ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #12 : Vol.1 Ch.12 สัจจะของเหล่าผู้ฝึกตน

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 67


    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.12 สัจจะของเหล่าผู้ฝึกตน

     

     

     

    “มีธุระอะไรคะ” เมรินทร์ใช้น้ำเสียงสั่นเครือถาม พวกเขาต้องการอะไรอย่างนั้นเหรอ ภารกิจที่ว่าหมายถึงเธอไม่ผิดแน่ แต่ทำไมกันล่ะ พวกเขาเลือกจะทอดทิ้งเธอไปเอง ป่านนี้แล้วยังต้องการอะไรอีกล่ะ

     

    เหรี๋ยนซานขยับเข้ามาเบื้องหน้า เอาตัวมาป้องไว้ เหมือนเขารับรู้ถึงอันตรายที่ต้องการฆ่าฟันจากเหล่าชายตรงหน้าก่อนเมรินทร์ ทำไมกันล่ะ วันแรกก็ปล่อยเอาไว้ในป่าน พอผ่านไปแล้วยังต้องการสังหารอีก ความสับสนมึนงงแล่นเข้ามาภายในหัว

     

    “ไม่ใช่เจ้า เจ้าขยะ” หลงสั่วกล่าวตะคอก แก้ความเข้าใจผิดที่เจ้าตัวกำลังคิดเองเออเอง “เป็นเจ้า โจรภูเขา” เขาชี้นิ้วทางเหรี๋ยนซาน

     

    เมรินทร์เบิกตาโตแปลกประหลาดใจ “ทำไมกันล่ะคะ!?” เธอตะโกนถามด้วยความฉงน อย่างเหรี๋ยนซานที่เปลียกวิเวกอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางป่าทึบ ทำไมถึงตกเป็นเป้าของคนอย่างพวกนี้กันล่ะ เขาไปทำอะไรให้อย่างนั้นเหรอ

     

    พวกเราทั้งคู่ต่างตั้งใจรับฟัง ชายตัวเล็กที่สุดซึ่งรูปร่างเพรียวบางราวกับผู้หญิงพูดอย่างติดตลก “เพราะพวกชาวบ้านมาแจ้งกับจ้าวสำนักว่าคนของพวกเขาหายตัวไปเลยคิดว่าเป็นฝีมือของโจรภูเขาที่เลื่องชื่ออยู่แถวนี้ล่ะนะ ฮ่าฮ่า” เขาจับพาดหัวของด้วยมือสองข้าง ทำราวกับนี่ก็แค่เป็นเรื่องเล็กน้อยอีกเรื่อง “พวกข้าเลยถูกส่งมากำจัดตัวปัญหายังไงล่ะ”

     

    เมรินทร์เหงื่อเย็นไหล ที่หมายความว่าชาวบ้านหายตัวไปมันเกี่ยวอะไรกับเหรี๋ยนซานล่ะ ถ้าเขาไม่ถูกกระทำก่อนไม่มีทางที่เขาบุ่มบ่ามฆ่าคนหรอก หลักฐานอะไรก็ไม่มี ทันทีที่จะแย้งนั้น เธอตงิดบางสิ่ง ไม่สิ พวกคนที่มาข่มแหงเธอตอนน้ำตกนั่น อย่าบอกนะว่าคือพวกชาวบ้าน แล้วเหรี๋ยนซานก็เป็นคนที่ฆ่าพวกเขาเพราะปกป้องเธอ เสียงของการปะทะกันในความทรงจำรุนแรงเกินกว่าปฏิเสธว่าไม่ใช่การฆ่า ทุกอย่างมันลงล็อคจนน่าใจหาย

     

    “โอ๊ะ เหมือนนางจะรู้บางสิ่งนะ” ชายในกรอบแว่นจับพิรุทได้ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเมรินทร์ช่างเดาง่ายอะไรอย่างนี้

     

    “ม ไม่ใช่นะ!” เธอรีบปฏิเสธปัดอย่างทันทีทันใด ต้องรีบหาคำแก้ตัวเพื่อให้เหรี๋ยนซานพ้นผิด และไม่ต้องมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย “พวกนายไม่มีหลักฐานอะไรซักหน่อย! อย่ามากล่าวหากันอย่างลอยๆ นะ”

     

    ชายในชุดแขนกุด กล้ามแขนหนายิ้มมุมปาก “แล้วมันทำไมกันล่ะ?”

