คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Vol.1 Ch.17 ราชาผู้จ้องเขม็ง
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.17 ราชาผู้จ้องเขม็ง
หนังสือบทสรุปเกมมือสองจำนวนมากถูกส่งมาทางไปรษณีย์เพียงบ่ายของวันถัดมา ไม่น่าเชื่อว่าหาอีบุ๊คมาอ่านไม่ได้ สมัยนี้ไม่มีใครทำบทสรุปเกมเป็นรูปเล่มอีกแล้ว กระทั่งวีดีโอสาธิตในอินเตอร์เน็ตยังไม่มี เกมมันเก่าถึงขนาดนั้นเลย
ช่วงที่กำลังรอของมาส่งเธอก็เปิดอ่านบทความเกี่ยวกับเกมนั้นในอินเตอร์เน็ต ก็มีแต่วิธีการเล่นเบื้องต้นที่ใครๆ ต่างรู้อยู่แล้ว ช่วยอะไรไม่ค่อยได้เลย ในที่สุดก็ต้องลงสนามจริง
“อินเตอร์เน็ตค่าเฟ่…..” หรือให้พูดกันภาษาชาวบ้าวก็ร้านเกม เธอเบ้ปาก นี่มันไม่ใช่สถานที่สำหรับผู้หญิงวัยแรกรุ่นเลยให้ตาย ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่บ้านดันไม่มีคอมพิวเตอร์ซะนี่ ของพ่อก็ขายเลหลังมือสองหมดแล้ว
“รู้สึกผิดจังเลย.....” เธอโทรบอกที่โรงเรียนว่าไม่สบาย แต่โกหกแม่ว่ามาโรงเรียน เหมือนเด็กใจแตกไม่มีผิด ถึงขนาดต้องเตรียมชุดไปร์เวทมาเปลี่ยนกับชุดนักเรียน ถ้าถูกรู้เข้าแม่คงเป็นลมเลยไหมนะ
เมรินทร์ทำหน้าเหนื่อยหน่าย ถอนหายใจ “แปดชั่วโมงค่ะ” ราคาต่อชั่วโมงคือสิบบาท หากซื้อราคาเหมาแปดชั่วโมงจ่ายแค่ห้าสิบ เหมาะกับคนที่มีเงินติดตัวน้อยอย่างเธอเลย
“โอเครนี่ตั๋วของ.....” พนักงานร้านเงยหน้ามองขึ้นบน เธอเป็นเด็กสาวสวมหมวกแก๊ป กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีมาให้เห็นบ่อยๆ มาอยู่ในที่แบบนี้กลางวันแสกๆ “เธออายุเท่าไหร่น่ะ—อุก”
เพื่อนที่นั่งข้างกันกระแทกศอกใส่หน้าท้องจุกแอ่ก “ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง” กระซิบต่อว่าเพื่อนเบาๆ ข้างหู
“นี่ครับคุณลูกค้า” ยื่นตั๋วแสดงสีหน้าปั้มยิ้มเต็มประดา
“ข ขอบคุณค่ะ” เหงื่อเย็นไหลหน้าผาก คิดว่าโดนจับได้ซะแล้ว ถือว่าโชคดีล่ะนะ เธอเดินหาที่นั่งว่างโล่งไร้ผู้คน เวลานี้ไม่ค่อยมีคนมากด้วย
นั่งลงบนเก้าอี้ยาว หน้าจอโค้งมนใหญ่ จอแอลอีดีตรงหน้าท่าทางราคาแพงทีเดียว
ปั่ก— กองหนังสือหนาตึงวางข้างโต๊ะ มันคือคู่มือสรุปเกมจากหลายเจ้า อันที่จริงเธอต้องการแค่เล่มเดียว แต่มันขายเป็นแพ๊คเพราะมาจากของนักสะสม นึกว่าต้องเสียเงินฟรีซะแล้ว พอลองเปิดผ่านๆ ดู เทคนิคของแต่ละเล่มล้วนแตกต่างกัน มีมุมมองเป็นของตัวเอง ความหลากหลายนี่สามารถทำให้เธอเปรียบเทียบหาเทคนิคที่ดีที่สุดได้
