ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #13 : Vol.1 Ch.13 อพยพ

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 67


    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.13 อพยพ

     

     

    แค่ก แค่ก…..” นิ้วบีบลำคอ ไอจามค่อกแค่ก รุนแรง สำลักหลอดลม เผลอยืนปัดเก้าอี้ล้มลง ตึง คุกเข่ากับพื้น พยายามสูดหายใจเข้าเต็มปอด สีหน้าซีดเผือกไร้เลือด ดวงตาดำลอยไม่ไหวติง อาการเจ็บปวดส่วนคอหอยยังอยู่

     

    “เฮ่อ อือ....” สักพักปอดเริ่มผ่อนคลาย หายใจเข้าออกอย่างปรกติ เธอคิดหวั่นวิตก หวังว่าแม่คงไม่ได้ยินเสียงเก้าอี้กระแทกพื้นเมื่อครู่นะ

     

    เมรินทร์ใช้มือลูบไล้คาง ความรู้สึกนั่นยังคงอยู่ ทั้งที่ไม่มีบาดแผลเลยแท้ๆ ที่พอคาดเดาได้คืออาการเจ็บหลอก เหมือนคนพิการที่เสียแขนขาแต่ก็ยังคงรู้สึกบาดเจ็บอวัยวะที่สูญเสียไป ค่อนข้างหน้ากังวล แต่ต้องโล่งอกเมื่อเวลาผ่านนานขึ้นแล้วความรู้สึกเจ็บนั้นค่อนข้างเจือจางหาย

     

    เป็นเรื่องจริงที่ว่่าหากตายในโลกนั้นแล้วจะมายังที่แห่งเดิม โดยเวลาผ่านมาแค่สามชั่วโมง

     

    เธอหันหลังพนักพิงกับกำแพง เหยียดแขนขาทั้งอย่างนั้น เหม่อลอยในห้วงความคิดตัวเอง “ คุณเหรี๋ยนซาน” น้ำตาตกแก้มซ้าย ในมือยังรู้สึกอุ่นๆ กลิ่นคาวเลือดรสเหล็ก สัมผัสของโลหะยังพึ่งสดๆ ร้อนๆ นี่มันมากเกินกว่ารับไหว ปากเหวอกว้างออก สะอึกในลำคอ ควรทำยังไงต่อดีล่ะ

     

    หนึ่งชั่วโมงเลยผ่าน สองชั่วโมงเลยผ่าน ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น แววตาเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะ จะตีหนึ่งแล้ว “ต้องไปโรงเรียน…..” ฝืนยกร่างขึ้น สภาพเดินโอนเอน จุ่มหัวนอนลงบนเตียงทั้งแบบนั้น หายใจลำบากเพราะหงายหลังนอน ใบหน้าหันเข้าหาผ้าปูเตียง มันยากเกินกว่าจะใช้ความคิดตอนนี้ เพียงแค่ปล่อยให้เป็นตามกิจวัตรประจำวัน

     

    เธอค่อยๆ หลับตาลง ยังไม่ได้อาบน้ำด้วยสิ ช่างมันละกัน พลางขยับปากหัวเราะ “ดูสินี่มันเรื่องเหลวไหล” พร่ำเพ้อพรรณนา พูดคุยกับตัวเอง “ฉันไม่เป็นอะไรเลย แผลก็ไม่มี อาการเจ็บปวดก็ไม่มี” เสียงหัวเราะดังขึ้น “มันก็แค่ความฝัน” ฮ่าฮ่าฮ่า เสียงหัวเราะดังลั่นถูกกลบผ่านผ้าห่มหนา

     

    ทั้งเหลียงเค่อ ปรมาจารย์กู่ เนี่ยนจิน ซีฮัน หรือกระทั่งเหรี๋ยนซาน ช่วยไว้ไม่ได้ซักคน โลกที่ตั้งใจไปตอนแรกกลับไม่ใช่โลกเดิม มันเพียงแค่คล้ายกันเท่านั้น หมายความว่าหากคนในโลกนั้นตายพวกเขาจะไม่ฟื้นคืนชีพอีก

     

    แต่ตัวเองกลับลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงนี้

     

    คนพวกนั้น ผู้ชายกลุ่มนั้น ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อ แม้มันจะรู้สึกผิดต่อใครหลาย ทว่าหากโลกนั่นยังคงดำเนินทั้งอย่างนั้น ที่ไม่เห็นได้เหรียญตอบแทน หมายความว่าเคลียร์หายนะไม่สำเร็จ

     