     

    เมรินทร์สีหน้าซีดเผือก ไร้เลือด พวกนี้ไม่เข้าใจภาษามนุษย์หรือไงกัน “ก ก็หมายความว่าพวกนายไม่ควรทำร้ายเขา” ตอนนี้จากหลักฐานที่บ่งบอกของพวกคนเหล่านี้ ยังคลุมเครือเกินกว่าจะตัดสินเหรี๋ยนซานโอกาสของเธอยังมีอยู่

     

    ชายใบหน้าคมเข้ม เงียบขรึมใช้มือจิ้มเกาหัวหูของตัวเองด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย “เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” หลงสั่วพูดต่อ แววตาของเขาดูไร้การสนโลกหรือสิ่งใดๆ ทั้งนั้น “พวกข้าแค่มาทำตามคำสั่งของเจ้าสำนักให้มาเด็ดหัวของเจ้าโจรภูเขานั่น ไม่มีอะไรมากน้อยกว่านั้น”

     

    สิ้นเสียงข้างต้น ราวกับฟ้าผ่ากลางร่างดังเปรี้ยง เมรินทร์ตัวแข็งทื่อ “พ พวกคุณแค่จะทำอะไรตามคำสั่งของคนอื่นโดยไม่คิดไม่ได้นะ” น้ำเสียงปนความสิ้นหวัง รอคอยคำตอบอย่างใจจดจ่อ “ม มันคือสามัญสำนึกของมนุษย์มะ ไม่ใช่เหรอคะ?”

     

    หลงสั่วถอนหายใจ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เขาชักกระบี่ขึ้นถีบพื้น พุ่งตัวมาทางนี้เพียงเสี้ยววินาที “ถื่อเรื่อซื่อ(พิฆาตลิ่มเจ็ดทิศ)!” สิ่งที่เห็นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา การทิ้มทแยงของปลายดาบถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดเล่ม ตรงดิ่งยังร่างของเหรี๋ยนซาน

     

    เขาพลักเมรินทร์จนกระเด็นออก เธอบาดเจ็บจากแรงกระแทกเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น “คุณเหรี๋ยนซาน!!!” ตะโกนอย่างสุดเสียง หลังมองว่าเธอปลอดภัยดีแล้วเขาก็ยกขวานขึ้น ปัดกระบี่ลวงตาทั้งเจ็ด โดยมีบาดแผลเพียงเล็กน้อย คาดว่ามาจากการที่ตั้งรับช้าเกินไป

     

    หลงสั่วเดาะเลิ้นด้วยความหัวเสีย “ชิ” เจ้านี่แข็งแกร่งเกินกว่าที่คาดเอาไว้ จากที่คิดว่าเพียงกระบวนท่าเดียวจะเด็ดหัวมันได้ดูจะไม่ง่ายเสียแล้ว

     

    “ให้พวกข้าช่วยไหม?” ชายร่างเล็กหัวเราะเยาะพร้อมกับคนอื่น การที่พวกเขายืนดูความน่าสมเพชของหัวหน้ากลุ่มก็เป็นเรื่องสนุกมิใช่น้อยทีเดียว จากนี้คงมีเรื่องเมาส์มอยสนุกปากในสำนักเป็นแน่แท้

     

    “หึ่ย!” หลงสั่วกัดฟันกรอด การกวัดแกว่งขวานยักษ์ของชายตรงหน้าช่างหนักหน่วง นี่เขายังไม่ออกสักเคล็ดวิชา ขืนเป็นแบบนี้ต้องพลาดท่าในไม่ช้าแน่ “พวกแกอย่ามัวแต่ยืนดูข้าสิ!” น่าอับอายขายน่า แต่นี่เป็นเวลาที่ต้องขอความช่วยเหลือ

     

    เมรินทร์อดลุ้นอย่างไม่วางตา พวกคนอื่นจะเข้ามาช่วยไหมนะ ถ้าเป็นศึกหนึ่งหนึ่งแบบนี้เหรี๋ยนซานชนะถึงคนสุดท้ายแน่ เธอมั่นใจ จากลางสังหรณ์มันบอกเช่นนั้น น่าโล่งอกที่พวกเขายังคงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทีเล่นทีจริงว่า “จะเข้าไปช่วยดีไหมนะ?” หรืออย่าง “ลองก้มหัวขอร้องพวกข้าดูสิหลังสั่ว” พร้อมระเบิดอารมณ์ขบขัน พลางที่คิดว่าทุกอย่างกำลังผ่านด้วยดีนั้น เหล่าชายทั้งสามพลันเปลี่ยนท่าที