“ผ่านมากี่เดือนแล้วนะ ที่มาเล่นที่นี่” กลุ่มเพื่อนทั้งสามของเธอ มีนา เหมียว โดยมีเฟรย์เป็นคนนำ พาเมรินทร์มาลองเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เฟรย์เป็นคนที่ชอบลองอะไรแปลกใหม่เสมอ เธอไม่สนและไม่แคร์ใครทั้งนั้น ไม่ว่าคนอื่นจะมองหรือนินทาอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้ เมรินทร์ลองประสบการณ์หลายสิ่งตั้งแต่เล่นเกม กีต้า วอลเล่ย์ ก็เพราะเฟรย์นี่แหละ
“น่าคิดถึงจังนะ” ถ้ากลับมารวมกลุ่มอีกครั้งแล้วทำเรื่องสนุกๆ คงดีไม่น้อย คิดถึงเพื่อนจะแย่อยู่แล้ว “แต่สุดท้ายถ้าต้องออกจากโรงเรียน ทุกอย่างก็จะกลับเป็นเหมือนเดิมพวกเราต้องแยกจากกันอีก” หากสภาพจิตใจของเธอพร้อมกว่านี้ ต้องคืนดีสำเร็จแน่
“ยังไงก็ต้องโฟกัสกับสิ่งตรงหน้าก่อน” เมรินทร์สะบัดความคิด จับจอยเกมจากข้างใต้โต๊ะต่อเข้ากับช่องเสียงยูเอสบี มันเป็นเกมยอดฮิตที่มีติดทุกเครื่องอยู่ แม้จะเก่าขนาดไหนก็ตาม
“อืม…..” แววตาเหลือบมองซ้ายขวา พวกผู้ชายมาจากไหนเนี่ย เพียงเวลาไม่นาน ซ้ายขวาหน้าหลังก็ถูกรุมล้อมด้วยผู้คนมานั่งเล่นเสียแล้ว ราวกับอยู่ท่ามกลางสปอร์ทไลท์ ทุกการกระทำโดนจับจ้อง ให้ตายสิน่า จากประสบการณ์ของเธอต่อให้ย้ายไปตรงไหนพวกเขาตามมาอยู่ดี ถ้าไม่ได้เสียงตวาดไล่ของเฟรย์คงไม่มีทางได้ความเป็นส่วนตัวหรอก
ต้องมองข้าม ต้องมองข้าม เมรินทร์สวมหูฟังตัดขาดจากโลกภายนอก
สีสันสดใสของตัวละครเกมปรากฏ ภาพวาดร่างแอนิเมชั่นมอนสเตอร์ที่ดูไม่เก่าเลยสำหรับยุคสมัยนี้เลยฉายขึ้นตรงหน้า มันสมจริงจนดูหน้ากลัวหน่อยๆ
ท่องอยู่ในใจพลางหยิบหนังสือบทสรุปมาเปิดอ่านดู เวลาเดียวกับที่หน้าจอโหลดเริ่ม มาถึงตัวเกมก็มีให้เลือกเลยว่าเล่นโหมดไหน [ง่าย] [ปานกลาง] [ยาก] [นรก]
คิ้วกระตุกสำหรับโหมดสุดท้าย ควรเริ่มจากง่ายก่อนไหม ไม่สิ ไม่มีเวลาแล้ว ว่าจะลองให้คุ้นชินกับโหมดยากสุดจนเคลียร์เกมได้สักรอบหนึ่ง ถึงมั่นใจว่าสามารถเริ่มโลกใหม่ได้
มือข้างหนึ่งพลิกหน้ากระดาษ อธิบายถึงการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ระดับเริ่มต้นและการรับมือ ตรงนี้ไม่กังวลนักเพราะยังอยู่ในช่วงฝึกสอนของเกมอยู่
“เอ๋ ตายเลยเนี่ยนะ!?” หน้าจอเกมโอเวอร์ปรากฏขึ้นตรงหน้าขณะกำลังผ่านด่านแรก เมรินทร์ต้องกดเริ่มเกมใหม่หมดตั้งแต่หน้าจอเริ่ม ไม่มีเซฟระหว่างทางสำหรับโหมด [นรก] การตายคือการลบเซฟทิ้ง “โธ่ แบบนี้ยุ่งยากขึ้นมาซะแล้วสิ”
