้างน่ากลัวราวกลับจะถูกฆ่าทุกเมื่อ
สีหน้าของพระราชาพลันหมองลง “ท่านผู้กล้าข้าขออภัย” ด้วยอาการไม่คาดคิดฝันว่าจะออกมาจากชายเจ้าอำนาจตรงหน้า “มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าเป็นคนสั่งให้ลูกสาวอัญเชิญพวกท่านมาจากอีกโลกเพื่อกอบกู้โลกใบนี้”
“พูดอะไรบ้าๆ!” ชายหนุ่มสวมกรอบแว่น หันมองด้านหลัง เหล่าเด็กสาวเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็แค่คนอายุน้อย ดูยังไงก็ไม่มีทางเก่งกว่าพวกทหารกล้ามโตที่กำลังล้อมรอบตอนนี้ “พวกเราก็แค่เด็กจะไปสู้อะไรกับเขาได้ รีบส่งพวกเรากลับไปที่เดิมเดี๋ยวนี้”
เมรินทร์เองก็พยักหน้าให้กับคำพูดนั้น เธอรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องอยู่ที่นี่
ความเจ็บปวดแสดงบนสีหน้าพระราชา ลูกสาวผมสีบลอนด์ด้านข้างเบือนหน้าหนี กระทั่งเหล่าทหารเองก็มีอาการแปลกประหลาดมองด้วยแววตาน่าสงสาร
“ขออภัยอย่างยิ่ง” พระราชาก้มหัวขอโทษแต่โดยดี “หากอัญเชิญมาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าไม่กำจัดจอมมารลงจะไม่สามารถเปิดใช้งานวงแหวนเวทย์ได้” น้ำเสียงของพระราชาสั่นเครือ สัมผัสความโป้ปดไม่ได้ หรือหากเขาโกหกจะทำอะไรได้ล่ะ
ทั้งสี่คนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินประโยคดับความหวัง “พูดอะไรบ้าๆ เรื่องบ้าๆ แบบนั้น! ไม่คิดจะรับผิดชอบกันหน่อยเหร—”
“นายคนนั้นน่ะ!” ทุกคนในห้องต่างจ้องมองผู้ที่ตะโกนดังลั่นห้ามปรามคำพูดของนักเรียนกรอบแว่นบาง เขาคือเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเมรินทร์ มีใบหน้าอ่อนโยน สีผมพระอาทิตย์อ่อนเจิดจรัสของเขาเพิ่มออร่าความเป็นมิตรไมตรี “ถึงมันจะเป็นความผิดของเขาก็จริง แต่นายไม่คิดว่านั่นเสียมารยาทบ้างเหรอ”
คิ้วของเมรินทร์กระตุก ทำไมถึงมีความรู้สึกตงิดใจบางอย่างกับเขานะ มันไม่ใช่อารมณ์โรแมนติกอย่างใจเต้นตึกตัก แต่มันเป็นความประหลาดใจเนืองๆ
“อะไรของนาย!? พวกนี้มันลักพาตัวเรามานะ” อาการหวั่นวิตกลุกลี้ลุกลนของเขาเผยให้เห็น
“ฉันถึงบอกให้ใจเย็นๆ ไงล่ะ” เด็กหนุ่มผมสีพระอาทิตย์อ่อนเดินเข้าใกล้ “พวกเราต่างก็มีชื่อเรียก ทำไมเราไม่ลองใช้กันล่ะ ฉันปริญ ม.5” มือข้างหนึ่งยื่นแบมาด้านหน้า “ลองฟังเขาดูก่อนตัดสินดีกว่านะ”
ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินถอนหายใจ พอฟังคำพูดข้างต้นหัวของเขากลับผ่อนคลายลงอย่างน่าแปลก “ฉันธีร์ ม.6 รุ่นพี่ของนายละมั้ง” นิ้วซ้ายดันขาแว่น เหงื่อแตกผลั่กบนใบหน้า
“ขอบคุณ” ปริญยิ้มมุมปาก ใบหน้าความซื่อสัตย์สุภาพบุรุษฉายให้เห็น มองหน้าพระราชา “แล้ว ผมขอฟังคุณพ่อต่อได้ไหม” ใบหน้าเหลียวซ้ายครุ่นคิด “คุณเอ่อ..... พระราชา?”