     

    “ดูเหมือนแกจะเก่งกว่าผู้ฝึกตนขั้นห้านิดหน่อยนะ” ชายในกรอบแว่นพูดขึ้น “น่าหาคำตอบ ที่ว่าแกจะเอาชนะผู้ฝึกตนขั้นห้าถึงสี่คนได้หรือเปล่า” สิ้นคำพูดพล่างพวกเขากระจายตัวออกล้อมกรอบเหรี๋ยนซานไว้ทั้งสี่ทิศ

     

    “ขี้โกงนี่เล่นรุมแบบนั้น!” เมรินทร์ตะโกนอย่างขวัญเสีย แต่นั่นไม่ช่วยอะไรเลย พวกเขาไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น

     

    “ซื่อเรี่ยนหวู่(ดาวตกเพลิง)” คนที่กล้ามแขนโตสุดกระแทกหมัดสีแดงจากด้านหลัง เหรี๋ยนซานกระอักเลือดอย่างรุนแรง

     

    “เทียนถิ่ง(สังหารเทวา)” รองเท้าที่ติดลูกเล่นอย่างคมมีดของชายร่างเล็กฟาดเข้าที่ลำคอ เกิดบาดแผลฉกรรณ์ ทว่านั่นไม่ลึกพอที่จะฆ่าเขา

     

    ชายในกรอบแว่นเงินเห็นช่องโหว่ตอนที่เขาล้มลง “เหรี่งเว่ย(โลกาพิโรธ)” ก้อนหินปลายแหลมแตกออกกลายเป็นลิ่มหลายสิบเล่มกระเด็นเข้าร่างเหรี๋ยนซาน เกิดรูสะเก็ดปักขึ้นทั่วร่าง เลือดไหลชโลมทั่ว

     

    เมรินทร์ร่ำไห้ออก เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเขา อยากช่วยเหลือเกิน ทว่าเทียบกับพวกนี้ ท่าหมัดสายน้ำของเธอก็เป็นเพียงเด็กเล่นตบแป๊ะ อย่าว่าแต่สะกิดเลย แค่เดินเข้าใกล้จนถึงระยะของตัวเองก็คงตายจากลูกหลง มันไม่มีอะไรที่ทำได้เลยนอกจากนั่งร้องไห้อยู่แบบนี้

     

    “แกเนี่ยมันอึดกว่าที่คาดแฮะ” ชายร่างเล็กยังยิ้มมุมปาก แต่เขามีท่าทีตึงเครียดโผล่ออกมาให้เห็นบ้างแล้วหลังจากที่สบายอารมณ์มาโดยตลอด “สาบานเลย ว่าข้าใช้ทุกกระบวนท่าแล้ว”

     

    หลงสั่วถอยห่างออกมาโดยให้อีกสองคนคอยยื้อการต่อสู้ “ไม่มีทางเลือกใช้เคล็ดวิชาผสาน” หันคุยกับชายร่างเพรียวบางเงียบๆ

     

    เขาเหงื่อเย็นไหลออกหน้าผาก “เอาจริงหรือ?” พูดด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ อีกฝ่ายไม่ขานรับ แค่นี้ก็รู้เจตนา “เอาก็เอา”

     

    หลงสั่วพยักหน้า “กระบวนท่าผสานธาตุ!” ปักกระบี่ไว้ตรงพื้น ตะโกนส่งเสียงให้ทุกคนได้ยิน พวกเขาต่างมีท่าทีเอะใจแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี

     

    ทั้งสี่คนล้อมรอบโดยให้เหรี๋ยนซานอยู่ตรงกลาง กระบี่อยู่ด้านเหนือ ส่วนคนอื่นยืนเรียงกันเป็นรูปดาวห้าแฉกของธาตุทั้งห้า

     

    ““““เถี่ยนฟื่อเรื่อหวู่(พิฆาตห้าผสานธาตุ)!!!””””