“หนังสือเล่มนี้ก็ไม่ช่วยอะไรเลย” เธอแทบอยากปามันทิ้ง การใช้คำที่เข้าใจยากรวมทั้ง แบ่งลำดับไม่ถูกทำให้เกิดการสับสน ลองพลิกเล่มที่สองปรากฏว่ามันก็คล้ายๆ แบบเดิม จนเปิดเล่มที่สาม สี่
“ผ่านซักที” จากคำแนะนำของหนังสือเล่มที่ห้า บ่งบอกถึงคุณลักษณะและจุดอ่อนที่ไม่ควรมองข้าม มาถึงช่วงการเจอกับพระราชาและโดนมอบหมายภารกิจให้กำจัดจอมมารเสียที
ส่วนนี้คือช่วงอาร์พีจีไทม์ ให้ผู้เล่มสวมบทบาทเป็นตัวละครเกมโลกสมมุติ ออกผจญภัยยังโลกกว้างขวาง เก็บไอเทมสะสมประสบการณ์เพื่อปราบจอมมาร
เธอต้องยอมแพ้กับหนังสือเล่มที่ห้าและหยิบเล่มแรกออกมาอีกครั้ง เนื่องจากมันไม่บอกถึงเทคนิคการหาปราบมอนสเตอร์ทั่วไป
“ตายอีกแล้ว!?” เมรินทร์แทบอยากปัดจอยทิ้ง เกมที่เธอเล่นมานานกว่าสองชั่วโมงต้องจบลงและรีสตาร์ท จะเอาอย่างไรดี เปลี่ยนโหมดเกมไหม
“ไม่!” เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ยอมแพ้ หนังสือหลายเล่มกางออกวางอยู่เต็มโต๊ะอย่างระเกะระกะไปหมด สร้างความสะดุดตาให้แก่ผู้ผ่านมา
เมรินทร์ไม่สนใจโลก และดำดิ่งลงกับเกมที่เธอกำลังเล่น พยายามทำใจให้ชอบกับมัน บอกตัวเองอยู่เสมอว่านี่มันจำเป็น ถึงจะดูไร้สาระขนาดไหนก็ตาม
“ถ้าจังหวะนี่โต้กลับจะทำให้มอนสเตอร์โครงกระดูกอ่อนแอลงงั้นเหรอ?”
“กับดัก? กับดักจริงด้วย ในหนังสือก็บอกให้เราระวังแท้ๆ ไม่น่าเลย เกมโอเวอร์อีกจนได้”
“ฉันรู้น่าว่านายคือมอนสเตอร์ปลอมตัวมาเป็นเอ็นพีซี อย่าหลอกซะให้ยากฮึฮึ”
“กรี๊ด— ไหงมีจั้มสแกด้วยอะ น่ากลัว” เมรินทร์แทบลุกหนีไม่ทันเมื่อจู่ๆ ใบหน้าน่าหวาดกลัวโผล่ตุ้งแช่กลางจอ
“น่ากลัวจังเลย ไม่อยากไปตรงนี้แล้ว”
เวลาล่วงเลยผ่านมาถึงหัวค่ำ พลันมองโทรศัพธ์ แม่ส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ไม่ได้กลับบ้าน “หมายความว่านั่งเล่นต่อยาวได้ใช่ไหม” ดวงตาเธอหรี่ลง แสดงถึงความเหนื่อยล้า การเล่นโหมด [ นรก ] ไม่ใช่เรื่องสนุก ทั้งยาก กินเวลา ใช้กำลังใจสูง แม้แต่ในหนังสือยังไม่แนะนำให้เล่นเลยถ้าไม่ใช่พวกชอบท้าทาย
เธอพ่นลมออกปากอย่างเบื่อหน่าย หยิบบะหมี่สำเร็จรูปกระป๋องบนชั้นวาง จ่ายเงินให้กับพนักงาน ซดน้ำ ซูด ซูด อย่างไม่เกรงใจคนรอบข้าง สองสามวันนี้ ที่นี่คงกลายเป็นที่กินนอนสำหรับเธอ มันเปิดตลอดยี่สิบสี่ชัวโมงด้วยสิ
“ตรงนี้ก็ไม่ได้แฮะ”
“ตายอีกแล้ว เฮ่อ— เริ่มใหม่ๆ”