ชายแก่บนบัลลังก์ ยิ้มให้ เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนมีอัธยาศัยดี “เรียกข้าว่าราชาแอนดิส” เขาหันมองยังหญิงสาวด้านข้าง “นี่ลูกสาวข้าอีวาร์”
เธอที่ถูกเรียกชื่อโค้งคับนับ “สวัสดีค่ะ”
แอนดิสหันมองยังเหล่าเด็กหนุ่มสาว “พวกท่านที่เหลือไม่แนะนำตัวกันเองก่อนละ”
ทันใดนั้นสปอร์ตไลท์ฉายมายังสาวทั้งสามที่ยังคงไม่เอ่ยนามของตัวเอง
“ค่าค่า” ผู้หญิงผูกผมเปียย้อมทองเข้ม ท่าทางกระปรี้กระเปร่า ร่าเริง ยกมือขึ้น “นี่คริสเอง มาจากสายอาชีพ ปวช.ปีสองค่ะ!”
เมรินทร์เหลือบมองคริสที่ดูเอนเนจี้ในสถานการณ์น่าหวาดวิตก เธอคงทำแบบเดียวกันไม่ได้แน่
“ฉันชิลิน ม.4” ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงผมยาวเรือนดำ เธอกอดอกแนะนำตัวประโยคสั้นๆ ให้ความรู้สึกมืดหม่น โดดเดี่ยวมาจากเธอเลย
สุดท้ายเหลือเพียงคนเดียว ทุกสายตาหันมาจับจ้องเด็กสาวคนสุดท้าย “เอ๋” เธอสะดุ้งเฮือก ลืมซะสนิทเลย น่าแดงด้วยความเขินขาย “เมรินทร์ค่ะ ตอนนี้ยังเรียนอยู่ม.4...” ประโยคท้ายเบาลง
“ยังเรียนอยู่?” ปริญเอียงคอสงสัยกับคำพูดแปลกๆ ของเธอ แต่เขาไม่เก็บมันไปคิดนานนัก ให้ความสนใจกับคำพูดของพระราชาต่อจากนี้มากกว่า
“อะแฮ่ม” แอนดิสกระแอมไอลำคอ “ข้าต้องขอโทษอีกครั้งจริงๆ” เมรินทร์สงสัยว่านี่เป็นคำขอโทษรอบที่เท่าไหร่แล้ว “พวกเรามนุษย์บนโลกใบนี้ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน”
เขาเริ่มอธิบายสถานการณ์ความเป็นมาของโลกใบนี้ด้วยความเร่งรีบ
“ปีที่แล้วมีผู้พบเห็นการกลับมาจุติของจอมมารในรอบร้อยปี พวกมันเช่นฆ่าผู้คนจากทิศตะวันออก สร้างปราการของตัวเองขึ้นมา” แววตาของเขาเศร้าหมองลง จากการพูดถึงความตายของราษฎร
“จอมมารได้ส่งลูกสมุนของตัวเอง นั่นคือมอนสเตอร์บ่นทำลายโลกใบนี้อย่างช้าๆ จากนั้นอีกไม่นานพวกมันจะยกทัพมาบุกยังแหล่งกบดานสุดท้ายของมนุษยชาติ ซึ่งก็คือที่นี่”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แสดงถึงความคาดหวัง “ตามตำนานเล่าไว้ว่ามีเพียงผู้กล้าจากอีกโลกเท่าที่สามารถกอบกู้โลกใบนี้ได้”
ธีร์ดันขาแว่น ไม่อยากเชื่อกับเรื่องสุดแฟนตาซีตรงหน้า ทว่าการที่ตนมาอยู่ที่นี่คือข้อพิสูจน์อย่างหนึ่ง หากมันไม่ใช่การจัดฉากของทีวีสักช่อง “....ถ้าเกิดเป็นอย่างที่ท่านว่า แล้วพวกเราเพียงห้าคนจะช่วยอะไรโลกใบนี้ได้ล่ะ?” หากนี่เป็นบทละคน เขาเพียงแค่เล่นตามบท
“ไม่ต้องห่วงท่านผู้กล้า ผู้ถูกอัญเชิญมาด้วยวงแหวนเวทโบราณจะมาพร้อบกับอาวุธประจำกายซึ่งมีความสามารถต่อกรกับเหล่าจอมมาร”
“อย่างกับในเกมเลยแฮะ” ปริญเลิกคิ้วตัวเองอย่างตื่นเต้น
ธีร์เดินมาข้างหน้า “ไหนล่ะอาวุธที่ว่า ไม่เห็นมันจะมีเลย” เขาหันหน้ากลับ มองเหล่าคนที่เหลือ “มีใครในนี้ได้อาวุธอย่างที่เขาบอกไหม?”