     

    การจู่โจมการทั่วทุกสารทิศตรงดิ่งอย่างพร้อมเพียง โดยแต่ละคนมีการใช้ธาตุแตกต่างกัน เกิดเสียงฟ้าผ่าคำราม เสียงระเบิดของภูเขาไฟ เสียงพายุโหมกระหน่ำ เสียงแตกกระทบของลูกเห็บดั่งลั่น ภาพแสงสีพลันสลับกันสว่างแวบวาบอย่างลายตา

     

    เมรินทร์หน้าซีดเผือกอย่างสิ้นหวัง ไม่อยากจินตนาการถึงสภาพของเหรี๋ยนซาน เธอกรีดร้อง ต้องการให้ใครก็ได้มาช่วย มาหยุดพวกเขาที ขอร้องใครก็ได้ โปรดช่วยเขาที “ได้โปรดช่วยเหรี๋ยนซานด้วย!!!”

     

    สิ้นแสงเจิดจ้า เมรินทร์รีบเปิดตามองแม้จะปวดแสบแค่ไหน การปะทะกันด้วยท่วงท่านั้นยังไม่อาจฆ่าเหรี๋ยนซานตาย เธอมีรอยยิ้มออกด้วยความดีใจ แม้ยังกังวลอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ตาย

     

    กลับกันเหรี๋ยนซานที่กำลังค้างอยู่ในท่ารับหมัดกระแทกอย่างพันกันของทั้งสี่คน เขาจับมือพวกมันไว้แน่น ใช้แรงเฮือกใหญ่จนพวกเขาต่างทำสีหน้าเจ็บปวดตามๆ กัน เหวี่ยงร่างของทั้งสี่คนให้กระเด็นจนพ้นทาง

     

    “อึก!!!” ชายในกรอบแว่นกระแทกกับโขดหินอย่างรุนแรง “ไม่ดีแล้ว เจ้านี่มันขั้นหก!” กล่าวทั้งที่เลือดยังคาอยู่ในปาก

     

    หลงสั่วที่ล้มกองลงมานอนข้างกันทุบพื้นอย่างหัวเสีย อัก พลันดันเจ็บมือซะเองเพราะกระดูกแตกร้าวก่อนหน้า นี่คือความพ่ายแพ้ครั้งแรก เขากำลังพ่ายให้กับโจรอย่างนั้นหรอก ศิษย์เอกอย่างพวกข้า!

     

    เขาต้องทำอะไรบางอย่างที่จะพลิกสถานการณ์นี้ มิเช่นนั้นเหตุการณ์มันจะไม่จบเพียงแค่ภารกิจล้มเหลว แต่มันหมายถึงความตายด้วยซ้ำ พลันเผอิญสายตาเหลือบมองเด็กสาวร่างเล็กอย่างมีเลศนัย

     

    เหรี๋ยนซานหยิบขวานของตนขึ้น จ้องมองยังร่างของชายแขนเสื้อกุดตรงหน้าราวกับต้องการบ่งบอกว่านี้คือคราวของข้า เขาสะดุ้งเฮิอก ด้วยแววตาขี้ขลาดและหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้า พยายามคลานหนี แต่ก็เจ็บปวดเกินกว่าจะขยับเกินกว่านี้

     

    “ม่ายยยย! อย่าฆ่าข้า ได้โปรดเถอะ ข้าขอร้อง มีเมตตากับข้าด้วยเถอะ” น้ำตาหลั่งไหลออกยิ่งกว่าเด็กผู้หญิง ทำหน้าตาอ้อนวอนขอร้องอย่างน่าสมเพช เขาเข้ากอดเข่าของเหรี๋ยนซานน้ำมูกไหลหกเลอะเทอะ

     

    เหรี๋ยนซานง้างขวานของตัวเองขึ้น แววตาอาฆาตบอกคำตอบว่าไม่ ชายคนนั้นแทบฉี่รดตัวเองแต่เพราะความกลัวจึงกลั้นไว้อยู่

     

    เมรินทร์มองด้วยแววตามีความหวัง ถึงมันจะโหดร้ายไปบ้างแต่ไม่มีอะไรรับประกันว่าการไว้ชีวิตพวกเขาจะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายภายหลัง ถึงหากเป็นตัวเธอจะเลือกไว้ชีวิต ก็ว่าอะไรกับการตัดสินใจของเขาไม่ได้ เธอพร้อมยอมรับ และห้ามตัวเองที่ต้องการพูดคำเปล่าประโยชน์เหล่านั้น

     

    “หยุดการกระทำของเจ้าซะ!”