ท่ามกลางวันหนึ่งเลยผ่าน มีชายสองคนเดินเข้ามาในร้านยามรุ่งสาง พวกเขาเห็นเงาเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ยิ้มมุมปาก หายากซะด้วยสำหรับผู้หญิงในร้านเกม ลองจีบดูหน่อยคงไม่เสียหาย
มือข้างหนึ่งแตะหลัง เด็กสาวหันหลังมองมา “นี่เธอ— หึ่ย!” ทั้งสองคนถึงกับหน้าซีดเผือก คนตรงหน้ายังเรียกว่าผู้หญิงได้อีกเหรอ ขอบตาก็ดำ ใบหน้าก็ทรุดโทรม ซีดเซียว นี่ผีหลอกตั้งแต่หัววันเลยเหรอ พวกเขารีบวิ่งหนีเปิดแน่บทันที
เมรินทร์เกาหัวตัวเองอย่างสงสัย “อะไรของเขา” พลางกับมาจับจอยของตัวเอง นี่ก็ผ่านมาวันที่สามแล้วสิ โชคดีที่หลังจากเหตุการณ์โกลาหล มีเด็กนักเรียนหลายคนของหยุดเรียนหลายวัน บางคนก็ทั้งอาทิตย์ เนื่องจากความกลัว เธอก็เนียนๆ ไปกับเขาได้อยู่
“เหนื่อยจัง” นอนวันะละสองสามชั่วโมงค่อนข้างทำให้ล้าทีเดียว แต่สำหรับการเล่นเกมที่ไม่ต้องใช้แรง พักผ่อนแค่นี้คงพอ ถึงจะฝืนตัวเองหน่อยก็เถอะ
“หือ” เมรินทร์ยกคิ้วขึ้น แทบขยี้ตาเมื่อคำว่าคองเกรททูเลชั่นปรากฏ “อะไรน่ะ หมายความว่ายังไง?” ทันใดนั้นหน้าจอเครดิตพลันแล่นขึ้น
ดวงตาเบิกโต “นี่ฉันเล่นจบแล้วเหรอ เคลียร์ระดับความยากที่ยากที่สุดจบแล้วอย่างนั้นเหรอ” หน้าความตื้นตันใจปรากฏ
“ไชโย” เมรินทร์รีบวิ่งแจ้นเก็บข้าวของใส่กระเป๋า พวกพนักงานทำหน้าแปลกใจพอดูที่เห็นวัยรุ่นสาวซึ่งนั่งอยู่อย่างนั้นสามวันสองคืนขยับเสียที
“ได้เวลาแล้ว ครั้งนี้ฉันจะก้าวหน้ากว่าเดิม” เธอหน้าตั้งเปิดประตูห้องออก มันถูกวางไว้อยู่ตรงนั้น ลูกโลกมิติที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่ออาทิตย์
“จะได้ไปสักที” ความหวังในหัวใจก่อตัว น่าเสียดายอยู่บ้างที่การถูกไปยังโลกด้วยการกระพริบหมดลงแล้ว มันคงไม่เจ็บมากนะที่จะเข้าสู่โลกด้วยวิธีการนั้น
เมรินทร์รีบนั่งลงบนโต๊ะ ใส่กระดานไม้ ปรับเฟสจนถึงเฟสที่ห้า แผนที่โลกที่มีเมืองคล้ายยุโรปสมัยเก่าปรากฎทั่วผืนทวีป มันเรืองแสงสีฟ้าสดใส สภาพสังคมแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“จะหามันให้เจอค่ะคุณพ่อ” ดวงตาสั่นครือ เฝ้าคอยปรารถนา “พลังแห่งปาฏิหาริย์นั่น”
หมุนนาฬิกาทรายข้างโต๊ะ เม็ดทรายหล่นลงสู่เบื้องล่าง มือสัมผัสเบากับลูกโลก สติสัมปชัญญะกำลังถูงชิงอีกครั้ง ดวงตาค่อยๆ หลับลง ลำตัวตกสู่เบื้องล่างในทั่งนั่งหลับกับโต๊ะ ความง่วงเข้าครอบงำ
ในช่วงยามค่ำคืนที่ฝนตกหนัก เมรินทร์เดินออกมาจากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่
“จะกลับยังไงเนี่ย”