เมรินทร์ส่ายหน้า ทุกเองก็กระทำเช่นเดียวกัน
ธีร์มองหน้าพระราชาแอนดิสถึงคำตอบที่ตัวเองควรได้รับ หวังว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเหลวไหลนะ
“ท่านผู้กล้า อาวุธเหล่านั้นสามารถถูกเรียกมาด้วยความต้องการของใจท่าน และไม่มีผู้ใดนอกจากเจ้าของสามารถใช้งานมัน” แอนดิสตอบโต้ด้วยคำพูดคลุมเครือเช่นเดิม
ธีร์เหงื่อแตกไหลพลั่ก ไม่ต่างจากทุกคน ใครมันจะทำได้ล่ะเรื่องแบบนั้น
“พูดบ้าอะไ.....” พลันแสงสว่างเจิดจร้าฉายขึ้นด้านหลัง ทุกคนหันมองกันเป็นตาเดียว
เงาอาวุธเปล่งประกายแสงบนมือของคริส รอยยิ้มเจื่อนบนใบหน้าของเธอบ่งบอกว่าตื่นตะลึงกับการกระทำของตัวเองมาก “นี่มันคฑาล่ะ!” พลันแสงสว่างเลือนลางหาย คฑาเหล็กสีเงินปรากฎ
“““โอ้ ท่านผู้กล้าจุติแล้วพวกเขาเป็นจริงดั่งตำนาน””” เหล่าทหารในห้องโถงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ท่านพ่อคะหนูทำได้แล้ว” ลูกสาวแอนดิสที่ยืนข้างกาย ดีใจถึงที่สุด
ราชาแอนดิสลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตะลึง “โอ้ว ผู้ใช้คฑา สามารถใช้ได้ทั้งเวทรักษาและมีการโจมตีระยะประชิดยอดเยี่ยม ตามตำนานเธอช่างหายากยิ่งนัก บุคคลนี่แหละคือผู้กอบกู้ที่แข็งแกร่งที่สุด”
คริสหัวเราะ แฮะแฮะ แลบลิ้น เกาหัวอย่างมึนงง ตัวเองไม่รู้อะไรเป็นอะไรแท้ๆ
ปริญ ธีร์ เมรินทร์ ดวงตาเบิกโพลง สงสัยเป็นเนือง เธอทำอย่างนั้นได้ยังไงกันน่ะ
ไม่ทันไรชิลิน เด็กสาวที่มีออร่าสันโดดที่สุดถอนหายใจ เฮ้อ— ยื่นมือออกมาข้างหน้ากระทำบางสิ่ง
“นั่นมัน!”
“ไม่จริง!”
เหล่าทหารคราวนี้ส่งเสียงกันหนักกว่าเดิม
เกิดแสงวูบวาบคล้ายของคริส แต่คราวนี้เป็นเงาท่อนไม้ยาว เดาไม่ออกเลยคืออะไร กระทั่งแสงเจิดจรัสนั่นหยุดฉาย
ราชาแอนดิสแทบหยุดหายใจ “ผู้ใช้ไม้เท้า ผู้มีพลังเวททำลายล้างอันทรงพลัง! ไม่อยากเชื่อเลยให้ตายสิ!” น้ำเสียงสั่นเครือของเขาเทียบไม่ได้กับเมื่อครู่เลย เข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น
ตอนนี้เด็กหนุ่มธีร์ซึ่งมองอย่างไม่วางตาชักเริ่มสงสัย นี่คงเป็นการแสดงละครจริงๆ เสียแล้วสิ ท่าทางอะไรจะเวอร์วังปานนั้น ตีบทแตกเหลือเกิน ถ้าเขาเรียกอาวุธนั่นไม่ได้คงพิสูจน์ว่านี่คือเรื่องแหกตาเสียที
ทว่าไม่ใช่อย่างที่คิด พอหลับตานึกถึงอาวุธอะไรสักอย่าง ก็มีบางสิ่งปรากฎออกมาบนสองฝ่ามือของเขา ธีร์เบิกตาโพลง ทวนเหล็กแหลมคล้ายกับอาวุธของอัศวินขี่ม้ายุคกลางอยู่บนมือของเขาแล้ว
แวบแรกเขาสงสัย นี่จะเอาไปยืนสู้ได้อย่างไรกัน กลับกันปฏิกิริยาของพระราชาตรงกันข้ามกับความรู้สึกของธีร์
“โอ้วววว โว้วว ผู้ใช้ทวนเหล็กยาวทรงพาลานุภาพ ในพันปีจะมีผู้ถือครองสักคน ท่านคือที่สุด!” น้ำตาคลอเบ้าบนดวงตาของแอนดิส เขาชูมืออันสั่นไหวสองข้างขึ้นราวกับรับพระพรของพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์
ปริญยิ้มมุมปาก “พวกนั้นดูสนุกกันจังเลยนะ” พอถึงตาของเขาจะทำอย่างเดียวกันบ้างสักนิดได้หรือเปล่า
แสงสว่างเจิดจ้าที่สุด สาดทั่วห้องโถงบังลังก์ราชา