     

    เมรินทร์ตัวแข็งทื่อ เมื่อสัมผัสของเหล็กเย็นๆ อยู่ตรงปลายลำคอ พลางงายหน้าขึ้น สบตากับหลงสั่วที่มองมายังทางนี้

     

    เหรี๋ยนซานที่หันกลับมามองดวงตาเบิกโพลง ขวานที่กำลังลงแรงนั้นหยุดชะงัก ชายกล้ามโตมีรอยยิ้มปนน้ำมูกด้วยความโล่งอก

     

    “ทะ ทำอะไรน่ะ” เมรินทร์กล่าวน้ำเสียวสั่น

     

    “หุบปาก!” เขาชักดาบออกจากคอแล้วใช้ฝ่าเท้าเตะร่างของเธอ ใบหน้าไถลครูดกับพื้นเลือดออก หินตะกอน ก้อนกรวด ขูดเนื้อเข้าบาดแผลเจ็บแสบไปหมด

     

    เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของเหรี๋ยนซาน เป้าหมายเปลี่ยนมาเป็นหลงสั่วทันที ก่อนที่จะก้าวเท้านั้นเขาต้องหยุดลง เมื่อดาบอยู่เหนือคอของเด็กสาวอีกครั้ง

     

    หลงสั่วยิ้มมุมปาก “หึ” หัวเราะในลำคอ “ภายนอกเหมือนลิงภูเขา แต่รู้ตัวดีนิว่าต้องทำอะไร”

     

    “ก๊าก ฮ่าฮ่า” ชายกล้ามโตที่นอนอยู่กับพื้นนั้นหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ “ถึงคราวข้าละ” พอฟื้นตัวจากบาดแผลได้นิดหน่อย เขาใช้ฝ่าเท้าเตะข้อพับซ้ายของเหรี๋ยนซานอย่างรุนแรงจนล้ม ตึง เสียงดังอึกกะทึกอยู่ในท่าคุกเข่า

     

    “เฮือก” ทันทีที่จะทำอะไรต่อนั้น แววตาของโจรภูเขาร่าวใหญ่หันกลับมาจ้องด้วยแววตาอาฆาต เขากลั้นหายใจแทบไม่ทัน ราวกับต้องตายแน่ จนไม่กล้าขยับอีก

     

    “คิดจะทำอะไร” หลงสั่วเพิ่มแรงกดจนเริ่มมีเลือดไหลจากปลายดาบ

     

    “พ พวกแก ทำอย่างนี้ไม่อายตัวเองบ้างเหรอ” เมรินทร์หันหลังจ้องกลับมาด้วยความเครียดแค้น ทำไมคนพวกนี้ถึงกล้าทำเรื่องขี้ขลาดถึงเพียงนี้

     

    “รู้สถานะตัวเองบ้าง” ปั่ก เขาจับปลายผมของเธอแล้วเขกกับพื้น บาดแผลเก่าใหม่เปิดออก เลือดไหลนองทั่วใบหน้า ยกหน้านั่นขึ้นแล้วหันกลับมาจ้องมองอมยิ้ม ใบหน้าบวมเป่งจนพูดแทบไม่ออกอีก

     

    เหรี๋ยนซานกัดฟันกรอด “ปล่อยนางซะ” พูดคำหนึ่งแล้วก็วนซ้ำหลายรอบ “ปล่อยนางซะ” “ปล่อยนางซะ”

     

    หลงสั่วขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะยังไม่รู้สถานะของตัวเอง เขาควรทำให้หนักกว่านี้ เพื่อให้มันตระหนักเสียที อึก ทั้งสี่คนมีสีหน้าบิดเบี้ยวทันทีเมื่อรับรู้ถึงแรงอาฆาตของชายร่างยักษ์

     

    “ข้าจะฆ่าเจ้า” เพียงแค่อึดใจเดียวหัวใจของพวกเขาต่างตกถึงตาตุ่ม

     

    “หลงสั่ว!” ชายในกรอบแว่นตะโกน

     

    “ข้ารู้” การกระทำใดๆ ที่ทำให้เจ้าสัตว์ร้ายตรงหน้านี่คลั่ง ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ไม่ฉลาด หากความโกรธถึงขีดสุดแม้ตัวประกันคงไม่อาจช่วยได้