    “คงตายกันหมดเลยใช่ไหมคะ?” เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ กลับมีความสุขที่ได้รับรู้ถึงจุดจบของคนทั้งโลก ทั้งที่โลกมิติอะไรนั่นไม่น่าจะมีอยู่จริงแท้ๆ มันแค่โลกสมมุติ ทำไมถึงยังมีอารมณ์ร่วมดีใจนั่นล่ะ โลกที่ทอดทิ้งเหรี๋ยนซาน และทอดทิ้งตัวเธอ ไม่สนใจทั้งคำเตือนหรือกระทั่งความหวังดี ทำไมพวกเขาถึงโง่งมเพียงนั้น

     

    “อยู่ที่ยุคสมัยงั้นเหรอ?” ถ้าจำไม่ผิดโลกที่เธอเลือกคือโลกไร้อารยะ พวกเขาคงเป็นแบบนั้นกันซะส่วนใหญ่เลยกระมัง ป่าเถื่อน โหดเหี้ยม ไม่รู้จักกาลเทศะ เว้นเพียงแต่....

     

    “พวกเขา.....” มันคงราวกับปาฏิหาริย์ที่ได้เจอคนดีๆ หรืออาจเรียกว่า.....อะไรนะ? ใช่ ใช่ สิ่งที่เขาเรียกกันว่าดวงของมือใหม่ ว่ากันว่าหากคนที่พึ่งเคยเล่นการพนันแรกๆ ดวงของพวกเขาจะขึ้นมาก ไม่ว่าจะทายทางไหนก็ประสบผลสำเร็จ เธอคงมีสิ่งนั้นกระมัง

     

    ในคราโลกที่หนึ่ง เธอเจอแต่คนที่มีจิตใจดี พอนึกย้อนสังเกตผู้คนในสำนักเก๋อเหลาแล้วมีแค่พวกของเหลียงเค่อเท่านั้นที่มีสายตาเป็นมิตรกับเธอ ไม่มีใครอื่นยอมรับเลย ในโลกที่สองหนักยิ่งกว่า ถูกตัดสินตั้งแต่แรกเห็น ไม่มีทั้งโอกาสหนสองหรือคำแก้ตัวใดๆ ยอมรับฟังสักนิด

     

    “ท ทำไมกันล่ะ” ใบหน้าของเธอเริ่มร้องไห้ บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “สู้ไม่เจอกันตั้งแต่แรกยังดีเสียกว่า” หากว่าเจอแต่ผู้ที่มีนิสัยเลวทรามอย่างหลงสั่วคงทำใจง่ายกว่านี้

     

    เธอบีบผ้าห่มในกำมือแน่น พอเริ่มหายใจไม่ออกจากการนอนผิดท่าก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์หันหัวหนี ภาพปรากฏลูกโลกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ โคมไฟที่ยังไม่ปิดสว่างจ้า เมรินทร์กัดฟันกรอด ดวงตาแดงก่ำ ใช้มือยันตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

     

    “ไม่อยากเห็นแล้ว!” อารมณ์เสียกระตุ้นตัวเองอย่างหนัก ลุกขึ้นใช้แขนกวาดต้อนของทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกโลกมิติ ยัดใส่ลังกระดาษเพียงใบเดียว ปิดผลึกมันลงด้วยฝากล่องกระดาษสีส้ม มัดด้วยเทปใส เธอม้วนพันกันจนมวนเทปอันใหม่หมดเหลือแต่แกน ดันมันไว้มุมหนึ่งของห้อง ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเอามันไปทิ้งกองขยะในวันรุ่งขึ้น

     

    หัวจุ่มหมอน หนังตาค่อยๆ ปิด บอกเลยว่านอนไม่ค่อยหลับ แต่ก็พยายามข่มความรู้สึกแย่ๆ เอาไว้ โชคดีที่ความเหนื่อยล้าทางจิตใจช่วยให้พอหลับเป็นพักๆ ถึงจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเป็นช่วงๆ โดยสายตาเหลือบมองยังจุดที่กล่องลังนั่นเก็บไว้ตลอดก็เถอะ

     

    รุ่งขึ้นนาฬิกาจากมือถือก็ปลุก เช้าแล้วเหรอ ไม่อยากไปโรงเรียน ทำไมถึงไม่เป็นวันหยุดกันนะ เธอนอนไม่เต็มอิ่ม เพ้อพกพูดวนซ้ำ กระทั่งเกือบสาย หากขาดเรียน เดี๋ยวก็โดนจับได้อีกว่าอาการแย่ลง ถ้าโดนซักไซ้ตอนนี้ล่ะก็ เธอต้องระบายทุกอย่างออกไปแน่ แล้วชีวิตของเธอก็จะจบลง อย่างดีคงนอนโรงพยาบาลบ้ากระมัง