ช่วงนี้เธอเครียดจากที่พ่อป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงเริ่มเล่นเกมเพื่อผ่อนคลายตัวเอง จนช่วงนี้โหมหนักไปหน่อย อาจเรียกว่าเสพติดเลยก็ได้ กลับบ้านทีไรก็มืดค่ำอย่างนี้ตลอด
“ฝ่าไปเลยละกัน” กระเป๋าเป้ถูกยกขึ้นเหนือหัว เท้าเหยียบย่ำท่ามกลางฝนตกหนัก เฉอะแฉะไปหมด
ทางกลับมาดั่งเช่นทุกทีทำไมมันวังเวงเช่นนี้
โดยไม่ทันระวัง มีมือข้างหนึ่งสวมถุงมือสีดำฉุดตัวเธอเข้าตรอกแคบนั่น เธอพยายามจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ทว่ากับโดนมืออีกข้างมาปิดปากไว้ อากาศเริ่มขาด หายใจลำบาก มองเห็นหน้าเขาไม่ชัดเพราะส่วมโม่งไว้
เพียงไม่กี่วินาที แสงสีเงินของคมมีดสะท้อนกับดวงตา เธอเบิกตาโพลง มันจ้วงแทงเข้ามายังท้องของเธอ เกิดรอยแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่ จากนั้นมันก็กระหน่ำแทงอีกครั้ง และอีกครั้ง
รูเลือดนับไม่ถ้วนถูกเจาะจากทั่วร่าง สติเลือนหาย เจ็บปวดอย่างมาก ไม่ไหวติง พลางภาพสุดท้ายฉาพออกในหัว พ่อคะ แม่คะ หนูขอโทษ คงไม่ได้มีชีวิตกับพวกท่านอีกแล้ว ช่วงเวลาของเรามันช่างสั้นเหลือเกินค่ะ
สติที่กำลังดับวูบลง— เกิดเห็นแสงสีขาวสว่างเจิดจ้า
ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็นอนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งแล้ว เฮือก สูดหายใจลึก ตรวจสอบร่างกายตัวเอง ไม่มีแผลเลย? เป็นไปได้อย่าวไร?
เบื้องล่างมีวงแหวนสลักตัวอักษรสัญลักษณ์แปลกประหลาดใต้ฝ่าเท้า
พลางเงยหน้ามองบน ทิวทัศน์แปลกตาปรากฏ ห้องโถงกว้างเก่าราวกับหนังไวกิ้งคือสถานที่ที่เธอกำลังยืนอยู่ ใบหน้าของคนที่สวมมงกุฎสีผมขาวซีดน่าเกรมขามจ้องมองตรงมายังทางนี้อย่างน่ากลัว ข้างๆ เขามีหญิงสาวผมทองหน้าตาสะสวยอยู่ด้วย เปรียบเทียบสายตา อายุรุ่นราวคราวลูก ทั้งสองมีโครงหน้าคล้ายกันพอสมควร และเธอกำลังยิ้มอยู่
นอกจากนั้นยังมีเหล่าทหารในชุดเสื้อหนังยืนถือหอกยาวล้อมรอบพวกเราด้วย
พวกเราที่ว่าคือทั้งห้าคน ที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางสัญลักษณ์เวทขนาดใหญ่ ทุกต่างสวมชุดนักเรียนกางเกงขายาวไม่ก็สวมกระโปรงตามแต่ละสถานศึกษาของแต่ละคน
ดวงตายังพร่ามัวมองหน้าไม่เห็นชัดอยู่เลย แต่ที่แน่ๆ นอกเหนือจากเธอก็มีผู้หญิงสองคนและผู้ชายอีกสอง
อะไรกำลังจะเกิดขึ้น ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ นี่มันเรื่องแบบไหนกัน
Vol.1 Ch.17 ราชาผู้จ้องเขม็ง จบ
ความคิดเห็น