     

    “มาแลกเปลี่ยนกัน” หลงสั่วพยายามสงบจิตใจอย่างถึงที่สุด นั่นไม่ช่วยให้ความกลัวลดลงเลย

     

    “พวกข้าต้องการหัวของเจ้า แล้วเราจักปล่อยนางไป” น้ำเสียงเย็นยะเยือกพ่นทางปาก มันช่างหน้าไม่อายและขี้ขลาด

     

    “ไม่นะ ไม่!” เมรินทร์เธอไม่อาจทนนิ่งเงียบอีกต่อไป น้ำตาบนใบหน้าทำเอาแสบแผลไปหมด แต่ยังคงพูดต่อ “พวกนายมันสารเลว! ไม่มีทางที่นายจะยอมปล่อยฉันไป” ทันใดที่ได้ยินเช่นนั้น แววตาของเหรี๋ยนซานแข็งกร้าวขึ้น ความเจ็บปวดซ่อนอยู่ภายในนั้น

     

    “ทำไมจะไม่ล่ะ” หลงสั่วปักกระบี่ลงพื้น ทำท่าคารวะ

     

    “กระทั่งลิงภูเขาอย่างเจ้าคงรู้จักนามสำนักเทียนซื่อ(ค่ายดอกโบ๋ตั๋นสุริยา) เหล่าศิษย์และปรมาจารย์ต่างถูกยกย่องถึงความซื่อสัตย์ในใต้หล้า มิเคยโกหกผู้ใด แม้นเป็นข้าเมื่อลั่นวาจาใดแล้วจักต้องทำตามสิ่งนั้น”

     

    พอหลงสั่วกล่าวเช่นนั้น คนที่เหลืออีกสามคนต่างคุกเข่าคารวะพร้อมเพรียงกัน

     

    “““พวกข้าขอสาบาน และเป็นพยานในเหตุการณ์ครั้งนี้””” คำกล่าวที่พรั่งพรูนนั้นหนักแน่น น่าเชื่อถือเกินกว่าที่จะออกมาจากเหล่าพวกปลิ้นป้อนนี่

     

    “ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่” เมรินทร์ส่ายหัวอย่างรุนแรง “เขาจะไม่ทำตามคำของพวกแก!” น้ำตาโหมกระหน่ำลงบนใบหน้า พลางจ้องมองร่างอันใหญ่ยักษ์ของเหรี๋ยนซาน

     

    ท่าทางของเขาดูต่างจากเดิม ใบหน้าผ่อนคลายลง มีรอยยิ้มอ่อนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนปรากฏ

     

    “ไม่นะ! ไม่! อย่ายิ้มในเวลาอย่างนี้สิ” อยากจะทำให้เขายิ้มเอง จากฝีมืออาหารของฉัน หรืออะไรก็ได้ ไม่ใช่อะไรโหดร้ายเพียงนี้ “ขอร้อง คุณเหรี๋ยนซาน……” ลำคอตกลง มวลน้ำตามหาศาลเล็ดลอดออก ห้ามไม่ได้ ไม่อยากแยกจากเลย

     

    อยากใช้เวลาด้วยกันให้นานกว่านี้ แล้วกลับโลกเดิมโดยการทิ้งรอยยิ้มของเหรี๋ยนซานไว้เบื้องหลัง หากกลับมาได้ก็จะเอาของกินอร่อยๆ มาฝาก ทั้งที่พยายามหาของโปรดของคุณเหรี๋ยนซานแท้ๆ จะมาจบกันทั้งอย่างนี้ไม่ได้นะ

     

    “เอาล่ะ จากการตอบสนองของเจ้าคงเรียกว่าตกลงสินะ” หลงสั่วหยิบกระบี่ของตนขึ้น แต่ชายในกรอบแว่นยังคงยืนอยู่ตรงนี้ไม่ห่าง

     

    “อย่านะ ขอร้อง!!!” เมรินทร์ตะโกนสุดเสียง ปนสะเอื้อนเฮือกใหญ่

     

    รอยยิ้มของเหรี๋ยนซานหันมาหา ดวงตาอ่อนโยนมีน้ำไหล หยดน้ำตาหนึ่งไหลออกแก้มขวา เป็นหยดน้ำตาสุดท้าย

     

    ฉับ

     

    กระบี่เหล็กสีเงินกระทบเข้ากับต้นคอ หัวบนบ่านั้นหลุดออก เลือดไหลทะลักเพียงชั่วครู่ก่อนหยุดลง

     

    “อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ย๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

    คุณเหรี๋ยนซาน!!!”