หัวของแอนดิสหันควับ เหงื่อแตกพลั่ก สีหน้าซีดเผือก ล้มลงในท่าคลุกเข่า ค่อยๆ เคลือบคลานหาเด็กหนุ่มชื่อปริญ
ดาบสลักลายทองคมมีดสีเงินชูขึ้นเหนือหัว “นี่คืออาวุธของฉัน”
แอนดิสร่ำไห้ จับขาชายกางเกงของปริญ เขาสะดุ้งที่จู่ๆ พระราชาก็เข้ามาใกล้ แต่ไม่สะบัดหนีเพราะเกรงใจ
มือเหี่ยวย่นอันชราภาพของแอนดินชะเง้อจับด้ามดาม ลูบไล้มันเบามือ ถนุถนอม อ่อนโยน
“ผ ผู้ใช้ดาบ ตามตำนานเล่าว่ามีเพียงหนเดียวเท่านั้นที่ถูกอัญเชิญมา ท ท่านคือคนที่สอง วีรบุรุษของมนุษยชาติ” น้ำตาเอ่อท่วมท้น สีหน้าบ่งบอก ชีวิตนี้ในที่สุดก็ได้ตายอย่างสงบเสียที
“สมกับเป็นลูกสาวของข้าที่อัญเชิญท่านออกมา” อีวาร์มีใบหน้าแดงเขินอาย พอถูกกล่าวนาม
ปริญหัวเราะแหบแห้ง “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” ยังไม่ทันทำอะไรเลย
ฮึก พระราชาแอดดิส สะอึกสะอื้น “ท่านล่ะ ท่านคือผู้ใช้อาวุธประเภทไหน?” เขาหันมองเมรินทร์ ทุกคนต่างสงสัยเฉกเช่นเดียวกัน
เธอสะดุ้งเฮือก สีหน้าแสดงความลำบากใจ ถ้าทำไม่ได้เท่าคนก่อนๆ หน้าจะเป็นอย่างไรต่อ
“ไม่ต้องห่วง พวกเราพบพานกับสุดยอดผู้ใช้อาวุธทั้งสี่แล้ว กระทั่งยังมีผู้ใช้ดาบหนึ่งในนั้น.... ต่อให้ผลลัพธ์ของท่านจะออกมาเป็นเช่นไร พวกเราก็พร้อมยอมรับทุกอย่าง” น้ำเสียงของพระราชาไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
เมรินทร์พยักหน้า “ค่ะ จะลองทำมันดู”
ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาต่อเบื้องหน้า สัมผัสถึงอาวุธ นี่สินะของที่ว่า คืออะไรกันช่างน่าสงสัย อย่าเป็นของแย่ๆ ละกัน แต่คงไม่น่ากังวลเสียละมั้ง ก็พระราชาพูดออกมาเอง
แสงสว่างสลัวๆ ตรงหน้า เมรินทร์คิดในใจ ทำไมมันน่าสิ้นหวังจัง ก่อนสะบัดหัว ช่างมันเถอะ
สิ่งของบางอย่างอยู่ในมือของเธอ “กระเป๋า?” เมรินทร์เอียงคอสังสัย ของแบบนี้มันเอาไปใช้เป็นอาวุธได้เหรอเนี่ย คฑาของคริส หรือไม้เท้าของชิลินยังดูเอาไปทุบหัวใครได้อยู่ แต่นี่มันเป็นกระเป๋าหนังธรรมดาๆ แน่ๆ
“จะว่าไปแล้วกระเป๋านี่ก็สวยเหมือนกันนะ” เมรินทร์ยกขึ้นมาตรวจสอบใกล้ๆ
ตึ่ง เสียงกระทบของใครบางคนดังลั่น เมรินทร์หันหาเจ้าของเสียง เป็นอีวาร์ลูกสาวพระราชาที่ล้มลงไม่ไหวติง สีหน้าซีดเผือก ไร้เลือด เหงื่อแตกไหล
“ท่านพ่อ หนูทำเรื่องที่ผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยเข้าแล้ว” เธอร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายกับพื้น
เมรินทร์คิดว่าก็เหมือนกับที่แอนดิสทำเมื่อครู่เลย แต่ทำไมมันถึงให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างนี้ เธอหันซ้าย-ขวาส่องปฏิกิริยาของคนอื่น
“เอ๊ะ”
พลันพบเข้ากับสีหน้าอารมณ์แตกต่างกันทั่วห้องโถง บางคนโกรธ บางคนโศกเศร้า บางคนจับหน้าผากตัวเองส่ายหัว แม้แต่พระราชาก็อ้าปากค้าง หน้าตอบ ไม่ไหวติง ซีดเขียว ราวกับพร้อมสลบทุกเมื่อ
“นี่เราทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ?” เมรินทร์เหงื่อไหล
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.18 ผู้กล้า.......แบรนด์หลุยส์? จบ
ความคิดเห็น