     

    เมรินทร์ใช้แขนข้างนึงปิดตาไว้ หัวเราะแหบแห้ง ขนาดพยายามแหกปากโหวกเหวกโวยวายแท้ๆ ยังไร้เสียง เมื่อคืนคงหมดพลังงานกับการร้องไห้

     

    ชุดนักเรียนที่ไม่เปลี่ยนตั้งแต่เมื่อวานเริ่มส่งกลิ่น อากาศร้อนขนาดนี้ยังใส่เสื้อหนานอนอีก เธอคิดอย่างติดตลก พลางถอดเสื้อของตนกองไว้กับพื้น อาบน้ำอย่างซังกะตาย เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดใหม่ ออกจากห้องโดยทิ้งให้รกอย่างนั้น ทั้งที่เธอเป็นคนรักความสะอาดแท้ๆ

     

    บางอย่างในตัวกำลังถูกเปลี่ยน

     

    แต่ว่าตระหนักรู้แล้วมันยังไงกันล่ะ ทำอะไรไม่ได้แล้วใช่ไหม ยุ่งยากเกินกว่าจะขัดขืน เพียงปล่อยให้มันเป็นไปทั้งอย่างนั้น

     

    “อ่ะ ลืมเอาไปทิ้ง....” เมรินทร์ในขอบตาดำยกคิ้วขึ้น ลืมเรื่องลังนั่นซะสนิท ออกจากบ้านมาแล้วด้วยสิ รอตอนเลิกเรียนละกัน เธอผลัดวันประกันพรุ่งพลางก้าวเดินต่อจนมาถึงโรงเรียน เกือบสายพอดิบพอดี

     

    ริมทางเดินระเบียง ทุกคนต่างมองเธอด้วยสีหน้าหวาดวิตก คนคนนี้คือใคร มาอยู่โรงเรียนเราตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงมีท่าทางราวกับคนตายถึงเพียงนี้ นี่คงเป็นสิ่งที่คนอื่นมองเธอกระมัง ช่างเถอะ เธอไม่คิดจะสนใจมันอยู่แล้ว

     

    “เมรินทร์.....” ฝ่ามืออุ่นแตะเข้าที่ไหล่ เธอหันหลังกลับ เป็นกลุ่มเพื่อนสามคนของเธอนั่นเอง มีนา เหมียวและเฟรย์ เป็นคนที่กำลังสัมผัสเธออยู่ตอนนี้ ทุกคนต่างมีสีหน้ายากลำบาก เหงื่อตก

     

    คงเพราะเป็นเพื่อนสนิทเลยเห็นถึงความผิดปรกติก่อนใคร มีเพื่อนที่ห่วงใยกันถึงขนาดนี้ ช่างเกิดมาโชคดีเหลือเกินนะตัวเรา

     

    “ไหนบอกว่าจบความเป็นเพื่อนกันแค่นี้ไงล่ะ” น้ำเสียงเย็นยะเยือกไม่สมกับเป็นตัวเธอพลั่งพรูน ไม่ได้อยากพูดหยาบคายแบบนี้ อยากจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่าไม่เป็นไรและขอบคุณ

     

    ทว่าในหัวเธอตอนนี้กำลังตีกัน ความทรงจำที่สับสนทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง พลางคิดว่าคนที่ทำดีกับเธอมักจบลงด้วยชะตากรรมอันเลวร้าย ตีโพยตีพลายไปเองอย่างอวดดี ทำไมกันล่ะ ตอนนี้ควรจะขอโทษสิ ต้องรีบพูดออกไป

     

    “อืม.... ขอโทษทีฉันผิดเองแหละ” เฟรย์ที่รู้สึกว่าทำตัวเองเข้าแล้ว ชักมือกลับด้วยความเจ็บปวด สีหน้าของเธอบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่าไม่ควรราดน้ำมันลงบนกองเพลิงก่อนหน้านี้

     

    เพราะคบกันมานาน ก็พอเข้าใจความรู้สึกของเฟรย์ดี เธอมักใช้คำตรงๆ โฉงฉางกับคนอื่นตลอดไม่เว้นแม้แต่กับเมรินทร์ ทว่าในที่สุดพวกเราก็จะคืนดีกันเฉกเช่นเดิม หากไม่ใช่ในครั้งนี้ล่ะก็

     

    เมรินทร์หันเดินกลับยังทิศทางเดิม ทิ้งเพื่อนของเธอที่ยังคงกระอักกระอ่วนอยู่แบบนั้น แม้สีหน้าของตัวเองยังคงเรียบเฉย แต่ลึกๆ ภายในใจกลับปวดร้าว กลายเป็นคนมืดมน เข้าสังคมลำบากซะแล้ว