     

    ไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งเธอไว้อีกต่อไป สัตว์ร้ายตายจากลงแล้ว เมรินทร์ค่อยๆ คืบคลานเข้าหาหัวอันใหญ่โตนั้น โอบกอดมันไว้ ดวงตาของเขายังคงจ้องมองเธออยู่ด้วย น้ำตาของเธอเปรอะเปื้อนแก้มเขา มัน มันไม่จริงใช่ไหม

     

    “ฮึก ฮือออออ อ๊า!!!!!!!!!!!! ฮือออออ”

     

    เสียงร้องไห้ดังระงม โอบกอดนั้นแรงขึ้น

     

    “ทั้งที่ยังหาของโปรดให้คุณไม่เจอเลยแท้ๆ” ใบหน้าบิดเบี้ยวปนเลือดถูกับหน้าผาก กับคนที่อาจเรียกได้ว่าเป็นพ่อคนที่สองอยู่ตรงหน้า มันช่างอบอุ่น และรู้สึกคิดถึง ทำไมกันล่ะ ทำไมถึงได้ลงเอยแบบนี้

     

    “เอาล่ะบอกลากันเสร็จแล้วหรือยัง”

     

    ความอุ่นของปลายกระบี่ติดเลือดจ่อเข้าคอหอย “เอ๋?” ยังไม่ทันสิ้นเสียงถาม ด้านแหลมคมใบมีดขยับ ราวกับปาดเนย ผ่านอีกด้านของลำคอ

     

    “อึก.... อือ.... อ.... อ่า” เด็กสาวจับลำคอของเธอไว้เพื่อห้ามเลือดพวยพุ่งด้วยความทรมาณ แต่นั่นไม่ช่วยเลย ดิ้นทุรนทุรายกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ลมหายใจเริ่มผ่อนเบาลง

     

    “ท ทำไม.....” ข้อความสุดท้ายออกจากปาก มันไม่มีประโยชน์อะไรต่อจากนี้ แต่นี้คือสิ่งที่อยู่ภายในหัว ไหนบอกว่าซื่อสัตย์ไงล่ะ ไหนเอาชื่อเสียงของสำนักอะไรนั่นมาเดินพัน ไหนคำสาบานนั่นล่ะ!

     

    ราวกับได้ยินสิ่งที่คิด หลงสั่วตอบ “มันไม่มีความจำเป็นเลยที่จะรักษาสัจจะ ในเมื่อไม่มีบุคคลภายนอกมาอยู่ตรงนี้” คำพูดโหดเหี้ยมอำมหิตย์เกินคนพลั่งพูน แต่นั่นยังมีคำถามสำคัญที่ใครต่างก็อยากรู้

     

    ฆ่าเธอทำไมกันล่ะ จะฆ่าเด็กตัวผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ไปทำไมกันล่ะ!

     

    “หึ มันช่างเป็นเรื่องน่าหรรษาสำหรับพวกข้า”

     

    พวกเขาต่างหัวเราะเยาะ ห่อหัวของเหรี๋ยนซานไว้ใต้ผ้าไหม เดินกลับด้วยสีหน้าเบิกบานใจอย่างถึงที่สุด พลางถามเล่นกันไปมา อย่างเย็นนี้ว่าจะกินอะไรกันดี หรือหน้าเจ้าบวมเป่งชะมัด หรือ ข้ออ้างกับจ้าวสำนักควรตอบแบบไหน โดยไม่สนใจร่างไร้หัวของโจรภูเขา กับเด็กสาวซึ่งกำลังสิ้นใจตายอยู่บนพื้น

     

    ภาพสุดท้ายคือเงาเลือนลางที่เดินเอื่อยเฉื่อยของชายทั้งสี่ ดวงตาจับจ้องผ้าซึ่งห่อศีรษะใหญ่โตไว้ น้ำตาหยดหนึ่งไหลออก จนทุกอย่างดับมืดลง

     

     

     

    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.12 สัจจะของเหล่าผู้ฝึกตน จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×