     

    ในคาบเรียนนั้นเธอยังคงเหม่อลอยเฉกเช่นเดิม พยายามทำตัวให้ปรกติที่สุด ถึงนั่นไม่ช่วยเลยก็เถอะ จนครูหนุ่มถอนหายใจ บทเรียนต้องดำเนินต่อ มาหยุดกับแค่คนเดียวดูเหมือนการทำร้ายเด็กคนอื่นมากกว่า

     

    “.........ฟังตรงนี้นะนักเรียน วันนี้เราจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธรณีวิทยา”

     

    เมรินทร์เท้าคาง มือหนึ่งแอบเล่นโทรศัพธ์ใต้โต๊ะพลางนั่งฟังคาบเล็คเชอร์อย่างเบื่อหน่าย กิริยามารยาทไม่สุภาพเฉกเช่นนี้เธอไม่เคยทำมาก่อน เพียงคิดแค่ว่ารู้สึกผ่อนคลายดีและทำให้สนใจรอบข้างน้อยลงก็พอแล้ว

     

    “ดูแผนผังตรงนี้นักเรียน นี่คือจุดที่แม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน........”

     

    ‘แม่น้ำ? น้ำ?’ หัววนอยู่แต่กับคำพูดของครู ‘น้ำพุ? น้ำพ่น?’

     

    “เค่อ(วารี)!”

     

    ปั่ง!

     

    โต๊ะสั่นกระเทือน เสียงกระแทกกับพื้นดังลั่น มวลน้ำไหลเอ่อล้น ห้องเรียนตกอยู่ในความวุ่นวาย

     

    “กรี๊ด—!”

     

    “อะไรน่ะ! เกิดอะไรขึ้น!”

     

    “นักเรียนตรงนั้นทำอะไร!?”

     

    พื้นเป็นรูโหว่เล็กๆ เฟรย์หน้าผากเหงื่อเย็นไหลตก หันมองทางเมรินทร์คนแรก จุดนั้นคือจุดที่เกิดเสียงดังลั่นปริศนาขึ้น แต่ทำไมกันล่ะ ทำไมต้องเป็นเธอตลอดกัน เมรินทร์

     

    เมรินทร์หงายฝ่ามือตัวเองขึ้นบน มองอย่างแปลกประหลาด มีรอยหยดน้ำบนนิ้ว ไม่ผิดแน่ นี่คือเคล็ดวิชาที่เหรี๋ยนซานสอน ความรู้สึกแบบเดียวกันเลย

     

    ความมึนงงยังไม่จางหาย เธอก้มลงมองรูบนพื้นอาคารไม้เก่าๆ ที่ตัวเองก่อ เห็นหน้าคนข้างล่าง สบตากัน พวกเขาเปียกปอนชนิดที่ว่าค่อนข้างหนัก พอมองรอบๆ ดูแล้ว ทั้งเพื่อนข้างๆ โต๊ะ กับตัวเองก็เปียกแฉะ ไม่รู้ตัวเลย เพราะตกตะลึงอยู่รึเปล่า

     

    ครูหนุ่มที่มองดูสถานการณ์ความวุ่นวายตรงหน้าตะโกนขึ้น

     

    “นักเรียนทุกคนฟังครู! ถึงจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ครูขอให้นักเรียนอยู่ในความสงบ พวกเธอต้องอพยพกัน ทำตามแบบที่เคยซ้อมประจำปี จำได้ใช่ไหม?”

     

    สิ้นเสียง นักเรียนหลายคนเงียบและพร้อมทำตาม แม้ส่วนมากยังคงอยู่ในความสับสน หวาดวิตกเพราะยังเป็นเด็ก แต่ไม่นานครูก็ควบคุมนักเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม โทรแจ้งผู้อำนวยการ ป่าวประกาศออกสายลำโพง ให้ทำการอพยพหนีไฟไปยังจุดรวมพล เหมือนที่เคยฝึกซ้อมกับครูฝึกดับเพลิงที่มาเยือนโรงเรียนเมื่อเดือนก่อน

     

    พอสถานการณ์ค่อยๆ ผ่อนคลายลง นักเรียนที่ตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ รวมทั้งเมรินทร์ที่ยืนเหงื่อแตกไหลพลั่กกลางร่มเงา ถูกถามถึงเหตุและความเป็นมาเรียงคนอย่างช้าๆ กระทั่งถึงคิวของเธอ

     

    เมรินทร์หลบสายตา ยิ่งเห็นอย่างนั้น เขายิ่งต้องการคาดคั้นเธอ

     

     

     

    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.13 อพยพ จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×